แชร์สัมภาษณ์วีซ่าอเมริกา

อยากแชร์ค่ะ อ่านของหลายๆท่านก่อนไป ตอนนี้ผ่านมาแล้วเลยอยากเล่าบ้างค่ะ

เราได้คิวสัมภาษณ์ 9.00 เช้าค่ะ
ไปถึงแปดโมงเช้าด้วยความกลัวรถติด ไปถึงหน้าสถานทูติก็เจอผุ้หญิงเสื้อชมพูตรวจเอกสารอยู่หัวแถวโน่นน (ได้เจอแล้วผู้ ญ เสื้อชมพุที่เค้าว่ากัน) แต่แถวไม่เห็นจะยาวเลยแฮะ มีที่ต่ออยู่ประมาณ 10 คน ที่อ่านๆมาส่วนใหญ่บอกต่อยาวววไปถึงสะพานลอย สงสัยระบบใหม่มาก่อนแค่ครึ่งชม.ก็พอไม่ต้องมาแต่เช้ามืด พอผุ้หญิงเสื้อชมพูมาตรวจถึงเอกสารเรา ก็ขอแค่ใบ ds-160 แล้วก็ขอดูหน้า passport แล้วให้บัตรคิวมา เขียนสีไฮไลท์ว่า 9.00 B2 คนที่อยู่หน้าเราคิว 9.30 แอบคิดในใจมาก่อนเราอีกแฮะ ระหว่างต่อแถวอยู่จะมีคนเอาใบมาให้อ่าน ในนั้นก็จะบอกไว้ว่าอะไรห้ามเอาเข้าไปในสถานทูติบ้าง ก็ต่อแถวไปประมาณ 15 นาทีได้รปภ.(ไม่รู้ใช่ รปภ.รึเปล่า ชุดคล้าย) ก็จะเรียกเข้าไปฝากโทร สายcharge หุฟัง ฯลฯ ตามใบที่เค้าให้อ่านก่อนหน้านี้ เรียกครั้งละ 5 คนได้ ไม่แน่ใจจำนวน ผ่านจุดนี้ไปก็จะไปเจอด่านแรกตรวจเอกสาร
เป็นผู้หญิงเสื้อชมพูนั่งอยุ่ 3 คน
สิ่งที่เค้าขอมี
1.หน้า confirm ds-160
2.รูปถ่าย
3.จม.จากที่ทำงาน/จม.จากโรงเรียน,มหาลัย
4.จม.เชิญ (ถ้ามี)
5.passport เล่มปัจจุบัน
พอครบเค้าจะเอาเอกสารเราเรียงแล้วหนีบด้วย passport ใส่คลิปดระดาษให้ แล้วเอาใส่แฟ้มใสอีกที แล้วคลิปเลขที่คิวใบสีเหลืองในแฟ้มด้วย บอกมาว่าเอกสารเพิ่มเติมถ้ากงศุลขอค่อยยื่นให้ต่างหาก
แล้วให้ใบสีฟ้ามากรอกรายละเอียดที่อยู่เรื่องการส่ง passport คืน(ถ้าวีซ่าเราผ่าน)
แอบดีใจเล็กๆที่ตอนเค้าขอเอกสารบอกว่าน้องขอใบรับรองจากโรงเรียนด้วยค่ะ เราทำตาโตใส่ คะ? คือทำงานแล้วค่ะ เค้าเลยบอกอ่อๆค่ะๆขอใบรับรองการทำงานค่ะ คิดในใจเราหน้าเด็กใช่ไหม ^^
ผ่านจุดนี้ไปก็ไปกรอกใบสีฟ้าแล้วเอามาให้ผุ้ญเสื้อชมพูอีกที แล้วนั่งรอเรียก

สัมภาษณ์กับคนไทยก่อนเรียกทีละ 10 คิว (เอาตามตรงด้วยความที่ตื่นเช้ามากเบลอ เข้าใจว่าไอ้ช่องที่ต่อๆกันอยุ่เนี่ย เป็นท่านกงศุลแล้ว แอบคิดว่าให้ยืนสัมภาษณ์ข้างนอกงี้อะนะ? เอ๋แล้วคนที่เข้าประตูข้างๆไปนั่นไปทำไรอ้ะ 55)
ระหว่างรอก็นั่งมองคนที่กำลังสัมภาษณ์อยู่สังเกตุว่าช่องแรกทำไมสัมภาษณ์นานงี้เนี่ย มีขอดู passport เล่มเก่าๆด้วย เห็นหยิบเอกสารส่งให้เยอะอยู่ ช่อง 2-3 เค้าผ่านไป2-3 คิวละช่องแรกยังไม่ไปไหนเลย พอถึงคิวเราเรียกก็ไปยืนต่อแถวเราอยู่ท้ายๆเลยก็ยืนรอกันไป เห็นหน้าคนสัมภาษณ์ก็อ๋อ เอ่อใช่จะต้องผ่านด่านคนไทยก่อนนิ ลืมๆๆ เฉลี่ยแล้วคิวละไม่เกิน 3 นาทีนะ นอกจากเจ้ช่องแรกทำหน้าเหวี่ยงจัง ดุอีกตังหาก แต่อาจจะเพราะกรอกข้อมูลไม่ตรงมั้งหรือเปลี่ยนกะทันหันแก้ไม่ทัน ได้ยินว่าเป็นคุณหมอแล้วข้อมูลวันไปไม่ตรงกับที่กรอกใน ds-160 เจ้แกพูดว่าทำไมคุณหมอไม่กรอกข้อมูลให้ถูกต้องค่ะ วันที่มันผิดไปคนละเดือนเลยนะ บลาๆๆ แต่ก็ผ่านไป บอกว่าคุณหมอต้องแจ้งท่านกงศุลนะค่ะว่าจะไปวันไหน อย่าลืมนะค่ะว่า"ต้อง"แจ้ง เน้นมาก จริงๆเจ้แกก้ดีนะมีย้ำเตือนแต่โทนเสียงอาจดุๆแค่นั้นเอง

ถึงคิวเราได้ช่องกลาง ถามว่าไปไหนค่ะ ไปเมื่อไหร่ กลับเมื่อไหร่ ไปทำอะไร พี่สาวอยู่ที่โน่นเหรอ ถือวีซ่าอะไร ทำงานที่นี่ได้ยังไง รู้จักใครที่ทำงานไหม โอเคค่ะสแกนลายนิ้วมือ รูปเก็บคืนก่อนใน ds-160ใช้ได้แล้ว เสร็จก็เข้าไปรอข้างในเลย ตรงตามที่เข้าใจตามที่แนะนำมาบอกว่าช่องนี้เค้าเอาไว้ดูว่า เรากรอกเอกสารเองไหม ข้อมูลที่กรอกใน ds-160 ตรงกับเอกสารไหม ครบถ้วนรึเปล่า ถามมาตอบไปตรงไหม ก็ผ่านไปชิวๆ

เข้าไปรอข้างใน ตอนนี้ 9.15 แล้ว อืมม มีสัก 50 คนได้นั่งรอกันไปที่ยืนต่อแถวอยู่ก็มี ช่องสัมภาษณ์วีซ่าชั่วคราวเปิด 3 ช่อง ช่อง 11 12 13 ช่องด้านข้าง 13 เห็นมีป้ายสีเหลืองติดอยู่แต่จำไม่ได้แล้วว่าเขียนว่าอะไร
แต่ละช่องจะเรียกทีละ 10 คิวเลขเรียงกันไปยืนต่อแถวรอสัมภาษณ์ หมด 10 คิวก็เรียกมาอีก 10 (เคยอ่านมาบอกว่าเค้าไม่เรียกเรียงตามคิวนะคอยฟังดีๆ สงสัยเค้าเปลี่ยนกฎแล้ว) ส่วนช่องที่ 5 เข้าใจว่าสัมภาษณ์วีซ่าคู่หมั่น ประมาณนั้นเพราะกงศุลเรียกเป็นชื่อให้เข้าไปสัมภาษณ์ไม่ได้เรียกเป็นคิว แล้วเอกสารที่ยื่นช่องนี้ก็มีรูปถ่ายเป็นปึกๆเลย จดหมาย ฯลฯ

ระหว่างนั่งรอก็ดูซ้ายแลขวา เฮ้อออ เฮ้ยย คุณป้าคนนั้นถือ passport กลับมาอ้ะ ไม่ผ่านหรอ?? หน้าตาคนที่ผ่านกับไม่ผ่านนี่ชัดเจนแฮะ มีไม่กี่คนที่หน้านิ่งๆ แต่เท่าที่เราดูคนผ่านมันเยอะกว่าไม่ผ่านนะในช่วงเวลาที่เรานั่งรอเรียกประมาณ 35 นาที
ก็ถึงคิวเราเรียกช่อง 11 เป็นท่านกงศุลผุ้ชาย ส่วนช่อง 12 กับ 13 เป็นผู้หญิง
ช่อง 12 ตอนนี้ว่างไว้ท่านกงศุลไปทำอะไรข้างหลังไม่รู้ไม่ได้เรียกคิวมาต่อ ส่วนช่อง 13 กำลังสัมภาษณ์ผู้ชายใส่สูทดูภูมิฐานคนนึง สัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ ขอดูเอกสารอะไรเยอะแยะไปหมด ช่องเราสัมภาษณ์เสร็จไปแล้ว 3 คิว ผู้ชายคนนี้ยังไม่เสร็จเลยอ้ะ สักพักช่อง 12 ก็เรียกชื่อผู้หญิงคนนึงกลับมาสัมภาษณ์เหมือนเค้าสัมภาษณ์ค้างไว้ แล้วเรียกมาถามเพิ่มเติม ผุ้ ญ คนนี้เอาลูกไปด้วยสัก สอง-สามขวบได้ ถามเป็นภาษาไทย รู้จักแฟนได้ไง แฟนทำงานอะไร แฟนเค้าเป็นอเมริกัน แล้วทำไมแฟนไม่บินไปด้วย สักพักหันไปเรียกคนไทยข้างใน คนไทยก็กลับมาถามคำถามเดียวกันเด๊ะกับที่กงศุลถามไป เค้าก็ตอบเหมือนเดิมเป๊ะ งงอยู่ว่าไปเรียกคนไทยทำไม แล้วอะไรอีกก็ไม่ได้ฟังเท่าไหร่

ยืนตื่นเต้นไปเรื่อยย ของเราเสร็จไป 5 คิวแล้ว เราคิวที่ 8 เอาละไงแถวเรามีคนไม่ผ่านแล้ว ก็เดินเซ็งออกไป อีก 2 คิวข้างหน้าเรา มาเป็นครอบครัว ทำงานราชการมาในเครื่องแบบเลย หันไปอีกทีผุ้ชายที่ช่อง 13 ไม่ผ่านซะละ กงศุลบอกว่าวีซ่าไม่ผ่านนะค่ะแล้วหันไปหยิบใบสีเหลืองยื่นให้แล้วบอกประมาณว่าทำไมไม่ผ่าน ฮีก็เดินคอตกออกไป อ๊ากกกกกกกก ตื่นเต้น x10 เค้าดูอะไรจากตรงไหนกันนะ บางคนข้างหน้าเราไม่เห็นขอเอกสารเพิ่มเลยก็ผ่านกันง่ายๆ บางคนก็ยื่น book bank ให้ เอา passport เล่มเก่าให้ แต่แถวเราเฉลี่ยคิวละไม่เกิน 5 นาที ถ้าเป็นครอบครัวก้นานหน่อยแต่ก้ไม่เกิน 10 นาทีแหละ

มาถึงคิวเรายื่นเอกสารให้ สัมภาษณ์เป็นภาษาไทยค่ะ เพราะท่านเริ่มไทยมาเลยไทยไป ^^ พูดไทยชัดมากอะ คือสำเนียงยังติดฝรั่งอยู่แต่พูดรู้เรื่องและเข้าใจ
กงศุง : สวัสดีครับ
เรา : สวัสดีค่ะ
กงศุง : เคยไปอเมริกามาก่อนไหมครับ
เรา : ไม่เคยค่ะ
กงศุง : เอานิ้วโป้งข้างซ้ายวางครับ *ผายมือไปที่เครื่องสแกน*
กงศุง : ข้างขวาครับ
กงศุง : ขอบคุณครับ
กงศุง : จะไปไหนครับ
เรา : เวอร์จิเนีย ฟอริด้า ค่ะ
กงศุง : ไปกี่วันครับ
เรา : 18 วันค่ะ
กงศุง : เดินทางกับใครครับ
เรา : ไปคนเดียวค่ะ
(กงศุลอ่านจม.เชิญ)
กงศุง : จะไปทำอะไรที่อเมริกาครับ
เรา : ไปงานแต่งงานพี่ค่ะ แล้วก็ไปเที่ยวด้วยค่ะ
กงศุง : ทำไมพ่อแม่ไม่ไปครับ
เรา : พ่อแม่มีโรคประจำตัวนั่งเครื่องบินนานๆไม่ได้ค่ะ ส่วนพี่ทำราชการไม่สะดวกเดินทางค่ะ เราเลยเป็นตัวแทนไป
กงศุง : คุณทำงานที่ไหนครับ
เรา : บ........นี้ค่ะ
กงศุง : ทำงานอะไรครับ
เรา : computer engineer และก็ดูแล software ระบบทั้งหมดค่ะ
กงศุง : ทำงานมากี่ปีแล้วครับ
เรา : 2 ปี 2 เดือนค่ะ *ไม่รวมฝึกงาน*
กงศุง : รู้จัก บ. นี้ได้ยังไงครับ
เรา : เวปค่ะ แล้วรุ่นพี่แนะนำมาค่ะว่ารับสมัครอยู่ เลยไปสมัครค่ะ
กงศุง : คุณรู้จักใครในนี้ไหมครับ ชี้ๆที่หัวกระดาษชื่อบริษัท ทำหน้าสงสัย
เรา : (ถามเหมือนข้างนอกเลยแฮะ มันแปลกเหรอ แอบคิดว่าเพราะเงินเดือน+หน้าตาดุเด็กกะโปโล) ไม่มีค่ะ อ๋อมีรุ่นพี่ทำงานที่นี่มาก่อน ที่เรียนจบที่เดียวกันค่ะที่รู้จัก (ไม่รู้ว่าที่รู้จักของกงศุลหมายถึง เจ้าของ หุ้นส่วน หรือพนังงาน เราเข้าใจว่ารู้จักใครในนี้ก่อนมาทำงานที่นี่ไหม เลยตอบรุ่นพี่ไป)
กงศุง : เรียนจบที่ไหนมาครับ
เรา : บังกาลอร์ อินเดีย ค่ะ
กงศุง : Yeah .... มีสมุดบัญชีไหมครับ
เรา : *ยื่น statement ให้* statement เราไม่ได้มีเงินนอนแน่นิ่งเป็นก้อนอยู่ในนั้น แต่จะมีเข้าๆออกๆทั้งเดือน
กงศุง : *เปิด statement ดูสองหน้า* ใครเป็น sponsor ให้ครับ
เรา : ใน ds-160 เราเขียนว่าออกเองค่ะ แต่ไปอยู่กับพี่
กงศุง : *ทำหน้าเครียด หันไปดูหน้าจอ พิมๆๆๆๆ* คุณมีสามีไหมครับ แฟน
เรา : สามีไม่มีค่ะ มีแต่แฟน อยู่เมืองไทย
กงศุง : *เปิด passport ดู* ไหนเรียนที่อินเดียไหนวีซ่า
เรา : ยื่น passport เล่มเก่าสองเล่มให้ดู *เล่มที่ยื่นตอนแรกเป็นเล่มใหม่ซิงๆ ว่างเปล่ามาก*
กงศุง : *เปิดเล่มแรกดู เปิดแบบไม่ค่อยเต็มใจเปิดเลยแบบผ่านๆ วีซ่ายุโรบ ออสเตรเลีย ยังไม่ถึงวีซ่า อินเดียเลย ปิดเล่มละ ไหนจะดูวีซ่าอินเดียไม่ใช่เรอะนิวซีแลนด์ก็อยู่ข้างหลังไม่ดูอ่าา*
เรา : เรากลัวเค้าหาวีซ่าอินเดียไม่เจอเลยบอกว่าวีซ่าอินเดียอยู่ข้างหลังกับอีกเล่มเป็นวีซ่าอินเดียทั้งเล่มเลยค่ะ *เราทำไปอินเดียหลายรอบเลยมีวีซ่าหลายอัน ไปเที่ยวด้วย ไปดูที่เรียน*
กงศุง : เคยไปออสเตรเลียยด้วยหรอครับ
เรา : ค่ะ
กงศุง : *หยิบๆจับๆ แผ่นโน่นนี่นั่น* หยิบใบสีฟ้ายื่นให้ take this and paid outside have a good trip
เรา : *ห๊ะ ผ่านแล้วหรอ* Thank you ยกมือไว้ ฉีกยิ้มหวานน
กงศุง : take this with you *ยื่น statement passport เล่มเก่าคืนให้*
เรา : thank you *เวลานั้นลืมทุกอย่าง ถ้าไม่ทักไว้คงเดินออกไปแล้ว*

ใครจะเป็นยังไงไม่สนใจละยิ้มหวานออกไปจ่ายเงิน เฮ้อ โล่งผ่านแล้วว
ตอนแรกเรานึกว่าจะไม่ผ่านซะแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าเค้าให้ผ่านกับไม่ผ่านตรงไหน(?) ยังคงเป็นคำถามต่อไป
ออกไปก็ไปจ่ายเงิน 75 บาทเอาซองเอกสารมากรอกที่อยู่ใหม่ส่งซองเอกสารคืน ออกไปรับของคืน เปิดโทรศัพย์แจ้งข่าวว ผ่านแล้วววววววว

สรุปได้ว่าเอกสารที่เราเตรียมไปได้ใช้ทั้งหมด
เพราะเราเตรียมไปมี
1.หน้า confirmation DS-160
2.ใบ Confirm นัดสัมภาษณ์
3.passport ทุกเล่มที่มี
4.รูปถ่าย
5.ใบรับรองการทำงาน
6.จดหมายเชิญ
7.statement
เราเตรียมแค่นี้เพราะมีแค่นี้ หนี้สินหรืออะไรไม่มีเลย ถึงมีก็ไม่ใช่ชื่อตัวเอง เลยเอาที่มีนี่แหละ

ผ่านแล้วรู้สึกว่าเราจิตตก นอยด์ ตื่นเต้นไปเอง (รึเปล่า) คือจริงๆมันก็ไม่ได้กดดันขนาดนั้น จะเป็นตัวเราเองที่กดดันตัวเอง เพราะศึกษาหาข้อมูลเห็นคนไม่ผ่านวีซ่าเยอะก็เอามาคิดโน่นนี่ ประเทศอื่นๆคงไม่มีคนผ่านวีซ่าเหมือนกันแหละ แต่คนไปอาจจะน้อยกว่าอเมริกา % คนที่ไม่ผ่านเลยไม่ดูเยอะขนาดนี้
เวลาทั้งหมดตั้งแต่ถึงคิวเราสัมภาษณ์จนเขียนหน้าซองเอกสารเสร็จก็ 7 นาที
ออกมาข้างนอกตอน 10.25

มีคำถาม ท่านกงศุลไม่ได้คืน จม.เชิญ กับใบรับรองการทำงาน ให้เรา ปกติไม่ได้คืนอยู่แล้วใช่ไหมค่ะ เคยอ่านมามีทั้งคืนและไม่คืน

จบละค่ะ ไม่รู้พล่ามอะไรเยอะแยะมากมาย (เรื่องคนอื่นซะด้วย) หวังว่าปสก. ของเราอาจจะช่วยใครได้นะค่ะ เพราะเราก็เริ่มจากการอ่านๆหาๆข้อมูลในห้องนี้เหมือนกันค่ะ

ความคิดเห็นที่ 1
แก้คำผิดไม่ได้

สถานทูต ไม่ใช่ สถานทูติ =="


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ยินดีด้วยคราฟฟ อีกไม่เกินสามวัน ได้รับเล่มคืนแน่นอน

ผมสัมภาษไปเมื่อวันศุกร์ที่24 วันนี้(28)ก็ได้เล่มคืนแล้วคับ รวม3 วันทำการพอดี
วีซ่าท่องเที่ยว 10 ปี คุ้มมากมายเลย อิอิอิอิ

><


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ปกติทางสถานทูตจะเก็บเอกสารรับรองการทำงานไว้ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ยินดีด้วยครับ เอกสารถ้าคืนจะส่งมาพร้อมกับพาสปอร์ตครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
กงสุล ไม่ใช่กงศุล หรือกงศุง


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
เห็นด้วยกับ คหที่4 นะคะ

รับรองการทำงานส่งคืนพร้อมพาสปอร์ต ทางไปรษณีย์

เรายังงงเลยว่า เค้าไม่เก็บอะไรไว้เลย ข้อมูลคงอยู่ในคอมหมดแล้ว


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
คห.4,6 ขอบคุณค่ะ เราก็แอบสงสัยอยู่
แล้วมีอีกคำถามว่าถ้าเค้าไม่ส่งคืนมาให้เราเนี่ยหรือส่งมาไม่ครบ เราไม่ได้ถ่ายสำเนาไว้ด้วยทั้ง จม.เชิญ แล้วก็ ใบรับรองการทำงาน ตอนผ่านตม.เข้าประเทศต้องใช้เอกสารสองตัวนี้ไหมค่ะ? จะได้ไปขอให้ที่ทำงานออกให้อีกฉบับแล้วให้พี่ส่งมาให้ใหม่

คห.5 ขอบคุณที่แก้ให้ค่ะ เข้าใจผิดเขียนว่า กงศุล มาซะนาน ^^


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
ดูเหมือนยากจัง ขนาดมีหน้าที่การงานแบบนี้แล้วเนอะ ดูละเอียดจังเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
วันนี้ก็เข้าไปขอวีซ่าอเมริกามาเหมือนกันครับ รอบแปดโมงเช้า คิวอยู่หลังผู้ชายใส่สูทตอนเข้าคิวหน้าต่าง15 ผู้ชายคนนั้นเป็นคนอัลบาเนียนบอกว่ามาประชุมที่ไทยแล้วจะเดินทางต่อไปอเมริกา แหะๆ หูดีมากยืนห่างก็ได้ยิน คนไทยถามเค้าเป็นภาษาอังกฤษสุภาพมาก แต่พอคนไทยถามเราเพื่อตรวจสอบข้อมูลเบื้องตนใช้โทนเสียงได้กระโชกมาก

สุดท้ายผ่านคนไทยช่อง15 ก็ไปต่อช่อง 13 แต่คิวผมก่อนผู้ชายใส่สูทเพราะเจ้าหน้าที่กำลังยืนยันข้อมูลเรื่องที่อยู่ของคนใส่สูทอยู่ เจอฝรั่งผู้หญิงหน้าตาและอัธยาศัยน่ารักมากๆ สัมภาษณ์ ไม่ได้ถามอะไรมากถามแค่ ไปเรียนที่ไหน เรียนนานเท่าไหร่ แล้วกลับมาทำงานลักษณะไหน ทำไมคราวที่แล้วได้วีซ่า F1 แล้วไม่ไป ถามแค่นี้เองครับ ช่อง12 ก็เป็นผู้หญิงแต่ไม่เห็นหน้าตาครับ ช่อง 11 เป็นผู้ชาย

สรุป ส่วนใหญ่จะผ่านกันหมดรวมทั้งผมด้วย กลับมาบ้านยังคิดอยู่เลยว่าผู้ชายใส่สูทจะขอวีซ่าผ่านไหมพอได้มาอ่านกระทู้นี้ เจ้าของกระทู้บรรยายได้ละเอียดมากทำให้ผมรู้เลยว่าอยู่ในเหตุการณ์เดียวกัน

ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
จะไปพรุ้งนี้แล้ว กลัวมาก ๆๆๆๆๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
คห.8 ของเราอาจจะหน้าเด็ก แล้วเงินเดือนค่อนข้างสูง กลัวไปหาแฟนที่โน่นมั้งค่ะ 555

คห.9 ด้วยความที่ต่อคิวนานค่ะอยู่ท้ายๆแล้วไม่มีไรทำ ไม่รู้ว่าจะหูดีไปไหม เลยได้ยินที่เค้าพูดกัน ด้วย แต่ตามที่บอกเราว่าคนที่ผ่านเนี่ยเยอะกว่าคนที่ไม่ผ่านนะค่ะ

คห.10 ใจเย็นๆ (ตอนเราก็ตื่นเต้นซะ) ข้อมูล ds-160 ถ้าเรากรอกเอง ยังไงก็จำได้ เค้าคงไม่ถามนอกเหนือจากเอกสารที่เราให้ไปเยอะหรอกค่ะ ถ้ามั่นใจว่าไม่ไปเป็นโรบินฮูดที่โน่น ตอบแบบมั่นๆเลยค่ะ โชคดีนะค่ะ ^^


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
ฮ่าๆๆ เล่าได้ละเอียดจังเลย ดีใจด้วยครับ

ยังจำบรรยากาศได้ดี ตอนผมไปขอ J1 ตอน ปี 2008 แล้วก็ B1 ตอน 2010 ผ่านฉลุยครับ เอกสารครบ วัตถุประสงค์ชัด ไม่มีหมกเม็ด ยังไงก็ผ่านครับ

ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
หลานชายไปสัมภาษณ์ Student Visa เมื่อวานนี้ ก็ผ่านเหมือนกันค่ะ ยังดีใจอยุ่เลยเนี่ย...และยินดีกับเจ้าของกระทู้ด้วยค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
ยินดีด้วยครับ บางคนเตรียมหลักฐานเอกสารต่างๆไปเยอะกลับไม่ตรวจอะไรเลย บางคนไม่เตรียมมาดันจะขอดู แต่จขกทถือว่าเตรียมครบและตอบได้อย่างเป็นธรรมชาติ ก็ต้องผ่านอยู่แล้วครับ เที่ยวให้สนุกนะครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
ของเราเตรียมไปเยอะมาก
-ตารางบินสามีที่จะไปอเมริกา (พนักงานการบินไทย)
-บัญชีเงินฝาก
-โฉนดที่ดิน
-หนังสือรับรองนิติบุคคล
-ที่อยู่ที่โน้น (บ้านน้องสาว)
ไม่ดูอารายสักอย่างเค้าบอกว่าทราบแล้วค่ะ
แง่ว รู้ได้ไงฟ่ะ

อเมรกา ต้องแฮคตรวจสอบข้อมูลเราแหง่ ๆ

555 ดูหนังมากไปหน่อย

สรุปใช้เวลาขอวิซ่า จนถึงวันเดินทาง 30 วันพอดี


ตอบกลับความเห็นที่ 15