เมื่อไปทำ schengen visa ที่สถานทูตฝรั่งเศส..ในสถานะใหม่ !!

คืออยากเล่าน่ะค่ะ...เพราะได้แนวความคิดอะไรมาหลายอย่าง เมื่อเปรียบเทียบกับครั้งก่อนๆ...

คือว่า..

ดิฉันเดินทางไปฝรั่งเศสค่อนข้างบ่อย...เมื่อก่อนนี้...ไปในสถานะนักท่องเที่ยวกึ่งแขกรับเชิญ ซึ่งทางผู้เชิญจะต้องไปขอใบรับรองจากเทศบาล เรียกว่า attestation d'accueil ซึ่งมีค่าใช้จ่ายจำนวนไม่น้อย (จากผู้เชิญ) คือ ค่าธรรมเนียมประมาณ ห้าสิบยูโร และค่าเมล์ด่วน (ถึงเรา) อีก สามสิบยูโร

เมื่อทางดิฉันได้รับใบ อัตเตสตาซง ดักเคยล์ นี้มา..จะต้องเดินทางไปที่สถานกงสุลฝรั่งเศสที่ ซาน ฟานซิสโก เพื่อไปทำเรื่องขอวีซ่า (เพราะว่ายังถือใบเขียวอยู่)
การทำวีซ่า..หมายถึงว่าจะต้องทำการนัดหมายล่วงหน้า ทางอินเตอร์เน็ต..
สิ่งที่ต้องเตรียมมี..ใบเชิญ...สเตทเม้นต์ของธนาคารย้อนหลังไปสามเดือน...ใบรับรองเงินเดือน...ใบเขียว..พาสปอร์ต...รูปถ่ายหนึ่งใบ..ตั๋วเครื่องบินพร้อมประกันสุขภาพ (ทั้งหมดนี้..ต้องมีสำเนามาด้วยหนึ่งชุด ยกเว้นรูปถ่าย)

เมื่อพร้อม...ตอนเข้าสัมภาษณ์...มีการตรวจตราสัมภาระจากฝ่ายดูแลความปลอดภัยก่อน..
เมื่อเข้าไปพบกับกงสุล...ต้องจ่ายเงินก่อนเลย แปดสิบเหรียญ..
และทางกงสุลมักจะมีสีหน้าเคร่งเครียด...พูดน้อย..ถามน้อย...ตรวจเอกสารทุกชิ้นอย่างละเอียด (ขนาดมีใบเชิญที่ผ่านการรับรองจากฝรั่งเศสแล้ว..)
การซักถาม..มักจะเป็นไปตามแบบแผน คือ ไปกี่วัน..จะไปที่ไหนบ้าง..
หลังจากที่ท่านพอใจ..ก็จะให้ถอยหลังไปสามก้าว..เพื่อถ่ายรูปลงในวีซ่า
แล้วก็พิมพ์นิ้วมือ...
จากนั้น...ก็จะให้ไปนั่งคอย..เพื่อรอรับพาสปอร์ตพร้อมวีซ่า (ที่จะเป็นการรีดทับลงในเล่มแบบสวยงาม)

นั่นคือ...ประสบการณ์ในอดีตที่ผ่านมา...

จวบจน..ดิฉันได้เปลี่ยนสถานะเป็น ภริยาของผู้ (ที่ขยัน)เชิญ..เมื่อปลายปีที่แล้ว..ซึ่งหมายถึงการเข้าไปมีชื่อในใบสำมะโนครัวของบ้าน (ของสามี) อันเป็นถิ่นฐานในฝรั่งเศส ที่เรียกว่า..livret de famille ที่ออกให้โดยนายกเทศมนตรีอันถือว่าเป็นสมาชิกในครอบครัวชาวฝรั่งเศส..

ขั้นตอนต่อไป..คือการที่จะต้องไป"ทำเรื่อง" อยู่ถาวร กับตม.

แต่ดิฉัน..ยังต้องคอยไปจนกว่ากลางปีหน้า..ถึงจะย้ายถิ่นฐานได้ เพราะมีสัญญาว่าจ้างงานที่ต้องสะสางให้เสร็จก่อน
ดังนั้น..การกลับไปดูแลสามีในช่วงฤดูหนาวที่จะถึงนี้...จึงต้องไปขอวีซ่าอีกประเภทหนึ่ง..ที่เรียกว่า..วีซ่า (ระยะสั้น เก้าสิบวัน) เยี่ยมเยียนคู่สมรส

สิ่งที่ต้องเตรียม คือ สมุดลีฟเลต เดอ ฟามีย์ (livret de famille) (+สำเนา).. สำเนาพาสปอร์ตของสามี..พาสปอร์ตของตัวเอง
(+ สำเนา)และรูปถ่ายหนึ่งใบ..ใบเขียว (+สำเนา)...ตั๋วเครื่องบิน (+สำเนา)... แบบฟอร์มการขอวีซ่าที่กรอกเรียบร้อย..ซองจดหมายส่งด่วนพร้อมแสตมป์ ($18.95) ที่จ่าหน้าถึงตัวเอง..

เนื่องจาก..ในท้ายของแบบฟอร์มการขอวีซ่า...เขามีหมายเหตุไว้ว่า..
กงสุลอาจจะขอหลักฐาน (อื่นๆ)เพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณา..
ซึ่งดิฉันออกจะนอยด์กับเรื่องนี้มาก เพราะทราบดีว่าทางท่านกงสุลนั้น..
มักจะเคร่งเครียดกับเรื่องเอกสารเสมอ..
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเที่ยว เพราะต้องขับรถไปซาน ฟรานซิสโกที่ต้องใช้เวลากว่าสองชั่วโมง (ถ้าโชคดี..รถไม่ติด) ไม่งั้นอาจจะกว่าสามชั่วโมง..
ดิฉันจึงเตรียมเอกสารไปแทบทั้งหมด คือ ใบเสียภาษีและสำเนาบัตร ปชช.ของสามี..ใบค่าน้ำค่าไฟ...ใบภาษีโรงเรือน

วันนัดหมายคือ วันอังคารที่ผ่านมา..ที่เดินทางออกจากบ้านตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า...เป้นวันที่โชคไม่ดี เพราะ รถติดมาก จากระยะทางเพียงอีกแปดสิบห้าไมล์จะถึงนคร ซาน ฟรานซิสโก...ใช้เวลากว่าสองชั่วโมง..
ดิฉันไปถึง และจอดรถใน parking ได้ ก็เป็นเวลา สิบโมงครึ่ง..
เวลานัด..สิบเอ็ดโมง..

แต่ก็เอาเถอะ..สถานกงสุลอยู่ห่างไปแค่ข้ามถนนเอง...!!!

ความคิดเห็นที่ 1
พกความมั่นใจไปเกินร้อย...แค่ข้ามไปยังถนน Bush ก็จะถึงสถานกงสุลฝรั่งเศสพอดี..
ดิฉันหอบหิ้วกระเป๋าถือ กระเป๋าเอกสารที่มีเอกสารครบ พร้อมไอแผด เรียกว่าพะรุงพะรังพอสมควร..

ไปถึงหน้าสถานกงสุล..ปรากฏว่า..ทุกอย่างปิดเงียบ..ประตูล๊อคแน่น ป้ายก็ถูกถอดหายไปด้วย..เหลือไว้เพียงผนังโล่งๆ...

เอาละซิ...ดิฉันรีบเดินไปถามห้างร้านข้างๆ...เขาบอกว่า
"กงสุลฝรั่งเศสได้ย้ายไปอยู่ที่ ถนน Kearny เลขที่ 88 "
หมายถึงว่า..ดิฉันจะต้องพาตัวเองและสัมภาระไปอีกห้าบล๊อคที่อยู่ห่างออกไป..และควรจะเป็นตามเวลาที่นัดไว้...
อากาศในซาน ฟรานซิสโกยามนั้น ปรอทพุ่งขึ้นสูงถึง 102 เพราะเป็นช่วงของ Indian summer
ดิฉัน..เดินไปเช็ดหงื่อไป...พร้อมกับก่นด่าตัวเองไปด้วย..ที่ไม่มีความละเอียดในการหาข้อมูลให้ละเอียด...เพื่อเชื่อในตัวเองมากไป (ในฐานะที่ไปบ่อย..)

ไปถึงที่หมาย ต้องขึ้นลิฟท์ไปชั้นที่หก...ตรงเวลาเป๊ะ...
หลังจากผ่านการตรวจสัมภาระจากจนท. รักษาความปลอดภัย..ยังได้ไปนั่งรอให้หายใจหายคอได้อีกสามสี่นาที...ก่อนที่ถูกเรียกเข้าสัมภาษณ์..

ท่างกงสุลคนเดิม (ที่เคยสัมภาษณ์ในคราวก่อนๆ) เรียกขอดูเอกสารทีละแผ่น เริ่มจากแบบฟอร์มขอวีซ่า...(ด้วยสีหน้าราบเรียบเช่นเคย)
แต่เมื่อ..ได้เห็นใบสำมะโนครัว...ท่านก็ยิ้มล้อเลียนด้วยใบหน้าที่ใสสว่าง (อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน) ถามว่า..แต่งงานที่ไหน..เมื่อไหร่..?
เลยหยิบภาพแต่งงานให้ดู...ที่เผอิญในภาพดิฉันแต่งชุดไทยแบบเชยๆ ปรากฏว่ามามุงดูกันใหญ่ พร้อมกับกระเซ้าเย้าแหย่กันเป็นที่ครึกคริ้น..
มีการล้อเลียนการใช้ภาษาฝรั่งเศสแบบตะกุกตะกักของดิฉัน..ว่า..
"ต้องรีบเรียนแล้วนะเธอ...เพราะเป็นมาดามแล้ว...เธอก็รู้นี่นาว่าภาษาอังกฤษมักใช้ไม่ค่อยได้ในฝรั่งเศส"
ดิฉันเลยย้อนคารมไปว่า..
"ก็รอที่จะไปเรียนฟรีอยู่นี่แหละ...ปีหน้านะ..จะไปขอเรียนให้ครบ 600 ชั่วโมงเชียว"

อ้อ...ไม่ต้องจ่ายค่าวีซ่าค่ะ....ต่อไปนี้คือฟรีตลอด....

บรรยากาศการทำวีซ่าในวันนั้นดีมาก เพราะดิฉันรู้สึกว่า..ทุกคนได้ให้การรับรองและบริการที่ดี อาจจะเป็นเพราะการที่ได้เข้าไปเป็นสมาชิกในครอบครัวของชาวฝรั่งเศสแล้ว..
หรือ...
อาจจะเป็นเพราะ...สำนึกของการให้บริการกับประชาชนที่เสียภาษีให้กับประเทศอย่างเต็มกำลังสามารถ


เช้าวันพฤหัส...เวลาสิบเอ็ดโมงเช้า...ดิฉันได้รับซองจดหมายด่วนที่บรรจุพาสปอร์ตพร้อมวีซ่าเชงเกนที่ให้มานานถึงหนึ่งปี (duration 90 days)

นับว่าเป็นการทำงานที่เร็วมาก...เพราะแค่ 48 ชั่วโมงเท่านั้น...


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ออกจากสถานกงสุลได้...รีบเดินจ้ำกลับไปยังที่จอดรถ..กะว่าจะแวะไชน่าทาวน์เสียหน่อย
แต่อากาศร้อนเหลือเกิน..ไม่ไหว..
กลับบ้านดีกว่า..ก่อนกลับต้องแวะไปที่ร้านอาหารไทยเพื่อหาอะไรทางกลางวันก่อนที่จะต้องขับรถอีกสองชั่วโมงกว่าๆ..
เป้าหมายถือ..ร้านราชาก๋วยเตี๋ยวเรือ บนถนน Clement อันเป็นร้านโปรด..
สิ่งแรกเลย คือ สั่งก๋วยเตี๋ยวผัดขี้เมา...โอเลี้ยง...

อร่อยมากกก...กวาดเสียจนเขาแทบไม่ต้องล้างจานเลยทีเดียว...


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
อิ่มน่ะ..อิ่มนะคะ แต่ยังปากอยากทานอยู่...เลยสั่งเนื้อน้ำตกมาทานเล่นๆแบบทานสลัดตบท้ายอีกจาน

ปรากฏว่า...งานนี้ผิดหวังมาก...เพราะคนครัวคงตีโจทย์ในคำว่า "น้ำตก" ไม่แตก...
มันหมายถึงการที่เนื้อนั้นสุกแบบยังมีน้ำ (ในเนื้อ)ตก..ไม่ใช่ลวกมาจนสุกขาวแหง๋แก๋
แข็งโป๊ก...
แต่ว่า เครื่องยำนั้นมีครบหมด..หอมสะระแหน่ ข้าวคั่ว...รสชาติเปรี้ยว เค็ม เผ็ดพอดี..
เพียงแต่เนื้อแข็งเป็นพลาสติก...

ขอเขาห่อกลับบ้าน จะเอามาเขี่ยเนื้อทิ้ง...เพราะเสียดายเครื่องยำ..

แต่ที่เล่ามานี้...ก็ไม่ถือว่าเขาฝีมือตกนะคะ ดิฉันอาจจะโชคไม่ดีเอง..แต่ก็แฮปปี้กับอาหารจานแรกมาก...
เพราะอย่างไรเสีย...ก็ยังเหนียวแน่นกับร้านนี้ตลอดไป...


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ขอบคุณ ที่เขียนเล่าให้ฟัง
ตกลงจะทิ้งใบเขียว ไปอยู่ฝรั่งเศส เลยหรือ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
สวัสดีค่ะคุณธนิตา..

ใบเขียวน่ะ..ยังไงก็ต้องสละค่ะ เพราะหลังเกษียณก็ไม่ได้คิดจะอยู่อเมริกาแน่นอนอยู่แล้ว..
เมื่อก่อนเคยตั้งใจไว้ว่าจะกลับเมืองไทย..เลยไปปลูกบ้านเอาไว้ที่ต่างจังหวัด

แต่ชีวิตผันเปลี่ยน..กลายเป็นไปอยู่ฝรั่งเศสแทนค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ไปอยู่ฝรั่งเศสแล้ว ก็ช่วยเขียนเล่ามาให้ฟังบ้าง
ติดตามอ่าน ต้ังแต่ คุณWIWANDA เขียนลงใน นสพ สมัยสู้ความกันที่ศาล
ขอบคุณมาก


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
เตรียมพร้อมที่จะเขียนเล่าสู่กันฟังค่ะ จะเริ่มในเดือนพฤศจิกายนนี้แล้ว..รออ่านนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
Many congratulations.


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ไม่มีความคิดเห็นหรือประสบการณ์เกี่ยวกับวีซ่า แต่อยากแสดงความยินดีกับข้อความส่วนนี้ครับ

จวบจน..ดิฉันได้เปลี่ยนสถานะเป็น ภริยาของผู้ (ที่ขยัน)เชิญ..เมื่อปลายปีที่แล้ว




ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
Dear Khun genf,


Thanks for congratulating me. However, I will have to live in the different lifestyle...I meant the European style considering frugal and think "Green."
As one of my very dear friends once said;
"Just drink not too expensive wines you will be fine with hubby's retirement income!"
And here is my answer;
" Perhaps you're right. Let me tell you something...in my whole life, I had nothing but the poor men who lived as the riches.
Evidently, this one is a vice versa. In many occasions, he reminds me
that the less he spends; it will put a bigger smile on my face later !!"

Would you believe...his words did draw tears from my eyes instantly because no one ever cares for me like that before?!


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
เข้ามาสวัสดีพี่หวานค่ะ รออ่านเรื่องใหม่ที่พี่จะเขียนด้วยนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
ปีหน้าย้ายไปอยู่แถวไหนของฝรั่งเศสส่งข่าวด้วยนะคร๊าบบ เพราะอีกปีสองปีมีโปรแกรมไปตะลุยฝรั่งเศสอยู่ จะได้แวะไปคารวะกับไถไวน์ฟรีได้ครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 12