สอบถามเรื่องจะไปเรียนต่อที่ ohio

แม่เราอยู่ที่ เมืองOhio และแม่ได้ citizen อเมริกาแล้ว
และแม่เลยอยากให้เราไปเรียนภาษาและต่อ ป.โทที่นั่น
เค้าติดต่อมหาลัยให้แล้ว รอแค่ทางเราส่งเอกสารจากมหาลัยที่ไทย
ไปให้ แล้วมหาลัยที่ ohio จะออกวีซ่าส่งมาที่สถานทูตไทย
เพื่อจะนัดเราไปสัมภาษณ์ ตามข้อมูลนี้ เราอยากรู้ว่า เราต้องทำยังไง
ต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง อีกอย่างเราไม่ค่อยเก่งเรื่องภาษาเลยอยากลง
เรียนภาษาที่นี่ไว้ก่อน แต่ยังหาที่เรียนที่ตรงกับความต้องการของเราไม่ได้
เพื่อนมีที่ไหนแนะนำบ้างค่ะ เราไม่อยากจะเสียค่าเรียนแบบแพงมาก
เพราะเราทำงาน เงินเดือนก็ไม่ได้เยอะ และมีค่าใช้จ่ายอย่างอื่นอีกค่ะ
เลยต้องประหยัดไว้สำหรับเตรียมตัวจะไป ohio เราเองไม่อยากจะไปรบกวน
แม่มากนัก แต่คิดว่าถ้าไปเรียนที่นั่นแล้วเรียนจบ กลับมาทำงานที่ไทย
น่าจะมีเครดิตมากกว่าทุกวันนี้ เพราะเราเคยไปสมัครงานมา 2 ที่แล้วเจอ
คนที่จบเมืองนอก เราสู้เค้าไม่ได้เลย ทั้งที่เรามีประสบการณ์การทำงานมาเป็น 10ปี
รบกวนเพื่อนๆ แนะนำหน่อยนะคะ
1.เราอยากรู้ว่าวีซ่าเราน่าจะผ่านไหม
2.เราควรตอบตอนสัมภาษณ์ประมาณไหนเพ่อให้ผ่านง่าย
3.เราควรเรียนภาษาเพิ่มเติมที่ไหนดีค่ะ

ขอบคุณค่ะ

ความคิดเห็นที่ 1
คงไม่ใช่หรอกนะ ที่ว่า มหาลัยที่ ohio จะออกวีซ่าส่งมาที่สถานทูตไทย
เขาน่าจะส่ง I-20 มาให้ จขกท เพื่อเอาไปประกอบการขอวีซ่าส่งมาที่สถานทูตเมกา
จะได้หรือไม่ได้ พูดยาก แต่คิดว่า คงยากกว่าทั่วไป เพราะแม่ได้ citizen อเมริกาแล้ว และตนเองทำงานมาเป็น 10ปี ทำไมจึงคิดจะไปเรียนอีก
ถ้าอยากจะลอง ตอนนี้ก็ดูวิธีการขอวีซ่าไว้ ขอให้โชคดีนะ


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ขอบคุณค่ะ ที่แนะนำนะคะ
เพราะเราเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่
เพราะไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้ไป
แต่พอแม่ถามว่าอยากจะไปไหม
เผื่อว่ามันจะเป็นโอกาสที่ดีในอนาคต
ก็เลยคิดว่าจะลองดูค่ะ
เพราะเราก็รู้ว่ามันคงไม่ได้ไปง่ายๆ หรอก
แต่แม่บอกว่าแม่จะเป็นสปอนเซอร์ให้ค่ะ
เลยคิดว่าอยากจะลองไปสักครั้ง
ได้แต่ภาวนาขอให้วีซ่าผ่าน


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ถ้าเรียนต่อโท คงต้องสอบพวก TOEFL และ GMAT/GRE ตามขั้นตอนการสมัครทั่วไปค่ะ
ไม่ทราบว่ามหาลัยที่คุณแม่ไปติดต่อให้คือมหาลัยอะไรคะ
เข้าใจว่าคุณแม่น่าจะไปสอบถามข้อมูลเฉยๆ เจ้าหน้าที่จึงแนะนำขั้นตอนการสมัครมาให้ ตามขั้นตอนปกติ ก็คือใช้ transcript จากมหาลัยที่เรียนจบ และต้องใช้ TOEFL, GMAT/GRE ซึ่งจขกท ต้องเตรียมตัวสอบ รวมทั้ง Letter of recommendation จากหัวหน้างาน หรือ อาจารย์ หลักๆประมาณนี้ค่ะ
ตอนนี้ถ้าจะสมัคร เร็วที่สุด ก็เทอม Fall 2013 (เริ่มเรียนราวๆ สิงหา ปี 2013)
ซึ่งหลายๆมหาลัยปิดรับสมัครปลายปีนี้ และ บางมหาลัยปิดรับสมัครราวๆ ต้นปีหน้า (ราวๆเดือน 2-4) ซึ่งหมายความว่า จขกท ต้องรีบลงสอบ TOEFL, GMAT/GRE ณ บัด นาว เลยทีเดียว หรือ ถ้าไม่รีบก็ถัดไปเป็น Spring 2014 ได้ ถ้ามหาลัยเปิดรับ
ซึ่งพอสมัครไปแล้ว ก็ต้องรอผลว่ามหาลัยเค้าจะรับเราเข้าเรียนหรือไม่ ถ้าตอบรับ เค้าจะส่งเอกสาร I-20 ตามที่คุณธนิตาบอกไว้ สำหรับนำไปประกอบการขอวีซ่าค่ะ
โดยทั่วไป ถ้าได้ I-20 จากมหาลัยก็ไม่น่าจะมีปัญหามากในการข้อวีซ่าค่ะ โดยเฉพาะมหาลัยที่เชื่อถือได้ พอมีชื่อเสียงบ้าง แต่อย่างที่คุณธนิตาบอก ยิ่งคุณแม่เป็น citizen แล้ว (เพิ่งได้ด้วยรึเปล่าคะ) แล้วคุณก็รีบขอวีซ่าตามไปอยู่ (ถึงแม้จะไปเรียน) ก็อาจจะถูกพิจารณานิดนึง

รอความเห็นอื่นๆมาให้ความเห็นเพิ่มเติมนะคะ เราอธิบายได้คร่าวๆ แค่ขั้นตอนการเตรียมตัวต่อโทที่เมกาตามที่เขีนให้ด้านบนค่ะ โชคดีนะคะ :)


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ขอบคุณคุณ.San Makyos นะคะที่แนะนำ คือตอนแรกที่ไปคือเราลงคอร์สเรียนภาษาในช่วงซัมเมอร์ก่อนค่ะ เปิดเทอม 20 พ.ค 2013 ค่ะ สมัครเรียนแล้ว ที่ Youngstown State University Ohio ค่ะ ส่วนคุณแม่ได้ citizen นานแล้วค่ะ หลายปีแล้ว น่าจะเกิน 5ปีค่ะ และคุณแม่บอกว่าจะเป็นสปอนเซอร์ให้ ถ้าเราจะเรียนต่อ ก็เลยโอเคตกลง ที่จะไปเรียนค่ะ แต่ทั้งตัวเราเองกับคุณแม่ ต่างก็ไม่เคยทราบเรื่องขั้นตอนแบบนี้ แล้วไม่รู้จะต้องทำยังไงต่อ เพราะถ้าสมัครเรียนไปคือมันก็มีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น เลยเครียดนิดๆ ถ้าวีซ่าไม่ผ่านแล้วไม่ได้ไป กลัวค่ะ ไม่อยากเสียเงินไปฟรีๆ ออกแนวงก นิดๆค่ะ แต่ก็ต้องขอบคุณทั้งสองท่านที่เข้ามาให้ข้อมูลนะคะ อ่อ ลืมบอกไป คือเราเองก็มีแฟน และแฟนก็อยากให้ไปเรียนถ้ามีโอกาส แล้วอย่างนี้สถานทูตจะมองไหมค่ะว่ายังไงเราก็ต้องกลับมาหลงจากเรียนจบ เพราะเราอยู่กันมา12ปีแล้ว แค่จะไปเรียน 3-5ปี เองค่ะ เราแค่อยากจะทำงานหรือมีหน้าที่การงานทัดเทียมกับแฟนเรา แฟนเราเงินเดือนเป็นแสน แต่เราแค่หมื่นนิดๆ เราเลยคิดว่าถ้ามีโอกาสเลยไม่อยากปล่อยโอกาสหลุดมือค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
นอกเรื่องนิดนึง คุณแม่คุณ sankaew_f4 อยู่ ohio เมืองไหนคะ นาอยู่ ohio ฝั่ง Cleveland ค๊า อีกสักนิด คือได้ยินมาว่าแม่เป็น US Citizien สามารถขอกรีนการ์ดให้ลูกได้ไม่ใช่เหรอคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
จากที่ จขกท เล่ามาให้ฟัง
สมัครเรียนภาษาไปแล้ว เรื่องวีซ่าไม่น่าจะมีปัญหานะคะ แต่จะได้นานแค่ไหนก็อีกเรื่องนึงค่ะ แล้วตอนเข้าเรียนโท อาจจะต้องต่อวีซ่าใหม่ (ถ้าอันเก่านานไม่พอครอบคลุมเรียนโทอีก 2 ปี)

ตอนนี้คิดว่าไม่มีอะไรต้องกังวลนะคะ

ขอแทรกความเห็นส่วนตัวนิดนึงนะคะ
ถ้าตั้งใจจะไปเรียนโท การเลือกเรียนภาษาที่นี่และสอบทุกอย่างให้เรียบร้อย เข้าเรียนให้ได้แล้วค่อยไปน่าจะดีกว่าค่ะ จะเป็นหลักประกันที่มั่นคงกว่าและอาจจะประหยัดกว่าค่ะ
เพราะจากหลายๆเคสมากๆ ที่เห็นมา คือตั้งใจไปเรียนภาษา เพื่อสอบเข้า ป โท หลายๆเคสก็ลงเรียนไป ทำงานเสริมไป จนงานเสริมกลายเป็นภารกิจหลัก สุดท้ายบางคนกลับมาทั้งๆที่ไม่ได้เรียนโท หรือ บางคนก็เป็นฮู้ดยาวไปเลย
หรือบางคนที่ไปเรียนภาษาจริงๆ ไม่ได้มุ่งทำงานมากนัก (ทำเพียงเล็กน้อยแต่ตั้งใจเรียน)
แต่สอบ TOEFL เกือบสิบรอบกว่าจะผ่าน เสียเวลาไปเกือบสองปี ก็เคยเห็นมาแล้วค่ะ
ตรงนี้ค่าใช้จ่ายเยอะมากค่ะ พอดีเห็น จขกท กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายเลยแชร์ให้ฟังค่ะ
แต่ไม่ได้หมายความว่าจขกท จะเป็นแบบที่เล่าๆมานะคะ แต่แค่ยกตัวอย่างคนไทยหลายๆคนให้ฟังค่ะ

ขอให้จขกท ประสบความสำเร็จกับแพลนที่วางไว้และได้ทำความตั้งใจให้สำเร็จนะคะ :)


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
เรื่องเรียนภาษาที่เมืองไทย ส่วนตัวเราชอบ AUA ค่ะ เรียนมาตั้งแต่ภาษาอังกฤษเกรด D จนได้ TOEFL 600 (สมัยก่อน จากการสอบครั้งแรก)

เรื่องวีซ่า ถ้าได้ I-20 จากมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ไม่มีปัญหา เตรียม statement ให้พอกับค่าใช้จ่ายที่กำหนดใน I-20 ก็พอ


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
ขอบคุณทุกความคิดเห็นที่เข้ามาเสริมค่ะ
รู้สึกดีที่ได้อ่านข้อความของทุกคน แม้ว่า
มันจะดูกังวลไปหน่อย แต่ก็จะพยายามสู้ก่อน
ให้ถึงที่สุด เพราะเราไม่อยากจะเสียความตั้งใจ
เมื่อก่อนก็ไม่ได้คิดจะสนใจเรื่องอังกฤษเท่าไหร่
หรือเรื่องเรียนต่อโทด้วย เพราะคิดว่ามันไกลเกินไป
แต่หลังจากที่โดนใครหลายคนดูถูกไว้ไม่ว่าจะเรื่องการศึกษา
ฐานะการเงิน ฐานะการงาน ที่แตกต่างจากแฟน
ทำให้คนอื่นรอบข้างบางคนดูถูกเรา กลัวเราจะมาเกาะสมบัติแฟน
เราเลยคิดว่าถ้าเราสามารถผ่านสิ่งพวกนี้ไปได้และกลับมา
พร้อมความสำเร็จ มันน่าจะมีอะไรดีๆ ในชีวิตค่ะ
เราเลยคิดว่าไม่มีอะไรที่คนเราจะทำไม่ได้ถ้ามีความตั้งใจค่ะ
ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนนะคะที่ให้ข้อมูล
แล้วเรากับแฟนหมั้นกันแล้ว ถ่ายรูปแต่งงานแล้ว
แต่เราขอว่าถ้าเราเรียนจบกลับมาค่อยแต่ง แบบนี้
ต้องแจ้งทางสถานทูตด้วยไหมค่ะ หรือว่าไม่แจ้งจะดีกว่า
ขอตอบคุณนา ก่อนนะคะ แม่อยู่ที่ Youngstown Ohio ค่ะ
แล้วเราก็ที่แม่ขอกรีนการ์ดให้เราไม่ได้ เพราะเราอายุ 30 แล้วค่ะ
แต่ถ้าอายุยังไม่ถึง 20 น่าจะเป็นผู้ติดตามได้อยู่ (ตามความเข้าใจเราเองนะ)


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
จขกท บอกว่าอยู่กับแฟนมา12ปีแล้ว ถ้าไม่อยากทำพิธีแต่งงาน ก็ไปจดทะเบียนกันก่อน แล้วให้แฟนเป็น sponsor
ในการไปเรียน โดยไม่เอ่ยเรื่องแม่ ก็คงมีทางได้วีซ่าสูงขึ้น
และอย่างน้อยก็เป็นเครื่องผูกพันแฟนด้วย ไม่งั้นพอกลับมา แฟนอาจหายได้ เงินเดือนเป็นแสน คงมีคนจ้องอยู่นะ


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
ปัญหามันอยู่ตรงที่ ที่บ้านเค้าไม่ยอมให้เราจดทะเบียนกันนั่นแหละค่ะ
ไม่อยากให้เราไปยุ่งกับเงินเค้า เราก็ออกแนวหยิ่งนิดๆ ว่าฉันก็ไม่ง้อ(อิอิ)
เลยอยากจะทำอะไรด้วยตัวเอง เพราะไม่อยากให้เค้าดูถูกเราค่ะ
และเราก็ไม่อยากจะผูกมัดเค้า ขอแบบนี้อยู่ที่ใจ(อิอิ แอบไม่ไว้ใจตัวเอง) 55
ล้อเล่นค่ะ แต่เราแค่รู้สึกว่า ถ้ามันใช่ ก็คือใช่ ทุกอย่างอยู่ที่ใจค่ะ
เค้าก็บอกว่าจะรอเรา แต่เราก็ไม่อยากได้คำสัญญาอะไรมากไปกว่าการทำให้เห็นค่ะ
เพราะทุกวันนี้ก็มีคนจ้องเยอะค่ะ เสนอตัวมาก็มีค่ะ แต่เราก็ไม่สนใจ เพราะเค้าบอก
ยังไงเค้าก็เลือกคนที่เค้าอยู่ด้วยแล้วสบายใจค่ะ เราก็เลยไม่อยากจะไปยึดกับตรงนี้มาก
อยากจะโฟกัสเรื่องเรียนให้สำเร็จโดยเร็วค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 10