อยากสอบถามเรื่องทำประกันสุขภาพในอเมริกา สำหรับคนไม่เคยมีประวัติการรักษา

สวัสดีครับ

พี่ชายผมตอนนี้กำลังคิดจะทำประกันสุขภาพอยู่
แต่ปัญหาคืออย่างนี้ครับ จริง ๆ เขาเองก็มีปัญหาความดันโลหิตอยู่
ตอนที่อยู่ไทย คุณหมอก็จ่ายยาให้อยู่ครับ

แต่ทีนี้พอไปทำที่อเมริกาแล้ว ผมเดาเอาว่า คงไม่น่าจะโดนขึ้นค่าใช้จ่ายเพราะ Pre-Existing เพราะว่าไม่เคยมีประวัติการรักษาที่อเมริกา
.
อยากถามว่า ถ้าแบบนี้ต้องรอประมาณกี่เดือนครับ ถึงจะไปหาหมอเรื่องความดันโลหิตสูงได้หลังจากทำประกันไปแล้ว

ความคิดเห็นที่ 1
ตอบยากนะ......แต่คนที่เคยทำ อาจจะรู้เรื่องนี้

ตัวผมเองเวลาที่มาเที่ยวเมืองไทย จะซื้อ Travel Insurance Plan มาด้วยทุกครั้ง แต่ว่า pre existin เขาบอกว่ามันเกี่ยวกับตั๋วเครื่องบินที่ซื้อด้วย ต้องซื้อภายใน 14 วัน เขาถึงจะยอมให้มี pre-existing ได้

ลองเข้าไปอ่านจากเวป ที่คุณจะไปซื้อดีกว่า คุณน่าจะได้คำตอบครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ตอนไปหาหมอจะมีคำถามว่าตอนี้ take prescription medicine อยู่หรือเปล่า คุณจะ
เลือกตอบยังไงก็แล้วแต่ ผมแค่บอกให้ทราบล่วงหน้าไว้ ถ้าตรวจๆไปอาจจะเจอ แต่
หมอกับประกันคนละส่วนกันครับ หมอชอบให้คนไข้มาบ่อยๆเพราะได้ตังค์


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
เวลาจะซื้อประกันนะคะ หลังจากเลือก plan และ premium และยื่นใบสมัครขอทำประกันไปแล้ว ประมาณไม่เกิน 1 อาทิตย์ จะมี nurse โทรมาหาเพื่อสอบถามประวัติการรักษาพยาบาล เช่น เคยเป็นโรคอะไรบ้าง กินยาอะไรอยู่ ไปหาหมอที่ไหน ครั้งล่าสุดไปหาหมอเมื่อไหร่ เป็นต้น เพราะคำสัมภาษณ์นี้จะนำไปพิจารณา final premium อีกที นอกจากนั้นยังมีเรื่องของอายุเข้ามาเกี่ยวข้องในการพิจารณาด้วยนะคะ

ถ้าบริษัทประกันอนุมัติแล้วและได้ ID card แล้ว ก็ไปหาหมอได้เลย แต่ต้องเช็คให้ดีก่อนนะคะว่าหมอที่จะไปนั้นอยู่ใน network ของประกันหรือเปล่า เพราะตาม policy ของประกันสุขภาพนั้นเขาจะกำหนดว่า ถ้าหาหมอใน network จ่ายเท่าไหร่ และนอก network จ่ายเท่าไหร่ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ว่าพี่ชายของคุณจะเลือกทำประกันแบบ PPO หรือ HMO นะคะ

อ่านรายละเอียดให้ดีๆ นะคะ...จะมี co-pay กับ deductible เข้ามาเกี่ยวข้อง ควรพิจารณาตรงนี้ก่อนตัดสินใจเลือก plan ด้วยนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
สวัสดีครับ
ขอบคุณทุกท่านครับ

ขอถามเพิ่มเติม
ผมลองอ่าน ๆ ดูพวก Co-pay and Deductible แล้วครับ คิดว่าไม่มีปัญหาอะไร
ทีนี้อยากถามเรื่อง

1.) In-Network and Out-Of-Network
ผมลองใช้ตัวค้นหาของบริษัทประกันจากรัศมีบ้าน สิบไมล์ ก็เจอเยอะพอสมควร คิดว่าเรื่องตัวเลือกน่าจะไม่มีปัญหา
แต่ทีนี้ อยากถามครับว่า ด้วยความที่เป็น อิน เน็ตเวิกเนี่ย จะทำให้มีความแตกต่างทางด้านคุณภาพและบริการกับเอ๊าออฟเน็ทเวิกมั้ยครับ เช่น ถ้าในกรณีของกรุงเทพ อาจจะเป็น
อิน เน็ตเวิก มีแต่โรงพยาบาลรัฐ
เอา ออฟ มีแต่พวก สมิติเวช หรือ บำรุงราษฎร์

2.) ผมเข้าใจว่า HMO นี้มีดีตรงที่เราสามารถเอาไปยื่นลดภาษีได้ในภายหลัง แต่เวลาจ่ายต้องจ่ายเหมือนกับใส่เข้าไปในบัญชีธนาคาร ถูกต้องมั้ยครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
วันก่อนเพิ่งจะได้คุยกับประกันที่เราทำกับบริษัท
ขอเพิ่มข้อมูลสำหรับคำถามข้อ 2 นะคะ คือเราก็ไม่แน่ใจว่า HMO รายละเอียดเป็นยังไง
แต่ถ้าต้องมีการจ่ายเงินเข้าบัญชี ให้จขกท.ลองเช็คดูนะ ว่าเงินที่บอกว่าจ่ายเข้าบัญชี Health Saving ครบปีถ้าไม่ใช้เค้าตัดทิ้งเลยหรือเปล่า ของที่บริษัทเราเค้าตัดทิ้งเลยค่ะ

แต่อาจจะเป็นข้อดีสำหรับพี่ชายจขกท.นะคะ เพราะเป็นกรณีที่รู้อยู่แล้วว่ามีค่าใช้จ่ายเรื่อง Prescriptions แน่ๆ ไหนๆก็ต้องจ่าย เอาแบบหักภาษีได้ก็น่าจะดี
แต่สำหรับเรา ไม่รู้จะป่วยไม่ป่วย เราเลยไม่เลือกจ่ายเข้า Health Saving อ่ะค่ะ ยอมเสียภาษีดีกว่าโดนตัดเงินทิ้งไปเปล่าๆ ยอมจ่าย Premium อย่างเดียว


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
In network - ก็คือ หมอที่มีข้อตกลงกับประกันอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ประกันแบบ HMO จะอยู่ในกลุ่มนี้นะคะ

Out of network - ก็คือ หมอที่ยังไม่เคยมีข้อตกลงกับประกันเลย กรณีนี้ถ้าเป็น PPO ก็สามารถแจ้งความจำนงไปได้ แต่จริงๆ แล้วถ้าเป็น PPO ก็หาหมอที่ไหนก็ได้ แต่การ claim ประกันอาจจะไม่เท่ากับ in network น่ะค่ะ

ไม่เคยใช้ HMO เลยตอบข้อ 2 ไม่ได้ค่ะ...

หาข้อมูลเปรียบเทียบเยอะๆ ก่อนตัดสินใจนะคะ เลือกหลายๆ บริษัทแล้วเปรียบเทียบดู ราคาที่เขา quote ให้ครั้งแรกยังไม่ final นะคะ เขาจะ quote ล่อใจเราก่อนแต่หลังจากสัมภาษณ์กับ nurse แล้วเขาจะแจ้งราคาใหม่มาให้ หลังจากนั้นค่อยตัดสินใจว่าเลือก plan นี้หรือไม่


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
เพิ่มเติมคห ห้า อันนี้จากปสก ส่วนตัวนะครับ HSA ของผมเป็นเงินเก็บเข้าธนาคาร ไม่มีการถูกตัดทิ้งอย่างใดทั้งสิ้น ถ้าไม่ได้ใช้ก็อยู่ในบัญชีได้ดอกเบี้ยนิดๆหน่อยๆไปเรื่อยๆครับ HSA ของผมเป็นการหักเงินจากเงิน pay check ก่อนนำไปคิดภาษีเงินได้ทำให้ฐานเงินเดือนที่นำไปคิดภาษีต่ำลง ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อดีของ HSA ข้อดีของ HSA อีกอย่างก็คือทุกครั้งที่เราจ่ายเงินเข้าบัญชี นายจ้างจะจ่ายเงินสมทบเข้าบัญชีของเราด้วย แพลนของผมอาจจะต่างกับของ คห ห้า แต่ผมแนะนำให้คุณคห ห้าลองเช็คกับฝ่ายบุคคลที่บริษัทของคุณหรือ plan administrator ของคุณดูอีกทีครับ แปลกที่เค้าตัดเงินที่เรานำส่งทุก pay check ทิ้งถ้าไม่ได้ใช้ภายในปี ตัดไปไหน ตัดไปให้ใคร เงินตรงนั้นเป็นเงินได้จากเงินเดือนของคุณ ถ้าเค้าจะตัดทิ้งจริงคุณเอาไปซื้อยา OTC ให้หมดก่อนที่เค้าจะตัดทิ้งก็ได้ แต่กรณีของคุณแปลกๆครับ โชคดีครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
1.In network ก็คือหมอในเครือข่ายหรือสังกัดของประกันครับ ประกันสามารถควบคุม
Cost ของค่ารักษาพยาบาลได้ out of pocket จะค่อนข้างตายตัว

Out of network แปลตรงตัวได้เลย คือหมอที่ไม่อยู่ในเครื่อข่ายของประกัน ประกันไม่สามารถควบคุม cost ได้ ถ้าบิลมาสูงเกินมาตรฐานที่ประกันกำหนดไว้คนไข้ต้องจ่ายส่วนนั้นเอง และก็ส่วนของ deductible ด้วย ข้อดีคือคุณสามารถเลือกหมอเองได้

2. ไม่แน่ใจว่าเข้าใจตรงกันหรือไม่ บาง Group insurance จะมีอ๊อปชั่นให้พนักงานหักเงินจากเช็คเป็นการสะสมในกรณีที่ Anticipate any medical expenses จะได้ไม่มีปัญหา ส่วนเรื่องหักภาษีไม่ทราบแน่ชัดครับ แต่ medical insurance โดยทั่วๆไปเป็น pretax อยู่แล้ว


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ขอบคุณทุกท่านนะครับ
ได้ข้อมูลที่มีประโยชน์มาก


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
เราคห. 5 ค่ะ ขอบคุณคุณ Omega3 ที่มาให้ข้อมูลค่ะ HSA ของสามีเราก็เก็บไว้ใช้ได้ตลอด ไม่มีตัดทิ้งค่ะ แต่ของเราประกันบอกว่าตัดจาก Pay Check ทุกเดือน 1 ปีถ้าไม่ใช้ตัดทิ้งจริงๆค่ะ พอเราบอกว่าถ้างั้นนี่มันไม่น่าจะใช่ Saving Account แล้วล่ะ ไม่เห็นได้ประโยชน์อะไรนอกจากเรื่องภาษี
เค้าก็ยังบอกว่าพอจะครบปี ก็ไปซื้อยา OTC แบบที่คุณบอกเลยค่ะ เราเลยไม่เปิดแบบนั้น ให้สามีเก็บไปคนเดียวเลย เพราะ Account ของเค้า เอามาจ่ายให้เราได้เหมือนกัน

แต่เดี๋ยวจะไปถาม HR ที่บริษัทดูค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
ของผมเก็บไว้ใช้ข้ามปีได้ครับ ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมของคุณ BlueBonnet ถึงต่างกัน แปลกมากถ้าเค้าจะมาตัดเงินของเราทิ้ง ไม่น่าเป็นไปได้เนื่องจากว่าเงินที่สะสมนั้นตัดจากเงินเดือนของเรา เงินส่วนที่นายจ้างสบทบให้ก็ของเรา แล้วอยู่เฉยๆจะมาตัดทิ้งได้ยังไง ลองสอบุุถามบริษัทที่จัดการเรื่องเงิน เอชเอสเอดูน่าจะได้ข้อมูลที่ชัดเจนถูกต้องกว่า บริษัทประกันอาจจะงงก็ได้ครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 11