เพื่อนๆพี่ๆครับผมตัดสินใจไม่ถูกระหว่างอยู่ไทย หรือไปอยู่ออสดี

ทุกท่านครับ

มีเรื่องมาให้ทุกท่านเสนอมุมมองด้วยครับ สำหรับใครที่เคยผ่านชีวิตแบบนี้มาครับ

ผมอายุ30 ต้นๆทำงานเป็นผู้จัดการอยู่ มีลูกหนึ่งคนกำลังจะขวบแล้วครับอีกไม่ถึงสองอาทิตย์ผมมีเรื่องมี่ต้องตัดสินใจ คือเรื่องจะไปทำงานอยู่ออสดี หรือทำงานที่ไทยต่อไปดี

เงินเดือนทั้งสองที่ผมจัดอยู่ในเกณฑ์ดีมากอยู่แล้วครับ แต่ตำแหน่งมี่ออสผมเป็นซีเนีย คือถ้าปมไปผมจะต้องเอาลูกไปด้วยแน่นอน คือไปกันทั้งครอบครัวยกเว้นคุณพ่อและคุณแม่ผม

ทั้งสองท่านอยู่ในวัย 62 และ 58 ตามลำดับครับแข็งแรงดีมีงานทำดี

ทีนี้มาถึงเรื่องที่ทำให้ผมหนักใจ
1.ถ้าผมไปคุณพ่อผมก็ต้องอยู่ที่ กทม คนเดียวซึ่งผมเป็นห่วงท่านครับ แต่มีคสามคิดว่าถ้าท่านเลิกทำงานจะเอาไปอยู่ด้วยแต่ก็ไม่รู้ว่าจะยากขนาดไหน

2. ใจหนึ่งผมเองอยากให้ลูกผมได้มีโอกาสไปโตที่ออส เพราะตัวเขาเองก็เป็นออส และผมเองก็ไม่อยากให้เขาเสียความได้เปรียบตรงนั้นไปครับ

ส่วนตัวผมเอง อยู่ที่นี้ 10 ปีน่าจะขึ้นบริหารแน่นอน อยู่ที่นู่นอาจจะไม่ได้เป็นแต่ได้ชีวิตกลับมาแน่นอน

ผมเคยอยู่มาแล้วทั้งออสและไทยครับและตอบตัวเองไม่ได้ว่าชอบที่ไหนมากกว่ากัน ถ้าสังคมที่นู่น แต่ความสบายชอบที่นี่ สีสันชอบที่นี่ แต่เบื่อเรื่องกรอบของวัฒนธรรมที่นี่


ถ้าเป็นทุกท่านจะเลือกทางเดินชีวิตกันแบบไหนครับ? เลือกจะเดินกันเส้นไหนมากกว่ากันครับ

ความคิดเห็นที่ 1
ผมขอเลือกอยู่ในเมืองไทยครับ เพราะว่าพ่อแม่ของคุณต้องการตัวคุณ ส่วนลูกนั้นส่งไปเมือ่ไรก็ได้ อยู่ในเมืองไทยอนาคตเรื่องการงานของคุณก็จะไปในทางที่ดี

อย่าไปเห่อเรื่องการไปอยู่ที่ต่างประเทศเช่นคนอื่นๆ เลือกเอาสิ่งที่แน่นอน อยู่ในกำมือของตนเองอยู่แล้ว ดีกว่าเลือกที่จะไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ตนเองยังไม่คุ้นเคย

พยายามหาตนเองให้พบครับ จากนั้นเลือกเอาสิ่งที่แน่นอนดีกว่าความไม่แน่นอน คุณจะทำตัวแบบหนุ่มๆ ไม่มีครอบครัวนั้นไม่ได้ครับ มีคนที่ต้องการความรับผิดชอบจากตัวคุณหลายๆคน


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
คุณ จขกท. ต้องเลือกทางเดินชีวิตเองค่ะ คุณต้องเลือกจากตามที่เล่ามาในกระทู้ ว่าจะเลือกความสะดวกสบาย สีสัน หรือ
เลือกที่จะหลุดจากกรอบวัฒนธรรม

ส่วนลูกของคุณ ซึ่งเป็นคนไทย (ภรรยาของคุณก็คนไทยใช่ไหมคะ ถ้าภรรยาก็เป็นคนไทยด้วย แต่ถ้าลูกเกิดที่ออสเตรเลีย
ลูกของคุณเป็นคนไทยที่มีสัญชาติออสเตรเลี่ยนค่ะ และ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าถือพาสปอร์ตไทยด้วย ซึ่งได้มาจากการที่มี
บิดามารดาเป็นคนไทย และ พาสปอร์ตออสเตรเลียด้วย ซึ่งอันหลังนี้ได้มาจากถิ่นเกิด)

จากเท่าที่เราอ่านกระทู้ดู ใจของคุณ จขกท. เอนเอียงไปทางออสเตรเลียมากกว่า คุณก็ควรจะไปอยู่ที่นั่นนะคะ
และ ถ้าลูกถือพาสปอร์ตออสเตรเลียด้วย เขาก็จะได้รับการศึกษาของที่นั่นในฐานะเดียวกันกับคนโลค่อล แต่ถ้าลูกของคุณ
อยู่เมืองไทยคุณก็คงต้องเสียเงินแพงๆ ให้เขาเข้าโรงเรียนอินเตอร์นะคะ

ส่วนเรื่องคุณพ่อเนี่ย ถ้าคุณเป็นลูกคนเดียว คุณต้องศึกษาเรื่องกฏเกณฑ์ของอิมมิเกรชั่นที่จะสามารถพา
คุณพ่อไปอยู่ด้วยที่ออสเตรเลียหน่ะค่ะ ดิฉันเคยได้ยินมาว่าถ้าเป็นลูกคนเดียว จะทำเรื่องง่ายกว่า

คุณบอกว่าถ้าคุณอยู่ออสเตรเลีย คุณจะได้ชีวิตกลับมา ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว คุณจะรออะไรอยู่อีกคะ ดิฉันเข้าใจคุณมากๆ
เลยค่ะในจุดนี้เนี่ย

เหมือนดิฉันนั่นแหละค่ะ ดิฉันอยู่ทั้งสิงคโปร์ และ อยู่ทั้งเมืองไทยด้วย เวลาอยู่สิงคโปร์เนี่ย บ้านเมืองสวยงาม สะอาดมากๆ
ระบบสาธารณูประโภคต่างๆ การคมนาคมต่างๆ สุดยอดระดับโลก สนามบินที่แทบจะเรียกได้ว่าดีที่สุดในโลก
กฏหมายเป็นกฏหมาย ออกไปเดินเล่นห้าทุ่มเที่ยงคืนไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย นั่งแท็กซี่ปลอดภัย
ต้นไม้เก่าแก่เยอะแยะไปหมด สวนสาธารณะก็มีมากมาย สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก เป็นประเทศ
ที่ไม่มีหนี้สินใดๆ ทั้งสิ้น รัฐบาลสิงคโปร์สร้างอะไรใหม่ๆ เสมอเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี สภาพแสดล้อมที่ดี และ เพื่อดึงดูด
การท่องเที่ยว ดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลก

แต่เวลาอยู่สิงคโปร์ดิฉันเปรียบตัวเองเหมือนปลาที่อยู่ในตู้ปลาสวยงาม ซึ่งถูกเนรมิตเอาไว้อย่างดี แต่อยู่แล้วไม่มีความสุขค่ะ
ถึงอากาศจะสะอาด แต่ดิฉันหายใจไม่ออก เพราะมันไม่เป็นธรรมชาติ

เวลาที่ดิฉันกลับมาอยู่เมืองไทยเนี่ย ดิฉันรู้สึกว่าดิฉันได้กลับมาหายใจ ได้ชีวิตคืนมา ได้กลับมาเป็นปลาที่สามารถแหวกว่าย
ไปตามแม่น้ำลำคลองได้อย่างอิสระ ว่ายน้ำไปอาจจะเจอผักตบชวา เจอผักบุ้ง ผักกระเฉดที่ขึ้นอยู่ตามธรรมชาติ มีโคลน
มีตะกอน มีน้ำขุ่นๆ แต่ชีวิตได้อยู่กับธรรมชาติ อยู่กับชีวิตจริงๆ อยู่กับสีสันมากกว่าค่ะ

ขอให้คุณ จขกท. ตัดสินใจได้นะคะ









สา


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ใน คห. 2 ขอให้ Ignore คำว่า "สา" ที่บรรทัดสุดท้ายนะคะ เผอิญเข้าไปแก้ไขไม่ได้ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ใจคุณไปทางนู้นกว่าครึ่งแล้วหล่ะ
อาจเป็นเพราะความทรงจำดีๆ ที่เคยมีแต่ก่อน
โจทย์หลักอยู่ที่ตัวคุณพ่อซึ่งยังแข็งแรงดีสามารถดูแลตัวเองได้ระดับหนึ่ง
ถ้าจะเอาท่านไปอยู่ด้วยที่ออสฯ ต้องถามด้วยว่าท่านชอบไหม
ผู้สูงวัยบางรายอาจคุ้นเคยกับสภาพความเป็นอยู่เดิมๆ ไม่อยากปรับตัวใหม่
จับเข่าคุยกับคนในครอบครัวแล้ววางแผนดีๆ ไม่น่าจะมีอะไรต้องหนักใจ
เดี๋ยวนี้การเดินทางสะดวกสบายสามารถกลับมาเยี่ยมเมืองไทยได้เสมอ
การติดต่อสื่อสารก็ทันสมัยจนรู้สึกว่าไม่ได้อยู่ไกลกันมากนัก


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
ผมให้พ่อแม่ผมอยู่กับญาติครับ คือพอดี ที่บ้านเป็นครอบครัวใหญ่ บ้านอยู่ติด ๆ กันหมด เลยวางใจได้

ผมกะ ๆ ว่า ถ้าจะต้องกลับไทย คงจะไปเพื่อทำงานในตำแหน่ง ผู้บริหารระดับสูงแหล่ะครับ ตอนผมออกจากไทยมา เงินเดือนก็ไม่น้อยแล้ว ตำแหน่งก็บริหารระดับกลาง

มาเมืองนอกก็ตำแหน่งพอ ๆ กับที่ไทย เงินก็ไม่เลว คงอยู่ไปเรื่อย ๆ เอาสิ่งแวดล้อมไปก่อน เมืองไทยคือบ้านครับ ยังไงก็กลับ แต่ไม่ใช่ตอนนี้


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ดิฉันเคยต้องตัดสินใจแบบนี้อยู่ครั้งหนึ่ง มุมมองของดิฉันเป็นแบบนี้ค่ะ

-คุณต้องหาตัวเองให้เจอแล้วตอบให้ได้ว่า ถ้าต้องเลือก คุณชอบใช้ชีวิตแบบไหนมากกว่ากัน ระหว่าง สังคมทีโน่น กับความสดวกสบายมีสีสัน แต่เบื่อกรอบวัฒนธรรมของที่นี่ ถ้าตอบยาก ลองเขียนข้อดี ข้อเสียใส่ในกระดาษ แล้วเปรียบเทียบดู

-เรื่องงาน จริงอยู่เงินเดือนอยู่ในเกณฑ์ดีเหมือนกัน แล้วลักษณะของงาน ตรงกับความรู้ความสามารถ ความชอบ ความถนัดของคุณใช่ไหมค่ะ ดิฉันมีเพื่อนที่นี่ ถึงรายได้จะสูง แต่เธอไม่เคยมีความสุขในงานที่ทำเท่าที่เมืองไทย

-ภรรยาของคุณ เธอมีความคิดเห็นในเรื่องนี้อย่างไรบ้างค่ะ (ไม่เห็นคุณเอ่ยถึง)การย้ายไป-ย้ายมาระหว่างประเทศ ถ้าจะว่าไป สามีภรรยาต้องมีความคิดเห็น ทัศนคติในการใช้ชีวิตที่คล้ายกัน ไม่ใช่คนนึงอยากไป แต่อีกคนจำใจไป(เพื่อครอบครัว)พอเกิดปัญหาในต่างประเทศที่เราไม่คาดคิดมาก่อน จะทะเลาะกันได้

-ถ้าเป็นวัยหนุ่ม-สาวไม่มีลูก ดิฉันว่าคุณก็คงไม่คิดมากเท่านี้ เพราะลูกคือนายเราจริงๆ(ลาออกก็ไม่ได้ด้วย) อันนี้ดิฉันเข้าใจ ถ้าจะไป ก็หาแผนการสำรองไว้ด้วยเผื่อไม่เป็นอย่างที่คิดถ้าเรากะแผนการไว้ก่อน เราจะแก้ไขได้เร็ว ได้ดีกว่า และหากจะต้องเปลี่ยนแผนในภายหลัง ก็จะเปลียนไปในทางที่ดีเสมอ

-คุณพ่อ คุณแม่ของคุณ ถ้าท่านไปอยู่ที่โน่น ท่านจะไม่คิดถึงบ้านเมืองไทยเหรอค่ะ ลองถามความเห็นท่านก่อนด้วย ท่านอาจจะมีแผนการใช้ชีวิตหลังวัยเกษียณของท่านเองแล้วก็ได้ค่ะ

....................... เอาใจช่วยให้หาทางเลือกที่ดีที่สุดได้นะค่ะ .................


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
ส่วนใหญ่คนแก่จะปรับตัวลำบากนะ อย่างแม่เราแค่มาเยี่ยมเราเดือนเดียวก็เบื่อแล้ว อยากกลับ

เพื่อนเรา เคยพาพ่อแม่มาทดลองอยู่สามเดือน พ่อแม่ก็บ่นทั้งคู่ว่าไม่ชอบ คือเขามีสังคมของเขาที่เมืองไทย มีเพื่อนฝูง พอมาอยู่ที่ออสฯ วันๆ ได้แต่นั่งจับเจ่าอยุ่กับบ้าน เลี้ยงหลานบ้าง ดูทีวี แล้วก็บ่นว่าเบื่อมาก ผลสุดท้ายก็ต้องกลับเมืองไทยไป ไม่ยอมมาอยู่ ตอนนี้ขอให้เพื่อนเราเป็นคนพาหลานกลับไปเยี่ยมที่เมืองไทยทุกปี

อีกรายที่เอาพ่อมาอยู่ด้วย พ่อก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน บอกว่าอยู่ที่เมืองไทย (ต่างจังหวัด) แกตื่นขึ้นมา ก็ออกไปร้านกาแฟแถวบ้าน นั่งกินกาแฟ คุยกับเพื่อนๆ ไปไหนมาไหน ก็มีก๊วนเพื่อนไปด้วยกัน พอมาอยู่ที่นี่ เช้าขึ้นมา ลูกๆ ไปทำงาน หลานไปเรียนหนังสือ แกอยู่บ้านคนเดียว เพื่อนบ้านก็คุยกันไม่รู้เรื่อง เหงามาก

เล่าให้ฟังจากปสก ส่วนตัวนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
ผมเพิ่งเดินทางกลับมาจากซิดนีย์ครับ เป็นซิติเซ่นแล้ว พอดีมีเหตุทำให้ต้องลาออกจากงานออฟฟิศที่ทำอยู่ ก้อเลยต้องหางานใหม่ซึ่งบอกได้เลยว่าช่วงนี้และอีกสองสามปีหน้านี้หางานดีๆยากมาก ก้อเลยอยู่แบบไม่มีงานทำแต่มีเงินใช้ไปวันๆ รู้สึกว่าชีวิตมันไม่มีคุณค่าเท่าไหร่ ก้อเลยเก็บข้าวของกลับเมืองไทยดีกว่า

ถ้าคุณจขกทเคยทำงานที่ออสฯมาก่อน ก้อคงจะเข้าใจว่าที่นั่นทำงานกันแบบไหน ส่วนตัวผมบอกได้เลยว่าตอนที่ทำงานที่ออสฯนั้นผมไม่คิดว่าผู้บริหารฝรั่งเขาทำงานหรือบริหารงานได้เหนือกว่าบริษัทคนไทยหรือบริษัทข้ามชาติอื่นๆที่มาเปิดที่กรุงเทพฯหรอกครับ เรื่องเงินนั้นได้มากกว่าตอนอยู่ที่ไทยเยอะ แต่เรื่องความสุขใจนั้นผมกลับรู้สึกว่าออสฯน่าเบื่อเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสังคมคนไทยที่ซิดนีย์ก้อไม่ได้ดีไปกว่าที่เมืองไทยหรอกครับอาจแย่ยิ่งกว่าอีก(หากคุณเป็นคนชอบอยู่ในหมู่คนไทย)และในปัจจุบันนั้นเป็นเรื่องน่าเบื่ออย่างยิ่งสำหรับผมกับพวกองค์กรขายตรงหลายชั้นในชุดผ้าเหลืองและผ้าขาวที่มีสินค้า"บุญ" "เทวดา" "นางฟ้า" แล้วก้อ "ขึ้นสวรรค์"เป็นสินค้าหลัก

ทว่าพอกลับมากรุงเทพฯแล้ว ก้อมาเจอเรื่องของการชุมนุมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา และเรื่องส่งของทางUPSมาเมืองไทยที่ต้องมาเจอกับเรื่องเคลียร์ของที่ด่านศุลกากรและเสียค่าเดินพิธีการออกของรวมทั้งเสียภาษีและอื่นๆจิปาถะ ทั้งๆที่มันเป็นแค่ของใช้ส่วนตัวที่ใช้แล้ว(แต่เสียดายเลยอยากนำกลับมาด้วย)เช่นเสื้อผ้า,รองเท้า,หนังสือ ฯลฯ เสียค่าบริการให้UPSที่ออสฯ AUD275.64 สำหรับ 25Kg Box แล้วยังต้องมาเสีย THB3,898 เป็นค่าเดินพิธีการ,ค่าโกดังการบินไทย,ค่าธรรมเนียมศุลกากร,ค่าอากร,ภาษีนำเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่มอีก ผมก้อสงสัยเหมือนกันว่าอีกสองปีไทยเปิดประเทศเข้าร่วมในประชาคมอาเซียนแล้วจะไปรอดหรือเปล่า ไม่ใช่กลายเป็นว่าเปิดประเทศให้คนพม่าเข้ามาเต็มเมืองและให้คนสิงคโปร์เข้ามาทำตัวเป็นพ่อเป็นแม่คนไทยแย่งซื้อบ้าน,ที่ดิน,คอนโดและโอกาสทำธุรกิจกันหมด

หากผมมีครอบครัวมีลูก ผมคงทำแบบจขกทคือให้ลูกผมไปเกิดที่ออสฯ เขาจะได้สัญชาติออสฯที่สมบูรณ์ แล้วค่อยส่งเขาไปเรียนออสฯเมื่อเขาโตพอที่จะช่วยเหลือดูแลตัวเองได้แล้ว เช่นไปเรียนHigh School หรือ Undergrad ที่โน่น แต่เรื่องนี้สำหรับผมคงอีกหลายปีครับ

ขอให้โชคดีครับ ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจอย่างไรก้อตาม


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
คนแก่ที่อยู่เมืองไทยมาตลอด คิดว่าจะมีความสุขมากกว่าถ้าได้อยู่เมืองไทยต่อไป เมืองนอกนี่ดีตอนที่เขาได้ไปเที่ยวเท่านั้น พ่อแม่คุณอายุก็ยังไม่มากเกินไป ยังมีงานทำ ดูแลตัวเองได้ เรื่องนี้หายห่วง

ของคุณก็มีแต่ที่ว่าจะต้องคุยกับภรรยาดู ว่าจะเอาอย่างไร จะอยู่หรือจะไป คนลงเรือลำเดียวกันแล้ว ไปไหนก็ไปกัน ลูกยังเล็ก กว่าจะได้เข้า รร ก็อีกหลายปี แต่ถ้าไปแต่เนิ่นๆ ลูกก็ปรับตัวได้เร็วกว่า

ถ้าดิฉันเป็นคุณ ใจคงไปทาง Aus แล้ว เพราะโอกาสอย่างนี้ไม่ใช่ว่าจะมีมาถึงให้ทุกคน

ขอให้โชคดีค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
เพื่อนเราคนนึงที่มาอยู่ออสฯ ก็เพราะลูกเหมือนกันค่ะ คือเขาอยากให้ลูกได้รับการศึกษาที่ดี เลยย้ายจากเมืองไทยมา ขนาดเขาเป็นฝรั่งก็ยังต้องทนทำงานระดับใช้แรงงานนะ แต่ทนเพื่อลูก ตอนอยุ่เมืองไทยเขามีธุรกิจเกสท์เฮ้าส์เล็กๆ ให้ฝรั่งเช่าที่่ต่างจังหวัด ภรรยาเขาก็ทำงานรับราชการ พอลูกโต ก็เลยพาลูกกลับมาเรียนหนังสือที่ออสฯ แต่ภรรยาไม่ตามมาด้วยนะ เสียดายหน้าที่การงานที่เมืองไทย และกลัวว่าถ้าตามมาจะหางานทำไม่ได้ ก็เลยไปๆ มาๆ ระหว่างออสฯกับเมืองไทยตลอด (ใช้บริการสายการบินโลว์คอสต์น่ะ)

อีกสาวนึงเป็นคนฮ่องกง ครอบครัวนี้ได้ซิติเซ่นแล้ว แต่สามีหางานดีๆ ที่ออสฯ ไม่ได้ เลยกลับไปทำธุรกิจที่ฮ่องกงตามเดิม ให้ภรรยาดูแลลูกๆ อยู่ที่นี่ แล้วก็บินไปๆ มาๆ เหมือนกัน

เรื่องคนแก่ปรับตัวลำบาก ไม่ใช่เฉพาะคนไทยหรอก ข้างบ้านเราเป็นคนเลบานีส ทำเรื่องพาแม่มาอยู่ด้วย ก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน บอกว่าเหงามาก ลูกชายต้องออกไปทำงานนอกบ้าน เขาก็อยู่บ้านคนเดียว จะพูดคุยกับเราก็พูดกันไม่รู้เรื่อง คือเขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้น่ะ ผลสุดท้าย แม่เขาก็บินกลับไปอยู่เลบานอนตามเดิม บอกว่าที่โน่นถึงจะไม่ปลอดภัยเท่าที่นี่ แต่เขามีเพื่อน มีญาติเพื่อนฝูง มีสังคมของเขา


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
ส่วนตัวผมเอง อยู่ที่นี้ 10 ปีน่าจะขึ้นบริหารแน่นอน อยู่ที่นู่นอาจจะไม่ได้เป็นแต่ได้ชีวิตกลับมาแน่นอน

ผมเคยอยู่มาแล้วทั้งออสและไทยครับและตอบตัวเองไม่ได้ว่าชอบที่ไหนมากกว่ากัน

ถ้าให้ผมเลือกนะครับ อยู่ไทยไปครับ ทำงาน 10ปี ขึ้นบริหาร บริหารอีก 10ปี เกษียณ (เขียนถูกหรือเปล่าไม่รู้ ไม่ชอบทำการบ้าน) หลังจากนั้น มีเงินเก็บมากพอและถ้าเบื่อกับชีวิตเมืองไทย ก็พาครอบครัวไปอยู่ต่างประเทศเลยก็ได้ครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
ปล.ขอแนะนำเรื่องการศึกษาลูกนะครับ ส่งเรียนอินเตอร์ที่ไทยเลยก็ได้ ค่าใช้จ่ายสูงแต่หลักสูตร ระบบการศึกษาดีจริงๆ อย่าส่งไปเข้ารัฐบาลเลย การศึกษาไทยมันแย่มากแล้ว ชั่วโมงการเรียน + วัฒนธรรมการสอนมันโบราณ หมดอายุแล้วครับ สมัยนี้โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว ทุกอย่างเปลี่ยน รถยังต้องมีไฮบริดเพื่อประหยัดน้ำมัน หรือมีอีโอคาร์เพื่อเป็นทางเลือก เพราะฉนั้น การศึกษาไทย มันถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนได้แล้ว


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
กำลังวางแผนเดียวกัน และประสบปัญหาคล้ายๆกันครับ

สิ้นหวังกับอนาคตประเทศจริงๆ นักการเมืองมีแต่ทำเพื่อตนเองและพวกพ้อง ไม่ว่าใคร ฝั่งไหนจะเข้ามา ไม่ได้เลวน้อยไปกว่ากันเลย

อนาคตรุ่นลูกรุ่นหลาน คนไทยเป็นหนี้สาธารณะหัวโตแน่ เผลอๆระบบเศรษฐกิจล่มแบบกรีซ

ตอนนี้วางแผนย้ายที่ทำงาน แต่เสียดายความเป็นไทย ที่ลูกๆหลานๆจะไม่ได้สัมผัส ตัวอย่างง่ายๆ ถ้าไปอยู่ที่อื่น คงจะไม่ซึมซาบว่า ประเพณีลอยกระทง สงกรานต์คืออะไร เพราะคงเป็นฝรั่งไปหมด

จริงๆ คงโทษใครไม่ได้ คงโทษว่าเป็นกรรมเวรของประเทศ ที่นักการเมือง ไม่เคยมีใครเสียสละจริง เอาแต่รักชาติปากเป็นมันกันทั้งนั้น

และอย่าหวังว่า รุ่นต่อไปจะเปลี่ยนอะไรได้ คุณดูว่าที่ สส หรือ ว่าที่รัฐมนตรี ที่วันนี้เดินตามก้นพ่อแม่กันต้อยๆได้ เค้าวางตัวแทนกันไว้แล้ว


ดูแล้ว สิ้นหวังจริงๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
ต้องวางแผนระยะยาวค่ะ
ถ้าลูกไปเริ่มเรียนที่ออสแล้ว เค้าจะซึมซับความเป็นฝรั่งเข้ามาเยอะ พอโตอาจจะอยากอยู่ที๋โน่นเลย ไม่อยากกลับ
ไทย แล้วตัวคุณและภรรยา ต้องการอยู่ที่ไหนในบั้นปลายชีวิต
ถ้ากลับไทยตอนแก่ อาจจะต้องทำใจว่าลูกอาจจะไม่กลับมาด้วย
ความเป็นไปได้สูงว่าพ่อแม่คุณจะอยู่ที่ออสไม่ได้
ถ้าเลือกออส ก็ทำเพื่อลูกเป็นหลัก ถ้าเลือกอยู่ไทยได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
อยู่ในช่วงการตัดสินใจเช่นกันค่ะ เมื่อ 8 ปีที่แล้วเลือกที่จะอยู่เมืองไทย ตอนนี้ต้องกลับไปอเมริกา อาจจะแค่ช่วงสั้นๆ ถ้าเป็นไปตามแผนที่วางไว้ น่าจะย้ายไปอยู่ที่โน่นค่ะ เพราะลูกเป็น citizen ตอนนี้น้อง 6 ขวบแล้วด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
พ่อแม่พี่น้องคุณอยู่ที่นี่
คุณมีงานที่ดี ที่มีอนาคตที่นี่ คุณจะไปทำไม
เรื่องลูก เดี๋ยวนี้โรงเรียนอินเตอร์มากมายถ้าห่วงเรื่องการเรียน
อยู่เมืองไทย ลูกคุณมีญาติ มีปู่ย่าตายาย

คุณคิดว่าลูกอยู่ออสเตรเลียแล้วดีกว่า
ถ้าลูกคุณโตที่นั่น เขาก็จะกลายเป็นออสเตรเลียน มีชีวิตแบบชาวออสเตรเลีย
ต่อสู้ฟันฝ่าปัญหาชีวิตแบบออสเตรเลียน ไม่ใช่ว่าไม่มีปัญหาเสียเมื่อไหร่

นอกจากที่พูดมาแล้ว ก็แล้วแต่ตัวคุณด้วย
ถ้าคุณชอบชีวิตเรื่อย ๆ ทำงานเสร็จ กลับบ้าน อยู่กับครอบครัว
เป็นมนุษย์เงินเดือน ระดับกลาง สังคมไม่ค่อยมี (ไม่ต้องยุ่งกับใคร) ไม่ทะเยอทะยาน ออสเตรเลียก็อาจจะดี อากาศบริสุทธิ์ การเมืองไม่ปวดหัว

แต่เมืองไทย คุณมีสิทธิได้เป็นผู้บริหาร เป็น CEO
อาจจะประสบความสำเร็จจนคนเชิญไปเป็นรัฐมนตรี
เป็นที่ปรึกษา คุณมี passion ในงานของคุณมั้ย
ผู้ชาย นอกจากเรื่องครอบครัวแล้ว
จะมีอะไรสำคัญมากไปกว่าการประสบความสำเร้จในหน้าที่การงาน
มีอะไรสำคัญไปกว่าการมี contribution ให้กับสังคมหลังจากที่คุณประสบความสำเร็จแล้ว เปลี่ยนแปลงสังคมที่พวกคุณเห็นว่าเลวร้ายให้ดีขึ้นสิ
แรงผลักดันพวกนี้คุณไม่มีหรอก ถ้าคุณไปออสเตรเลีย
เพราะคุณจะเป็นคนนอกอยู่ตลอดเวลา
คุณสังเกตดูสิ ตอนคุณอยู่ต่างประเทศ คุณจะไม่มีความรู้สึกร่วมเต็มที่กับสังคมหรืออะไรของเขาหรอก

คนเราก็เหมือนต้นไม้ ต้นไม้บางต้น เจริญงอกงามที่เมืองไทย บางต้นเจริญงอกงามในดินเมืองนอก ที่ไหนที่ทำให้คุณเจริญงอกงามกว่า อันนี้ต้องหาเอง


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
อยากฟังประสบการณ์จากรุ่นพี่ รุ่นก่อนๆหน้า (ขออนุญาตยกตัวอย่าง เช่น ลุงอิสวาสุ คุณป้านี่เอง หรือ สมาชิกอาวุโส ท่านอื่นๆ) ที่มีประสบการณ์ตรง ในการเลี้ยงดูบุตรหลานต่างแดน ว่า มีข้อดี ข้อเสีย อย่างไร

เพื่อเป็นวิทยาทาน กับพวกน้องๆ หลานๆ ประกอบการตัดสินใจด้วย

ขอขอบพระคุณล่วงหน้าครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
ตอนที่ครอบครัวตัดสินใจมาออสเตรเลียครั้งแรกเลยเพื่อการศึกษาของลูก เมื่อสิบกว่าปีแล้ว ซึ่งลูกเรียนโรงเรียนอินเตอร์ ตอนนั้นสามีทำงานตำแหน่งผู้บริหารบริษัทเงินเดือนเกือบเลขเจ็ดหลัก ประกอบกับกำลังเบื่องานก็ลาออกมาเริ่มต้นที่ออสเตรเลีย ตอนนี้กลับไปทำงานเมืองไทย ไปๆมาๆ ก็ว่าเบื่อบรรยากาศเมืองไทยจะกลับมาออสเตรเลียอีกแล้ว เรื่องการเอาลูกมาเรียนที่อสสเตรเลียเรียกว่าไม่ผิดหวังเลยค่ะที่เอาลูกมาเรียนที่นี่ สำหรับลูกเราก็สอนเขาด้วยว่ายังไงก็ยังเป็นคนไทย ลูกก็รับทั้งวัฒนธรรมไทย และของฝรั่ง เด็กมาตั้งแต่ ป.1.ยังพูดภาษาไทยชัดเจน อ่านภาษาไทยได้แต่น้อยมาก แบบประสมคำๆ จนตอนนี้เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว. ลูกยังได้เรียนรู้วัฒนธรรมดีๆของที่นี่. รู้จักใช้เวลาว่างทำงาน ทำตั้งแต่เรียนเยียร์ 9 แล้ว ถ้าเทียบกับเด็กอายุเท่ากันในเมืองไทยบางคนวันๆ ที่เอาแต่ชอปปิ้งกระจาย


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
เราก็มาอยู่ออสฯ เพราะอยากให้ลูกได้รับการศึกษาดีๆ แล้วก็ไม่ผิดหวังค่ะ

แต่ก็ต้องทำใจตรงที่ ลูกจะเหมือนเป็นคนที่นี่ มีสังคมที่นี่ ทำให้เขาไม่อยากกลับไปอยู่เมืองไทย คือเขาชอบเวลาพากลับไปเมืองไทยสักเดือน แต่ถ้าให้อยู่ เขาจะไม่ยอม บอกว่าอยู่ไม่ได้ (ติดเพื่อน)

อีกข้อที่เรารู้สึกผิดคือ ปู่ย่าตายายจะคิดถึงหลาน ไม่ได้อยู่ใกล้ชิด ก็ได้แต่พากลับไปเยี่ยมทุกปีเท่านั้น


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
ลูกชายก็ไปต่อhigh schoolและU. ที่นั่น. เริ่มมีแฟนคนเกาหลีและเป็นซิติเซ่นที่นั่น. อย่างนี้ไม่ทราบว่าหากเขาแต่งงานกัน ลูกจะได้พีอาร์หรือเป็นซิติเซ่นโดยอัตโนมัติหรือไม่คะ. หรือว่าจดทะเบียนแล้วทำเรื่องขอพีอาร์แล้วจะง่ายขึ้น

รบกวนผู้รู้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
แค่ออสเตรเลียเอง ไปเหอะ ตั๋วเครื่องบินไม่กี่ตัง บินกลับเมืองไทยได้บ่อยไม่น่ามีปัญหา
ผมเห็นพวกไปเรียนออสเตรเลียด้วยกัน บินกลับไทยปีละ 3-4 ครั้ง บ่อยมาก ๆ (ผมก็
เคยจะได้ PR แต่ดูแล้วอยู่เมืองไทยสบายกว่า เมืองนอกไม่มีคนใช้นะคุณ อากาศก็
หนาว เป็นผู้บริหารกลัวจะไม่ได้อย่างเมืองไทยน่ะสิ ต้องทำงานอะไรเองตั้งหลายอย่าง)


ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
ไม่รู้ดิ เมืองนอกผมอยู่ได้ชั่วครั้งชั่วคราว อยู่ที่ไหนวัฒนธรรมก็สำคัญนะ อยู่เมืองไหน
เราก็กลายเป็นคนเอเชีย เป็นคนจีนหมดแหล่ะ ยกเว้นอยู่อเมริกา ทำตัวธรรมดา ๆ คนยัง
นึกว่าเกิดที่โน่นเลย เรื่องการเป็นคนออสเตรเลียแล้วได้เปรียบ ผมว่าเฉย ๆ นะ อย่าง
บางคนบอกเปิดร้านอาหารที่โน่นแล้วรวย อะไร ผมนั่งดู ๆ แล้ว ทำตั้งหลายอย่าง ไม่ได้
เหมือนกับเปิดภัตตาคารที่เมืองไทยนะ คนที่ไปอยู่ต่างประเทศ ผมเห็นถึงเวลาก็กลับ
เมืองไทยไปหมดนะ ไม่ว่าจะพวกเรียนสูง (โท เอก) พวกไปทำงาน (เสริฟ ครัว) พวกที่
ไปตอนหนุ่มแล้วบอกว่าเมืองนอกดีกว่าเมืองไทย ผมเห็นแก่ ๆ ก็กลับมากันหมด ไม่เห็น
อยู่ทั้งชีวิตเลย ทั้งที่บอกว่าตอนแก่ ๆ ได้สวัสดิการดี ขนาดไม่ญาติยังกลับไทยเลย

เรื่องภาษาผมก็เคยคิด ว่าต้องเรียนเมืองนอกถึงจะดี แต่พอไปสอนเด็กอินเตอร์ที่มหา-
วิทยาลัย โอ้ย คนพูดแบบฝรั่งได้มีเยอะ เด็กไทยเก่ง ๆ เยอะแยะ ธรรมดามาก ๆ ไม่จำ-
เป็นต้องเรียนเมืองนอกก็ได้ ภาษาจีนยังน่าเรียนมากกว่าอีก (อังกฤษของตายนะผมว่า)

ผมเปรียบเทียบต้นทุนส่วนตัวแล้ว เมืองไทยสบายกว่าเยอะ ซื้อคอนโดกลางเมืองได้
สามหลัง อยู่เมืองนอก สิบกว่าปีแล้ว กว่าจะจ่ายหมด เมืองไทย นี่ได้ไปสามหลังแล้ว
เงินสดด้วย ทำงานสิบปี ได้ทั้งหมด เงินแสนนึงเมืองไทยนี่อยู่แล้วสบายมากเลย

แต่ไลฟไสตล์คุณน่าจะเมืองนอกแหล่ะ อยู่ที่ไหนแล้วดีก็เอาเหอะ ส่วนเรื่องประเทศผม
ว่า ออสเตรเลียก็ได้ ไม่ต่างกับเมืองไทยเท่าไหร่หรอก ห่างกันไม่กี่ชั่วโมง สิงคโปร์ยิ่ง
แล้วใหญ่เลย ไปสิงคโปร์ไม่เคยรู้สึกว่ามันคือต่างประเทศเลย ภาษาจีนเหมือนแม่เรา
มาก คนก็หน้าตาคล้ายกัน สรุปว่าควรไป แต่ถ้าเป็นอเมริกา หรือยุโรปค่อยคิดอีกทีนึง
เพราะว่า บินไกลตั๋วแพง ออสเตรเลีย ตั๋วไม่แพง บินไม่นาน ไม่ต้องซีเรียส

เด็กที่ผมสอน (ปริญญาตรี) มันบินไปออสเตรเลียกันประจำ จนมันเฉย ๆ เลย มันไม่ได้
มองเป็นต่างประเทศกันแล้ว (เพราะมันเริ่มไม่แพงไง ไม่ถึงแสนก็อยู่ได้นาน) พ่อแม่ไป
อยู่เมืองนอกยากหน่อย คนโสดไม่ควรไปอยู่คนเดียวถ้าไม่มีครอบครัว ระวัง racist บ้าง


ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมแสดงความเห็นมากๆครับ

จากที่พินิจพิเคราะห์และตรึกตรองดูแล้ว ผมคิดว่าผมให้น้ำหนักไปทางลูก
เลยน่าจะดีกว่าครับ

ตัวผมเองเดินต่อไปได้อยู่แล้วแต่ยังไงไทยก็ของตายกลับมาได้ แต่ไม่คิด
ว่าจะมาอยู่ถาวรแล้วครับ

ขอบคุณทุกท่านมากครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 23
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 24
พวกที่ไปตอนหนุ่มแล้วบอกว่าเมืองนอกดีกว่าเมืองไทย ผมเห็นแก่ ๆ ก็กลับมากันหมด ไม่เห็น
อยู่ทั้งชีวิตเลย ทั้งที่บอกว่าตอนแก่ ๆ ได้สวัสดิการดี ขนาดไม่ญาติยังกลับไทยเลย

ไม่เสมอไปหรอกค่ะ เราเจออยู่หลายรายเหมือนกัน เพื่อนเราเองทีแรกจะกลับไปอยู่เมืองไทย หลังจากอยู่ที่นี่หลายปี ไปๆ มาๆ ที่ว่าจะไปซื้อบ้านซื้อคอนโดเมืองไทยก็เปลี่ยนใจ เอาเงินมาทุ่มซื้อบ้านที่นี่แทน บอกว่าไม่ไหว เมืองไทยขโมยชุม บ้านเพื่อนเขาที่อยู่ต่างจังหวัด ช่วงที่เจ้าของบ้านไม่อยู่ ขโมยมันงัดเอาไปหมดทุกอย่าง กระทั่งหน้าต่าง ประตูถอดหมด

ซึ่งเหมือนเคสเพื่อนพ่อเราที่ไปซื้อบ้านพักต่างจังหวัด นั่นก็โดนงัดแงะ พอเขากลับไป เหลือแต่เสาบ้านน่ะ คือขโมยมันถอดไปไม่ได้ นอกนั้นอะไรที่ขายได้ งัดแงะไปหมด

อีกราย ตอนจะย้ายตามสามีมา แกร้องห่มร้องไห้ทุกวัน ไม่อยากมา พอมาอยู่ก็บ่นอยากกลับ ยังไงจะกลับไปอยู่เมืองไทยถาวรอย่างแน่นอน ผ่านไปสิบกว่าปี ไปถามอีกที แกบอกว่า เมืองไทยให้กลับไปเที่ยวแปีบๆ เอา แต่ให้กลับไปอยู่ถาวร ไม่เอาแล้ว ขนาดเคยใช้ชีวิตที่เมืองไทยมาห้าสิบปี แกยังบอกว่าเมืองไทยไม่น่าอยู่

อีกคนเป็นเพื่อนน้องเราเอง เรียนโทจบ แล้วได้งานทำที่นี่ ทำได้สามปี บอกว่าเบื่อ ยังไงขอกลับไปเมืองไทยดีกว่า กลับไปปีเดียว ก็เผ่นกลับมา บอกอยู่ไม่ไหว ทำงานอยู่กรุงเทพฯ แค่เดินทางไปกลับที่ทำงาน ก็ประสาทกินแล้ว วันๆ ใช้ชีวิตบนท้องถนนหลายๆ ชั่วโมง เสียเวลามากมาย อากาศก็แย่มากๆๆ เดี๋ยวนี้ไม่บ่นว่าจะกลับไปอยู่เมืองไทยอีกแล้ว

แต่ก็ไม่ใช่ทุกรายที่เป็นแบบนี้ เพื่อนอีกคนเขากระเตงลูกกลับไปเมืองไทย ด้วยเหตุผลที่ว่า อยู่ที่นี่ต้องทำเองทุกอย่าง แต่กลับเมืองไทย บ้านเขามีคนใช้ กลับไปเอาลูกไปโยนให้คนใช้เลี้ยงได้


ตอบกลับความเห็นที่ 24
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 25
มันแล้วแต่ครอบครัวไง แต่เห็นเยอะ อยู่เมืองนอกแล้วสุดท้ายก็กลับน่ะ
ยกเว้นพวกที่ไปแล้วแต่งงาน ไปแล้วอยู่ยาว แต่ที่เหลือกลับหมด
ขนาดไปอเมริกาก็ยังกลับเลย กลับมาพ่อแม่ก็ตายหมดแล้ว คือถ้าไปที่ไหนก็ต้องตั้งใจ
จะไปจริง อยู่ที่ไหนใจเราก็ต้องอยู่ที่นั่น เหมือนอยู่แอฟริกาใจเราก็ต้องเป็นแอฟริกา
วัฒนธรรมเราก็ต้องเป็นแอฟริกา อาหารการกินมันก็ต้องเป็นแอฟริกา เราจะต้องไม่ไป
เป็นคนเอเชียในแอฟริกา การอยู่ในประเทศไหนเราก็ต้องเป็นคนที่นั่นเองจริง ๆ ไมใช่
คนที่ไปอยู่ที่นั่น ส่วนออสเตรเลีย ผมว่าปกติน่ะ เพื่อนบางคนก็อยู่ออสเตรเลีย จบออส
เตรเลีย ผมว่ามันก็ไม่ค่อยต่างจากเมืองไทยเท่าไหร่ หรือเพราะว่าคนเอเชียเยอะก็ไม่รู้


ตอบกลับความเห็นที่ 25