เอายังไงดีจะอยู่หรือไปจากประเทศไทยดีครับ.....

เป็นคนที่อ่านอยู่นานมากแล้วไม่นึกว่าจะได้มาตั้งถามขอความเห็นทุกท่านด้วยครับ

คือตอนนี้ผมเลือกไม่ถูกว่าควรจะเดินทางไหนดีครับเนื่องจากโดยส่วนตัวแล้วไม่สามารถหาความรู้สึกของตัวเองได้

ขอเราข้อมูลส่วนตัวก่อนนะครับผมมีลูกแล้วและตอนนีืก็มีงานที่มั่นคงและเงินเดือนที่พอเพียงสำหรับการเก็บและเลี้ยงครอบครัว ก่อนหน้านี้ผมอยู่ต่างประเทศมาตลอดและพึ่งได้กลับมาอยู่ไทยก็ตอนมีตัวเล็กเนี่ยละครับนี่ก็ผ่านมาปีกว่าๆแล้ว ทีนี้หลังจากที่ตัดสินใจไปตอนนั้นว่าจะกลับมาอยู่ไทยถาวร แต่แล้วก็มีสิ่งที่เข้ามารบกวนจิตใจ

เนื่องจากมีโอกาสการงานที่เมืองนอกเข้ามาอีกซึ่งก็เป็นงานในประเทศที่ผมจากมา ก่อนกลับมาอยู่ที่ไทย ก็คือออสเตรเรีย โดยที่ทำงานเก่าที่ผมเคยทำงานได้เสนอ ตำแหน่งที่เลื่อนขั้น และเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นมาให้เพื่อให้กลับไปทำงานในdepartment เดิมที่จากมา

เนื่องจากเหตุข้างต้นทำให้ผมไม่สามารถตัดสินใจว่าจะเดินต่อไปอย่างไรเนื่องด้วยเหตุผลดังนี้

ถ้าอยู่ไทย
- งานที่เมืองไทยก็เป็นงานที่มั่นคง เพื่อนร่วมงานดี และน่าจะมีความก้าวหน้าที่มองเห็นได้
- ได้อยู่กับครอบครัว หลังจากไม่ได้อยู่ด้วยกันมานาน ได้ดูแลพ่อแม่ และพ่อแม่ก็อยากให้อยู่ด้วยมานานแล้ว
- สามารถเอาลูกเข้า โรงเรีบนดีๆ ได้แน่นอนตั้งแต่เด็กเพราะมี connection อยู่บ้าง
-ค่าใช้จ่ายในการให้ลูกเรียนinter. และส่งไปนอก summer และต่อโท ต่างประเทศ รวมถึงการเรียนพิเศษ

ถ้าเลือกที่อยู่ที่ออส
- ลูกได้เป็น native english speaker และสามารถยืนบนโลกระดับglobal ได้แน่นอน
- มาตรฐานชีวิตที่ดีกว่า รวมถึงระบบสังคมที่ดีกว่ามีความเป็นระเบียบและเคารพสิทธิมากกว่าอยู่ไทยแน่นอน
- ชีวิตแบบชิวๆ สามารถเลือกสิ่งที่ตัวเองอยากเป็น อยากทำได้มากกว่าเพราะไม่มีคนรู้จักมากนัก
- มีเงินเก็บได้มากกว่าอยู่ไทยแน่นอนรวมถึงในอนาคตถ้าแฟนลาคลอดยังมีสิทธิลาได้มากกว่า
- งานความก้าวหน้าอาจจะไม่ชัดเจนเท่าที่ไทยแต่คงทำไปได้เรื่อยๆ เพราะเงินเดือนอยู่ในระดับสูง แต่จะให้ไปเป็นระดับใหญ่ๅหมดสิทธิ
- ถ้าอยากให้ลูกเรียโรงเรียนดีๆก็ต้องสอนให้เขาสอบเข้าให้ได้

เหตุผลข้างบนอาจจะขัดใจบางท่านนะครับ แต่เป็นเหตุผลที่ผมได้คิดมาครับ

คืออยากได้คสามเห็นในมุมมองของแต่ละท่าน ถ้าท่านมีโอกาสแบบข้างต้นนี้ ทุกท่านคิดว่าจะเดินกันแบบไหนครับ เพราะทุกท่านน่าจะผ่านประสบการณ์มาเยอะเหมือนๆกัน ขอความเห็นด้วยครับ

ความคิดเห็นที่ 1
สำหรับผม เหตุผลเดียวก็เกินพอแล้ว

"ได้อยู่กับครอบครัว หลังจากไม่ได้อยู่ด้วยกันมานาน ได้ดูแลพ่อแม่ และพ่อแม่ก็อยากให้อยู่ด้วยมานานแล้ว"


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2

หากคุณ จขกท ตัดสินใจไม่ได้ ลองปรึกษาครอบครัวตัวเอง จะดีกว่ามาถามคนนอกนะคะ
จับเข่าคุยกันเลยกับภรรยา เเละคุณพ่อคุณเเม่ เอาข้อดี vs ข้อเสียมาเเจงกันไปเป็นข้อๆ



ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ถ้าเป็นเราจะเลือกไปอยู่ที่ออส ที่นั่นสภาพแวดล้อมดีกว่า และที่สำคัญลูกคุณจะเจอแต่สิ่งดีๆ สวัสดิการก็โอเค


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ถ้ามองปัจจุบัน อยู่ไทยดีกว่าค่ะ ... ได้ดูแลพ่อแม่ ได้ใกล้ชิดครอบครัว
สภาพจิตใจน่าจะดีกว่ากันมาก จะทำให้คุณเติบโตในสายงานได้ดีกว่าค่ะ

ถ้ามองไปในอนาคต อยู่ต่างแดนจะดีกับลูกในด้านโอกาสและการศึกษา
และกับคุณตอนที่ทำงานไม่ได้

ไม่ขอมองด้านงานมั่นคงนะคะเพราะมีงานวันนี้ ไม่ได้บอกว่าวันข้างหน้าจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป
การมีงาน (มีเงิน) มันแล้วแต่สถานการณ์ของบริษัท สภาพเศรษฐกิจ
และตัวแปรหลักก็คือร่างกายของคุณ

หลาย ๆ คน (รวมทั้งดิฉันด้วย) ตอนการงานรุ่งโรจน์หรือตอนอยู่ในวัยเจริญพันธุ์
เรามักจะลืมนึกคำนวณสิ่งที่เรามีอยู่ เช่น มีแรงหยิบจับสิ่งของได้ ตามองเห็นได้ เดินได้ วิ่งได้
พวกนี้คือต้นทุนของงาน

ถ้าไม่มี .. งานก็ต้องเปลี่ยน ปรับ หรือ ทำอย่างเดิมไม่ได้
ลองเอาด้านสาธารณสุข ความปลอดภัย และอื่น ๆ มาเป็นตัวแปรอีกตัวนะคะ

เรื่องสองประเทศ สองโลก มันจะมีด้านบวกและลบ
ไม่มีใครได้ทุกอย่าง และก็ไม่มีใครเสียทุกอย่าง
ถามใจเราเองว่าชอบที่ใดมากกว่ากัน
ที่ไหนที่อยู่แล้วสบายใจที่สุด ที่นั่นดีที่สุดค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
คุณพ่อ คุณแม่ของคุณ ไม่สนใจไปอยู่ต่างแดนบ้างเหรอคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
เห็นด้วยกับความเห็นที่ว่า ...อยู่เมืองไทยดีกว่า


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
ผมว่ากรุงเทพถ้ารวยอยู่ได้สบาย

มีปัญหาอย่างเดียวที่ไม่มีทางแก้ได้คือรถติดนรกแตกในวันศุกร์ฝนตก

ทนกับรถติดได้ รวยขนาดจ้างคนขับ มีคอนโดติดรถไฟฟ้าไว้พักรอรถโล่ง ค่อยกลับบ้านตอนดึก
ควรอยู่เมืองไทย

ถ้าคุณไม่ชอบรถติด ควรไปอยู่ออส


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
คนในครอบครัวว่าอย่างไรคะ เปรียบเทียบหลายๆอย่างอะไรดีกว่ากัน แต่ถ้าเป็นเรา ไปออสเตรเลียค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ถ้าถามดิฉัน ที่อยู่เมืองนอก(เมกา) เก้าปีแล้ว
คิดว่าอยู่เมืองไทย ทำงานที่เดิมดีกว่าค่ะ
เพราะได้อยู่กับครอบครัว และได้ดูแลพ่อแม่ด้วย
ท่านคงแก่แล้วและอยากให้คุณอยู่ใกล้ ๆ
เพราะคุณเองก็ห่างบ้านห่างเมืองเพิ่งกลับมาได้แค่ปีเดียวเอง


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
ถ้าทุกอย่างที่เมืิองไทยพร้อมหมดแล้ว. ทำไมเราต้องคิดให้้สียเวลาอีกละอยู่เมืองไทยเถอะ อยู่เป็นเจ้าของประเทศดีกว่า. เงินทองหาที่ไหนก็ได้. ที่สำคัญคือเวลาที่เราจะได้อยู่พร้้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข มันไม่ได้มีมากเหมือนที่เราคิดหรอก. จริงอยู่การอยู่เมืองนอกคุณอาจจะได้เงินมากขึ้นการใช้ชีวิตอาจจะดีกว่าประเทศไทยอันนี้ผมเข้าใจ แต่จากทีคุณเขียนมาทั้งหมดคุณไม่ได้ลำบากเลยในการใช้ชีวิตที่เมืองไทย. ถ้าทีเดิมดีอยู่แล้ว เราจะเปลี่ยนแปลงไปทำไม แล้ววันหนึ่งคุณก็จะภูมิใจตัวเองในฐานะเจ้าของประเทศที่มีส่วนพัฒนาบ้านเมืองเราให้เจริญ เอาความรู้ที่คุณมีคุณมี่ทั้งหมดช่วยพัฒนาบ้านเราดีกว่า


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
ถ้าเป็นดิฉัน จะอยู่ไทยต่อค่ะ
นี่ก็กำลังเตรียมตัวย้ายกลับไทยค่ะ
สามีเพิ่งเกษียณ ก็ได้รับเสนอให้ทำงานที่ดีกว่าเดิม แต่ก็ไม่เอาค่ะ
ขอกลับไปอยู่ ที่ๆมันอบอุ่นที่เมืองไทยดีกว่าค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
ดูแล้วก็เห็นว่า ข้อเสียของงออสไม่ค่อยจะมี มีก็คือเรื่องงานที่จะไม่ได้เป็นใหญ่ แต่ถึงอย่างไรก็ยังได้เก็บเงินมากกว่า และชีวิตความเป็นอยู่มันสะดวกสบาย(ใจ)มากกว่า

เรื่องโรงเรียน โรงเรียนดีๆ ส่วนใหญ่เค้าจะเป็นเอกชนนะคิดว่า คุณมีเงินก็เอาเข้าเอกชนสิคะ โรงเรียนนานาชาติเมืองไทยยังแพงกว่าเอกชนแถวนี้เลย(บางแห่ง)
คุณรู้ไหม ร ร เอกชนที่ออสนี่ได้เงินช่วยเหลือจากรัฐบาลมากกว่า ร ร รัฐบาลเองเสียอีก นี่ดิฉันยังงงไม่หาย ไม่รู้ทำไมเป็นอย่างนั้น แต่มันเป็นมานานแล้ว คนมีสตางค์ถึงให้ลูกเข้าเอชนกันหมด ร ร รัฐก็ซ่อมซ่ออยู่อย่างนั้น

ถ้าไปอยู่ออสจะมาอยู่แถวไหนคะ หาบ้านที่มี ร ร ดีๆสิถ้าคิดจะมา เพราะคุณมีทางเลือกเยอะกว่าอีกหลายล้านคน


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
ไม่ทราบว่า จขกท อยู่เมืองไหนคะ แล้วลูกเรียนระดับไหน

ถ้าเป็นระดับประถม อยู่แอเรียที่ดี โรงเรียนจะดีตามนะ ถึงจะเป็นของรัฐบาลก็เถอะ โรงเรียนมัธยมก็เช่นกัน

อย่างเช่นถ้าคุณอยู่เมลเบิร์น แล้วอยู่แอเรียอย่าง Glen Waverley หรือ Mckinnon ซึ่งสองโซนนี้มีโรงเรียนมัธยมของรัฐที่เก่งกว่าโรงเรียนเอกชนหลายแห่งเสียอีก ไม่ต้องสอบเข้าด้วย ขอให้อาศัยอยู่ในโซนเท่านั้น สองแอเรียนี้บ้านจึงราคาแพงมากกกก เพื่อนสิงคโปร์คนนึงยังย้ายไปเช่าบ้านที่ Mckinnon เลย เพื่อให้ลูกชายสองคนได้เข้าเรียนที่นั่น

การเข้าโรงเรียนเอกชนก็ใช่ว่าจะดีเสมอไปนะ นอกจากค่าเทอมแพงมหาโหดแล้ว ถ้าไม่รวยจริง เด็กอาจมีปมด้อยนะ อย่างครอบครัวไทยครอบครัวนึงก็ส่งลูกเรียนเอกชน ปรากฎว่าเด็กไม่มีความสุข ไม่อยากไปโรงเรียนเพราะอายที่แม่ขับโตโยต้า เพื่อนๆ เขา พ่อแม่ขับเบ๊นซ์ ขับบีเอ็มกัน ปิดเทอมก็พาลูกๆ ไปเที่ยวยุโรป ไปเมกา แม้แต่อาจารย์ของลูกเราที่เคยส่งลูกสาวไปเรียนเอกชนก็เจอปัญหานี้ คือเอาความรวยมาเบ่งใส่กัน จนต้องย้ายให้ลูกไปเรียนโรงเรียนรัฐบาล ลูกถึงมีความสุขขึ้น


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
ถ้าอยากรู้รายละเอียดผลการสอบ แนป แพลน ให้เข้าไปในเวปของรัฐบาลนะคะ ใสชื่อเขต หรือชื่อ ร ร ไป เค้าจะมีผลการสอบมาให้ดูว่า ร ร ทำได้ผลเป็นอย่างไร

โรงเรียน เอกชนแถวบ้านดิฉัน ทำได้ ดีมาก คือถ้าเทียบกับรัฐบาลแล้ว มันคนละขั้วกันเลย ยกเว้น ร ร มัธยมแห่งเดียวที่เป็น ซีเล็คทีฟ สคูล คือต้องสอบเข้า

ฟังคุณข้าวปั้นเล่าแล้ว เหมือนเมืองไทยยังไงยังงั้นเลยค่ะ เพราะเด็กๆแถวบ้าน เค้าไม่เป็นกันเลย ลูกเพื่อนเรียนเอกชนกันหมด พ่อแม่ก็ขับรถธรรมดากัน บ้านก็หลังไม่ใหญ่ ซัมเมอร์ก็ไม่ได้ไปไหน มิหนำซ้ำยังนั่งรถโรงเรียนกลับบ้านเลยค่ะ อิอิ

อันนี้เป็นเวปไซต์เกี่ยวกับโรงเรียนะนะค เข้าไปเช็กเอาค่ะ


http://www.myschool.edu.au/

เข้ามาเพิ่มเติม คือ ถ้าใส่ชื่อโรงเรียนไปแล้ว เค้าจะมีผลสอบ และลิงค์ของโรงเรียนให้ด้วย เข้าไปอ่านรายระเอียดเกี่ยวกับโรงเรียนนั้นได้เลยค่ะ ถ้าเป็นเอชนเค้าจะมีค่าเทอมิอะไรบอกทุกอย่าง ค่าใช้จ่ายต่างๆ คิดว่ามันยังไม่แพงเท่าโรงเรียนนานาชาติที่เมืองไทยนะ ต่อปีนะคะ

แต่ถ้าคุณอยากได้โรงเรียนรัฐ ดีๆ ก็ต้องไปหาที่อยู่ที่ดีๆค่ะ โรงเรียนดี ก็จะอยู่ในทำเลดีๆ บ้านแพงๆ ตามไปด้วย แต่คิดว่าคุณคงจะสามารถแอฟฟอร์ดได้



ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
เราเลือกออสค่ะ คุณภาพชีวิตโดยรวมและสภาพสังคมดีกับอนาคตลูกคุณมากกว่า

ต่อให้คุณส่งลูกคุณเข้าโรงเรียนที่ดีขนาดไหน แต่พอออกนอกห้องเรียนเข้าก็ต้องเจอกับสังคมข้างนอกอยู่ดี


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
ตอนแรกฟังเพื่อนคนไทยเล่า คือเขากลุ้มว่าจะทำยังไงดี เมื่อลูกคิดแบบนี้ กับอาจารย์ของลูกที่เป็นฝรั่งเล่า เราก็ฟังไว้นะ

ต่อมาได้มีโอกาสไปดูโรงเรียนเอกชนใกล้บ้าน ปรากฎว่าเจอของจริงค่ะ คือเด็กๆ ตัวเท่าลูกหมา แต่คุยทับกันให้ได้ยิน คนนึงบอกว่าพ่อฉันมีบ้านสามหลัง ที่บ้านมีสระว่ายน้ำ สนามเทนนิส อีกคนบอกว่าเสาร์อาทิตย์นี้จะไปเที่ยวบาหลี (ขนาดแค่เสาร์อาทิตย์ยังบินไปเที่ยวเมืองนอกกัน) ฟังแล้วก็เอ่อ ตัวกระเปี๊ยกเดียว ยังรู้จักคุยทับกันขนาดนี้ แล้วพวกโตๆ นี่จะขนาดไหนกัน

ทำให้นึกถึงหลายปีก่อนที่ฟังรายการวิทยุของอาจารย์สุนีย์ มีผู้ปกครองคนนึง ลูกสาวเข้าจุฬาได้ ไปเรียนได้สองวัน แล้วกลับมาบอกว่าจะไม่ไปเรียนอีกแล้ว จนกว่าแม่จะซื้อกระเป๋าหลุยส์ วิตตองใบละสองหมื่นให้ ผู้ปกครองคนนี้เป็นแม่ค้าร้อยพวงมาลัยขาย เลยเขียนมาปรึกษาอาจารย์ว่าจะทำยังไงดี มันมีด้วยหรือกระเป๋าใบละสองหมื่นบาท เกิดมาเพิ่งเคยได้ยิน

แล้วเคยอ่านบทความว่า นักเรียนจากโรงเรียนรัฐบาลจะปรับตัวเข้ากับชีวิตในมหาวิทยาลัยได้ดีกว่านักเรียนที่จบจากเอกชน พอคุยเรื่องนี้กับเพื่อนฝรั่ง เขาก็ว่า ก็เรียนเอกชน ครูป้อนให้ทุกอย่าง ไม่เหมือนนักเรียนโรงเรียนรัฐ ที่เด็กต้องขวนขวายเอง พอเข้ามหาวิทยาลัยก็เลยปรับตัวได้ บรรดาครูบาอาจารย์ก็คาดหวังน้อยกว่าเด็กที่จบเอกชนด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
คิดเหมือนกับคุณ คคห 15 คุณภาพชีวิตโดยรวมและสภาพสังคมดีกับอนาคตลูก
คุณมากกว่า เมืองไทยอันธพาลเยอะ โจรเยอะ ผู้รักษากฏหมายแทนที่จะพึ่งได้
ก็ดันทำตัวเหนือกฏหมายเสียเอง ตามข่าวขู่กรรโชกทรัพย์อู่เชฟอยู่หรือเปล่าครับ
ไปหาแพะมาให้จนได้


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
ถ้าเป็นดิฉันมีลูกแล้ว จะเอาลูกเป็นที่ตั้งค่ะ อยู่ที่ไหนที่ดีที่สุดสำหรับเขาค่ะ

แต่ก็คงต้องปรึกษาครอบครัวก่อนด้วยค่ะ

ความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ

ถ้าคุณไม่คิดว่าอยู่ไทยตอนนี้ดีที่สุดแล้ว

คุณคงไม่หวนคิดถึงประเทศที่จากมาแน่นอนค่ะ

ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
คุณ จขกท. คะ ดิฉันอ่าน คห. ของคุณแล้ว ขอแสดงความคิดเห็นว่า คุณอยู่เมืองไทยดีกว่าค่ะ อยู่เมืองไทย สบายกว่า
เยอะค่ะ ถ้ากลัวลูกๆ จะเสียเด็กเพราะสภาพแวดล้อมแบบไทยๆ สังคมแบบไทยๆ ในส่วนที่ไม่ดี ก็ต้องปลูกฝังสิ่งดีๆ ให้เขาค่ะ

ปลูกฝังให้เขามีมารยาทสังคมทั้งแบบไทยและแบบสากล ปลูกฝังให้เขาเป็นคนไทยที่ดีและสามารถเป็นพลเมืองของโลก
ในระดับสากลได้ พอเขาจบชั้นมัธยมก็ส่วไปเรียนที่ต่างประเทศค่ะ

ดิฉันขอติงนึงนะคะ เพราะอ่านแล้วสะดุดค่ะ ตรงที่คุณคิดว่าถ้าหากว่าคุณย้ายครอบครัวไปอยู่ออสเตรเลีย
และพาลูกไปเรียนที่นั่นแล้วจะทำให้เขาสามารถยืนบนโลกในระดับ Global ได้ ขอเตือนสติว่า กรุณาอย่าดูถูกความเป็นคน
ไทยของตัวเอง อย่าดูถูกประเทศไทย อย่าดูถูกความเป็นเอเชี่ยน อย่าดูถูกเอเชียค่ะ เพราะถ้าคิดแบบนั้นก็เท่ากับดูถูกตัวเอง

มีคนไทยมากมาย คนเอเชียมากมายนะคะ ที่เขาอินเตอร์กว่าคนไทยและคนเอเชียอีกมากมายที่อาศัยอยู่ในประเทศที่
เจริญแล้วค่ะ คนไทยดีๆ มีคุณภาพที่สามารถทำงานเคียงบาเคียงไหล่ หรือเป็นที่ยอมรับของนานาชาติในระดับสากล
คือคนไทยในประเทศไทย และคนไทยในเอเชียค่ะ

เด็กๆ ที่เติบโตในเมืองไทย ถ้ามีพ่อแม่ ครอบครัว เครือญาติสนับสนุนในทางที่ดี ปลูกฝั่งสิ่งดีๆ ให้ สอนให้คิดแบบมีเหตุผล
มีความเมตตา มีจิตสาธารณะ มีมารยาทสังคม มีความรู้รอบตัว ติดตามข่าวสารบ้านเมืองข่าวสารโลก มีความรู้ทางด้าน
วิชาการ เขาจะเติบโตขึ้นมาเป็นคนมีคุณภาพค่ะ

ในประเทศฝรั่งที่เจริญแล้วหน่ะ ไม่ใช่ว่าคนที่อาศัยอยู่ที่นั่นทุกคน หรือเกิดที่นั่นทุกคนจะดีกว่าคนไทยนะคะ คนต่างชาติ
ของประเทศที่เจริญแล้วที่เป็นคนไม่มีคุณภาพมีอยู่มากมายค่ะ

คุณ จขกท.เอง เคยอยู่อาศัยในเมืองนอกเมืองนามาแล้ว และเมื่อกลับมาอยู่เมืองไทยมีงานดีๆ ทำ เพื่อนร่วมงานดีๆ
อยู่ในสังคมดีๆ ก็น่าจะทราบนะคะ ว่าคนไทยในประเทศไทยมีคนดีมีคุณภาพอยู่มากมายค่ะ และ อย่างที่บอก หลายๆ คนหน่ะ
เขา "อินเตอร์" ค่ะ

อย่างไรก็ตามขอให้ตัดสินใจได้นะคะ

//ปอลอ เรียนคุณ คห. 7 ที่ออสเตรเลียมีรถติดนะคะ โดยเฉพาะที่ CBD ในบริสเบน ติดมากกว่ากรุงเทพฯ อีกค่ะ
และถ้าเป็นบริสเบนเนี่ย มีน้ำท่วม มีพายุ มีภัยธรรมชาติบ่อยๆ ค่ะ หรืออย่างซิดนี่ย์ บางครั้งฝนตกติดๆ กันหลายวัน
ตกกระหน่ำ น้ำก็สามารถท่วมได้ค่ะ

สถิติของอาชญากรรมตามเมืองใหญ่ๆ ในออสเตรเลียหน่ะ มีค่ะ มีมานานแล้วด้วย ต้องระวังตัวเหมือนอยู่เมืองไทย
ไม่ว่าจะเป็น ซิดนี่ย์ เมลเบิร์น บริสเบน


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
เมื่อก่อนตอนมีลูกเล็กๆคิดว่ายังไง๊ ยังไงก็จะอยู่อเมริกาเพราะระบบการศึกษาดีกว่า ตอนนี้พอลูกเริ่มเข้าโรงเรียน เมื่อเปรียบเทียบกับลูกเพื่อนที่เข้าอินเตอร์ในไทย ที่สามารถพูด อ่าน เขียน ได้สองภาษา และไม่รวมภาษาที่สาม ที่สี่อีก อิฉันก็อยากกลับแต่จนด้วยปัญญา เพราะคงไม่มีเงินพอที่จะส่งลูกเข้าอินเตอร์ฯแน่นอน ถึงจะได้ก็คงแบบกระอักเลือด ก็เลยอยู่ไปโดยไม่มีความหวังอะไร

ถ้าเป็นอิชั้นจะอยู่ในไทยค่ะ มีงานมีการทำสามารถดูแลครอบครัวได้ด้วย ตอนซัมเมอร์ก็ค่อยให้ลูกๆไปเมืองนอกก็ได้ หรือประเทศอื่นๆ ตอนนี้เด็กก็ไม่ด้อยทางการศึกษา อาจจะทันสมัยกว่าเด็กเมืองนอก(ที่อิชั้นอยู่)เสียอีกนะ


ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
บริสเบนรถติดมากกว่ากรุงเทพฯไม่จริงหรอกค่ะ ไม่มีเมืองไหนในออสเตรเลียที่จะรถติดเท่ากรุงเทพฯ และไม่มีเมืองในที่ busy ขนาดกรุงเทพฯ


ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
ดิฉันเคยไปรถติดอยู่บริสเบนหลายหนค่ะ หนหนึ่งต้องลุ้นด้วยว่าจะไปสนามบินบริสเบน เพื่อขึ้นเครื่องกลับเมืองไทย
ทันหรือไม่ขนาดเผื่อเวลาเอาไว้เยอะๆ แล้ว ยังหวาดเสียวเลยค่ะ และเป็นการที่ไปรถติดตอนค่ำ ในช่วงเร่งด่วน ในเขต CBD
ไปจนถึงถนนบริเวณเลียบแม่น้ำนะคะ

และซิดนี่ย์รถอาจจะไม่ติดตลอด แต่มีเวลาที่รถติดบ้าง และซิดนี่ย์ โกลด์ โคสท์ สำหรับดิฉันแล้ว หลายๆ แอเรีย
ไม่ปลอดภัยเลยค่ะ

ฉก ชิง วิ่งราว ตีกัน ต่อยกัน แทงกันตาย คนหาย เด็กหาย ยกเค้าบ้าน ข่มขืน ลักเล็กขโมยน้อย
ที่ออสเตรเลีย มีครบหมดนะคะ อนึ่ง สถิติอาชญากรรมที่สูงที่สุดในออสเตรเลีย คือที่โกลด์ โคสท์

//กรุงเทพฯ หน่ะ เป็นเมืองที่วุ่นวาย (Busy) ระดับกลางๆ ค่ะ และยังมีหลายเมืองในเอเชียที่ Busy กว่ากรุงเทพฯ
มากมายค่ะ

รถติดระดับเทพในเอเชีย ดิฉันยกให้กรุงปักกิ่ง, เมืองโคลัมโบ, เมืองแคนดี้, เมืองมุมไบ ค่ะ กรุงเทพฯ หน่ะ ชิดซ้ายไปเลย
ขอบอก อิอิ

หรือ จาการ์ต้า กับ มะนิลาเนี่ย กรุงเทพฯ ต้องเรียกพี่เช่นกันค่ะ สำหรับดิฉันแล้วกรุงเทพฯ ไม่มีคำว่ารถติดค่ะ
เพราะดิฉันใช้บริการขนส่งสาธารณะ เช่นรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน เรือด่วน เรือหางยาว เรือคลองแสนแสบ หรือ เดิน หรือ ใช้
บริการพี่วินมอเตอร์ไซค์ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 22