หนึ่งเดียวในโลก Unseen Thailand กำลังจะสูญสิ้น... พลับพลึงธาร

กระทู้ใกล้ตกแล้ว ช่วยดันขึ้นมาให้ชาวไทยได้รับทราบ
ไประนองครั้งนี้ตั้งใจจะไปชมพลับพลึงธาร ปรากฏว่า ผิดหวังอย่างแรง เธอกำลังจะตาย
พลับพลึงธาร จ.ระนอง กำลังจะสูญพันธุ์เพราะการขุดลอกคลองแบบโง่ๆ

ความคิดเห็นที่ 1
เป็นกำลังใจให้นะคะ^_^


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
เป็นกำลังใจให้ด้วยคนค่ะ



ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
เป็นกำลังใจให้กลุ่มผู้อนุรักษ์และช่วยกันรักษาพลับพลึงธารค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
เป็นกำลังใจให้ครับ

ปล.ทำไมปี55 น้ำมันหายไปไหนหมดครับ

แล้วปกติพลับพลึงธารเป็นวัชพืชขวางทางน้ำด้วยหรือเปล่าครับถึงโดนขุดลอกไป


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
ดูภาพแล้วน่าใจหายจริงๆ

ไม่กี่ปี หายไปเกือบหมดเลย โหวตให้ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ดูน่าตกใจมากค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
ใจหายวาบเลย จะฟื้นฟูยังไงได้บ้างไหมคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
Vote ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
น่าเศร้าใจจัง




ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
น่าเศร้าใจ แล้วเราจะทำอะไรได้บ้างคะ เพื่อช่วยพลับพลึงธาร


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
นายทุนมาพร้อมกับความสูญเสีย


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
เห็นแล้วใจหายเลย >.<


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
ขอบคุณทุกกำลังใจ และทุกแรงโหวต ขอมอบให้กลุ่มผู้อนุรักษ์นะคะ ได้แต่หวังว่าเสียงเล็กๆ ของพวกเราจะดังขึ้นบ้างหากสื่อสำคัญ ๆ ให้ความสนใจ


.... กู่เรื่องราวบอกกล่าว ถึงความรู้สึก เป็นเพียง สามัญสำนึก และการ ห่วงหาอาทร ตอนนี้เราสิ้นเงาไม้ ไม่เหมือนก่อน ชุ่มชื่น กลับกลายเป็นร้อนเป็นแรง ระแหงระเหิด....
http://www.youtube.com/v/VwzX0l0SrqU
ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
ทุกก้าวที่ทำลายไป อย่าลืมว่ามันก็จะย้อนกลับหาตัวเอง

มนุษย์เราทำลายธรรมชาติไปเยอะแล้ว
กับพลับพลึงธารที่น่าชื่นชมและได้รับการส่งเสริมเป็นแหล่งท่องเที่ยวก็ยังถูกทำลาย
แล้วจะอะไรกับธรรมชาติทั่วไปที่ยากจะเข้าถึง


ที่สำคัญ ชาวบ้านเจ้าของพื้นที่มีความเห็นอย่างไร
นั่นคือแรงผลักดันที่สำคัญ
เหมือนกรณีเกาะดอนสวรรค์ที่ร่วมใจคัดค้านกัน


ขอเอาใจช่วยผู้ดูแลและรักษาธรรมชาติทุกท่านค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
ลงชื่อค่ะ เอาใจช่วยด้วยคนนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
โหวตแล้วค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
โหวตอีกคนค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
จริงๆคิดว่าน่าจะเป็นการเข้าใจผิดมากว่าครับ

เมื่อช่วงที่ผ่านมาเกิดฝนตกหนักมาก ที่จังหวัดระนอง แล้วเกิดน้ำท่วม

ดังนั้น เค้าเลยมาขุดลอกคลองโดยเอาพลับพลึงธารออกไป เพราะ คิดว่ามันขวางทางน้ำ

ทำการให้การระบายน้ำไม่สะดวก .....

ซึ่งคิดว่าทางคนดำเนินการอาจจะไม่ได้ศึกษาว่าพืชชนิดนี้ คือ พืชหายากที่กำลังได้ถูกทำลายไป เพราะคน สั่งการอาจจะไม่ได้มาลงดูงานด้วยตัวเอง ส่วนระดับปฏิบัติการ ก็ดำเนินการตามผู้สั่งงานไป โดยไม่ได้มาพูดคุยหรือปรึกษาหารือกันว่าพืชที่กำลังจะมาขุดลอกคลองไปแล้วขวางทางน้ำ เป็นพืชหายาก

แทนที่จะมานั่งคุยกันว่าอะไรเป็นสาเหตุกันแน่... เลยสรุปมาแก้ปัญหาเอาปลายเหตุกันว่า ไอ้พืชพวกเนี้ยแหละมันขวางทางน้ำ เพราะฝนตก น้ำป่ามาแรง โดยที่ไม่ได้ไปคิดกันเลยว่า น้ำป่าไหลแรง ฝนตกน้ำท่วม ระบายไม่ทัน เพราะการตัดไม้บนภูเขาต่างหากเล่า เอเมน.... ประเทศไทย กับ คนบริหารจัดการท้องถิ่น -*-


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
เคยทราบมาว่าพลับพลึงธารมีอยู่แค่ 2 ที่เท่านั้นในประเทศไทย คือที่จังหวัดพังงาและระนอง
เคยตั้งใจจะไปที่ระนองหลายปีแล้ว แต่พอได้มาเห็นภาพของคุณจขกท.แล้วอึ้ง


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
เข้ามาโหวตค่ะ




ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
น่าเศร้ามาก

เอาใจช่วยนักอนุรักษ์นะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
มาช่วยโหวตให้ครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
ใจหายเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 23
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 24
โหวตด้วยคนค่ะ พีชเป็นคนระนอง เห็นแล้วใจหายมากค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 24
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 25
ยังไม่ทันได้ไปดูเลย จะไม่มีให้ดูซะแล้ว


ตอบกลับความเห็นที่ 25
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 26
ขุดลอกคลอง , เปลี่ยนทางน้ำ ... ทำไปทำไม???

ดูจากคลิปกระทู้อื่น เห็นว่าลอกคลองเพื่อป้องกันน้ำท่วม และเปลี่ยนทางน้ำไปลงสวนปาล์มของชาวบ้าน!!!

จริงหรือ??? แล้วขุดแล้วช่วยได้จริงหรือ???

ก่อนขุดมีการสำรวจอะไรเชิงนิเวศน์บ้างหรือเปล่า???


ตอบกลับความเห็นที่ 26
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 27
คือน้ำยังไม่หลากเลยนะครับ

น้ำแห้งๆมันจะออกมาได้ไง

ตีข่าวเกินจริงกันไปหรือเปล่าครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 27
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 28
http://www.youtube.com/watch?feature=player_detailpage&v=YVKZoeI55co#t=301s

จากคลิปรายการ ทุ่งแสงตะวัน เมื่อปี 51
เค้าไปมา เด็กเค้าก็บอกเองว่า มันจะเยอะตอนตอน พย. ไปถึง ธค.

แล้วข่านี้บอกว่ามันมีน้อย ในตอนนนี้ นี่มันแปลว่าอะไร

ไม่เข้าใจ

ตอบกลับความเห็นที่ 28
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 29
ยังไม่เคยไปเลยอ่ะ!!!!!!!!!


ตอบกลับความเห็นที่ 29
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 30
ดูภาพแล้วไม่ใช่กำลังแต่.. ตายแน่ๆ เหนื่อยหน่ายใจกับประเทศไทยเหลือเกิน..


ตอบกลับความเห็นที่ 30
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 31
กำลังวางแผนจะไปพอดีเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 31
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 32
มันเอาไว้ทำอะไรได้ ดอกนี้


ตอบกลับความเห็นที่ 32
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 33
แค่ได้ยินพลับพลึงธารก็ต้องนึกถึงระนอง


ตอบกลับความเห็นที่ 33
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 34
น่าเสียดายจัง


ตอบกลับความเห็นที่ 34
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 35
เข้ามาโหวตด้วยครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 35
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 36
vote ให้
ทำร้ายธรรมชาติมากๆ ระวังธรรมชาติเอาคืนนะ


ตอบกลับความเห็นที่ 36
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 37
โหวตค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 37
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 38
คนมาเที่ยว ไม่ได้อยู่ที่นั้น

คนที่อยู่แถวนั้น เขาอาจจะไม่ต้องการ (ถ้ามันเป็นส่วนหนึ่ง ที่ขวางทางน้ำไหล)


พวกที่ตัดไม้ ก็ใช่ว่าจะเป็นชาวบ้าน (ก็เป็นพวกนายทุน ตัวใหญ่ๆ ทั้งนั้น)

แล้วอีกอย่าง ระนองนี่ รับฝนหนักที่สุดในประเทศไทย

ทางแก้ที่ดี ที่สุด

คือ เอาคนที่อยากจะอนุรักษ์ มาร่วมกินอยู่ กับชาวบ้านแถวนั้น

ให้รู้ ปัญหาที่แท้จริง และร่วมกัน อนุรักษ์

ไม่ใช่ว่า พอมัน หาย ไป ก็โวยวาย

ทั้งที่ นาน ที ปี หน จะมาดู ที


ตอบกลับความเห็นที่ 38
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 39
ถึง คห.๓๘

ถ้า จขกท.ไม่ออกมาโวยวาย พวกเราจะทราบได้อย่างไรว่าพลับพลึงธารกำลังจะหายไป
และไม่ว่า จขกท.จะเป็นคนในพื้นที่หรือนักท่องเที่ยว ต่างก็มีสิทธิเป็นห่วงพลับพลึงได้เช่นกัน

แม้พลับพลึงธารจะไม่ได้มีมูลค่าแบบพืชเศรษฐกิจ แต่ก็มีคุณค่ายิ่งในการชี้วัดระบบนิเวศน์

นอกจากนี้ ชาวบ้านคงมิได้คิด ไม่ต้องการหรือจะกำจัดพืชชนิดนี้แต่อย่างใด เพราะพืชนี้ไหวตามกระแสน้ำอยู่แล้ว

อยากให้มีคำอธิบายจากคนที่เกี่ยวข้องมากกว่านี้จัง อย่าถึงกับต้องออกข่าวโทรทัศน์ก่อนแล้วถึงจะมีคนมาชี้แจงหรอกนะ


ตอบกลับความเห็นที่ 39
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 40
ที่อำเภอคุระบุรียังมีนะครับ ต้นพลับพลึงธาร ตอนนี้กำลังทำโครงการฟื้นฟูและช่วยกันรักษากันอยู่
โดยทางอำเภอได้คุยกับทั้งภาคส่วนต่างๆของจังหวัด กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทน IUCN จะร่วมกัน รักษา ฟื้นฟูให้พลับพลึงธารคงอยู่และเพิ่มจำนวนไม่ให้สูญพันุ์ รวมถึงการพัฒนาให้ พลับพลึงธารเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ของอำเภอ
ยังไงถ้าสนใจรายละเอียด จิ้มไปได้ที่ https://www.facebook.com/dopakuraburi หรือสอบถามได้ ณ ที่ว่าการอำเภอคุระบุรี ฝ่ายบริหารงานปกครอง งานสำนักงานอำเภอ โทรศัพท์ ๐-๗๖๔๙-๑๓๕๓ ต่อ ๑๖ ครับ หรือหลังไมค์มาก็ได้ครับ

ตอบกลับความเห็นที่ 40
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 41
ไม่เคยได้ยินเลย แต่เห็นรูปแล้ว รู้สึกเสียดายมากๆ ครับ ...
โหวตครับ ...


ตอบกลับความเห็นที่ 41
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 42
เอาใจช่วยด้วยคนนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 42
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 43
ยังไม่อยากตัดสินอะไรตอนนี้ รอดูต่อไปว่าอีกฝ่ายจะว่าอย่างไร และข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรแต่จากในรูปที่นำมาให้ดูมันน่าใจหายมากครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 43
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 44
คนทำก็ต้องรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นพืชหายาก ทำไมไม่ระมัดระวัง

เอาใจช่วยด้วยคนค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 44
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 45
ขอเพิ่มอีกที่ ครับ น้ำตกผาตาด อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
ตอนนี้ คือสวนหย่อมประดับน้ำดีๆนี่เอง


ตอบกลับความเห็นที่ 45
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 46
โหวตแล้วค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 46
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 47
โหวตแน่นอนเลยค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 47
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 48
ดูภาพแล้วใจหาย จะคอยติดตามข่าวนะคะ = ='


ตอบกลับความเห็นที่ 48
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 49
น่าเศร้าจังครับ

จากคห.18 ที่ระนองเป็นแบบนี้ อยากทราบว่าที่พังงาเป็นยังไงบ้างครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 49
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 50
ไม่รู้จะทำอย่างไร ในเมื่อมนุษย์เกิดมาเพื่อทำลายมากกว่าเพื่อสร้าง


ตอบกลับความเห็นที่ 50
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 51
ประเทศล่มจมแล้ว รัฐบาลต้องลาออกเท่านั้น เราไม่ยอมๆๆ พวกเรา ngo รักชาติยิ่งชีพ


ตอบกลับความเห็นที่ 51
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 52
อ่านในกระทู้นี้ได้ข้อสรุปว่ามันเป็นธรรมชาติของดอกไม้น้ำชนิดนี้ ที่จะมีมากในช่วงเดือน 11-12

แต่ช่วงนี้จะมีไม่มาก

เราว่าใครพอมีข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ควรเอามาถกกันก่อนดีกว่า

บางทีอาจเป็นการเข้าใจผิดกันไป ทำให้เป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต


ตอบกลับความเห็นที่ 52
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 53
ร่วมด้วยช่วยกันครับ ของดีต้องรักษาไว้


ตอบกลับความเห็นที่ 53
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 54
หวังว่าเสียงของพวกเราจะดังไปถึงนะครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 54
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 55
อย่าพึ่งหายไปเลยนะ ยังไม่ทันได้ดูเลย เอาใจช่วยค่ะ :)


ตอบกลับความเห็นที่ 55
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 56
ขอเป็นอีกแรงใจส่งไปถึงพลับพลึงธาร


ตอบกลับความเห็นที่ 56
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 57
พลับพลึงธารไม่ได้มีแค่ระนองนะครับ พังงาก็มีครับ
รูปนี้ ที่ คลองตาเลื่อน หมู่ที่ ๗ ต.คุระ อ.คุระบุรี จ.พังงา ถ่ายเมื่อเดือนที่แล้ว

ตอบกลับความเห็นที่ 57
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 58
พืชล้มลุกครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 58
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 59
มีของดีแล้วไม่เห็นคุณค่าเดี๋ยวเสียใจภายหลังนะครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 59
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 60
ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่การขุดลอกคลองเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมหรอกครับ

เรื่องมันพ่วงด้วยผลประโยชน์จากคนมีอิทธิพลในท้องที่นั่นแหละ

ใต้ประเทศเรา สิงคโปร์รับซื้อทรายไปถมทะเลแบบไม่อั้น

ที่พังงาเองก็มีประท้วงมาแล้ว ทำไมระนองจะมีคนอยากขนไปขายบ้างไม่ได้


ตอบกลับความเห็นที่ 60
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 61
#51 โรคจิต ตามไปแขวะทุกกระทู้เลย คนอื่นเขาสนุกด้วยหรอ


ตอบกลับความเห็นที่ 61
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 62
คุณ คห.51 ไปห้องราชดำเนินดีกว่ามั้ยคะ รบกวนอย่าพูดเรื่องการเมืองในนี้ ที่นี่ห้องท่องเที่ยวค่ะ



ตอบกลับความเห็นที่ 62
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 63
หายไปอย่างน่าใจหายเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 63
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 64
ช่วยแรงหนึ่งครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 64
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 65
ร่วมด้วยช่วยโหวตอีกหนึ่งเสียงค่ะ ไปมาเมื่อปลายปี 51


ตอบกลับความเห็นที่ 65
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 66
เอาใจช่วยทั้งคนอนุรักษ์ ชาวบ้าน ครับ อยากให้หาทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุด


ตอบกลับความเห็นที่ 66
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 67
ขอบคุณทุกแรงใจช่วยเจ้าหญิงแห่งสายน้ำ บางท่านอาจยังไม่เข้าใจปัญหา และความสำคัญ

มีข้อมูลมากมายอยู่ที่กระทู้ของคุณKingpai กับนายข่วย (ตามลิ้งข้างบน) มากแล้ว เลยไม่ได้ยกมาซ้ำอีกน่ะค่ะ

มาช่วยร้องอีกเสียงอีกทู้ กู่เรื่องราวบอกกล่าว ถึงความรู้สึก ...(นึกถึงเพลงชีวิตสัมพันธ์ ทู้กที)

ปี 2550


ตอบกลับความเห็นที่ 67
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 68
ภาพอดีต

ท่องเที่ยวล่องแพแลพลับพลึงธาร

(ขอบคุณเจ้าของภาพ)


ตอบกลับความเห็นที่ 68
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 69
เท่าที่รู้พลับพลึงเป็นพืชล้มลุก เติบโตได้ไม่ยากนะ
ยิ่งถ้าถ้าขึ้นอยู่ในน้ำ ก็เติบโตเร็วเหมือนพืชน้ำทั่วไป
เพียงแต่ชนิดนี้อาจจะหายากหน่อย เพราะยังไม่ได้แพร่พันธุ์มาก
แต่ถ้าจะขยายพันธุ์ดูแล้วไม่ยากเลย อย่าเพิ่งตื่นตระหนกมากไป ยังไงก็เป็นพื้นล้มลุก
ที่น่าเป็นห่วงมากกว่าคือ พวกถางป่าเพื่อปลูกยางพารามากกว่า
ทางใต้แทบจะเป็นป่ายางไปหมดแล้ว น้ำถึงได้ท่วมทุกปี


ตอบกลับความเห็นที่ 69
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 70
ตามมาโหวตให้อีกรอบหนึ่งคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 70
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 71
โหวตค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 71
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 72
เพลียใจจริงๆเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 72
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 73
ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับบางคำถามที่คาใจ

พลับพลึงธารจะเยอะตอน พ.ย. ถึง ธ.ค. นั่นคือดอกของมันครับจะบานมากที่สุดในช่วงเดื่อนดังกล่าว
แต่ช่วงเวลานี้จะเต็มไปด้วยต้นของมันที่ระริ่วอยู่เต็มริมน้ำ

แต่สถานการณ์ในขณะนี้มีแต่กองหินครับ ไม่มีต้นพลับพลึงธารให้เห็นครับ

แล้วเดือนพ.ย. - ธ.ค. ก้อนหินมันจะออกดอกมาให้ดูไหมครับ

รักษาพลับพลึงธาร คือรักษาระบบนิเวศลำคลอง
รักษาระบบนิเวศลำคลอง คือรักษาวิถีแห่งความสมบูรณ์แห่งห่วงโซ่อาหาร
รักษาความสมบูรณ์แห่งห่วงโซ่อาหาร คือรักษาคลังอาหารของเราเอง

ตามภาพที่ให้ดูด้านบน .. เข้าใจนะครับ

ตอบกลับความเห็นที่ 73
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 74
เพาะพันธุ์ได้ไม๊คะ ไม่ได้จะต่อต้านกระทู้นะคะ เพียงแต่คิดว่ารอกระแสสังคมหรือผู้มีอำนาจมาช่วยมันอาจจะช้าไป หากเราทำการเพาะพันธ์ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์น่าจะช่วยได้มากค่ะ


พืชล้มลุกลักษณะนี้การเพาะพันธ์น่าจะไม่ยากเกินความสามารถนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 74
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 75
เพาะพันธุ์ได้แน่นอนครับ ไม่ยากด้วย แต่ที่ยากที่สุดคือ การหาที่อยู่ให้มันครับ
เคยมีคนเพาะเลี้ยง และอยู่ได้ไม่นาน ต้นไม่แข็งแรง ใบจะเล็ก ๆ

นักวิชาการจาก ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เพาะพันธุ์แล้วเอาไปไว้ที่เขาใหญ่ที่คิดว่ามีสภาวะแวดล้อมใกล้เคียงกับคลองนาคามากที่สุด ไม่นานมันก็ตาย


ตอบกลับความเห็นที่ 75
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 76
ที่อเมริการรับซื้อหัวไปใช้ในอะแควเรี่ยม ไว้ได้ไม่เกิน 1 ปี มันก็ตาย แล้วก็มีการสั่งซื้อกันใหม่

ถามว่าทำไมอเมริกาไม่เพาะพันธุ์ ก็เพราะว่าเพาะพันธุ์แล้วคุณไม่สามารถเลี้ยงให้มันมีหัวขนาดใหญ่เหมือนกับการขุดเอามาจากคลองธรรมชาติครับ (นึกถึงหัวหอมใหญ่) เค้าเลยมีการสั่งซื้อมาทุกปีครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 76
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 77
ประเด็นจริง ๆ ไม่ได้อยู่ที่เพาะพันธุ์ได้หรือไม่ได้ แต่ชาวบ้านที่เริ่มต้นเขามองที่การดูแลระบบนิเวศลำคลองต่างหาก เพราะระบบนิเวศที่ดีจะทำให้พลับพลึงธารอยู่ได้ และนั่นคือความอุดมสมบูรณ์ที่ชาวบ้านจะได้รับด้วยครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 77
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 78
เข้ามาช่วยโหวตค่ะ ขอให้พลับพลึงธารคงอยู่ต่อไปนานๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 78
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 79
เพิ่งเห็นเป็นครั้งแรก สวยงามมากๆคับ ช่วยดันกระทู้อีก 1 เสียง

เพื่อให้ต้นไม้น้อยๆ สวยงาม ยั่งยืน ให้ทุกๆคนดู


ตอบกลับความเห็นที่ 79
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 80
โหวดค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 80
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 81
สรุปประเด็นที่มีการประชุมกันในวันนี้ (24-10-55 ข้อมูลจากคุณโรจนา)

.......

เบื้องต้นที่ประชุมวันนี้ โต้เถียงกันสองฝ่ายระหว่างปลัดจังหวัด อบต นาคา ผู้นำชุมชนในคราบผู้รับเหมา กับชาวบ้าน ภาคเอกชน สื่อมวลชน โดยอีกฝ่ายก็อ้างถึงโครงการขุดลอกคลองเพื่อช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วม อ้างว่าทำเพื่อชาวบ้าน และไม่ได้ขุดที่พลับพลึงธารอยู่ ไม่ได้เอาหินไปขาย และมองว่าอย่าเอามาเชื่อมโยงกัน คนละเรื่องระหว่างเรื่องพลับพลึงธารกับการขุดลอกคลอง บอกว่าการท่องเที่ยวนั่นแหล่ะที่ทำความเสียหายกับพลับพลึงธาร ข้างๆคูไปเรื่อยเอ้อ และพยายามเบี่ยงประเด็น ไม่รับฟัง แต่กลับไปฟังจากผู้รับเหมาแทน ในขณะที่ชาวบ้านและผู้ที่เกี่ยวข้องพยามยามชี้ให้เห็นว่า ที่จำนวนพลับพลึงธารหายไป คลองเปลี่ยนไป สวนชาวบ้านหายไปนั้น ก็เกิดจากการขุดลอกคลองที่ไม่ได้เกิดประโยชน์กับในพื้นที่อย่างแท้จริง...ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วม เพราะขุดมา 5 ปี แล้ว น้ำก็ยังท่วมอยู่ แถมเกิดผลกระทบตามมามากมาย..แต่ก็ไม่ฟัง ผู้รับเหมากลับตบโต๊ะ พูดจาเสียงดัง เหมือนจะข่มขู่ชาวบ้านเป็นนัยๆ...ปลัดก็กลับพลิกไปได้อย่างน่าตาเฉย ว่าที่ลงมาประชุมนั้น เพราะเรื่องการทำถนนข้างคลองช่วยชาวบ้าน และบอกว่าชาวบ้านเป็นกระต่ายตื่นตูมไปเอง ..อาว สวยสิครับพี่น้อง พูดไม่เข้าหูชาวบ้านแบบนี้ ก็เกิดความวุ่นวายขึ้นทันที...จบไม่สวยเลยนะท่านปลัดจังหวัดระนอง

................


ตอบกลับความเห็นที่ 81
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 82
อัพเดทล่าสุด

วันนี้ 25 ต.ค.55 ทีมข่าว อสมท ช่อง 9 โมเดิร์นไนท์ ศูนย์ข่าวภูเก็ต ลงพื้นที่คลองนาคา อ.สุขสำราญ จ.ระนอง เพื่อติดตามทำข่าวเรื่องนี้ และอีกหลายสื่อที่สนใจจะลงพื้นที่เพื่อช่วยกันสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้น...ในเมื่อจังหวัดไม่รับฟังไม่พูดไม่แก้ เราจะให้สื่อเหล่านี้ช่วยพูดแทน... ปัญหาพลับพลึงธารจะต้องได้รับการแก้ไข เพราะหลายคนมอง
กันคนละมุม ลองดูคำพูดเหล่านี้นะคะ
- ผู้นำระดับจังหวัดมองว่าหิน ดิน ทรายที่คลองนาคาสวย น่าจะนำไปขายที่กรุงเทพ...ในขณะที่ชาวบ้านมองว่าหินดินทรายต้องอยู่ในคลองตามธรรมชาติ เพื่อรักษาไว้ซึ่งระบบนิเวศที่สมบูรณ์
- ผู้นำระดับอำเภอมองว่า ปัญหาพลับพลึงธารและการขุดลอกคลองเป็นคนละเรื่อง อย่านำมาเชื่อมโยงกัน...แต่ชาวบ้านมองว่ามันเรื่องเดียวกัน เพราะอยู่ในคลองเดียวกัน
- ผู้นำท้องถิ่น มองว่า พลับพลึงธารเป็นแค่หญ้าบ้าๆรกลำคลอง...ในขณะชาวบ้านมองว่า พลับพลึงธารเป็นพืชหายากใกล้สูญพันธุ์ ต้องอนุรักษ์ไว้
และอีกหลายๆมุม...ที่มองต่างกัน...


ตอบกลับความเห็นที่ 82
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 83
ขอคุณพระคุ้มครองธรรมชาติ อย่าให้ถูกทำลายเพราะมนุษย์โง่เขลาบางกลุ่ม


ตอบกลับความเห็นที่ 83
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 84
คุณ Kingpai อาจจะเข้าใจประเด็นเราผิด คือ หากทำงานด้านอนุรักษ์จริงๆ จะพบว่าการงานด้านนี้ มันใช้เวลาในการปลุกจิตสำนึกมวลชนในท้องถิ่น กระตุ้นความรู้สึกมวลชน ในขณะเดียวกันต้องแย่งชิงพื้นที่สื่อให้เป็นประเด็น ดังนั้นมันจะใช้เวลานาน เราเข้าใจคุณนะคะ เราก็ต่อสู้เรื่องพวกนี้มาก่อน

จึงแนะนำว่าระหว่างนี้ เรานำเอาเท่าที่เหลือมาเพาะเลี้ยงไว้ก่อน อย่างน้อย ๆ ก็ช่วยต่อเวลาให้เค้า รอวันที่จะฟื้นฟูได้อีกครั้ง ทำคู่ขนานไปกับสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ตอนนี้ไงคะ

เอาใจช่วยนะคะ สู้ๆ ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 84
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 85
โหวตๆค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 85
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 86
ขอบคุณทุกท่านครับ

ชุมชนในพื้นที่ตอนนี้ส่วนใหญ่มากกว่า 80% ไม่ต้องการให้ลอกคลอง
แต่ประเด็นหลักตอนนี้คือ งบประมาณที่ได้จากครม.สัญจรที่ภูเก็ตมันยั่วยวนใจนักการเมือง นายทุน ข้าราชการเหลือเกิน
40 กว่าล้านที่จะลงมาแทบจะทุกคูคลองในจังหวัดระนอง โดนกันถ้วนหน้า

ในขณะทีลักษณะทางกายภาพของคลองธรรรมชาติในระนอง
ไม่มีความจำเป็นในการขุดลอก เพราะเมื่อไหร่ที่มีการขุดลอก ความวิบัติจะบังเกิดทันที
เพราะคลองที่นี่มีลักษณะเป็นหินปนทราย ตลิ่งจะพัง สะพานจะทรุด และจะแก้กันไม่รู้จบสิ้น
งบประมาณหลายล้านบาทจะละลายหายไปทันที เมื่อมีฝนตกหนักลงมาอีกครั้ง


ตอบกลับความเห็นที่ 86
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 87
อัพเดทล่าสุด วันนี้ทีมข่าว 3 มิตินำโดย ฐาปนีย์ ลงพื้นที่ครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 87
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 88
สู้ต่อไป


ตอบกลับความเห็นที่ 88
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 89
หลังละครนี้มีสกู๊ปในรายการ ข่าวสามมิติ คุณกิตติ รอดูความคืบหน้าค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 89
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 90
ออนแอร์ไปเรียบร้อยแล้วกับข่าว 3 มิติครับ

https://www.facebook.com/photo.php?v=409582549107730&set=vb.100001679668992&type=3&theater


ตอบกลับความเห็นที่ 90
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 91
เห็นที่คลองนาคาแล้วเสียดายครับ แต่ถ้าคิดถึงพลับพลึงธาร ชาวคุระบุรี จังหวัดพังงา ก็ยินดีต้อนรับครับ
สนใจติดต่อมาได้ที่ สำนักงานอำเภอคุระบุรี 0-7649-1353 ต่อ 16 หรือสอบถามได้ใน facebook อำเภอ ก็ได้ครับ พิมพว่า ที่ว่าการอำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา

ภาพที่ลงนี้ มี นอภ.คุระบุรี(คนเสื้อเขียว) ปภ.จ.พังงา(คนด้านซ้ายเสื้อชมพูสวมแจ็คเก็ต) ผู้แทน ชลประธาน จ.พังงา(คนสวมแจ็ตเก็ตสีฟ้า) รวมถึง ผู้แทนทางหลวงชนบท กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หน.ดิษฐ์ (อดีตหัวหน้าอุทยานฯ หมู่เกาะสุรินทร์) ลงพื้นที่ดูพลับพลึงธารที่คลองตาเลื่อน หลังการประชุมเรื่องการแก้ไขปัญหาการพังทลายของคลองนางย่อน โดยบทสรุปของที่ประชุม คือการยุติโครงการลอกคลองทุกโครงการในพื้นที่อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา

พรุ่งนี้จะพยายามอู้เวลาราชการ (ฮ่าๆ ไม่อู้ด้วยเหตุผล จะมาทำงานราชการโดยการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้อำเภอ) ลงภาพพลับพลึงธารในคลองเตรียม หรือคลองตาผุด และภาพที่คลองตาเลื่อนซึ่งเป็นคลองสาขาของคลองนางย่อนแบบชุดใหญ่ เผื่อใครจะมาเที่ยวเกาะสุริทร์ แล้วต้องมาลงเรือที่นี้ จะแวะไปชมพลับพลึงธารแห่งคุระบุรี หรือใครคิดถึงพลับพลึงธารที่คลองนาคา ก็แวะมาเยี่ยมชมได้ที่อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา


ตอบกลับความเห็นที่ 91
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 92
ลืมรูป นี้คลองตาเลื่อน คุระบุรี


ตอบกลับความเห็นที่ 92
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 93
อันนี้คลองเตรียมหรือคลองตาผุด ตำบลคุระ อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา ภาพเมื่อ วัน พฤหัสหรือวันศุกร์ ที่แล้ว

ตอบกลับความเห็นที่ 93
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 94
... เข้ามาดู


ตอบกลับความเห็นที่ 94
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 95
ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ช่วยโหวตและสร้างกระแสให้สังคมได้หันมามอง ตอนนี้ขึ้นหน้า 1 คมชัดลึกแล้วครับ

http://www.komchadluek.net/detail/20121029/143460/%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%8D%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B9%8C.html#.UI4d0oaztZq


ตอบกลับความเห็นที่ 95
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 96
หวังว่าพวกเหลือบเกาะกินทรัพยากรที่มีคุณค่าของท้องถิ่นจะหันมาฟังครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 96