ตลาดร่มหุบ มันจะมีไปอีกนานไหมเนี่ย ?????

เจอคลิป ตลาดร่มหุบ ของแขกก็มี

หรือว่าตลาดแบบนี้จะมีแต่ในประเทศที่ไม่ค่อยมีระเบียบ

ห้างสมัยใหม่ดูปลอดภัย ยังโดนบันไดเลื่อนหนีบหัวได้เลย แล้วนี่...น่ากลัว

จะปล่อยไว้อย่างนี้ชั่วลูกชั่วหลานเลยหรือ ไม่มีใครคิดจะจัดระเบียบรึไงจ๊ะ
.
.
.
นี่ตลาดร่มหุบไทย

http://www.youtube.com/v/R_mEbgaanUo&feature=related
ความคิดเห็นที่ 1
นี่ตลาดร่มหุบแขก


http://www.youtube.com/v/iV5eaa93ENs&feature=player_embedded
ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
จะโกรธไหมครับถ้าบอกว่ามันมีมานานแล้วแบบนี้ก่อนที่จะเป็นเรื่องของการท่องเที่ยวอะไรนี่ซะอีก มันคือวิถีชีวิต ทางทำมาหากินของคนที่นี่ครับ

ผมว่าคนกรุงเทพนี่แหละที่มาตั้งชื่ออะไรบ้าบอนี่กันไปเอง มีกันมานานแล้วเค้าก็อยู่กันได้โดยปกติสุขอยู่แล้วครับ

พาอัมพวาไปจากคนแม่กลองแล้ว ยังไม่วายจะพาตลาดให้หายไปอีกเหรอครับ

ที่มาเสี่ยงอันตรายแบบนี้ ก็เพราะอยากให้ลูกหลานได้เรียนหนังสือครับ ไม่ได้มาหุบร่มโชว์ใครครับ ลูกแม่ค้าที่นี่ หลาย ๆ คนจบปริญญาให้ดีใจกันไปหลายคนแล้วครับ แต่เรายังพอใจในวิถีชีวิตแบบนี้ การทำมาหากินแบบนี้ครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
จะโกรธมั้ยถ้าบอกว่า มีมานานแล้ว แต่ถ้ามันปรับปรุงได้ก็ควรปรับปรุงเสีย
ไม่งั้นปัจจุบันเราก็ยังคงใช้เกวียน


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ต้องรอให้มีอุบัติเหตุก่อนค่ะ

ตอนนี้มันแค่หวาดเสียว แต่ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน

ชีวิตใครชีวิตมันค่ะ ถ้าคุณเกิดซวยขึ้นมาก็ไปเรียกร้องใครไม่ได้


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
พ่อค้า-แม่ค้า และชาวบ้านแถวนั้น เค้ามืออาชีพค่ะ แต่ถ้าจะเกิดอุบัติเหตุ ก็คงจะเป็นพวกนักท่องเที่ยวแหละคะ ที่ไปคอยถ่ายรูป และไม่ทราบว่าต้องหลบอย่างไรมากกว่า


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
คือว่า ผมไม่ได้ต่อต้านอะไร ผมไม่ได้คิดว่าจะต้องมาขัดแข้งขัดขาใคร


มันมีกฏ มีระเบียบอะไรไหม อ่ะครับ ???


ห้ามขายของบนรางรถไฟ


ห้ามสร้างอาคารติดรางรถไฟ ไรงี้ ครับ


เอาหลักการแบบนี้มาจับ มาวิจารณ์ดีไหม อย่าใช้อารมณ์ อย่าใช้ความรู้สึกอ่ะครับ


ต่อให้ในอดีตที่ผ่านมาและต่อไปในอนาคต ไม่มีใครเคยได้รับอุบัติเหตุ ไม่มีใครข้าวของเสียหาย >>> แต่ว่าสมควรเปลี่ยนแปลง อะไรไหม อ่ะครับ


ถ้า เจ้าของพื้นที่(การรถไฟ)ไม่อยากเปลี่ยน ก็ไม่ต้องเปลี่ยนครับ


เก็บไว้เป็นพิพิธภัณฑ์ ก็ได้ อ่ะครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
รถไฟไม่ได้ วิ่งบ่อยๆเหมือนหัวลำโพงนิ

เคยไปก็ ไม่ได้อันตรายอะไร รถไฟก็ไม่ได้วิ่งเร็วผ่านไป

งงๆ ว่ามันเกิดปัญหาอะไรขึ้น


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
มองต่างมุม

เป็นการแบ่งปันทรัพยากรกันในชุมชน ระหว่างแม่ค้ากับการรถไฟ

รถไฟสายนี้เป็นสายสั้น วันนึงมีวิ่งไม่กี่ ชม. เฉลี่ย 1-2 ชม. ต่อ ขบวน

แต่มีพื้นที่ตั้งกลางชุมชน เป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้า-ผู้คน

ที่ตลาดยังอยู่ได้ถึงวันนี้ เพราะเค้าแบ่งปันกัน โดยไม่ได้เอาระเบียบแบบแผนสมัยใหม่ไปจับ

มันเป็นสิทธิชุมชนที่เค้าเลือกเอง

และองค์กรท้องถิ่น(สถานีรถไฟ)ก็ยอมรับ (เอ๊ะ..หรือเพิกเฉย)

แล้วนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ท่านๆ จะไปตัดสินด้วยมาตรฐานแบบสถานี BTS เหรอ?

การท่องเที่ยว ทำให้เราเห็นวัฒนธรรมที่แตกต่าง เพื่อเข้าใจและยอมรับ ไม่ใช่เพื่อตัดสิน


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
กฏหมู่ครับ
ประเทศนี้ มันเป็นอย่างงี้แหละครับ

พืชผลอะไรราคาตก ก็ปิดถนนให้เขาเดือดร้อน ไม่เห็นมีอะไรเลย ได้รับการแก้ปัญหาอีกต่างหาก
หนักกว่านั้น ปิดสนามบิน ปิดแยกราชประสงค์ ยังได้เลย คนเขาเดือดร้อนกันทั่ว ก็ไม่เห็นมีใครเขาว่าอะไร

ทำใจเถอะครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
ถ้าคุณจขกท สังเกตดีๆ จะเห็นว่า พ่อค้าแม่ค้าเค้าตั้งหลักดี เตรียมตัวมาพร้อมกับการขายของบนทางรถไฟ คุณเคยลงไปเดินช่วงที่รถไฟกำลังจะเข้าสถานีมั้ยคะ? ภายในชั่วไม่กี่นาทีที่ได้ยินเสียงหวูดรถไฟมาแต่ไกล ของที่แบขายกันบนรางหายแว๊บไปหมดแล้ว จะมีแต่นักท่องเที่ยวนี่แหละค่ะ ที่เก้ๆ กังๆ ยืนงงๆ กับความเร็วของพ่อค้าแม่ค้าแถวนั้น

ความห่วงใยของคุณ จขกท เป็นเรื่องดีค่ะ^^ แต่ถ้ามองในแง่ของวิถีชีวิต มันก็เป็นแบบนั้นมานานแล้ว แต่พอการท่องเที่ยวเข้าไป เริ่มมีคนรู้จักเมืองเล็กๆ เมืองนี้มากขึ้น มุมมมองจากนักท่องเที่ยวก็อาจจะแตกต่างจากมุมมองของคนในพื้นที่ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
ขออภัยที่ไม่เห็นด้วยนะครับ
จากที่ไปสัมผัสมา ผมว่าเป็นวิถีชีวิตที่ดีอยู่แล้วครับ เป็นเขตเศรษฐกิจที่พึ่งพากันในชุมชน
รฟท. ให้ที่ทำมาหากิน
วัด อำนวยความสะดวกลานจอดรถ
ชาวบ้าน ร่วมใจสร้างกลไกให้เกิดวิถีที่เป็นเอกลักษณ์
นักท่องเที่ยว ก่อให้เกิดรายได้
ทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนอยู่ในวิถีแห่งชุมชนนี้ได้อย่างงดงาม งดงามอย่างไร?
- เพราะผมไม่เคยเจอมาเฟียถือกระดาษบางๆไล่เก็บที่จอดรถ
- ไม่เจอตากล้องที่แอบถ่ายรูปเราไปติดในจาน
- ไม่เจอใครมาตื้อเพื่อขายของ
- ไม่เจอขอทาน เพราะทุกคนทำมาหากินบนวิถีที่มั่นคง
มันเกิดมาจากความเหนียวแน่นของชุมชม ทำให้ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดสามารถเข้าไปหาผลประโยชน์ได้ ลองไปสัมผัสด้วยตัวเองจะรู้สึกได้ว่านี่ไม่ใช่ความไร้ระเบียบ ในทางกลับกันการจัดระเบียบอาจจะกลายเป็นช่องทางให้กลุ่มคนบางคนสามารถเข้าไปสร้างความเสื่อมได้ เหมือนที่เกิดขึ้นแล้วในหลายพื้นที่

สิ่งที่ควรจะจัดระเบียบคือตัวเราเอง ทำอย่างไรจึงจะแทรกเข้าไปอยู่ในวิถีนี้ด้วยความปลอดภัย และไปชมระบบน่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างครับ
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=pae-studio&group=13


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
รถออกเป็นเวลาค่ะ

เค้าจอดอยู่ที่สถานีนานนนนมากกว่าจะเริ่มเคลื่ิอนขบวนรถ

ดังนั้น พ่อค้าแม่ค้่เค้ามีเวลาเตรียมตัวค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
ตรงจุดนั้นรถไฟวิ่งช้าค่ะ ได้เป็น unseen in Thailand เพราะความเป็นธรรมชาติของคนขายของที่ค่อยๆเก็บของ+หุบร่ม ท่าทางชิลล์มาก ใครมาเห็นก็ต้องอึ้งค่ะ เคยได้ยินแม่เล่าให้ฟัง แสดงว่ามีมานานแล้วค่ะ

เราว่าเดินในตลาดน้ำอัมพวาตอนคนเยอะๆเสียวกว่า ตรงจะโดนเบียดตกน้ำเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
เดี๋ยว... นิดนึงครับเจ้าของกระทู้

ไม่ได้จะเสียดสีอะไรนะครับ... อยากตอบ

แต่ต้องขออนุญาตถามเจ้าของกระทู้ก่อนว่า... "เคยไปถ่ายภาพตลาดร่มหุบหรือยังครับ"

ถามเพื่อจะได้รู้ว่า เราจะต้องอธิบายลึกซึ้งขนาดไหน

เพราะเวลาพูดเรื่องอาณัตสัญญาณ หรือพูดเรื่องสถานีรถไฟ ข้อตกลงต่างๆ จะได้คุยกันได้รู้เรื่อง มองภาพออก

บางคนไปมาแล้ว ทึ่ง ประทับใจก็มี

บางคนไปแล้ว ไม่ชอบ รู้สึกไม่ปลอดภัยก็มี


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
เคยไปมาแล้ว ทั้งก่อนดัง และ หลังดัง แต่ไม่ได้ถ่ายรูปนะ

งง...มีคนไทยมองเป็นเรื่องชิวๆ ไปซะงัน

ทั้งแขกและไทย ดูน่ากลัวทั้งคู่ มันอะเมซิ่งตรงไหน


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
เคยได้ยินมาว่าการรถไฟจะเลิกวิ่งนานแล้ว แต่ผู้ใหญ่ขอไว้ ให้เป็นอันซีนดึงนักท่องเที่ยว ตอนนี้ก็เลยจัดวิ่งเป็นพิธีวันละ 4 รอบ 8 เที่ยว ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
เอาหละ.. เข้าใจเจ้าของกระทู้ล๊ะ

คืออย่างนี้ครับ

ถ้าคุณเคยไป จะได้ยินเสียระฆัง ดังมาจากสถานีรถไฟ เพื่อเตือนล่วงหน้าว่า “กำลังจะมีรถไฟวิ่งเข้าสถานี”

จะดังก่อนรถไฟเข้าเรียกว่า นานพอสมควรเชียวหละ

คุณสังเกตไหมครับ แม่ค้าจะชักของต่างๆ เข้าข้างทาง และระยะห่างกับรางรถไฟนั้น ห่างแทบจะเท่ากันเป๊ะ
นั่นคือระบบ/ระเบียบที่ทางสถานีกำหนดให้แม่ค้าทุกคนปฏิบัติตาม... มีการเรียกมาตักเตือน และลงโทษด้วยนะครับ

ก่อนรถไฟมา คุณจะเห็นนะครับว่า คนส่วนใหญ่ที่เดินจับจ่ายซื้อของ จะเป็นประชาชนในพื้นที่เป็นส่วนใหญ่
นั่นคือวิถีของเขาที่มีมาเนิ่นนาน แต่ปัจจุบันก็ได้ถูกกำหนดกรอบให้เป็นที่ยอมรับได้ของทุกฝ่าย

สังเกตไหมครับ ทำไมเวลาที่แม่ค้าเก็บผ้าใบ หรือร่ม ทำไมไม่เห็นมีประชาชนคนในพื้นที่เลย ทำไมมีแต่นักท่องเที่ยวถ่ายรูป
นั่นคือความเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกันไงครับ แม่ค้าอยู่ได้ เรามีที่ซื้อของ นักท่องเที่ยวตื่นตาตื่นใจ คนไทยทั้งประเทศได้ผลประโยชน์

ถามว่า เลิกไปเลยไม่ได้หรือ จะมัวไปสนับสนุนทำไม แบบนี้มันอันตราย

เลิกได้ครับ แค่ผู้ว่าราชการจังหวัดเซ็น แกร็กเดียว.... แต่เราทำไมต้องทำแบบนั้นล่ะ ลองตั้งคำถามตัวเราเองเล่นๆ ดูก่อน

ควรเลิกเพราะเราอาย คนไทยอาย มันอันตราย อับอายสายตาชาวโลก กลัวโดนมองว่าเป็นประเทศล้าหลัง ไม่เป็นอารยะ

จริงๆ แล้ว เมืองไทยมีเรื่องอันตรายมากมาย ให้ต่างชาติฮือฮา โดยที่เราท่านไม่รู้ตัว

คุณเจ้าของกระทู้เชื่อไหมครับ กรุงเทพมหานคร เป็นเมืองแรกในโลกที่มี แท็กซี่จักรยานยนต์ (วินมอ’ไซค์) ให้ต่างชาติฮือฮา

ตอนนั้น ตุ๊กๆ กับเรือหางยาว เป็นที่ฮือฮาของชาวต่างชาติมาเนิ่นนาน...
พอมี มอ’ไซค์วิน เกิดขึ้นในเมืองไทย... ตุ๊กๆ กับเรือหางยาว กลายเป็นเรื่องธรรมดาของฝรั่งมาก
ภาพยนตร์หลายเรื่อง ต้องมี 2 สิ่งนี้ โดยเฉพาะเรือหางยาว เข้ากล้องมากที่สุด

ไม่ใช่ว่าผมต้องการเอา มอ’ไซค์วิน มากลบเกลื่อนตลาดบนทางรถไฟ เพื่อให้ดูดี
แต่ผมต้องการให้หลายๆ คนได้มองว่า มีสิ่งต่างๆ มากมายที่โลกตื่นตะลึง แต่กลับกลายเป็นอารยะสำหรับคนเมืองหลวงของเรา

คราวนี้เราก็ต้องมากถามใจตัวเองแล้วหละครับ จะให้เลิกไปเลย ไม่ต้องสนใจแม่ค้าและประชาชนในท้องถิ่น
หรือเราจะตั้งกฎระเบียบ ให้เหมือนรถจักรยานยนต์รับจ้าง ปละรถตู้ โดนจัดระเบียบ
ซึ่งจริงๆ ตลาดร่มหุบ โดนวางกฎเกณฑ์โดยทางจังหวัดมากมายหลายข้ออยู่แล้ว

ลองคิดเล่นเล่นดูครับ ปรองดอง หรือ ล้างบางดี


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
จบและเข้าใจแจ่มแจ้งตาม คห 2 แล้วครับ เค้าไม่ได้มีไว้ให้ไปเที่ยวแต่นั่นคือวิถีชีวิตวิถีชุมชน พอคนกรุงเทพไปเห็นไม่ได้นะ ไม่ปลอดภัย ไร้อารยะ คุณครับกลับไปบ้านคุณเลยดีกว่าอย่ามาเสี่ยงให้รถไฟชนตายเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
ต้องขออนุญาตติงความคิดเห็นที่ 18 นิดนึง

การที่เราจะไปพูดว่า “กลัวก็ไม่ต้องไป” อันนี้ก็ไม่เหมาะนัก

บางคราวเราก็ต้องคุยกันด้วยเหตุด้วยผล ซึ่งผมชื่นชอบเจ้าของกระทู้ตรงที่รับฟังเหตุผลทุกด้านโดยเขาไม่เข้ามาโต้แย้งใดๆ เลย
เพราะฉะนั้น เราก็ก็ควรเปิดใจด้วยเช่นกัน

อย่างที่ความคิดเห็นที่ 10 ผมชอบน๊ะ
“ความห่วงใยของคุณ จขกท เป็นเรื่องดีค่ะ^^ แต่ถ้ามองในแง่ของวิถีชีวิต มันก็เป็นแบบนั้นมานานแล้ว”
นั่นคือ การที่เอาใจเขามาใส่ใจเรา แล้วมาพูดคุยสร้างความเข้าใจที่ลงตัว

กระทู้ห่วงใยเรื่อง ตลาดร่มหุบ เนี่ยะ... ตั้งแต่ผมเล่นมา ผมนับไม่ถ้วนแล้วครับว่า มีกี่กระทู้ และเชื่อว่า ยังต้องมีต่อไป
ถึงจะมีมาอีก 20-30 กระทู้ เราก็ต้องสร้างความเข้าใจ

มีมาบ่อยจนผมจับจุดได้ว่า มันเป็นเรื่องของความอายต่อสายตาชาวโลกมากว่า

มีเยอะนะครับ คนที่ไม่ค่อยชอบใจนักกับตลาดร่มหุบ และไม่ใช่คนส่วนน้อยเสียด้วย
เมื่อคุยกัน เราก็ต้องยอมรับความคิดเขา ตรงที่ว่า มันมีความเสี่ยงจริง... ถ้าไปเห็นมาแล้ว ตอบว่าปลอดภัยนี่ซิแปลก

แต่บนความเสี่ยงนั้น เขาได้มีมาตรการควบคุม เราจึงวางใจได้ในระดับหนึ่ง
หลายจุดที่จะมีการก่อปูนสร้างแผงขายของขึ้นมา ก็ถูกห้าม ถูกทุบ ในจุดที่เห็นว่าเป็นอันตราย

= = = = =

อย่างผม ถ้าความเห็นที่ 2 กล่าวครอบคลุมทุกอย่างครบถ้วยหมดแล้ว ผมก็จะไม่มาเสริมต่อ
ผมจะโพสว่า “เห็นด้วยกับความคิดเห็นที่ 2 ครับ” จะไม่ทำอะไรให้เสียการ
แต่คนเราบางครั้งก็ลืมตรงนี้ไปบ้าง ตรงนั้นไปบ้าง ผมก็เข้ามาช่วยเสริม
ผมเองก็เสริมให้เห็นว่า เขามีกฎระเบียบตั้งกันมานานแล้ว ขอความร่วมมือกันมานานแล้ว


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
บางทีแม่ค้า บ่น นักท่องเที่ยวเลย ไม่เห็นรถไฟกันหรือไง มาถ่ายรูป รู้มั้ยมันอันตราย มีคนโดนรถไฟเฉี่ยวแทบทุกวัน แม่ค้าต้องตะโกนบอกให้เข้ามา นักท่องเที่ยวบางคนไม่เข้ามา ต้องตะโกนด่า ถึงจะเข้ามาได้

เราไปซื้อของที่แม่กลองบ่อยมาก เลยได้ยินแม่ค้าบ่นบ่อยค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 20