โดนปฏิเสธวีซ่าอเมริกา รอบ1

สวัสดีค่ะพอดีเข้ามาอ่านรายละเอียดบ่อยๆเลยมาถึงคราวของตัวเองบ้าง รบกวนเพื่อนช่วยแนะนำด้วยนะค่ะ พอดีว่าพึ่งโดนปฏิเสธิวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกามาสดๆร้อนๆเลยค่ะ พอดีแฟนจะกลับไปเยี่ยมพ่อแม่ที่อเมริกาค่ะเพราะไม่ได้กลับบ้านมาเกือบ3ปี แล้วจะพาเราไปด้วย ให้ทางพ่อแม่เขียนจดหมายรับรองม1ฉบับ หนามาก แต่วันที่ไปไม่ได้ใช้เลยค่ะ เพราะตัวผู้ขอไม่ได้ทำงาน คืออยู่บ้านดูแลแฟนและก็หมาน้อย ซึ่งเคยอ่านรายละเอียดมามากแล้วว่าถ้าไม่มีงานประจำ ได้วีซ่ายากมากอันนี้ก็เข้าใจแจ่มแจ้งว่าใช่ค่ะ ที่นีจะลองขอดูอีกครั้งค่ะเพราะทางพ่อแม่แฟนอยากให้เราไปพบกับเค้ามาก เลยอยากจะขอคำแนะนำว่าควรทำอย่างไรบ้างค่ะ ถ้าไปสมัครงานแล้วทำไปซัก1เดือนแล้วขอใหม่จะโอเคไหมค่ะ จะสมเหตุสมผลไหม เพราะขอครั้งแรกไม่ผ่านเครียดมากเลยค่ะ ไม่อยากทานอะไรเลย คงเข้าใจความรู้สึกกันนะค่ะ คิดว่าจะขอวีซ่าคู่หมั้นค่ะแต่ใช้เวลานานนิดนึง แล้วขอแล้วก็ต้องแต่งงานหลังจากนั้น เลยเอาเก็บไว้ก่อน ตอนนี้แฟนเลยเลื่อนกลับบ้านไปอีก2-3เดือนค่ะ ยังไงรบกวนด้วยนะค่ะ หรือส่งรายละเอียดได้ที่อีเมล [email protected] เพราะเคยเข้าแต่มาอ่าน พึ่งจะมาสมัครเป็นสมาชิกก็ตอนนี้แหละค่ะ เลยไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่ว่าถ้ามีใครเข้ามาตอบคำถามจะรู้ได้ยังไง ขอบคุณมากค่ะ

ความคิดเห็นที่ 1
ถ้าแฟนในที่นี่หมายถึงแค่คบกัน แต่ยังไม่ได้ใช้นามสกุลเดียวกัน การที่แฟนคุณหรือคุณพ่อคุณแม่ของแฟนคุณ
เค้าจะเป็นสปอนเซอร์ให้ ทางสถานทูตจะไม่ให้น้ำหนัก และเค้าจะไม่เชื่อคุณถึงแม้ว่าคุณจะบอกว่าคุณกับแฟนมี
ความสัมพันธ์กันมากน้อยแค่ไหนก็ตาม

คนที่เหมาะจะเป็นสปอนเซอร์ให้คุณคือ คนที่นามสกุลเดียวกับคุณเท่านั้น

ในกรณีที่คุณจะทำงานสัก1เดือนแล้วไปขอใหม่ ความเห็นเรามองว่าไม่ค่อยสมเหตุสมผล เพราะในความเป็นจริงแล้ว
ระยะ1เดือน คุณยังไม่พ้นโปรด้วยซ้ำ แล้วจะลาไปต่างประเทศ... มันคงไม่เหมาะมั่ง


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ทำงานเดือนเดียวส่วนใหญ่ที่ทำงานเขาไม่ออกใบรับรองงานให้ค่ะ อีกอย่างไหนจะบัญชีเงินเดือนอีกหล่ะที่ต้องใช้ย้อนหลัง 6 เดือนมันก็คงไม่ตรงกับระยะเวลาที่ทำงาน


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ขอวีซ่าคู่หมั้นเราว่ายังมีโอกาสมากกว่าค่ะ
เพราะขอวีซ่าท่องเที่ยวเขาเน้นหลักฐาน
ที่ตัวผู้ขอเป็นหลักว่ามีความผูกพันกับประเทศ
มากแค่ไหน ไม่เน้นแฟน หรือคนที่อยู่นู่น


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ขอบคุณทุกคำแนะนำนะค่ะ แค่ป็นแฟนกันค่ะยังไม่ใด้แต่งงาน วีซ่าคู่หมั้นคงเอาไว้เป็นตัวเลือกสุดท้ายค่ะ เพราะหลังจากที่เดินทางไปอเมริกาแล้วต้องแต่งงาน ไม่สามารถรอทิ้งไว้ได้นานเลยยังไม่อยากทำวีซ่าตัวนี้ค่ะ คือยังไม่พร้อมกันค่ะ
ส่วนเรื่องงานที่คิดไว้เฉยๆนะค่ะเลยมาถามหาข้อแนะนำว่าจะเริ่มสมัครงานหรอทำงานกับคนรู้จักค่ะ อันนี้ทำงานกับคนที่รู้จักจริงๆนะค่ะไม่ใช่ว่าจะว่าจ้างบริษัทที่ทำเกี่ยวกับวีซ่าแล้วให้เค้าทำเดินเรื่องงานให้แบบนั้นไม่เอาค่ะกลัวโดนแบลคลิส คิดว่าจำทำงานกับคนรู้จักแล้วเรื่องให้ออกจดหมายรับรองให้คงไม่มีปัญหา แต่ก็ไม่รู้ว่าจะสมเหตุสมผลไหม เพราะตอนที่ไปสัมภาษทางสถานทูตถามว่าทำงานอะไรหลายรอบมาก คือเอกสารอื่นไม่ได้ดูเลยค่ะ เน้นถามว่าทำงานอะไรอย่างเดียว ส่วนตัวเราเองพึ่งออกจากงานมาได้5-6เดือนเพราะย้ายมาอยู่เชียงใหม่ แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้ทำงานแฟนเป็นคนดูแลค่ะเพราะเรามีหมาน้อย1ตัวซื้อมาหลังออกจากงานก็ดูแลทั้งแฟนทั้งหมาค่ะ แล้วถ้าเป็นไปสมัครเรียนภาษาแบบนี้จะได้ไหมค่ะ เพราะถ้าอย่างคนที่ไม่ได้ทำงานอย่างเราคงหมดสิทธิ์ไปอเมริกาหรอค่ะ นอกจากต้องแต่งงาน หรือมีวิธีอื่นอีกไหมค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
จะสมัครเรียนภาษา หรือ ทำงาน ๑ เดือน ถึงแม้ว่ามีคน ออกใบรับรองงานให้ แล้วจะไปขอ ก็คงได้ยาก
ถ้าอยากจะเสี่ยง ก็ทำงานนาน ๖ ถึง ๑๒ เดือน นะ


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ปัญหาคือ การให้ข้อมูลครั้งแรกของคุณได้ถูกบันทึกไว้แล้ว จะกลับลำตอนนี้ไม่น่าจะทำให้ผลวีซ่าเปลี่ยนแปลง ไม่แน่ใจว่าคุณให้ข้อมูลเรื่องการงานการเงินอย่างไร แจ้งไปว่าใช้เงินจากไหนไปเที่ยว เท่าที่เห็นทางออกก็พอจะมีนะคะ แม้จะดูมีความหวังริบหรี่เหลือเกิน แต่ต้องรู้ก่อนว่าคุณให้ข้อมูลเรื่องการงานการเงินไปว่าอย่างไร ให้ชื่อแฟนกับเจ้าหน้าที่ไปหรือยัง


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
@คุณ Sunshine Sonata คำถามที่เจ้าหน้าที่ถามคือจะเน้นว่าเราทำงานอะไร ที่สัมภาษณ์ก็ตอบไปว่า ทำอาหารให้เพื่อนแฟนที่เป็นต่างชาติทานบางมื้อ หรือติดต่อดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องพูดคุยกับคนไทยเพราะเพื่อนแฟนเป็นฝรั่งเหมือนกัน และก็ดูแลแฟนกับหมา แล้วก็ถามเราว่าเจอกับแฟนที่ไหน รู้จักกันมานานหรือยัง แฟนทำงานอะไร แฟนเราทำงานเกี๋ยวกับการลงทุนออนไลน์ไม่ได้ทำงานบริษัท ไม่ได้มีwork permit อยู่เมืองไทยมาประมาณ3 ปี อยากจะกลับไปเยี่ยมพ่อแม่เพราะไม่ได้กลับนานแล้วจะพาเราไปรู้จักด้วย แล้วก็ถามเราว่าแฟนเป็นคนเทคแคร์เราใช่ไหม ก็ตอบไปว่าใช่ ส่วนเรื่องหลักฐานการเงินเค้าก็ไม่ได้ขอดูอะไร และก็ทางพ่อแม่แฟนก็เขียนจดหมายรับรองมาว่าเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่โน้นทั้งหมดค่ะ คือเอกสารที่เตรียมไปไม่ได้ขอดูเลยค่ะ เน้นถามว่าเราทำงานอะไรอย่างเดียว


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
มีวิธีเดียวคือ หางานทำ ทำสักหนึ่งปี สามารถลาหยุดได้
ตอนนั้นค่อยไปขอ เพราะขอตอนนี้ยังไงก็ขอไม่ผ่านค่ะ
เพราะมีจุดข้อสงสัยว่าไปเยี่ยมญาติกับแฟนแล้ว อาจจะไม่กลับประเทศไทย

ส่วนจะไปใช้ประเภทอื่น ไม่ว่าจะแบบคู่หมั้นหรือคู่สมรส
ตัวแฟนคุณต้องมีเอกสารอื่น ๆ ประกอบค่ะ เช่น ใบเสียภาษี
เพื่อสามารถรองรับการเลี้ยงดูคุณในประเทศของเขาได้ แต่เมื่อเขาอยู่เมืองไทย
ไม่ได้มีใบเหล่านั้น จะพาคุณไปได้ ก็ต้องให้เขากลับไปทำมาหากิน
ลงหลักปักฐานให้มั่นคงก่อน ถึงจะพาคุณไปในฐานะวีซ่าประเภทนั้นได้
แต่เมื่อคุณบอกว่าคุณไม่พร้อมด้วย ก็ต้องใช้วีซ่าท่องเที่ยว ซึ่ง
ต้องอาศัยความน่าเชื่อถือทั้งด้านการเงิน อาชีพ
และภาระผูกพันกับประเทศไทยของตัวคุณเองล้วน ๆ
มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่นะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
เรื่องวีซ่านี่บางทีก็เป็นอะไรที่ไม่ make sense เอาซะเลย และบางทีก็เป็นอะไรที่น่าเบื่อมากถึงมากที่สุดจริงๆ นะ เราเข้าใจเลยอ่ะ... เราเองไม่เคยโดนปฎิเสธวีซ่า แต่ทุกครั้งที่ไปขอก็กล้าๆ กลัวๆ เหมือนกันค่ะ (ประมาณว่ามั่นใจว่าเอกสารพร้อม แต่ไม่รู้จนทจะมาไม้ไหน จะมาเล่นตลกอะไรกับชั้น) และเราก็เข้ามาอ่านเกี่ยวกับปัญหาวีซ่าค่อนข้างบ่อน มาสอดแนม 5555

เห็นใจคุณจขกทค่ะ เป็นเราๆ จะรู้สึกว่าแค่ไปเที่ยวทำไมมันต้องยากเย็นอะไรอย่างนี้ แล้วยิ่งถ้าเราไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นใดแอบแฝงจริงๆ มันจะยิ่งน้อยใจเข้าไปใหญ่ :(

อันนี้ขอแชร์จากประสบการณ์ตรงที่เคยขอวีซ่ามานะคะ จริงเท็จยังไงไม่รู้ แต่ตรงนี้ขอพูดจากความรู้สึกและประสบการณ์ของเราค่ะ... เราว่าหัวใจสำคัญของการขอวีซ่าคือความผูกพันกับประเทศไทย บางคนมักจะเข้าใจว่าต้องมีเงินเป็นแสนเป็นล้าน ซึ่งเราว่าไม่ใช่อ่ะ จำนวนเงินเป็นเพียงตัวประกอบ แต่หัวใจสำคัญคือหลักฐาน เอกสาร ที่แสดงว่าคุณมีภาระ มีความผูกพัน ความจำเป็น ให้เค้าแน่ใจว่าเราจะกลับมาจริงๆ... ตอนเราไปขอวีซ่าอเมริกา เราขอตอนที่เรายังมีงานทำอยู่แต่ระหว่างที่ขอเราเซ็นใบลาออกแล้วนะ แต่มีใบรับรองงานที่ทางบริษัทออกให้ก่อนลาออกไม่กี่วัน (อายุงาน 1 ปี ในเล่มมีวีซ่าตัวอื่นอยู่ มี stamp เข้า-ออกประเทศ ซึ่งก็ไม่รู้จะมีผลช่วยให้ง่ายขึ้นรึป่าวนะ แต่ตอนสัมภาษณ์จนทก็เปิดดูและถามเราว่าเคยไป... มาด้วยหรอ ไป... มาด้วยหรอ วีซ่า... ก็ยังไม่หมดอายุนี่ บลา บลา) ตอนนั้นก็ลุ้นมากค่ะว่าถ้าไม่ผ่านก็ไม่รู้จะได้มาขออีกเมื่อไหร่ :) อีกใจก็กลัวว่าเค้าจะสืบรู้มั้ยนะว่าชั้นลาออกแล้ว

แต่วีซ่าก็ผ่านค่ะ ได้มา 10 ปี แต่ยังไม่มีแพลนจะไป ตอนนั้นขอไว้ก่อนเพราะเรายังมีงานทำ ปัจจุบันทำงานอิสระค่ะ (ตอนนี้ถ้าไปขอก็ไม่รู้จะเป็นยังไงอ่ะ)

เป็นกำลังใจให้จขกทนะคะ เข้าใจว่าอยากให้วีซ่าคู่หมั้นเป็นตัวเลือกสุดท้าย หาข้อมูลมากๆ และลองดูวิธีอื่นมั้ยคะ อย่าง #1 ที่ว่าให้คนนามสกุลเดียวกันเป็นสปอนเซอร์ให้... เอาใจช่วยนะคะ อยากให้จขกทไม่เครียดและได้ไปเที่ยวค่ะ :)


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
จากข้อมูลเพิ่มเติมที่ให้มา คุณคงต้องหางานที่ทำประจำต่อเนื่องและมีรายได้เข้าบัญชีธนาคารทุกๆ เดือน ต่อเนื่องเป็นเวลา 6-12 เดือน เพราะทั้งคุณและสปอนเซอร์ ขาดหลักประกันที่จะแสดงว่า ไปแล้วจะไม่หายสาบสูญค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะกลับเข้าไปยื่นขอเป็นวีซ่าคู่หมั้น โอกาสถูกปฏิเสธก็ยังสูงอยู่มาก เพราะกงสุลเขาเห็นว่าคราวก่อนมาขอเป็นวีซ่าท่องเที่ยว แต่พอไม่ได้ก็เปลี่ยนมาเป็นขอวีซ่าคู่หมั้น วิธีที่ดีที่สุด ถ้าจะลองขอใหม่ก็คือ สร้างฐานะการงานการอาชีพสักพักใหญ่ๆ แล้วค่อยเข้าไปยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยว สำคัญที่สุดคือ ต้องมีสิ่งจูงใจให้กงสุลเชื่อได้ว่า ผู้ยื่นขอมีภาระผูกพันกับทางเมืองไทย คือไปแล้วต้องกลับมาตายรังแน่นอน


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
ขอบคุณทุกข้อความที่แนะนำนะค่ะเป็นประโยชน์มากเลยค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 12