เราควรทำไงดีเมื่อเรากำลังคบกับฝรั่งคนนึง แต่เราเคยเป็นเด็กชายมาก่อน.

วันนี้เรามีเรื่องมาปรึกษาทุกๆคนที่อยู่ในห้องนี้ ปัญหานี้บางทีมันทำให้เราเครียดมากๆ
เราใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ต่างประเทศ เวลาเราอยู่ต่างประเทศเราคือ ผญ ไทยคนนึง 
เอกสารบางอย่างของเราใช้คำนำหน้าว่า miss เราทำงานที่ต้องเจอกับชาวต่างชาติ
ตลอดเวลาตั้งแต่เราใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มีชาวต่างชาติน้อยมากกกกก ประมาณแค่ 5 คน 
ในเจ็ดปีที่รู้ว่าจริงๆแล้วเราเป็นอะไร แต่เราก็ไม่เคยปิดบังใครถ้าใครถามเราก็ตอบตาม
ความจริง เราใช้ชีวิตและนิสัยการกระทำของเราคือ ผญ ไทยดีๆคนนึง

เข้าเรื่องดีกว่าหลังจากร่ายซะยาวเชียว เราอยู่ต่างประเทศมาคนเดียวตลอดมีกุ๊กกิ๊ก
กะหนุ่มไทยบ้าง ฝรั่งบ้างแต่ส่วนใหญ่อยู่คนเดียวแล้วก็กับเพื่อนๆ ด้วยเราทำงานเลิกดึก
ประมาณห้าทุ่ม แต่ฝรั่งเค้าทำงาน 9-5 โมง ทำให้เวลาว่างมันตรงกันลำบากมากจนทำ
ให้เราก็ต้องห่างกับคนที่เราคุยด้วยเหุผลเพราะเวลาไม่ตรงกัน เราก็เลือกจะอยู่คนเดียว
เพราะตอนเรารู้จักคนแรก เราไม่อยากโกหกเค้าด้วยว่าจริงๆแล้วเราเป็นอะไรทุกครั้งที่เจอกัน
บางครั้งเราก็อยากจะบอกเค้า แต่เราก็คงเห็นแก่ตัวมากเกินไปก็เลยไม่ได้บอกไรเค้าไป
จนเราห่างกัน....

หลังจากนั้นเราก็เลือกที่จะอยู่คนเดียวด้วยเหตุผลเราไม่อยากโกหกใครและเรากลัวที่จะเจ็บอีก
จนวันนึงเรามีโอกาสได้รู้จักกับฝรั่งคนนึง เราเริ่มคุยกันเราเองก็ยอมรับนะว่าคนนี้เราชอบเค้า
ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ จนวันที่เค้ามาขอเบอร์โทรเราเหมือนละลายมือไม้อ่อนรีบให้ไปโดยไม่คิดไร
ปกติเราจะเป็นคนที่ให้เบอร์โทรฝรั่งยากมากก.  เรากับเค้าก็ติดต่อกันไปมาพักนึงจนออกเดทกัน
มันยิ่งทำให้เราชอบเค้าแบบหัวปักหัวปำ!!! เราใช้ชีวิตเหมือนแฟนกันอยู่ประมาณหกเดือน ไปดูหนัง 
กินข้าว ไปทำกับข้าวกินกันที่บ้านเค้าบ้าง ระหว่างนั้นเค้าเพิ่งเรียนจบและเราก็รู้มาตลอดว่าเค้าหางานอยู่
วันนึงเราก็ไปกินข้าวกันแล้วเค้าก็บอกว่าเค้าได้งานแล้วเราก็ดีใจด้วย แล้วเค้าก็บอกว่าแต่ต้องย้ายไป
ทำงานที่ต่างประเทศนะ เราอึ้งไปแวบนึงแล้วเราก็บอกว่าโอเคไม่เป็นไรเป็นประสบการณ์ที่ดี แต่ตอนแยกย้าย
กันกลับบ้านเราแอบเครียดนิดหน่อย แต่เราก็คิดว่าช่างมันเหอะนั่งเครื่องบินแค่ 12 ชั่วโมงก็ได้เจอกันแล้ว
แต่เราขอบอกก่อนนะคะว่าตลอดเวลาหกเดือนที่การกระทำของเราเป็นแฟนกันไม่เคยมีคำพูดของแต่ละฝ่าย
เอ่ยออกมาว่าสถานภาพของเราสองคนคืออะไร บางทีเค้าก็ทำให้เรารู้สึกเหมือนตัวเราเองเป็น escort girl
ตลอดเวลายิ่งเรารู้สึกดีต่อกันเรายิ่งเครียดเกี่ยวกับตัวเราเอง เราอยากบอกเค้าว่าเราเป็นอะไรเราไม่อยาก
ปิดบังอะไรทั้งนั้น เราปรึกษาหลายๆคนที่สนิทมีพี่ชายเราคนนึงเค้าบอกเค้าเองยังเห็นและคิดว่าเรบเป็น
น้องสาวคนนึงแล้วอยู่ดีๆน้องสาวพี่จะไปบอกใครก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นกะเทย ใครเค้าจะเชื่อแล้วเค้าก็ถาม
เรากลับว่าเราคิดว่าตัวเราเองเป็นอะไรเราก็บอกว่าเป็น ผญ เค้าก็บอกว่านั่นไงแล้วจะไปเที่ยวบอกคนอื่นว่า
เราไม่ใช่ ผญ 

จนวันนึงฝรั่งคนนั้นก็บินไปเริ่มงานที่ต่างประเทศ เราเท็กคุยกันตลอดในช่วงแรกๆ แล้วเค้าก็หายไปบ้างเรา
เองก็หายไปบ้างในช่วงอาทิตย์ที่สอง แล้วอยู่ดีๆวันนึงเราก็ได้รับแมสเสจจากเค้าที่เล่าอะไรหลายๆอย่าง
เกี่ยวกับที่ทำงานใหม่ แล้วก็มีช่วงนึงของแมสเสจที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรา เค้าบอกว่าเค้ารู้สึกดีกับเรา
มากตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน แต่ตอนนี้หลายๆอย่างที่เค้าต้องปรับตัว รวมกับที่เค้าอยากให้เราโฟกัสไปที่เรื่องงาน มันเลยเป็นครั้งแรกที่เราได้รู้ว่าความสัมพันธ์ของเรากับเค้าที่ผ่านมาไม่รู้เหมือนกันคืออะไรแต่จากนี้ไป
เราเป็นแค่เพื่อนกัน ถ้าถามเราถึงตอนนี้เราโอเคนะที่ได้รู้สักทีว่าจริงๆแล้วเรากะเค้าเป็นไรกันไม่ใช่ escort girl อีกต่อไป แต่เราแพลนกันว่าเราจะต้องไปเจอเค้าที่ประเทศที่เค้าย้ายไปทำงานในอีกไม่กี่อาทิตย์ในวันเกิดของเค้า เราก็ลังเลว่าจะเอาไงดีตอนแรกเราจะไม่ไป แล้วเราก็คิดว่าไม่เห็นเป็นไรนี่มันเป็นฮอลิเดย์ของเรานี่น่า
เรายังเคยไปเที่ยวนู่นเที่ยวนี่คนเดียวเองได้ ไปคนเดียวเที่ยวคนเดียวอีกสักประเทศเป็นไรไป เพราะในแมสเสจ
เค้าก็อยากให้เราไปหาแต่เค้าก็บอกเองว่ามาได้แต่ทุกอย่างระหว่างเรากับเค้าจะไม่เหมือนเดิมนะ เราก็ไปไปด้วยว่าเราจะไปเก็บความทรงจำที่ดีระหว่างเรากับเค้าเป็นครั้งสุดท้ายแล้วเราจะเลิกติดต่อกับเค้าทุกทาง พอไปถึง
การวางตัวทุกอย่างของเราคือเพื่อน ตลอดเวลาที่เจอกัน เราจองโรงแรมเองอาทิตย์แรกทั้งๆที่เค้าอยากให้เราไปพักด้วยตั้งแต่คืนแรกแต่อาทิตย์ที่สองเราไปพักกับเค้า อาการของเค้าทำให้เรารู้ว่าเค้าทำไม่ได้อย่างที่เค้าพูดว่าเราเป็นเพื่อนกันตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมันทำให้เรากลับมารู้สึกดีกับเค้ามากก และเราก็รู้ว่าเค้าเองก็ไม่ต่างจากเราแต่เราก็ไม่พูดอะไรกันในเรื่องของความรู้สึก

เค้ากำลังจะกลับมาบ้านเค้าช่วงคริสตมาส เราอยากบอกให้เค้ารู้ เหตุผลนึงคือเราไม่อยากให้เราและเค้ารู้สึกดีต่อกันมากไปกว่านี้แล้วเราค่อยบอกถ้าบอกตอนนี้แล้วเค้ารับไม่ได้เราสองคนจะได้จากกันซะตั้งแต่ตอนนี้ แต่ถ้าเค้ารับได้เราจะได้ไม่ต้องกังวลอะไรอีก

แต่เหตุผลนึงที่เราไม่ยอมบอกตั้งแต่แรกคือเราไม่รู้จริงๆว่าเค้าคิดอะไรกับเรากันแน่ หรือเราก็ไม่จำเป็นต้องบอกใครตั้งแต่แรกที่เข้ามารู้จักกับเรานิว่าเราเป็นอะไรเพราะเราไม่รู้ว่าเค้าคิดอะไรกับเราจนทุกวันนี้ต่างคนต่างรู้สึกดีต่อกันแต่ไม่มีใครพูดแค่นั้น


ปล.เราคือ ผญ หมดทั้งตัวแล้วคะ.

ความคิดเห็นที่ 1
อ่านไปเครียดไป ลุ้นไป แต่ก็สู้ๆนะค่ะ ถ้าเค้ารักเราแบบที่เราเป็น เค้าก็น่าจะเข้าใจนะ


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
เอาข่าวนี้ไปอ่านก่อนดีไหมครับพี่ //www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMU5EQXdORFkwTVE9PQ==§ionid=


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ผู้ชายทั้งโลกไม่ได้เหมือนกันถูกมั้ย :D

คือเป็นผู้หญิงหมดทั้งตัวแล้วคือ ทั้ง xล่าง xบน เสียงเดือกผิวพรรณหมดเลยใช่มั้ยครับ
คือถ้าใช่ก็ผมเข้าใจความรู้สึกคุณนะ โกหกตัวเองอยู่ตลอดเวลา ทั้งๆที่มีความสุขแต่ก็ทำให้ตัวเองรู้สึกเจ็บไปด้วย ยิ่งเวลาที่มีความสุขมากๆ ไอเรื่องนี้ก็จะเข้ามาสอดแทรก คอยย้ำเตือนว่า อือ เรามันไม่ใช่นะ สิ่งที่เขาเห็นกับสิ่งที่เราเป็นมันตรงข้ามกันอะไรประมาณนี้ พอนึกมาแล้วก็จะรู้สึกเศร้าสินะครับ :)

แล้วที่บอกว่าใช้ชีวิตเหมือนเป็นแฟนในที่นี้ คือไม่เคยพูดกันอย่างจริงจังว่าเป็นแฟนกันใช่มั้ยครับ -______- แล้วเคยมีอะไรกันมั้ย (ไม่ต้องตอบก็ได้ครับ เพราะผมก็ไม่รู้จักคุณอยู่แล้ว แค่มันใช้วิเคราะห์ได้ในอีกแง่หนึ่งก็เท่านั้น)

คือสิ่งที่คุณควรจะทำมันขึ้อยู่กับการตัดสินใจของคุณว่าจะบอกความจริงกับเขามั้ย หรือจะให้เขารู้ความจริงเอง(ซึ่งมันจะเป็นอะไรที่สะเทือนใจกับเขามากกว่าบอกเองนะครับ)
แล้วยิ่งถ้าคุณคิดจะคบกับเขาตลอดชีวิต ก็มีโอกาสไม่มากก็น้อยแหละครับที่เขาจะรู้ความจริง

ยังไงก็ลองตัดสินใจดูอีกทีครับ ผมเป็นกำลังใจให้ :))


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
อ่านคห.2 แล้วผมช็อกยิ่งกว่าอีก โลกนี้มันไม่มีอะไรทดแทนกันได้จริงๆ สาวประเภทสองก็คือสาวปรเภทสองอยู่วันยังค่ำไม่มีทางที่จะเป็น ผู้ชาย, ผู้หญิง, เกย์, ทอม, ดี้, หรือว่า เลสเบี้ยนได้

ส่วนตัวพออ่านคห.2 แล้วพร้อมกับวิเคราะห์สิ่งที่จขกทเล่า ผมมองได้เลยอะว่าการปกปิดความจริงเอาไว้ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดและไม่ว่าจะอยากปิดหรือไม่อยากปิดก็ตามยังไงก็ผิดแน่ๆครับ ไม่มีเหตุผลที่ฟังขึ้นในการปกปิดความจริงหรอกครับ โดยเฉพาะความจริงสำคัญขนาดนี้ด้วยแล้ว

สนับสนุนให้จขกทบอกครับให้เขารู้ตอนนี้ยังไงก็ดีกว่าครับ ความจริงบางอย่างมันปกปิดกันได้นะครับถ้ามันจบๆไปแต่ความจริงบางอย่างมันปกปิดไม่ได้จริงๆเพราะมันติดตัวเราไปตลอด

อีกอย่างหนึ่งเกิดเขาอยากมีลูกขึ้นมาจะยิ่งลำบากใจครับ

ยังไงซะไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็เข้มแข็งไว้นะครับ ถ้าดีก็ยินดีด้วยล่วงหน้า ถ้าร้ายก็เริ่มต้นใหม่นะครับจขกท


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
มันทำใจยากนะคะ เราเข้าใจ จริงๆเราอยากให้บอกนคะ เพราะถ้าไม่บอกมันจะเหมือนตั้งใจหลอกเขา บางทีบอกไปเขาอาจจะรับได้ก็ได้ เพิ่งอ่านอีกกะทู้นึงมา เรื่องฝรั่งจับได้ว่าแฟนเป็นกระเทย กะทู้ข้างบนหรือข้างล่างนี่แหละค่ะ แบบนั่นหล่ะแย่เลย สู้บอกความจริงแล้วหาคนที่เขารับได้ดีกว่าค่ะ ลองไปดูคลิป VRZO ตอนที่สัมพาดสาวประเภทสองดูนะคะ สาวประเภทสองบางคนน่ารักมาก เขาบอกว่าผู้ชายเกิดมาเพื่อคู่กับผู้หญิงเขาทำใจแล้ว เราว่าความจริงมันก็คือความจริงค่ะ ต้องยอมรับให้ได้ สู้ๆนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาตอบนะคะ เราเองไม่อยากปิดบังอยู่แล้วกับสิ่งที่เราเป็น ถึงเราจะต้องเสียเค้าไปแต่ก็ยังดีกว่าเป็นคนเห็นแก่ตัวที่ไม่บอกความจริงให้เค้ารู้แล้วก็หลอกตัวเองไปวันๆว่าเรามีความสุข


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
@คุณ natiomkb. ใช่คะเราสองคนไม่เคยตกลงหรือไม่เคยพูดอะไรกันเลยว่าเราเป็นอะไรกัน ส่วนอีกคำถามเรียบร้อยไปแล้วคะ

เราอาจจะโชคดีที่เป็นคนตัวเล็กเสียงไม่ได้ใหญ่ลูกกระเดือกไม่ค่อยมี ประกอบกับเป็นคนดูแลตัวเองดีด้วยมั้งคะไม่เที่ยวกลบงคืน ออกกำลังกายบ้างกับอากาศในประเทศที่อยู่ ฝรั่งบางคนยังคิดว่าดิฉันเพิ่งจะ 20 ต้นๆ ทั้งๆ ที่จะแตะเลข 3 เร็วๆนี้ :-)


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
ขอออกความเห็นนิดนึงได้มั้ยอะคะ
เรากลับรู้สึกว่าถ้าเค้าไม่เคยพูดอะไรแถมคุณรู้สึกเหมือน เป็นสาวเอสคอร์ตอีกซะงั้น แม้ตอนหลังจะรู้สึกดีขึ้น แต่ยังไม่มีอะไรออกมาจากปากเค้าอีกอยู่ดีว่าสถานะเป็นอะไร เราว่าเค้าไม่ได้อยากเป็นแฟนคุณอยู่ดีจนถึงจุดนี้ ถ้ารู้สึกไม่ดีก็ขออภัยด้วยค่ะ ถ้าระหว่างคุณกับเค้าเค้ารักคุณหรือแม้แต่ชอบคุณมากจริงๆ มันไม่มีเหตุผลที่เค้าจะไม่แปะป้ายความสัมพันธ์นี้ คนที่อยากคอมมิตกับเราเค้าต้องแสดงออกป่ะคะ อยากให้อ่านหรือดูหนังเรื่อง he's just not that into you นะคะ เราอ่านแล้วเหมือนคุณกำลังสร้างข้อแก้ตัวให้ความสัมพันธ์นี้เพราะว่าไปเจอกันมาที่ประเทศเค้าแล้วมันรู้สึกดีขึ้น

อีกประเด็นคือเรื่องจะบอกเค้าดีมั้ย ถึงเป็นเพื่อนกันไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่ถ้าถึงขั้นเป็น friends with benefit เเบบนี้เราว่าคุณควรจะบอกอยู่ดีค่ะ คุณชอบเค้า บอกไปเลยดีกว่าว่าเค้ารับได้มั้ย ถึงไม่ได้เป็นแฟนกันแต่ถ้าเป็น friends with benefit อยู่ดีแล้วเค้าจะรับได้มั้ย

เราไม่มีอคติกับผู้หญิงที่เคยเป็นผู้ชายมาก่อนนะคะ ไม่ได้บอกว่าเค้าจะรับคุณไม่ได้แน่นอน เพียงแต่บอกว่าเค้าไม่เรียกคุณว่าแฟนแม้ขนาดก่อนจะรู้ว่าคุณเป็นอะไร ผู้ชายคนนี้เห็นแก่ตัวนะคะ ถ้าบอกไปเราคิดว่าคุณจะได้เห็นตัวตนจริงๆ ของเค้ามากขึ้นค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าอยากจะรู้ตอนนี้เลยหรือลากยาวไปอีก

ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
you have to tell him but not face to face
you never know how he will react

an example of a similar situation
http://www.dailymail.co.uk/news/article-2209271/British-businessman-murders-glamorous-Russian-bride--finding-used-man.html


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
( Cheating ) …..on someone is not a mistake, its a choice.



"ต้องบอกความจริง

ถ้าเค้ามารู้ที่หลัง

คุณจะเป็นคนแปลกหน้าที่เค้าไม่คิดอยากที่จะรู้จักไปตลอดชีวิต"



( Trust )….. is like a mirror..once its BROKEN you can never look at it the same again...


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
อ่านกระทู้นี้เลยหันไปถามคนข้างๆว่าถ้าไอสารภาพว่าไอเป็นเลดี้บอย ยูจะว่าอย่างไร




เขาก็.....

ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
บอกไปเลยค่ะ ถ้าเลิกก็เลิก จะเสียใจยังไงก็ต้องยอมรับ อย่างน้อยคุณก็ไม่มีตราบาปในใจว่าเคยหลอกคนๆหนึ่งมาตลอด และแนะนำว่าเมื่อจะเริ่มคบกับใครใหม่ก็ควรจะบอกไปตั้งแต่ต้น อย่างเราก็ไม่ปกปิดนะ ตอนไปเรียนก็บอกเพื่อนกลุ่มใหม่ว่าเราIm a lesbian ถึงตอนทำงานเราบอกไปตั้งแต่ตอนสัมภาษณ์เลย +เพื่อนร่วมงานทุกคน รับได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่ต้องมายุ่งกับเรา ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหาทั้งที่มหาลัยในไทยและที่เมกานะคะ

เป็นกำลังใจให้น๊า

ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
ขนาดตอนนี้เค้าไม่รู้ว่าคุณเคยเป็นอะไรมาก่อน เค้ายังกั๊กความสัมพันธ์เลย
เราว่าเค้าค่อนข้างเห็นแก่ตัวนะ คบกันขนาดลึกซึ้งแล้ว แต่ไม่เรียกแฟน
ถ้าคุณเป็นหญิงแท้เราคงจะเชียร์ให้เลิกคบได้แล้ว ถึงแม้คุณไม่ใช่หญิงแท้
ดูเหมือนไม่ได้มีอะไรเสียหาย แต่มันก็เสียความรู้สึกอยู่ดีนะคะ ทั้งตัว ทั้งใจ

ก็ลองคิดดูให้ดีๆว่าจะคบต่อหรือไม่ ส่วนเรื่องบอกหรือไม่บอกนั้น เราว่าถ้าคุณคิดจะคบ
ต่อจำเป็นต้องบอก แต่ถ้าหากไม่คิดจะคบต่อไป อาจจะไม่บอกก็ได้
นั่นคือคราวหน้า ก่อนที่จะมีอะไรลึกซึ่งต่อกัน คุณควรจะบอกค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
อะไรที่มันทำให้คุณเป็นเดือดเป็นร้อนทุกข์ใจ ก็แก้ให้ตรงจุดนะคะ
เคยเป็นผู้ชายมาก่อนทำให้คุณเป็นกังวลเพราะคุณก็รู้ว่าการปิดไว้เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ก็ควรจะบอกไปซะ
ดีกับตัวคุณที่ไม่ต้องมานั่งปกปิดทุกข์ใจ แล้วมันก็แฟร์กับฝ่ายชายด้วย
ถ้ารับได้ก็สานต่อ ถ้ารับไม่ได้ก็ move on ทางใครทางมัน

แล้ววันหลังถ้ารู้สึกเสียเปรียบหรือด้อยกว่าในความสัมพันธ์ ถึงขั้นว่ารู้สึกเหมือนเอสคอร์ท
ควรจะเคลียร์กับฝ่ายชายหน่อยนะว่าคุณต้องการความสัมพันธ์แบบจริงจังไม่ใช่แบบ No string attached
อย่ายอมให้เค้าลากไปไหนมาไหนได้ตามใจ ต้องการอะไรแบบไหนควรจะคุยให้เข้าใจตรงกัน ...


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
ขอแสดงความคิดเห็น

ต้องขอบอกความรู้สึกส่วนตัวก่อนว่า ไม่เข้าใจความรู้สึก..ไม่เคยรู้ว่าถ้าต้องเกิดมาเป็นแบบเจ้าของกระทู้..จะรู้สึกอย่างไร

แต่ขอแสดงความคิดเห็น แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ผ่านชีวิตมาเล็กน้อย...เพราะชีวิตต้องเรียนรู้อีกเยอะ..รู้สึกเห็นใจและเข้าใจความรู้สึกของเจ้าของกระทู้...

การใช้ชีวิตให้มีความสุข ทำให้คนที่เรารักและอยากอยู่ด้วย อยากจะบอกความจริง...บางครั้งและหลายครั้งมันก็ยากที่จะพูดความจริง...อยากบอกใจจะขาด แต่ก็ยังมีความขลาดกลัว..พูดไปกลัวเขารับไม่ได้...พูดไปแล้วเขาจะรับความจริงได้หรือไม่..หรือพูดไป เราเองเป็นฝ่ายต้องเจ็บ...เราเองจะรับไม่ได้

แต่ที่สุด..เราเองย่อมหนีความจริงไม่พ้น...ไม่ว่าใครจะเจ็บ ก็ต้องพูดความจริง บอกเล่าความเป็นไป...เพราะอย่างน้อยเราก็ไม่โกหกตัวเอง...ถ้าเขาจะรักเรา ก็ต้องรักสิ่งที่เราเป็น...แม้บอกความจริงไปแล้ว...เราจะเป็นฝ่ายผิดหวังและเจ็บปวด...แต่ก็ขอให้พูดความจริง

มีแค่สองสิ่งที่เราจะได้จากการที่เราได้พูดความจริงออกไป ...คือยอมรับได้..เราก็มีความสุข...ถ้าอีกฝ่ายรับไม่ได้...เราก็ต้องทำใจและยอมรับมัน แต่อย่าได้ท้อกับชีวิต เพราะชีวิตคนเราเกิดมา ไม่ได้อยู่เพื่อให้ได้รักใคร...แต่อยู่เพื่อที่มอบความรักให้กับเพื่อนมนุษย์ต่างหากล่ะ

ขออวยพรให้เจ้าของกระทู้ มีความเข้มแข็ง และมีความสุขกับสิ่งที่เลือกแล้วในชีวิต


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
เข้ามาให้กำลังใจ

บอกแล้ว ถ้าเขาเป็นคู่แท้ของเราเขาก็จะอยู่กับเราค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
เข้ามาให้กำลังใจค่ะ

สู้ๆๆๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
เข้ามาสนับสนุนอีกเสียง ว่าบอกเขาไปดีกว่า ถ้าเขาเรารับได้ก็คบกันต่อไป แต่ถ้าเขารับไม่ได้อย่างน้อยอาจจะยังเหลือความเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน อย่าปล่อยเวลาให้เนินนานจนเกินแก้ เพราะถ้าเขารับรู้ความจริงด้วยเองในวันข้างหน้าแม้แต่ความเป็นเพื่อนก็อาจไม่เหลือ.
เป็นกำลังใจให้จขกทค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
เชียร์ให้บอกค่ะ รับได้ไม่ได้จะได้รู้ไปเลย แต่ไม่เชียร์ผู้ชายคนนี้อ่ะ ไม่แมน เห็นแก่ตัว ถ้าคุณเป็นเพื่อนดิฉัน ดิฉันจะบอกว่า ถึงแม้คุณจะเป็นสาวประเภทสองแต่ก็มีคุณค่าไม่ต่างกับผู้หญิง ไม่สนับสนุนให้มีอะไรกับใครที่ไม่แม้แต่จะแสดงว่าอยากคบหาดูใจกับเรา มีอะไรกันทั้งทีมันเสี่ยงกับอะไรหลายอย่าง ทั้งทางกาย ทางใจ แม้จะมีการป้องกันที่ดีแต่ก็ใช่ว่าจะป้องกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เคยอ่านที่ไหนมาสักแห่ง เค้าบอกว่าให้รักษาร่างกายเราหมือนกับวิหารที่ศักดิ์สิทธิ์ คนที่จะเข้ามาได้ต้องเป็นคนที่มีค่า ผู้ชายที่ไม่ให้เกียรติคุณไม่คู่ควรกับคุณหรอกค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
ลืมเล่าครับ อันนี้เรื่องจริงจากเพื่อนผมอีกทีตอนแรกก็ไม่เชื่อ

คือมีสาวประเภท2อยู่คนนึงครับ เขารักกับเด็กผู้ชายอยู่กับอีกคนนึง แต่พี่กระเทยคนนี้เขาไม่ได้เฉาะ แต่เหมือนผู้หญิงมากๆ จนไอน้องผู้ชายมันก็คิดว่าเป็นผู้หญิง แล้วพอถึงเวลาที่มีอะไรกัน พี่กระเทยก็แบบประมาณว่าขอให้ปิดไฟเพราะอาย แล้วก็มีอะไรกับทางข้างหลังมานาน แต่น้องมันก็ไม่รู้เพราะมันพึ่งเคยมีกับคนนี้คนแรก - -* แล้วน้องเขาก็มารู้ทีหลัง แต่ว่าตอนนี้พี่กระเทยคนนั้นเขาก็เฉาะแล้ว แล้วน้องเขาก็รู้แล้ว แล้วก็ยังรักกันดีอยู่ครับ (ซึ่งหลังจากเพื่อนเล่าให้ผมฟัง ผมก็พึ่งจะรู้ว่าสาวพวกนี้เวลาเฉาะแล้ว ไม่มีคริสตอริส #18+) ฮ่าๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
จขกท.อย่าเห็นแก่ตัวสิ บอกเขาไป และอย่าพยายามโกหกตัวเองไปเรื่อยๆ

เริ่มต้นด้วยการโกหก คุณหวังอะไรจากความสัมพันธ์นี้อะ ให้โอกาสเขาได้พิจารณาบ้าง ถ้าเขารับไม่ได้จะได้รีบตัดใจตัวเองจะได้ไม่เจ็บ เขาก็ด้วย ไม่ใช่หลอกให้รักแล้วมาบอกที่หลังอย่างนี้ไม่มีความรับผิดชอบ

เข้าใจจขกท.เพราะเพื่อนก็เป็นแบบจขกท. บอกก็แล้วเตือนก็แล้วให้บอกเขาแต่เนินๆอย่าเพิ่งถลำลึกแล้วค่อยมาคิดต่อว่าจะเอายังไงกับความสัมพันธ์ แต่มันไม่ฟังหลวมตัวรักเขาไปแล้ว พอเขารับไม่ได้ ก็เจ็บเจียนตายเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
เล่าสู่กันฟัง ดิฉันมีเพื่อนคนหนึ่งเป็นสาวข้ามเพศ ผ่านมือแพทย์แล้ว สวยเ้หมือนผู้หญิงทุกอย่าง เผลอๆ สวยกว่า เพราะดูแลตัวเองดีมาก ปัจจุบันอาศัยในต่างประเทศ พบรักและสร้างครอบครัวกับสามีชาวต่างชาติ และไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นอะไรมาก่อน โชคดีสามีมีลูกติดมาด้วย เลยไม่ใคร่ว่าอยากมีลูกอีก ชีวิตปัจจุบันมีความสุขดี มีครอบครัวอบอุ่น แต่คุณว่าไหมว่ามันเหมือนระเบิดเวลาที่รอวันระเบิดมากกว่า ชีวิตคุณ คุณตัดสินใจเถอะ เพราะยังไงคนทุกข์หรือสุขก็คือคุณคนเดียวค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
อยากให้บอกมากกว่าค่ะ ถ้าเค้ารักเราจริงเค้าควรจะรับได้ และเราก็สบายใจด้วยที่ได้บอกความจริง ทำอะไรก็สบายใจ


ตอบกลับความเห็นที่ 23
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 24
แล้ววันไหนไปเที่ยว เรื่องวีซ่าอีกล่ะ โอ๊ยเป็นผัวเมียกัน ทำไมไม่พูดความจริงต่อกัน

เพื่อนผมคนนึง จีบผู้หญิง สร้างภาพเยอะ ประเภทแอบถ่ายรูปรถหรู ๆ คอนโดสวย ๆ
อ้างว่าเป็นของตัวเอง แต่ไม่มีเงินใช้ กู้หนี้ยืมสินมาโปะ เนี่ยแล้วตอนนี้คบกันมานานแล้ว
วันนึง ถ้าผู้หญิงรู้ว่ามันเป็นคุณชายกำมะลอ ผมยังไม่รู้เลยว่ามันจะทำหน้ายังไง

มันบอกว่า มันอยากวัดที่ความจริงใจก่อน ถึงมันจนเขาก็รับได้ แต่ผมว่าไม่ใช่หรอก


ตอบกลับความเห็นที่ 24
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 25
ขอบคุณจริง ๆ ทุกคอมเมนต์ค่ะ เราเองอยากบอกเค้าอยู่แล้วเราสองคนจะได้มีโอกาสเจอกันช่วงคริสตมาส ตอนนี้ก็แค่รอเวลาและทำใจไว้ล่วงหน้าว่ามันอาจจะไม่เหลืออะไร หรืออาจจะตรงกันข้าม แต่สิ่งที่เราจะทำมันจะทำให้เราโล่งอกและสบายใจมากกกก


ตอบกลับความเห็นที่ 25
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 26
เข้มแข็งไว้นะคุณ แต่ควรต้องบอกความจริง
เค้ารบได้หรือไม่เราบังคับไม่ได้ แต่เราได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง
และไม่ต้องจมอยู่กลับความลับและรู้สึกผิดไปตลอด
ชีวิตถ้าปิดบัง

ดิฉันเห็นมานักต่อนักแล้วที่เค้ารับได้และรักกันจนวันสุดท้าย

ขอให้คูณโชดดีนะจ้ะ จขกท เอาใจช่วย


ตอบกลับความเห็นที่ 26
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 27
รับได้ รับไม่ได้ คุณก็ต้องอยู่ให้ได้
ชีวิตนี่คือชีวิตจริง เราต้องอยู่กับความเป็นจริง
มันมีเรื่องกฎหมาย เรื่องสังคม ไม่ใช่อะไรก็ได้
ดีซะอีก จะได้วัดใจไปเลย เอาก็เอา ไม่เอาก็ไม่เอา
ไม่มีแฟนก็ไม่ตายหรอกคุณ ผู้หญิงสวย ๆ ขึ้นคานกันเยอะแยะไป


ตอบกลับความเห็นที่ 27
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 28
บอกค่ะ
เรื่องโกหก ฝรั่งเค้าถือมากนะคะ
อย่ากระทู้ข่าวข้างล่างนั่น ผญอินโดนั่นโดนฟ้องนะคะ แถมเลิกกันอีก

มองในแง่ดีคือ เราคิดว่า คนที่จริงใจกับคุณมากๆ เค้าจะรับได้ ฟังดูคล้ายรักแท้ (มันอาจจะไม่จริง เราอาจจะคิดผิดก็ได้ คนที่บอกว่ารับได้ อาจไม่ได้จริงใจเหมือนกัน อาจดูคลายรักแท้ แต่ไม่ใช่ก็ได้)

แต่ก็
1. ไม่ควรไปหลอกเค้า
2. (มองในแง่ดี) ก็ถือเป็นการคัดกรองคน ที่เราจะคบ ไปในตัว ด้วยอะค่ะ

โชคดีนะ
คนดีๆ ยังมีอีกเยอะค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 28
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 29
เวลาบอกอย่าบอกเวลาอยู่กันลำพังสองคนตัวต่อตัว
ควรจะบอกทางโทรศัพท์ หรือ ถ้าจำเป็นต้องบอกต่อหน้า หาที่ๆคนเยอะๆหน่อย
เป็นห่วง กลัว จขกท ถูกทำร้ายร่างกายค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 29
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 30
ฝรั่งบอกเองว่าคือเพื่อนผมว่ามันก็ควรจะจบที่ตรงนั้นแล้วรึเปล่าครับ วางความสัมพันธ์เป็นเพื่อนก็ไม่เห็นต้องไปบอกใครว่าเราเป็นอะไร

แต่หากวันใดที่คิดว่ามันจะพัฒนาไปมากกว่านี้ ผมว่าควรบอกความจริงนะครับ ถือว่าเป็นไม้ตายวัดใจกันไปเลยว่าชอบกันจริงหรือเปล่า ฝรั่งเนี่ยเห็นฟรีเซ็กส์ๆ แต่บทจะจริงจังขึ้นมาเค้าคิดถึงขั้นแต่งงาน มีลูกสร้างครอบครัวกันเลยนะครับ ผมว่าคุณมีสิทธิ์เลือกเหมือนกันที่จะได้เจอคนที่ใช่จริงๆที่เค้ารับได้กับที่เราเป็น ถ้าเค้ารับไม่ได้ก็จะได้จบที่ตรงนั้นเลย ไม่เสียเวลาทั้งสองฝ่าย

แต่อีกแนวคิดนึง แอบโหดหน่อยนะ ผมว่า คุณบอกไปเลยตั้งแต่ตอนนี้ก็ดีเหมือนกัน ถ้าไหนๆก็คิดว่าจะเจอกันครั้งสุดท้าย เผื่อเค้ารับไม่ได้ก็จะได้ช่วยให้คุณไม่รู้สึกค้างคา ย ต่างฝ่ายต่างไปเริ่มชีวิตของตัวเองกันใหม่โดยไม่ค้างคา นอกจากนี้ความรักทางไกลนี่ลุ้นยากเหมือนกันนะ ไม่ได้ขู่ให้กลัว แต่ทั้งฝ่ายคุณ ฝ่ายเค้า ไม่ได้อยู่ใกล้กัน ไม่ได้ใช้เวลาร่วมกัน ต่างฝ่ายก็มีโอกาสเจอคนใหม่ๆอีกต่างหาก มันค่อนข้างหมิ่นเหม่ที่ความสัมพันธ์จะสั่นคลอนนะ ยิ่งไม่ได้มีหลักฐานอะไรมากด้วยว่าเค้าเป็นคนจริงจังกับความสัมพันธ์ยิ่งลุ้นยากมากๆ(แต่ก็ไม่ใช่จะไม่เกิดนะ)

ยังไงก็ขอให้โชคดีกับการตัดสินใจครับ ถ้าจะได้สานสัมพันธ์กันลึกซึ้ง ขอให้ไม่มีอุปสรรครอบข้างใดๆมาสั่นคลอนนะ โลกใบนี้สร้างความหลากหลายทางธรรมชาติขึ้นมา ความรักก็ไม่ควรโดนจำกัดด้วยเพศใดเพศหนึ่งเช่นกัน


ตอบกลับความเห็นที่ 30
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 31
ถ้าเป็นดิฉันคงจะบอกค่ะ เพราะไม่ชอบเก็บความลับค่ะ อึดอัด น้ำจะท่วมปากตาย

ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่คุณจะเป็นอะไรมาก่อนนะคะ ดิฉันจะบอกจะคุยกันทุกเรื่องค่ะ เพื่อความสบายใจของตัวเองเป็นหลัก


ตอบกลับความเห็นที่ 31