ทำไมคนไทยต่างแดนชอบบ่นว่าภาษีแพง ทั้งที่สวัสดิการที่ได้รับจากรัฐออกจะดีมาก

ทั้งที่สวัสดิการดีมากๆ

ความคิดเห็นที่ 1
ปัญหาคือบางคนแต่งงานกับ คูงสมรสที่อายุมากแล้ว ได้ใช้สวัสดิการของรัฐแล้วสิครับถึงไม่เห็นความเหนื่อยยากของคนรุ่นหนุ่มสาวที่ไม่ค่อยได้มีโอกาสใช้สวัสดิการ คือบ้านเมืองเขาเรื่องเงินเป็นใหญ่นะครับเขามีลู่ทางลงทุน ซื้อหาทรัพย์สินได้ บ้านดีๆ ท่องเที่ยวไกลๆ รถสวยๆ เหลือเยอะก็หาคาราวาน เรือ ทีนี้ภาษีมันกินหมด หามาเท่าไหร่ก็หมดโอกาสมันก็น้อยลงเขาก็เสียดายครับ แต่ทีนี้ถ้าเกิดเป็นคนที่แก่ๆหน่อย มันเริ่มได้เงินเพ็นชัน ได้เคลมค่าหมอค่ารักษา เงินเดือนอยู่ตัว ไอ้ที่ลงทุนไว้มันได้กลับมา เขาก็สบายสิครับ ผมรู้เพราะเมียผมเป็นคนต่างชาติ แต่งงานกันตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่ไหวหละครับอยู่เมืองนอกเงินหามาได้ภาษี ค่าใช้จ่ายต่างๆกินหมด ผลสุดท้ายย้ายตามผมมาอยู่เมืองไทยสบายกว่าเยอะครับ ลองนึกถึงคนหนุ่มคนสาวที่ฐานเงินเดือนมันน้อยด้วยครับ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะไปอยู่สบายกันหมด


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
เสียแต่ไม่ได้ใช้ไงคะ ค่าเทอมฟรีจริง แต่ค่าอาหารกลางวัน ค่าใช้จ่ายอย่างอื่นก็มีนะคะ เจ๊บไข้ได้ป่วยนี่เพราะต้องจ่ายประกันเอง ไอ้ที่ว่าหักภาษีแล้วเงินยังเหลือเก็บเยอะนี้ได้ข้อมูลจากตรงไหนคะ

ดิฉันย้ายมาอยู่แคลิฟอร์เนีย 6 ปี อาศัยอยู่บ้านพ่อแม่สามี 6 เดือน มาเช่าอพาร์ทเมนต์อีก 4 ปี เพิ่งเริ่มตั้งตัวมีบ้านเป็นของตัวเองเมื่อปีที่แล้ว ถามว่ามันก็ค่อย ๆ ดีขึ้นแหละคะ ทำงานกันทั้งสองคน ดีที่ยังได้มีงานทำที่บ้านไม่ต้องจ่ายค่าเลี้ยงลูก (แต่ยื่นจ่ายภาษีนะคะ) ถามว่าเงินเก็บมีไหมก็นิดหน่อยที่เจียดเอาไว้เป็นค่าเล่าเรียนลูกในอนาคตค่ะ

รอสามีเกษียนคงย้ายกลับเมืองไทยเหมือนกันค่ะ

ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ต่างแดนประเทศไหนคะ ต่างแดนคนละประเทศกัน อัตราจัดเก็บภาษี สวัสดิการก็ต่างกัน

เห็นว่าทางยุโรป จะจัดเก็บภาษีแพงมาก แต่ก็ได้รับสวัสดิการดี

ส่วนอเมริกา ภาษีเกือบสามสิบเปอร์เซ็นต์ แต่สวัสดิการที่ได้ ยังไม่เห็นได้อะไรเลย เจ็บป่วยออกเอง ประกันรักษาพยาบาลออกเอง ค่ายาออกเอง ลูกเต้าเลี้ยงเอง ไม่มีที่รับเลี้ยงฟรีเหมือนทางยุโรป โรงเรียนลูกไปฟรีแต่ยังอายุไม่ครบต้องรอห้าขวบถึงจะฟรี แต่ญาติที่อยู่ฝ่ายการศึกษาบอกว่ารัฐตัดงบด้านการศึกษามาก โรงเรียนจะคุณภาพห่วยลงๆ รออีกหลายปี คุณภาพโรงเรียนอาจจะแย่มาก ขอให้เก็บเงินไว้จ่ายให้ลูกไปโรงเรียนเอกชนดีกว่า ส่วนเงินโซเชียล สามีบอกว่าอย่าไปหวังมาก อีกหลายสิบปี ป่านนั้นไม่รู้รัฐจะเอาไปใช้หมดจนไม่เหลือถึงเราก็ได้ ใครรู้ว่ามันมีสวัสดิการตรงไหนช่วยบอกทีนะคะ จะได้ไปขอมั่ง

ขอเติมอีกนิด ตอนนี้เลี้ยงลูกขวบเดียวกับสามขวบอยู่บ้าน ไม่ได้ทำงาน หักภาษีได้เล็กน้อย ไม่เยอะนะ แต่วันก่อนอ่านคอมเม้นว่า ภรรยาที่ไม่ได้ทำงานเอามาหักภาษีของสามีเหมือนเอาเปรียบส่วนรวม อ่านแล้วจี๊ดมาก แต่เลี้ยงลูกพิมพ์ตอบไม่ได้ ถ้าออกไปทำงานเสียภาษีให้รัฐได้ก็อยากไปอยู่หรอก พึ่งเงินเดือนสามีคนเดียวมันไม่สบายนะ มันลำบาก จะเอาลูกไปฝากเลี้ยงก็แพงมาก ออกไปทำงานคงไม่คุ้มค่าฝากเลี้ยง รัฐก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรกับครอบครัวที่เพิ่งเริ่มต้นอยู่แล้ว แค่หักภาษีที่ไม่ได้ทำงานให้ภรรยาที่ไม่ได้ทำงานเนี่ย ไม่ได้มากมายอะไรเลย ยังโดนมองว่าเอาเปรียบสังคมอีก ลำบากจริงหนออยู่อเมริกาเนี่ยะ

ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
เราอยู่อเมริกาก็ต้องเสียภาษีแพงจริงๆ มีบ้านก็เสียภาษีทั้ง city tax และ school tax รวมกันปีละห้าหกพันเหรียญ มีลูกได้เข้าเรียนฟรีก็จริง แต่เราไม่มีลูกและคงไม่มี (ทั้งที่อยากมีนะ) เรื่องได้รับการรักษาพยาบาลที่ดีก็จริงแต่พวกเรามีรายได้ก็ต้องซื้อประกันสุขภาพเองเดือนนึงสองคนก็สี่ห้าร้อยเหรียญล่ะ ไม่อยากคิดเป็นเงินไทยเลย แต่ก็ต้องทำงานหนักและจ่ายภาษีกันต่อไป หวังว่าจะสบายตอนบั้นปลายชีวิตค่ะ คงย้ายกลับมาอยู่ไทย เพราะฉะนั้นเราเข้าใจหัวอกคนที่บ่นนะ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
คุณโตช้าแก่เร็ว คห. นั้นเราก็ได้อ่านนะคะ ตอนแรกก็ปรี๊ดเหมือนคุณ แต่ถ้าไปเถียงกับคนแบบนั้นก็เท่านั้นแหละค่ะอารมณ์เสียเปล่า ๆ วิธีการเขียนการคิดของเขาก็มาจากสังคมประเภทฝรั่งที่จ้องจะหาเมียตามพัฒพงศ์หรือพัทยาแหละค่ะ ดิฉันถือว่าไม่ได้อยู่ในสังคมแบบนั้นค่ะ ปล่อยเขาคิดแบบนั้นไปเถอะ ชีวิตนี้ก็จมปลักอยู่กับคนประเภทเดียวกันนั่นแหละ

แต่อยากจะบอกเหมือนกันว่าดิฉันถึงทำงานอยู่ที่บ้านแต่รายได้ดิฉันบางเดือนมากกว่า หรือ พอ ๆ กับสามีฝรั่งนะคะ ไม่รู้ใครเอาใครไปช่วยใครเหมือนกัน

เห็นด้วยกับเงินโซเชี่ยลเหมือนกันค่ะจะเหลือถึงเราหรือเปล่า ( เท่าที่ติดตามสถานะการณ์คาดว่าไม่ถึง 555 ) ตอนนี้ก็ห่วงเหมือนคุณเลยค่ะ เรื่องโรงเรียน ได้ยินเรื่องตัดงบการศึกษาแล้วโมโหเหมือนกันนะคะ สวัสดิการคนสูงอายุที่อาจจะโดนตัดน่าสงสารมากอ่ะ เขาทำงานกันมาทั้งชีวิตพอถึงบั้นปลายจะได้ใช้เงินดันหมดซะงั้น ไอ้งบที่สมควรตัดไม่ตัด อนาคตอเมริกาจะเป็นเช่นไรนี่


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
เมืองไทยภาษีก็ไม่ถูกนะครับ แถมยังต้องมานั่งกลุ้มกับนักการเมืองอีก ทุกที่นักการเมืองก็อาจจะน่ากลุ้ม แต่เมืองไทย กลุ้มไปก็ำทำอะไรไม่ได้มาก ...


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
เมืองไทยภาษีถูกครับ มีบ้านไม่ต้องเสีย มีคอนโดไม่ต้องเสีย จะซื้อจะขายบางช่วงมีโปรโมชัน ภาษีป้ายทะเบียนรถสองสามพัน แวตเสียทีสิบบาทยี่สิบบาท จะหาบ้านเมืองถนนเรียบทางสะอาด ไฟสว่างเสียภาษีแบบนี้ได้ที่ไหน แล้วยังไม่พูดเรื่องภาษีมรดกนะครับ ไอ้นั่นเกิดเก็บขึ้นมาคนจะลำบากไม่ใช่แค่คนเมืองเหมือนฝรั่งนะครับ ชาวไร่ชาวนานี่แหละจะเดือดร้อนที่ทางตั้งเท่าไหร่ ผมพอรู้บ้างเพราะอยู่กันสองสังคมเพื่อนผมที่เป็นฝรั่งนี่ได้มรดกมานี่เหมือนมีหนี้ติดตัวมาก็มี ไม่ใช่คิดเอาอย่างเดียว


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
ในประเทศที่มาขอเขาอาศัยอยู่นี้ ผู้ทำงานจะต้องจ่ายค่าประกันสังคม ประมาณ 20 เปอร์เซนต์ นายจ้างช่วยจ่ายอีก 20 เปอร์เซนต์ รวมแล้ว 40 เปอร์เซนต์ ค่าประกันสังคมประกอบด้วย
-ประก้นเจ็บป่วย
-ประกันตกงาน
-ประกันบำนาญ
-Nursing Care
นอกจากนี้คนทำงานยังต้องจ่ายภาษีรายได้ ภาษีบำรุงศาสนา
เงินไปช่วยพัฒนาฝั่งตะวันออก
เงินภาษีมูลค่าเพ่ม 19 เปอร์เซนต์
ภาษีทีวี วิทยุ เดือนละ ประมาณ 17 ยูโร
คนที่ตกงานนานๆ คนที่มีรายได้น้อย แม้แต่ผู้กำลังยื่นเรื่องขอลี้ภัย รัฐจ่ายเงินสวัสดิการให้คนละประมาณ 300 ยูโรกว่าต่อเดือน
เงินช่วยเหลือค่าเช่าที่พัก
เงินช่วยเหลือบุตร จนกว่าบุตรอายุครบ 25 ปี
เงินช่วยเหลือคนพิการ พิการน้อยได้น้อย พิการมากได้มาก
จัดเตียง รถเข็น เครื่องมือช่วยเหลือคนพิการให้ฟรี


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
เราอยู่ทางยุโรป เคยคุยกับเพื่อนที่อยู่อเมริกาก็เห็นด้วยว่าที่นี่สวัสดิการสังคมต่างๆ ดีกว่ามาก คงเพราะทางเมกาเป็นทุนนิยมเสรีสุดโต่งมานานแล้วมั้งคะ เดาเอา แต่ทางยุโรปยังอยู่กึ่งๆระหว่างทุนนิยมกับสังคมนิยมหน่อยๆ แต่ไม่ถึงขนาดประชานิยมแบบบางประเทศนะคะ

ทีนี้ว่าเรื่องภาษี สามีเราสอนให้คิดแบบนี้ค่ะ เราจงภูมิใจเถิดที่ได้เสีย "ภาษี" เพราะนั่นแสดงว่าเรามี "รายได้" ดีกว่าต้องแบมือขอสวัสดิการสังคมมาใช้ ทางยุโรปคิดว่าคงคล้ายๆ กัน คือแต่ละเดือนต้องเสียค่า charges ตามความเห็นของคุณบอนเนอร์ แต่มันยังมีพวกเหลือบสังคมที่ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย แต่รับสวัสดิการไปเต็มๆ นั่นคือพวกคนที่ทำงานมืด ไม่มีบัตร รับเงินสด แจ้งภาษีก็จ่ายแค่ขั้นต่ำ อะไรพวกนี้น่ะค่ะ แถมพวกนี้รักษาพยาบาลอะไรฟรีหมด เพราะมีหลักมนุษยธรรมค้ำคออยู่ว่าจะปล่อยให้ใครตายไม่ได้ ต่อให้เป็นโจรก็ต้องรักษากันสุดชีวิต

ดังนั้นชนชั้นกลางแบบเราเลยต้องทำงานหลังแอ่นเพื่อ "ส่งส่วย" ให้ชนชั้นล่าง วงจรชีวิตชนชั้นกลางที่ยุโรปคือทำงาน หาเงิน เพื่อจ่ายภาษีค่ะ ส่วนเงินเก็บไม่ได้เหลือกินเหลือใช้อะไรมากมายหรอก ไม่ได้สวยหรูขนาดนั้น ที่ผู้คนยังไม่ลุกฮือกันมาปฎิวัติก็เพราะรัฐบาลยังให้ประชาชนมีกินอยู่บ้าง ถ้าวันไหนชนชั้นกลางเดือดร้อนไม่มีจะกิน คงเกิดสงครามกลางเมืองแน่ๆ โดยเฉพาะโครงสร้างในปัจจุบันที่เงินทองของรัฐมีเท่าไรก็ต้องจ่ายให้กับพวกเหลือบและครอบครัวด้วยน่ะค่ะ

สำหรับประเทศไทย ถ้าการจัดเก็บภาษีทำแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย เดินหน้าเก็บแบบฝรั่งไม่แคร์หน้าอินทร์หน้าพรหม เราคงไม่จนซ้ำซากกันแบบนี้ แต่คงเป็นไปไม่ได้แน่ๆ ในชาตินี้และชาติหน้า ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าเพราะอะไร..ใช่ไหมคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
ตามข้างบนค่ะ
สามีบ่นอยากกลับไปใช้ชีวิตที่ไทยทุกวัน ขนาดอายุยังไม่ถึงสามสิบเลย
รออีกนานสุดๆ


เกิดเป็นคนชั้นกลางที่อเมริกา มันลำบากจริงหนอ

เอาที่ไหนมาพูด

ว่าโดนหักสารพัดภาษีแล้วยังเหลือเงินเก็บเยอะอยู่ดี
ไมจริ๊งๆ ไม่จริงค่ะ ลองมาอยู่เอง มาทำงานเสียภาษีเองจะรับรู้ถึงความเจ็บปวด
รายได้เกินเกณฑ์มาหน่อยนึง ขออะไรจากรัฐก็ไม่ได้นะ จนไม่พอ

เงินเก็บก็ไม่ค่อยมี หามาได้ จ่ายภาษีอ่วมเหนื่อยมากนะทำงานที่เมกานี่ไม่ได้จบสูงเรียนมาดีมีอาชีพรายได้ดี ลำบากค่ะ

อ๊าว เข้ามาบ่นซะงั้นเรา

ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
คนไทยแบบเราไม่บ่น ทนเอา
มีแต่ฝรั่งชนชั้นกลางเท่านั้นที่บ่น
ถ้าไม่รวยล้นฟ้า ก็ต้องจนไม่มีบ้านจะอยู่เลยนั่นแหละ ถึงจะสบายหน่อย
สวัสดิการทั้งหลาย รอหลังเกษียณโน่น
และเดี๋ยวนี้ กว่าจะได้เลิกทำงาน อาจจะแก่ตายก่อนด้วย
ที่ต้องจ่ายอยู่ทุกวันนี้
income tax
property tax
shoool tax
ถ้าอยากมีคุรภาพชีวิตดีหน่อย ต้องมี
life insurance
health insurane
dental insurance
eye insurance
house insurance flood insurance แยกกันนะ
ถ้ามีแต่ house insurance น้ำท่วมเป็นเดือนๆ ไม่ cover จ่ะ
cars insurance motorcycle insurance tractor insurance
ดีหน่อย จักรยาน รถตัดหญ้าไม่ต้องมี insurance
ค่าน้ำ ค่าไฟ โทรศัพท์ อินเตอร์เนต เคเบิลทีวี
ยังไม่นับค่าอาหาร น้ำมัน ยารักษาโรค และเครื่องนุ่งห่ม
และที่สำคัญ เมืองหนาวนี้ ค่าฮืท บ้านเราใช้โพรเพน
มันมีอะไรฟรีมั่งเนี่ย


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
เห็นด้วยกะ จขกท นะ


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
มายืนยัน นอนยัน ตีลังกายัน อีกคน เราฐานะกลาง ต้องบ่นหนักกว่าคนอื่นๆ เพราะรัฐจะเอาแต่ภาษีไม่สนว่าเราจะมีประกันสังคม มีพออยู่พอกินไหม

อยากให้เจ้าของกระทู้ลองมาอยู่ดูนะค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
สามีดิชั้นซึ่งเป็นชาวต่างชาติยังบ่นเลยค่ะ
จขกท.มีประสบการณ์ใช้ชีวิตเมืองนอกรึยังคะ ????
อ่อ ประเทศที่ดิชั้นอยู่เลี้ยงหมายังต้องเสียภาษีปีละหลายพันบาทไทย
เอาไปหักลดอะไรก็ไม่ได้ด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
ดิฉันพำนักอยู่ที่ประเทศเดนมาร์ก จ่ายค่าภาษี 40% ของรายได้ สามีจ่ายสูงกว่านี้ เพราะรายได้เค้ามากกว่า เราจ่ายภาษีสูงมาก แถมภาษีมูลค่าเพิ่มของที่นี่ก็ใช่ย่อย 25% เลยเชียว แต่ดิฉันไม่บ่น เพราะเหตุผลต่อไปนี้

1. ได้รับสวัสดิการต่างๆ จากรัฐคืนกลับมามากมาย ทั้งตัวเองและครอบครัว
1.1. เวลาป่วยก็ไปหาหมอฟรี อันนี้ต้องซื้อยากินเอง แต่หากซื้อครบยอดที่ทางภูมิภาคเค้าตั้งมา ก็จะได้รับส่วนลด หากป่วยมากจนต้องไปนอนรับการรักษาที่ รพ. ก็ฟรีหมดทุกอย่าง ยาก็ฟรี ยาบางชุดแพงเป็นหมื่นเป็นแสน ทางรัฐจ่ายให้หมด เรื่องการตรวจการรักษานี่ก็เต็มที่ CT MR คีโม ฉายแสง ฯลฯ หากหมอสั่งมาละก็ ฟรีหมด คนไข้กับญาติไม่ต้องมานั่งกุมขมับปวดหัวเรื่องไม่มีตังค์จ่ายค่าตรวจค่ายาแพงๆ
1.2 เรียนฟรีตั้งแต่ชั้นประถมไปยันมหาวิทยาลัย ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ไม่ต้องจ่ายค่าหน่วยกิต ชั้นบังคับ เกรด 1-9 ได้หนังสือเรียนฟรี ผู้ปกครองไม่ต้องจ่ายตังค์ซื้อหนังสือ ใครมีลูกเป็นเด็กพิเศษ ทางการเค้าก็จะจัดหาครูพิเศษให้ หรือไม่ก็ส่งเข้าสถานที่เรียนเฉพาะเด็กพิเศษ มีสวัสดิการดีหลายอย่าง แต่เสียอย่างเดียว รร. ที่เดนมาร์กไม่มีอาหารฟรี สู้ที่สวีเดนไม่ได้ เด็กที่นี่ต้องห่ออาหารมื้อกลางวันไปกินเอง
1.3 สาธารณูประโภคและสาธารณูปการทั้งหลายแหล่ทางรัฐจะดูแลได้ดีมาก ยกตัวอย่างง่ายๆ ที่เห็นได้ชัดก็ระบบน้ำประปาที่สะอาด ดื่มจากก๊อกได้เลย ระบบกำจัดน้ำเสียและกำจัดขยะก็ทำได้ดีเยี่ยม ถนนหนทางก็ซ่อมแซมดี ระบบต่างๆ ในสังคมก็จะดีมาก ตำรวจก็เชื่อถือได้ว่าไม่รับสินบน ระบบศาลก็เชื่อถือได้ เรื่องศิลปวัฒนธรรม ทางรัฐก็ดูแลทรัพย์สมบัติและภูมิปัญญาของชาติเป็นอย่างดี แต่ก็เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าไปชมและเรียนรู้ได้ ฯลฯ
1.4 คนตกงานก็ได้เงินช่วยเหลือคนตกงานจากยูเนี่ยน ใครไม่มีสิทธิ์ได้เงินช่วยคนตกงาน ก็จะได้เงินช่วยเหลือจากทางการ พอถึงวัยปลดเกษียณ ประชาชนทุกคนจะมีสิทธิรับบำนาญเท่าเทียมกันทุกคน ไม่ว่าคนๆ นั้นจะทำงานมาก่อนหรือไม่ แต่คนที่ทำงานและจ่ายเงินเข้ากองบำนาญของตัวเองก็จะได้เงินบำนาญที่สูงกว่า
1.5 มีระบบที่ดีที่ให้การดูแลคนพิการและคนชรา ทัั้ง Home care บ้านพักสำหรับคนชราหรือคนพิการ และบ้านพักสำหรับคนป่วยเฉพาะทาง เช่นคนป่วยโรคจิต หรือเด็ก/ผู้ใหญ่พิเศษ ฯลฯ

สวัสดิการดีๆ ยังมีอีกเยอะ หากเขียนทั้งหมดก็คงยาวมาก เพราะงั้นขอผ่านไปเหตุผลที่สองที่ทำให้ดิฉันยอมจ่ายภาษีแพงๆ โดยไม่บ่นนะคะ

เหตุผลข้อ 2. นี่ก็คือ ดิฉันหัวสังคมนิยม ชอบเรื่อง solidality ชอบระบบ ใครมีมากก็จ่ายมาก ใครมีน้อยก็จ่ายน้อย ดิฉันยอมจ่ายภาษีสูงๆ เพื่อที่ทางรัฐจะได้เอาเงินไปพัฒนาประเทศ และช่วยเหลือคนที่มีโอกาสน้อยกว่า และลำบากกว่า แต่ก็ยอมรับว่ายัวะมากนะ เวลาเจอปลิงสังคม หรือคนที่โกงระบบสังคมด้วยวิธีต่างๆ เช่นแกล้งป่วย กินเงินช่วยเหลือจากทางรัฐ แต่แอบไปทำงานมืด (งานไม่มีสัญญา ไม่ต้องเสียภาษี)

ดิฉันไม่ได้มีเงินเก็บมากมาย เพราะมีหนี้เยอะ ทั้งหนี้เงินที่กู้มาซื้อบ้าน และหนี้เงินกู้การศึกษา แต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไร ใช้ชีวิตเหมือนคนชั้นกลางทั่วไปของเดนมาร์กค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
ในประเทศที่อยู่นี้ นักศึกษาจบจากมหาวิทยาลัยและยังหางานทำไม่ได้ มีสิทธิขอรับเงินตกงาน และได้รับเงินตกงานด้วย เดือนละสามร้อยกว่ายูโร ถ้ายังอาศัยอยู่กับแม่พ่อ
ไม่รู้ประเทศอื่นจะมีไหม


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
ภาษีที่จ่ายไป คนที่ได้ใช้ประโยชน์ไม่ใช่คนส่วนใหญ่ที่จ่ายเลยต้องบ่น
นึกๆอยู่ว่าอยู่มาสิบกว่าปีใช้สวัสดิการอะไรบ้างน้า นึกตั้งนานนึกไม่ออก คงเป็นที่ห้องสมุดมั้งแค่นั้นเอง


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
จขกท.มาแล้ว

สรุปว่า ยุโรปดีกว่าอเมริกาเยอะ (แต่ไม่รู้นิวซีแลนด์ แคนาดา ออสเตรเลีย จะเป็นแบบไหน)


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
ในประเทศที่อาศัยอยู่นี้
พ่อทำงาน แม่ไม่ได้ทำงาน การประกันสุขภาพของพ่อจะคลอบคลุมไปถึงแม่และลูกด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
เราเต็มใจจะจ่ายนะคะ ถ้าไปอยู่ที่สวีเดนจริงๆ แต่ปัญหาคือยังหางานที่นั่นไม่ได้นี่สิ
ที่เมืองไทย เราจ่ายภาษีเงินได้เยอะเหมือนกันค่ะ 10%-25% แต่มันน่าเจ็บใจตรงที่นอกจากตัวเองไม่ได้สวัสดิการที่เป็นรูปธรรมแล้ว
ยังเอาเงินภาษีเราไปโกงกิน แทนที่จะเอาไปช่วยคนด้อยโอกาส เราจะไม่ว่าเลยถ้าจะเอาเงินภาษีเราไปช่วยเหลือเกษตรกร ทำให้เขาช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ไม่ใช่เอาไปแจกเพื่อสร้างความนิยมให้กับพรรคตัวเอง

สวัสดิการที่สวีเดนดีจริงๆค่ะ ภาษีก็สูงมาก แต่การกระจายรายได้เขาดี ไม่มีความแตกต่างทางอัตรารายได้เหมือนอย่างบ้านเรา
คนส่วนใหญ่จึงเสียภาษีกันเต็มที่ เลือดซิบๆ ควนใหญ่ของประเทศเป็นชนชั้นกลางจึงไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องภาระท่ต้องแบกรับในการจ่ายภาษีไปอุ้มคนที่ตกงานหรือรายได้ต่ำ
จะมีก็คงเป็นเรื่องการรับผู้อพยพและผู้ลี้ภัยมามากมาย ให้เงินช่วยเหลือเยอะมาก มีลูกกี่คนรัฐก็ช่วยจนคนกลุ่มนั้นขยันมีลูกครัวเรือนละหลายๆคนทั้งที่ตัวเองไม่มีงานทำ
ภาษาให้เรียนฟรีๆบางคนก็ไม่ใส่ใจรอแต่เงินช่วยเหลือ และไม่ตั้งใจจะหางานทำช่วยเหลือตัวเอง กลายเป็นภาระที่รัฐต้องแบกรับ
ตอนนี้พลเมืองดั้งเดิมก็ก้มหน้าก้มตาทำงานเสียภาษี ไม่รู้เมื่อไหร่ปัญหาดังกล่าวจะสั่งสมจนระเบิดออกมา


ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
Income Tax 20%
National Insurance Approx 13%
Council Tax (ค่าตำรวจ ค่าเก็บขยะ) ที่บ้านอยู่กัน 2 คนสามีภรรยา จ่ายเดือนละ 150 ปอนด์
VAT 20%
ขอรวม TV license ไปด้วย ปีละ 145.50ปอนด์
แต่สวัสดิการอย่างเราๆคนทำงานก็ยังไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่ ที่เห็นๆ ก็มี ถ้าป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล ค่าเอ๊กซเรย์ ก็ฟรี ค่าหมอฟรี แต่เสียค่ายาเอง เราอยู่ที่นี่ก็บ่นเหมือนกัน พวกที่ได้ของฟรีก็คือ พวกที่ไม่มีงานทำ รัฐบาลมีบ้านให้ แถมให้เงินใช้อีกต่างหาก ที่นี่แปลก ถ้าทำงานอาทิตย์ละไม่ถึง 20 ชม ต่ออาทิตย์ เค้าก็มีเงินช่วยให้ ทำให้คนขี้เกียจ ทำแค่ 20 ชมก็พอ ที่เหลือรอเงินช่วย อีกอันนึงพวกช่างมีลูก ขยันมีกันจริง เพื่อขอเงินหลวง มีเยอะไม่ว่า แต่ไม่มีปัญญาเลี้ยงลูกให้ดี เบื่อก็พวกนี้แหล่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
อยู่นิวซีแลนด์ สวัสดิการต้องบอกว่าพอประมาณ ไม่ได้ดีเลิศ แต่ภาษีที่เสีย เหอะ เหอะ เหอะ อย่าให้พูดเลย ชนชั้นกลางแบบเรา ทำงานเจ็ดวันทุกวันยังแทบไม่พอกิน อยากให้ตัดงบสวัสดิการของนักการเมืองมากกกกก ณ จุดนี้


ตอบกลับความเห็นที่ 22