รู้สึกผิดมากเลยค่ะ ทำยังไงดีคะ T^T

เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า จขกท. apply research program ไปที่มหาลัยแห่งหนึ่งในออสเตรเลียค่ะ ตอนแรกมีโปรเฟสเซอร์(Dr.A) ท่านหนึ่งติดต่อกลับมาว่าสนใจเรา
แต่เค้าไม่มีเงินทุนให้ ไว้ถ้าเค้ามีเค้าจะติดต่อกลับมาค่ะ จขกท. ก็ไม่แน่ใจว่าเค้าจะติดต่อกลับมาหรือป่าว เลยไปติดต่อกับโปรเฟสเซอร์(Dr.B) อีกคนแทนค่ะ
กลายเป็นว่าทั้งสองโปรเฟสเซอร์ตอบรับว่าให้เรายื่นใบสมัครในเวลาใล้เคียงกัน โดยส่วนตัวแล้วชอบ project ของ Dr.A มากกว่า เลยปฏิเสธ Dr.B ไป
ประเด็นอยู่ที่ว่า Dr.A ไปรู้มาว่า จขกท. ได้ติดต่อ Dr.B ด้วย เลยส่ง email มาถามเราว่า ตกลงแล้วเนี่ย project อีกท่านน่าสนใจกว่าหรอ , หัวข้อเปลี่ยนได้ตลอดใช่มั้ย = ="
(เวิ่นเว้อซะเยอะเลย ขอโทษทีค่า)

เห้อ ตอนนี้ได้เขียนขอโทษเค้าไปแล้วล่ะค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงให้ไม่ดูแย่ เลยได้แต่ตอบความจริงไปว่าอยากหาโอกาสเพิ่มเติม
ทำอย่างนี้มันเสียมารยาทมากเลยใช่มั้ยคะ เค้าคงจะไม่รับเป็นที่ปรึกษาแล้วใช่มั้ยคะ T^T

ความคิดเห็นที่ 1
อันที่จริง ไม่น่าจะปฏิเสธ Dr.B ไป จนกว่าจะรู้ว่า ใครจะรับแน่
เป็นของธรรมดา เปลี่ยนได้ถ้าไม่่มีทุนให้


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ก็บอกเหตุผลที่แท้จริงไปเลยค่ะ ว่าเพราะอยากไปและอยากได้ทุนมาก
กลัวว่าจะไม่ได้ทุนจาก Dr.A เลยติดต่อ Dr.B ไป เพราะเป็นหัวข้อที่สนใจรองลงมา
อาจารย์ท่านคงเข้าใจล่ะค่ะ ถ้าตอบดีๆ คงจะยังรับเป็นที่ปรึกษาอยู่ ถ้าเค้าสนใจคุณจริงๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือน่าเกลียดอะไร
แต่ต้องบอกให้เขาทราบ การตัดสินใจของคุณ
นักวิชาการสาขาเดียวกัน จะรู้ความเคลื่อนไหวของกันและกันดี
ที่สำคัญต้องแจ้งการตัดสินใจให้เขาทราบ
วันหน้าวันหลัง อาจต้องพบกันอีก
คนใดคนหนึ่ง อาจกลายเป็น External Reader งานของคุณ
รู้จักกันไว้ ดีนะครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ถ้าคุณเลือก Dr.A แล้วแน่ๆ ก็บอกไปตามความจริงไปเลยค่ะว่าตอนแรกไม่แน่ใจว่า Dr.Aจะรับหรือเปล่าก็เลยลองติดต่อDr.Bด้วย แต่ตอนนี้ตัดสินใจแล้วว่าจะเลือก Dr.A


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
ทุกคนก็ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตนเองอยู่แล้วละคะ และการที่ จขกท กล้าเลือกในสิ่งที่ตนเองต้องการจริงๆ ก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และการที่ apply ไปกับ Dr.B ก็ไม่เห็นเป็นเรื่องแปลก ที่จริงเราสามารถ apply ได้ ทั้ง A B C D.... ใครที่โอเคสำหรับเรา และเราก็โอเคสำหรับเขาด้วยก็เลือกคนนั้นได้ มันเป็นโอกาสนี่นา ในเมื่อ Dr. A บอกเองว่าไม่มีทุน โดยที่ไม่รู้ว่าจะติดต่อมาเมื่อไหร่ เราก็ต้องมีแผนสำรองไว้ก่อน ฝรั่งเค้ายังมี แผน 1 2 3 .... เลย เราก็ต้องเผื่อไว้บ้าง แต่เราต้องพูดตรงๆๆ และพูดความจริงกับเขาก็แค่นั้นเองคะ ไม่ต้องรู้สึกผิด หรือเกรงใจ มันเป็นเรื่องของโอกาส


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ขอบคุณทุกคนมากเลยค่า ^-^

ได้บอก professor ทั้ง 2 ท่าน ตามความจริงทุกประการ กำลังรอคำตอบสุดท้ายอีกที

หวังว่าเค้าจะเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องของโอกาสอย่างที่ทุกคนบอกค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 6