ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอยู่ ตปท.แล้วมันจะคิดถึงบ้านและรักประเทศไทยได้แบบนี้

ตอนนี้มาเรียนก็เข้าเดือนที่ 4 แล้ว คิดถึงที่บ้านและประเทศไทยมากๆเลย ก่อนมาจินตนาการว่าชีวิต่างแดนคงสนุก เจอประสบการณ์ใหม่คงน่าตื่นเต้นแต่พอนานไปแล้วทำไมมันคิดถึงบ้านอย่างงี้หรือมันเป็นแค่ช่วงแรกๆครับ เคยได้ยินแต่น้าสาวที่แต่งไปอยู่อเมริกาเล่าให้ฟังแต่ก็ไม่คิดว่ามันจะรู้สึกขนาดนี้เพราะเมื่อก่อนก็อยู่คนละที่กับที่บ้านความรู้สึกคงไม่ต่างกัน ตอนนี้รู้แล้วและนับถือหัวใจน้าสาวคนนี้มากๆเลย ตอนอยู่ไทยก็บ่นๆว่าไทยทั้งร้อนทั้งวุ่นวายอย่างโน้นอย่างนี้ แต่พอมาเรียนที่นี่แล้วทั้งหนาวทั้งเหงาอยากกลับไทยมากๆ ไม่มีที่ไหนดีเท่าประเทศไทยอีกแล้ว มีวิธีไหนบ้างครับที่จะช่วยทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง

http://www.youtube.com/v/OnIWABIz-_o&feature=related
ความคิดเห็นที่ 1
เราก็เป็นนะคะ อันนี้ที่ตัวเองทำนะคะ ลองหาเพื่อน :p หรือหางานพิเศษทำ เวลาไม่มีอะไรทำ ลองทำกับข้าวเเบ่งเพื่อนต่างชาติชิม ความรู้สึกจะดีขึ้นคะ ...ขอให้คุณผ่านช่วงเวลาเหล่านี้ไปให้ได้นะคะ สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ไปกินร้านอาหารไทย เจอคนไทยคนอื่นๆ น่าจะดีขึ้นนะคะ .ตอนนี้ก็เป็นเหมือนกันค่ะ ขนาดมาอยู่ยังไม่ถึงเดือน :'(


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
จะว่าไป อยู่มา 9 ปีกว่า ๆ ก็ยังนึกถึงและอยากไปเมืองไทยตลอด
ตอนมาแรก ๆ ตั้งใจจะเก็บเงินกลับไปทุกปี ต่อมามีลูก อ้าวก็ไปทุกสองปี
ตอนนี้จะมีลูกอีกคน สามปีะแล้วค่ะ ยังไม่ได้กลับเลย ค่าตั๋วก็แพงเอา ๆ
คือมาบ่น อิอิ ไม่ว่ากันนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
สวัสดีครับ.......ของผมเป็นช่วงแรกๆครับ ยิ่งฝนตกยิ่งคิดถึงเมืองไทยมากครับ...แต่พออยู่ไปนานๆก้เคยชินไปเองครับ กลายเป็นว่าแค่อยากกลับไปเยียม พ่อ แม่ พี่น้อง ที่ยังอยู่ที่เมืองไทยแระครับ ความคิดส่วนตัวนะครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
ใหม่ๆก็แบบนี้แหละ นานๆไปก็จะชินค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
แรกๆพี่ก็เหมือนกันวาดหวังอยากมาอยู่เมืองนอก แต่พอมาอยู่อย่างถาวรจริงๆกลับคิดว่าเมืองไทยน่าอยู่กว่ามาก เพราะเราเป็นคนไทยมั้งความผูกพันธ์มันเลยทำให้เราคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอน ยิ่งตอนช่วงปีใหม่หรือสงกรานต์ที่ญาติพี่น้องต้องมารวมญาติกันมันทำให้เราน้ำตาไหลเพราะไม่มีโอกาสที่จะฉลองกับพี่ๆน้องๆ ถ้าปีไหนได้กลับบ้านช่วงที่รวมญาติก็มีความสุข ตอนนี้ต้องใช้คำว่าชินแล้วกับชีวิตที่เลือกเดิน อีกหน่อยน้องก็จะชินเองคะ ว่างๆก็นั่งเล่นคอมพิวเตอร์ ดูหนังออนไลน์ ช่วยให้หายเหงาได้ อีกอย่างสังคมเมืองนอกก็ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนเมืองไทยมันก็เลยทำให้น้องคิดถึงบ้านใช่ไหม อย่าคิดมากถ้าเลือกที่จะเดินก็ต้องเดินต่อไป แต่ถ้าตัดสินใจแล้วว่าเดินต่อไปไม่ไหวก็กลับบ้านเราคะ

ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
เข้ามายกมือเหงาด้วยคน ของเราเข้าเดือนที่สองจ้า


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
คิดถึงบ้านเหมือนกันค่า คิดถึงแม่

โทรไปหาแม่ แม่บอก "สู้ๆ ลูก" กำลังใจมาเพียบเลย ^_____^


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
เรามาเรียนได้สามเดือนกว่าๆ แล้ว รู้สึกเหมือนกันเลย บางวันที่เรารู้สึกเหงาและคิดถึงบ้านมากๆๆ เราจะเขียนไดอารี่ค่ะ หรือไม่บางทีก็ออกไปข้างนอก ไปเดินเล่น สูดอากาศบริสุทธิ์ สังเกตชีวิตผู้คนรอบๆ ซึ่งสำหรับเราิคิดว่าช่วยเรามากๆ เลย

สู้ๆ นะคะ
You can get over it! :)


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
อาการ Homesick มันเป็นแบบนี้นี่เอง สไกป์กลับบ้านทีไรเห็นหน้าคนที่บ้านกับลูกสาว(นี่ตัวดีเลยเห็นหน้าเราในจอแล้วที่ไรชอบเห่า น้ำตาแทบไหล)ก็มีกำลังใจขึ้นมาเฮือกนึง สู้ๆครับ ขอบคุณครับ ^^


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
อาการจะไม่หายค่ะจนกว่าจะเห็นสัจธรรมของคำว่า อยู่กับปัจจุบัน

ลองคิดถึงคนจีนที่ย้ายถิ่นมาอยู่เมืองไทยซิคะ
ใช่ว่าหลายคนจะสามารถกลับไปเยี่ยมญาติที่ประเทศจีนได้
ยิ่งตอนจีนปิดประเทศ ที่นาที่ดินของพ่อแม่ถูกรัฐบาลยึด
ได้ค่ากินอยู่เป็นไปตามโควต้า อดมากกว่าจะได้กินอิ่ม
คนที่อยู่ไทย มีแต่ต้องรีบเก็บเงินเพื่อแต่ละเดือนจะได้
ฝากคนที่จะเดินทางไปจีนเพื่อเอาไปให้พ่อแม่
ปัญหาของคนจีนในไทยที่คิดจะเดินทางกลับไปอยู่จีน
กลับมีน้อยกว่าเรานั้นเป็นเพราะอะไร แต่ส่วนหนึ่งที่แน่ ๆ
ที่เกี่ยวข้อง คือ แสงแดด หรือ วิตะมินดีค่ะ

ปัญหาของอาการที่มีส่วนทำให้เป็นน้อยเป็นมาก คือ
1.ขาดคนรู้ใจในต่างแดน
2.ไม่มีงานอดิเรก
3.อากาศหดหู่ เพราะขาดแสงแดด
มนุษย์เราจะมีเริ่มมีอาการมากขึ้นเมื่อถึงฤดูที่กลางวันสั้นกว่ากลางคืน

ทางแก้ คือ
1.ต้อง active หากิจกรรมทำ
2.ถ้ารู้ว่าร่างกายไม่ได้รับแดด ควรหาเวลาออกไปเดินเล่น
หรือหาอาหารเสริมเพื่อเพิ่มวิตะมินดี (วิตะมินแห่งความสุข เพราะมีผลต่อเซลล์ในสมอง)
3.หาเพื่อนที่รู้ใจ
4.รู้จักความสงบของจิต และที่สำคัญคือ อยู่กับปัจจุบันค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
สักพักก็ชินครับ

พยายามทำตัวให้ไม่ว่างครับ เพลงไหนที่ฟังแล้วทำให้คิดถึงบ้านก็อย่าไปฟังมัน
หาเพื่อน หรือไม่ก็สมาคมกับเพื่อนๆ ให้มากๆ หน่อย
ว่างๆ ก็อย่าอยู่คนเดียวครับ เข้าห้องสมุดที่คนเยอะๆ ก็ได้ถ้าไม่อยากไปเที่ยวไหน

วันๆ นึงผ่านไปไวมากครับ แป๊บเดียวก็ปีแล้ว ไม่นานหรอกครับ
สู้ๆ ครับ ^^


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
ไปห้องสมุด ไปเดินห้าง ไปร้านหนังสือ แป๊บเดียวก็หมดวันแล้ว

แรกๆก็เป็นเหมือนกัน วาดภาพว่า ต้องสวยงามเหมอืนในหนังที่เราดู มาได้สองเดือนแรก ยังไม่รู้สึกอะไร พอย่างเข้าเดือนที่สามเท่านั้น ความเหงามันเข้ามาจับจิตเลย คิดถึงบ้าน พ่อแม่ ญาติพี่น้อง คิดถึงอาหารการกิน คิดถึงอากาศร้อน คิดถึงเพื่อนๆ พออยู่ไปๆ มีเจัาตัวเล็ก ทีนี้ลืมสนิทเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
คิดถึงค่ะ สองเดือนแรกเห็นอะไรที่สื่อถึงความเป็นไทยนี่ ดีใจมาก ยิ่งตอนลูกร้องคำว่า ทรงพระเจริญ นี่นำ้ตาใหลเลยค่ะ ตอนนี้ดีขึ้นแล้วค่ะ แต่ก็คิดถึงไม่เปลี่ยน
คุณ จขกท ลองออกไปเดินเล่นที่สวนใกล้บ้านนะคะ
คุณจะรู้สึกดีขึ้นค่ะ.
สู้ๆ ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
เติมพลังให้กับร่างกาย โดยการออกกำลังกายค่ะ หากิจกรรมทำ ให้มีเหงื่ออกบ้าง แล้วจะดีขึ้น

เติมพลังให้กับจิตใจ โดยการ สวดมนต์ไหว้พระ เป็นประจำ จะทำให้มีกำลังใจที่ดีในการใช้ชีวิตในต่างแดนค่ะ

มีเพื่อนอีกหลายๆคน ก็เหงา ไม่แพ้คุณ จขกท. นะคะ เห็นไหม ว่าเราไม่ได้เหงาคนเดียว มีเพื่อนร่วมเหงาเยอะเลยนะคะ

สู้ๆ ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
พอผ่านไปสักปี อาจเปลี่ยนใจนะคะ หายเหงาแล้ว และเริ่มสนุกกับชีวิตต่างประเทศที่ต้องดูแลตัวเองเต็ม ๆ อ่ะค่ะ

พอมองย้อนกลับมา (เก็บกระทู้นี้ไว้นะคะ) จะรู้ว่า โถ่เอ๋ย ไม่เท่าไหรหรอก ^^

คิดถึงบ้านให้น้อย ๆ คิดแต่ว่ามาเรียน มาเพื่ออะไร ทำความตั้งใจให้สำเร็จ มุ่งมั่นกับสิงที่อยู่ตรงหน้า เดี๋ยวก็ลืมความเหงาค่ะ

สู้ ๆ นะคะ ^^


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
สู้ๆจ้าน้อง เป็นกำลังใจให้ เรามาเรียนแปลว่าต้องมีเพื่อนๆร่วมชั้นล่ะ เฮฮากะเพื่อนไป แป๊บๆเวลาก็ผ่านไปแล้ว
พี่มาอยู่นี่แรกๆก็เหงา มีสามีเป็นเพื่อนคนเดียว แล้วก็พ่อแม่ปู่ย่าตายายญาติพี่น้องเค้าแค่นี้แหละที่เป็นเพื่อนเรา
จากนั้นก็ปรับตัวได้ ทำความรู้จักกับเพื่อนสามีต่อ กับคนข้างบ้านต่อ เราต้องสร้างอาณาจักรให้ตัวเองนะ ฮ่าๆๆ แล้วจะหายเหงาได้จ้า


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
อยู่อเมริกามาจะสามสิบปีแล้วนะ ยังไม่ชินเลย.....555 ก็ยังคิดถึงเมืองไทยอยู่ดี ยังเหงาแบบเดิม (เฉพาะตอนไม่มีแฟนอ่ะ แต่ตอนมีแฟนไม่เหงาเลย...อิอิ) มีคนที่รู้สึกแบบนี้เยอะ แต่พอมีแฟนแค่นั้นแหละ จะให้อยู่ที่ไหน ก็อยู่ได้
ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
ขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำครับ สู้ๆครับ (^^)v


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
very true ka , you will get used to it . but i m feeling homesick now too haha cant wait to go back to thailand


ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
มาให้กำลังใจด้วยคน เราก็มาเรียนที่อังกฤษได้ 2 เดือนกว่าแล้ว คิดถึงบ้าน...บางเวลาที่อยู่คนเดียวเหมือนกัน
แต่พอนึกถึงเป้าหมายที่เราตั้งใจไว้ ก็จะทำให้เรามีแรงสู้ต่อไปได้นะ fighting!!!


ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
มาให้กำลังใจค่ะ ไม่รู้จะแนะนำอย่างไร เพราะก็คิดถึงเหมือนกัน น้องยังดีนะค่ะ มาเรียน พอรู้ว่า เรียนจบได้กลับบ้าน ส่วนพี่มีครอบครัว ยังไงก็ต้องอยู่ต่อไป เพราะเราเลือกทางนี่แล้ว

พี่พยายามไม่โทรกลับบ้าน ยิ่งถ้าได้ยินเสียงแม่ ทีไร น้ำตาจะไหลทุกที (╥﹏╥) พี่เลี่ยงโทรไปหาพี่ชายแทน แต่ก็นาน ๆ ที ยิ่งเวลาป่วย ไม่รู้ทำไม ป่วยทีไร คิดถึงแม่ทุกที น้ำตาก็จะไหลเหมือนเพลงเลย หลีกเลี่ยงฟังเพลงไทยเศร้าค่ะ หางานทำ ออกไปข้างนอก ถ้านั่งอยู่แต่ในบ้านนี่ ตัวเหงาลอยมาแล้ว สู้ ๆ ค่ะ (บอกตัวเองไปด้วย)


ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
เพิ่งอยู่แค่ 4 เดือนก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ แล้วมาช่วงหน้าหนาวด้วย
ถ้าหน้าร้อนคุณจะไม่จิตตกแบบนี้ อากาศดี ออกไปนั่งตากแดด ดูผู้คน นอนเล่นในสวนสาธารณะเพลิน
อยู่เมืองไทยทำไม่ได้นะเออ ร้อนตับแล่บ

หาเพื่อนใหม่ๆเยอะ ชวนเขาออกไปเที่ยว ไปดื่มไปเต้น เดี๋ยวก็สนุกค่ะ

หรือว่างๆก็จัดกิจกรรมชวนเพื่อนมาร่วมด้วย ที่ตัวเองเคยทำก็สอนเขาทำอาหารไทย ผลัดกันไป ถ้ามีเพื่อนหลายชาติก็ได้เรียนทำอาหารทุกชาติ

หรือไม่ก็นัดกันมาดูหนังที่ห้องด้วยกัน ดื่มกันนิดหน่อยอันนี้ไม่เปลืองตังมาก

ของเพื่อนผู้หญิงเคยจัดวันทำสปา นวดหน้านวดตัวกันเอง ทำสีผม ทำเล็บ เพราะเมืองนอกมันแพง พลัดกันทำ เม้าท์มอยกันไป สนุกค่ะ

ขอให้ปรับตัวได้เร็วๆนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 23
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 24
เราเคยอ่านบทสัมภาษณ์ท่านอาจารย์ ด.ร. เสรี วงษ์มณฑา นะ อาจารย์ท่านเรียนจบ ปริญญาโท เอก ในต่างประเทศ
ในระยะเวลาที่สั้นมากๆ เหตุผลคือ ท่านบอกว่ารีบเรียนให้จบไวๆ เพื่อที่จะได้กลับเมืองไทยเร็วๆ เพราะท่านคิดถึงเมืองไทย

และยังมีคนไทยอีกหลายท่านที่รีบๆ เรียนให้จบไวๆ เพื่อที่จะได้กลับเมืองไทยไวๆ ค่ะ

หนู จขกท. รีบๆ เรียนให้จบไวๆ นะคะ จะได้รีบๆ กลับเมืองไทยค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 24
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 25
ขอบคุณทุกคนมากๆครับ และก็ขอเป็นกำลังใจให้คนเหงาไกลบ้านทุกคนด้วยนะครับ ได้เข้ามาอ่านอะไรแบบนี้แล้วมันรู้สึกดีใจ มีกำลังใจมากๆเลย ขอบคุณอีกครั้งครับ ผมรักเมืองไทยที่สุดในโลก


ตอบกลับความเห็นที่ 25
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 26
เราเข้าใจความรู้สึกของ จขกท เลยอ่ะ เพราะเราเองก็จามเมืองไทยมาอยู่ต่างแดนได้เกือบจะครบ 7 เดือนแระ (แต่งงานมาค่ะ)
มาแรกๆ เลยใครทักถามว่าเป็นไงคิดถึงเมืองไทยไหม โอ้โห น้ำตานองหน้า คือมันออกมาเองเลยอ่ะ ทำไงก็ไม่หยุด คิดถึง พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ ที่ไทย

แต่เราก็ติดต่อกันทุกวัน คุยสไกด์เห็นหน้ากันตลอด ก็ทำให้ลดความคิดถึงลงไปบ้าง แต่ไม่ใช่ทั้งหมดนะ
เราปรับเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ โดยหากิจกรรมทำ ไปเรียนภาษาบ้าง ไปห้องสมุดบ้าง คุยกับเพือนต่างชาติแลกเปลี่ยนกัน คุยกันเกี่ยวกับการทำอาหารมาอยู่ต่างแดน ยังไงก็คงต้องทำอาหารของไทยกินอยู่ดีเนอาะ
เก็บกวาดบ้าน ทำโน่น ทำงานบ้านไปเรื่อย แป๊ปเดียวก็หมดวันแหละ

เป็นกำลังใจให้นะค่ะ สู้สู้
*** อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด ### อยู่กับมิตรให้ระวังคำพูด @- -@


ตอบกลับความเห็นที่ 26
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 27
เราเข้าใจ จขกท มากๆ เราเป็นคนนึงที่เคยร้องไห้ทุกวันตอน 6 โมงเย็น ไม่ได้คิดถึงบ้านนะ แต่มันเหงาบอกไม่ถูกเวลา 6 โมงเย็นเป็นเวลาที่บัสเที่ยวสุดท้ายจะผ่านบ้าน (เราอยู่บนเขา) เหมือนเราต้องมานั่งตัดสินใจทุกวันว่าจะออกไปหาที่แฮ้งค์หาอะไรดื่ม (คนเดียว) ในเมือง หรือว่าจะทนอ้างว้างอยู่ที่ห้องดี เป็นช่วงเวลาวัดใจเราทุกวัน ความรู้สึก อ้างว้างกับเหงามันไม่เหมือนกันนะเราว่า คือเราไม่ใช่่คนขี้เหงา เราชอบอยู่คนเดียว แต่เราแค่รู้สึกว่าเรายังไม่เจอมุมของเราอ่ะ เราชอบมีเพื่อนแฮ้งค์ด้วยกัน แต่ชอบอยู่คนเดียว ยิ่งพูด จขกท จะ งง มั๊ยนะ :)


ตอบกลับความเห็นที่ 27