@@@ มาแชร์ประสบการณ์ โหด มัน ฮา ของการพบเพื่อนใหม่ชาวต่างชาติระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวในต่างแดนกัน

ในระหว่างการเดินทาง เรามักจะพบกับมิตรภาพแบบไม่ทันตั้งตัวเสมอ โดยเฉพาะการแบกเป้สวมวิญญาณ Backpacker เดินทางในต่างแดน กระทู้นี้จึงอยากให้เพื่อนๆมาลองร่วมเล่าเรื่องราวของการเจอเพื่อนใหม่ในต่างแดนกันดูครับ ว่ามิตรภาพเกิดขึ้นได้อย่างไร พบเจอกันได้อย่างไร และมีความประทับใจหรือไม่ประทับใจอย่างไรบ้างครับ ************************************ เริ่มต้นที่ผมก่อนนะครับ ส่วนใหญ่ผมจะเจอเพื่อนชาวญี่ปุ่นเยอะ (เพราะคนญี่ปุ่นค่อนข้างมีน้ำใจ พูดคุยกันง่าย และผมก็ไปญี่ปุ่นบ่อยกว่าประเทศอื่นๆด้วยครับ ) ยาวนิดนึงนะครับ 1. เพื่อนคนแรกที่ผมเคยเจอนั้นต้องย้อนกลับไป 5-6 ปีที่แล้วเลย (เป็นการไป Backpacker ครั้งแรกของผมเลยครับ) ชื่อซาเอโกะครับ ผมไปเจอเธอเล่นดนตรีอยู่ริมถนนกับเพื่อนครับ ผมได้เข้าไปซื้อซีดีแล้วก็ชวนคุย คุยกันไปอีท่าไหนไม่ทราบ เขาเลยชวนผมไปเล่นแจมด้วยครับ (ผมเป็นมือกีต้าร์+นักร้อง) ตอนนั้นก็เล่นกันมั่วๆไป (ตอนนั้นยังสะพายเป้ใบโตอยู่เลย ไม่กล้าวางไว้กลัวหาย ) แต่ก็สนุกดีครับ พอเล่นกันเสร็จก็เลยให้อีเมล์ติดต่อกันไว้ ปัจจุบันก็ยังคงติดต่อ เป็นเพื่อนกันอยู่ครับ เวลาไปญี่ปุ่นก็จะไปเล่นดนตรีด้วยกันอยู่ตลอด (หลังๆก็เป็นเพื่อนกับน้องชายเขาด้วยครับชื่อทาคุมิ เวลาผมไปญี่ปุ่นนานๆ เขาจะเชิญไปพักที่บ้าน แต่ผมก็แบบว่าเกรงใจ แต่ก็ไปตลอด ประหยัดดี ฮ่าๆ) 2.คนนี้เป็นคนเกาหลีครับ ชื่อเจย์ (คนเกาหลีอะไรชื่อเจย์ก็ไม่รู้สิ -*-) คนนี้ก็เจอที่ญี่ปุ่นอีกแล้วครับ รู้จักกันเพราะผมไปพักที่เกสเฮ้าท์ ชื่อฮานะ ที่ฮิโรชิม่า แล้วอีตาเจย์นี่ก็มาคนเดียวเหมือนกันครับ วันๆไม่เห็นมันจะออกไปไหน นั่งอยู่ห้องนั่งเล่นเป็นประจำ เลยได้คุยกันครับ คนนี้คุยกันง่ายเพราะพูดภาษาอังกฤษเก่งมาก แถมพูดภาษาญี่ปุ่นคล่องมาก สุดท้ายก็เลยแอดเฟสบุ้คกันไว้ ตอนมาไทยผมก็ชวนเขาไปดูผมเล่นคอนเสิร์ตด้วยครับ 3.เป็นคนเกาหลีที่เจอที่ญี่ปุ่นอีกแล้วครับ คนนี้ชื่อยูมิน คนนี้เป็นเพื่อนร่วมหลงทางครับ คือวันนั้นผมออกไปเดินเล่นที่โอซาก้า เดินเล่นไปเรื่อยๆจากหอคอยนานิวะผ่านเดนเดนทาวน์ ทะลุนัมบะครับ แน่นอนว่าหลงทางมากๆ ไม่รู้โผล่ไหนไปไหน แล้วมาโผล่ตรงไหนก็ไม่รู้ครับ (กะว่าถ้าหลงจนหาทางกลับโรงแรมไม่เจอจะนั่งรถไฟย้อนไป เพราะพักที่ Chuo Oasis มันอยู่หน้าสถานีพอดีครับ) ตอนกำลังหลงทางมาโผล่ที่ไหนก็ไม่รู้ก็มาเจอกับยูมิน ซึ่งก็กำลังหลงทางเหมือนกัน (ยืนสะพายเป้ กางแผนที่) ยูมินเดินเข้ามาถามทางผมครับ ทางไปหาตัวกูลิโกะกับปูยักษ์ขยับขา ผมก็นึกได้เพราะว่าตอนหลงทางนั้นผมเดินผ่านตัวกูลิโกะมา ผมก็เลยพาเธอไปส่งที่ตัวกูลิโกะครับ แต่หนทางไม่เรียบง่ายเลยครับ เพราะผมพาเธอไปหลง สุดท้ายก็เลยฮามากครับ พากันไปหลง เดินไปคุยกันไป เดินวนเป็นชั่วโมง ถึง(ฟลุ้ค) มาถึงตัวกุลิโกะได้ครับ พอเสร็จเลยไปนั่งร้านโอโคโนะมิยากิกัน ผมถามเขาไปว่า "รู้ไหมว่าผมพาหลงทางน่ะ"
ยูมินตอบ "รู้ แต่เดินหลงทางมันก็สนุกดี" 4.เป็นคนญี่ปุ่นแต่ไปเจอที่ USS สิงคโปร์ครับ ชื่อซาวะกับมิซากิ เป็นสองสาวญี่ปุ่นมาเที่ยวสิงคโปร์ เพราะตอนนั้นญี่ปุ่นเพิ่งเจอเหตุการณ์สินามึใหญ่ครับ อันนี้ไม่มีอะไรมาก คือเขายื่นกล้องมาให้ผมช่วยถ่ายรูปให้ หลังถ่ายรูปเสร็จผมเห็นเป็นคนญี่ปุ่นแล้วมาเที่ยว USS เลยแปลกใจ เพราะ USJ ที่โอซาก้าน่าเที่ยวกว่าตั้งเยอะ ก็เลยได้คุยกันครับ (คุยเรื่องเที่ยวญี่ปุ่นกับคนญี่ปุ่น) ไม่คุยกันเปล่าชวนไปนั่งคุยกันที่โชว์ Water world มัวแต่คุยกันไม่ดูตาม้าตาเรือเผลอไปนั่งโซนเปียก สุดท้ายวิ่งหนีกันแทบไม่ทัน 5.เป็นคนไต้หวันชื่อไคครับ คนนี้สนิทกันเพราะไปพักที่พักแบบ Dorm เตียงอยู่ติดกัน หนุ่มไคพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยครับ สื่อสารกันยากมากเพราะผมพูดจีนไม่ได้ แต่ด้วยความพยายามของมนุษย์ วันสุดท้ายนี่เริ่มคุยกันด้วยภาษามือ + จีน + อังกฤษ กันได้เข้าใจ เข้าใจกันขนาดสามารถนินทาเพื่อนร่วมห้องที่เป็นกลุ่มคนเกาหลีกันอย่างสนุกปาก (คนเกาหลีกรนดัง - -") 6.คนญี่ปุ่นชื่อซากิ คนนี้เจอกันเพราะนั่งเครื่องบินที่นั่งติดกันครับ เป็นสาวนาโกย่า (แต่อยู่โตเกียว) แลกอีเมล์กันไว้เขาบอกว่าวันหยุดสามารถพาไปเที่ยวได้ แต่สุดท้ายแล้วผมไม่ได้อีเมล์ไปครับเพราะเกรงใจ แต่พอถึงวันจริงซากิอีเมล์มาชวนไปเองบอกว่าสัญญาเอาไว้แล้วก็เลยพาไป (ลางานมาอีกต่างหาก เกรงใจมากเลยครับ ) แต่ที่ตลกก็คือเหมือนผมจะรู้จักที่เที่ยวในโตเกียวเยอะกว่าซากิซะอีก เพราะซากิบอกว่าตั้งแต่มาโตเกียวก็ไม่ค่อยได้เที่ยวไหนเลย สุดท้ายเลยไม่รู้ว่าใครแนะนำใคร แต่ผมก็ได้ไปตามร้านที่เป็นชาวบ้านๆจริงๆ (ที่ปกติผมไม่ค่อยกล้าเข้า ป้ายเมนูมีแต่ตัวญี่ปุ่นยึกยือ) แถมเวลากินข้าวซากิชอบแอบงุบงิบไปจ่ายเงินแทนทุกที ผมเอาเงินให้ก็ไม่เอา (มีน้ำใจซะจนผมรู้สึกตัวเองโคตรชั่วเลยครับ ) หลังๆเจอร้านขนมอะไรผมเลยรีบวิ่งไปซื้อก่อนเลยครับ แล้วเอามายัดเยียดให้ซากิกินแทน (ดูเป็นคนดีขึ้นมาบ้างไหมครับ ) 7.คนญี่ปุ่นชื่อเรนะ คนนี้ไปเจอเพราะพัก Dorm แบบรวมครับ (เป็นผู้หญิงเดินทางเที่ยวคนเดียว แถมยังพักห้องรวมอีกอ่ะ กล้ามากๆเลย ) คนนี้สนิทกันเพราะในห้อง 10 เตียง เป็นฝรั่งไปซะ 8 เตียงครับ เหลือเอเชียหัวดำกันอยู่สองคน (จริงๆเรนะก็หัวสีน้ำตาลอ่ะนะ -*-) สถานการณ์เลยบังคับให้สนิทกัน ฟังดูเหมือนเป็นคนลุยๆ แต่เรนะจังนี่เรียบร้อยสุดๆเลยครับ เขาบอกมาหาประสบการณ์ก่อนที่จะกลับไปเรียนต่อให้จบมหาลัย เพราะหลังจบคงจะได้แต่ทำงานและไม่ได้เที่ยวอีกแล้ว (กำลังเรียนอีคอนอยู่มหาวิทยาลัยวาเซดะครับ) เรนะจังบอกว่าชอบเมืองไทย แต่เคยมีประสบการณ์ไม่ดีตอนมาไทย คือโดนหลอกให้ไปนั่งบาร์แบบเปลือยอกแถวพัฒพงศ์ แล้วก็โดนบังคับให้เหน็บเงิน เรนะเหน็บแบงค์ 20 ไปแล้วโดนด่าครับ ต้องเหน็บแบงค์ร้อยขึ้นไป (แน่ะ มีงี้ด้วย ) ที่ตลกคือภาษาไทยคำเดียวที่เรนะพูดได้คือคำว่า "หมดแก้ววววววว" พอก่อนดีกว่าเนอะ ยิ่งเขียนยิ่งยาว แฮะๆ จริงๆยังมีอีกหลายคน
แต่อยากฟังประสบการณ์ของเพื่อนๆกันบ้างครับ มาร่วมแชร์ประสบการณ์กันดีกว่าครับ ปล.ของแถม แนบรูปเพื่อน 1 ใน 8 คนที่เล่าไปมาให้รูปนึงครับ อ่านแล้วพอจะเดาออกไหมว่า ในรูปนี้คือเพื่อนผมคนไหน ทายถูกเดี๋ยวให้รางวัลเป็นล๊อตเตอร์รี่ที่ไม่ถูกรางวัลจำนวน 20 ใบครับ (จะเอาไปทำมายยยย ) *edit ให้อ่านง่ายขึ้นครับ
ความคิดเห็นที่ 1
เรนะ คะ
ถูกไหมม


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ชอบตรง "หมดแก้ว" นี่แหละค่ะ น่ารัก ^^


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
โหดๆคงไม่เคย. แต่ดีๆนี่แยะครับ. เคยขึ้นรถไฟจากมิลานจะไปเที่ยวชิชิลี แต่ดันตกขบวนที่จองไว้เลยต้องขึ้นคันถัดไป สรุปไม่มีที่นั่งเลยคนแน่นมากตอนนั้นก็ห้าทุ่มเข้าไปแล้วแถมการเดินทางครั้งนี้ต้องนั้งรถไฟราวๆ16ชม ทำไงดีหละมากะน้องๆผู้หญิงสองคนด้วยเดินวนไปวนมาสักพักใหญ่ๆก็ไม่มีแววหาที่นั่งได้เลยคุยๆไว้ว่าสงสัยต้องนั่งระเบียงทางเดินกันแล้ว แต่พอเดินกลับมาสักพักนึง ก็มีคนดำตัวใหญ่ๆยืนกวักมือเรียกเราก็งง ว่าเรียกทำไม สรุปเค้าบอกว่าอีกไม่กี่ป้ายก็ลงแล้ว ให้มานั่งแทนเค้า อืมๆๆๆพอมองเข้าไปในห้องที่นั่งที่เป็นแบบหันหน้าชนกันหกทีีนั่ง ประมาณสี่คนออกแนวยิปซีเลย ชาวบ้านๆเราก็เอาไงดีว้าาาาา
สรุปลองดูสักตั้งนั่งถ่างตาเอาก็ได้.
สรุปตลอดระยะเวลาสามสีชั่วโมงที่พี่คนดำบอกว่าเดี๋ยวก็ลงเค้าก็ยืนพิงประตูนั้นแหละ รวมถึงกลุ่มคนที่เรามองเหมือนยิปซี เราได้คุยกันตลอกเส้นทางเลยสนุกสนานมากมายหัวเราะกันเต็มที่ เป็นช่วงเวลาที่สนุกมาก จนคนกลุ่มนี้ลงรถไป เราก็หลับมาเรื่อยจนการเดินทางมาถึงช่วงที่จะข้ามไปยังเกาะชิชิลี เราก็ไม่รู้ว่ามันต้องเปลี่ยนโบกี้เพราะโบกี้จะตัดสั้นลง ก็มีหนุ่มสำอาง ที่มาขึิ้นทีหลังช่วยบอกเด็กมอมแมมสามคน แถมยังแบ่งขนมให้กินอีกแล้วก็คุยสนุกกันอีกรอบ 555
จนมาถึงสถานีกัตตาเนีย ตอนราวๆทุ่มนิดๆ เราก็จะหาโรงแรม แต่ก็น่ะนั่งรถมาข้ามวัน สภาพมอมแมมสุด แถมหาทางไปโรงแรมไม่เจออีก ก็เลยว่าจะหาคนถามทางซะหน่อย เราก็เลือกคนที่ดูว่าน่าจะพูดภาษาอังกฤษได้ก็เจอครอบครัวนึง มากันพ่อแม่ลูก. เราก็วิ่งไปหาพร้อมพูดประมาณว่าขอโทษครับ. พอเค้ามองมาปุ๊มครอบครัวที่ดูน่าจะใจดีกับเรากลับวิ่งหนีซะงั้น
อืมคนที่ดูดีกลับวิ่งหนีเราแต่คนที่ใครๆมองจากภายนอกที่ดูน่ากลัว กลับมีไมตรีที่เหลือล้น คนดำตัวใหญ่ยอมยืนสามสี่ชั่วโมงเพื่อให้คนเอเชียตัวเล็กๆได้นั้ง.
ย่อเรื่องมาตอนกลับเลย เหมือนเดิมคราวนี้ไม่ตกรถแต่คนแน่นมากกกกก ทั้งตู้ที่นั่งมีแต่คนดำอีกแระ ออกรอบดึกอีกเหมือนเดิม สรุปก็นั่งเบียดๆกันไปยาวพอถึงเวลาใกล้นอน เนื่องด้วยตู้ที่ผมนั่งไม่ใช้แบบเตียงนอน ปต่เก้าอี้ปกติที่หันหน้าหากันเนี่ยเเหละจริงๆเราสามารถดึงช่วงเบาะนั่งมาชนกันตรงกลางได้ทำให้ เป็นเหมือนปูเบาะเต็มห้อง. แล้วทั้งเราทั้งคนดำอีกสามคน ก็นอนสลับหัวหางกันตลอดคืน5555 กลับมาถึงมิลานด้วยสภาพ มอมแมมมากมาย.
แต่มันเป็นประสบการณ์ที่ดีและไม่เคยลืมเลย. คนบางคนดูน่ากลัวกลับมีนำ้ใจมาก กลับอีกบางคน ไม่ใช่ไม่มีนํ้าใจ แต่เค้ากลับเลือกที่จะหันหลังให้ก่อนที่จะได้รับฟังข้อมูลด้วยซํ้าครับ
ประสบการณ์ดีๆที่ต่างแดนผมค่อนข้างโชคดีที่เจอมาแยะครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ผมเป็นคนชอบเที่ยว แต่ปัญหาคือปรกติกับคนไทยด้วยกัน หรือเพื่อนๆก้ไม่ค่อยคุยเท่าไหร่ ยิ่งเจอคนต่างชาติยิ่งเป็นใบ้ครับ 5555 เลยคุยได้แค่พอรู้จัก แบบถามทาง คุยกันยาวๆบนรถไฟฟ้าอะไรแค่นั้นไม่ได้รู้จักกันจนเป็นเพื่อนเลยครับ

แต่ผมก็อยากเป็นแบบจขกท.นะครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
ระหว่างนั่งรถบัสกลับจากพุกาม กำลังจะเข้าย่างกุ้ง รถบัสแวะให้กินข้าวตอนประมาณสี่ทุ่ม เราไม่หิวแต่ก็อยู่บนรถไม่ได้ เด็กรถให้ลง ก็ลงมายืนง่วงๆ อยู่หน้าร้าน ตาจะปิดแล้ว แม่ค้าสาวชาวพม่าก็เปิดการขายใส่แบบทั้งที่ลูกค้ายังง่วงๆ ด้วยภาษาพม่าล้วนๆ เล่นเอาเราตาสว่าง

แล้วสวนด้วยประโยคหากินทันที "No, thanks" แม่ค้าทำหน้างง ประมาณ "อ้าว....นักท่องเที่ยวก็ไม่บอก ให้ตรูพูดตีซี้ภาษาพม่า" แล้วนางก็รีบชิ่งอันตธานหายไป เพราะนางไม่ถนัดภาษาอังกฤษ ฮ่าาาา

จังหวะกำลังแอบขำแม่ค้าอยู่ ก็มีบทสนทนาคล้ายๆ เรา

"2@^$&*)_&#%@^^&& (ภาษาพม่า)"

แล้วก็มีเสียงตอบกลับไปว่า "No,thanks"

เราหันไปเป็นญี่ปุ่นนางหนึ่ง ยืนยิ้มๆ ให้แม่ค้านักขายชาวพม่า แล้วเหตุการณ์ก็เหมือนเราเป๊ะ แม่ค้ารีบชิ่งไม่เห็นฝุ่น ปากพึมพำๆ เดาว่า "บร๊ะ เป็นนักท่องเที่ยวก็ไม่บอก ปล่อยให้ตีซี้อยู่ได้" แล้วแม่ค้าที่มาเปิดการขายกับเราก็เดินเข้ามาจับกลุ่มเม้าท์เรากับญี่ปุ่นสาวนางนั้นอย่างเมามัน

ส่วนเราก็ยืนหัวเราะกับญี่ปุ่นนางนั้น คุยกันได้ความว่า ไปที่ไหนคนพม่าก็คิดว่าเป็นคนพม่าเพราะหน้าเหมือนคนพม่า อยากจะบอกว่า มาทักว่าหน้าเหมือนพม่าแต่จ่ายค่าเข้าชมเรตนักท่องเที่ยวทุกทีนะฮ้าาาา


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ตอนเรียนที่สิงคโปร์เคยไปแจมที่ห้องของเพื่อนชาวไต้หวัน มีคู่รักชาวไต้หวันที่อยู่ที่นั่นเค้าแบบ
ว่าเลิฟซีนกันตลอดเวลา เราก็แอบมองนิดๆ แบบว่าแอร๊ยยยยg8hkเขินแทนอ่ะ เห็นคนที่อยู่
ห้องนั้นเม้ากันว่าเค้าผีผ้าห่มกันทุกคืนเลยด้วย แต่ก็ไม่มีใครกล้าแอบดูจริงๆจังๆ

เรื่องนี้มันมันโหดมากสำหรับเราตอนนั้นอ่ะ แหะๆๆ (-3-)


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
เข้ามาอ่านและเข้ามาขำ จขกท. อย่างเดียวเลย เล่าตลกดี


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
ต่างชาติไม่มีอ่ะ แต่ตอนไปเกาหลี ที่ปูซาน ตอนเช้า ไปเดินวัดยงกุงซา (ที่ติดทะเลน่ะ ใช่วัดนี้ป่ะครับ) บังเอิญเจอน้องคนไทย ที่เรียนที่โซล มาเที่ยวที่ปูซาน เลยได้ทักทาย ผลัดกันถ่ายรูป เลยขอเบอร์ไว้ และให้ช่วยพาเดินเที่ยว และช้อปที่โซล น้องเค้าใจดี นิสัยดี น่ารักครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ฮาเล็กๆ(ของผมนะ)..

พักโฮสเทลที่เคแอล ... Sunshine BedzKL ที่บูกิืตบินตัง.. โลเกชั้นดีมาก อยู่สี่แยกบูกิตบินตังเลย.. อื่นๆก็โอเคตามแบบโฮสเทลนะ ที่นี่ก็ยังเห็นนักท่องเที่ยวนั่งคุยกัน จับกลุ่มชวนเที่ยวกัน แต่ง่อยเรื่องปลั๊กมาก มีรูปลั๊กให้เสียบมีไม่กี่รู.. ที่เตียงก็ไม่มีรูปลั๊ก เวลาชาร์จโทรศัพท์-กล้อง ไปไหนไม่ได้เลย..

เรื่องขำๆคือเรื่องนอนกรนนี่แหล่ะ.. คืนแรก.ผมนอนเร็ว กะว่าวันรุ่งขึ้นจะได้เที่ยวทั้งวัน.. ตื่นมาตอนตี3-4 คราวนี้นอนไม่ค่อยหลับแล้วเพราะได้ยินเตียงข้างๆกรน พยายามนอนต่อก้ไม่หลับ ..... อีกคืนถัดมา..ผมเที่ยวมาทั้งวัน หลังจากชาร์จแบตกล้อง-มือถือเสร็จก็นอนกลับไม่รู้เรื่อง ตื่นมาตอนเช้า..อาบน้ำเสร็จ เข้าห้อง เห็นเตียงข้างๆตื่นจะไปอาบน้ำพอดีเลยชวนคุย.. ว่าเป็นไงบ้าง หน้าตาดูเพลียๆ.. นายคนนั้นก็บอกว่า..ใช่ นอนไม่พอ เมื่อคืนนอนฟังเสียงผมกรน เลยนอนไม่ค่อยหลับ.. ผมก็ขอโทษไป(แต่นึกในใจว่า.. ตรูเอาคืนเหรอเนี่ย)


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
เจอตอนไปเรียนต่างประเทศนะคะ เยอะมากค่ะเล่าไม่หมดหรอก เดี๋ยวคืนนี้กลับมาเล่าดีกว่า



ตอบกลับความเห็นที่ 10