ถามเรื่องวีซ่านักเรียนที่ออสเตรเลีย

ผมกำลังจะไปเรียนภาษาที่ซิดนีย์ ลงคอร์สเอาไว้ 6 เดือน (24 สัปดาห์) ช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2556 ถึง กลางเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ขอถามว่า

1. ตามที่หาข้อมูลมา จะได้วีซ่าเท่ากับระยะเวลาที่ลงเรียน หรือเพิ่มให้ 1 เดือน หลังจากเรียนจบ ใช่ไหมครับ ผมสามารถไปก่อนเปิดเทอมได้ไหมครับ

2. แล้วถ้าผมต้องการต่อวีซ่าเพื่อจะเรียนปริญญาโท จะยุ่งยากและเสียค่าใช้จ่ายมากไหมครับ

3. ผมตั้งใจจะทำงานเก็บเงินระหว่างเรียนภาษาหกเดือน เพื่อต่อปริญญาโท จะเก็บพอค่าเทอมเรียนโทที่นั่นไหมครับ เพราะผมตั้งใจจะเรียนต่อ หลังเรียนภาษาจบ แต่ยังไม่ทราบค่าใช้จ่ายที่มหาวิทยาลัยเลย



รบกวนพี่ๆเพื่อนๆ ที่มีประสบการณ์แชร์ข้อมูลด้วยครับ ขอบคุณครับ

ความคิดเห็นที่ 1
ค่าเทอมประมาณปีละ 20,000 A$
หากทำงานร้านอาหารได้แบบสูงแล้วประมาณวันละ 80 A$


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
วีซ่าได้ตามระยะเวลาที่เรียนคะลงไป6เดือนก็ได้หกเดือนคะแต่ไปก่อนได้1เดือน
ถ้าจะต่อวีซ่า ต้องเสียค่าวีซ่าใหม่ค่าประกันสุขภาพตามระยะเวลาที่เรียน หลายร้อยเหรียญอยู่ไม่แน่ใจต้องยื่นเอกสารทางการเงินด้วยหรือเปล่า. แต่ถ้าคิดจะไปทำงานแล้วเก็บเงินเพื่อจะเรียนต่อโท ขอบอกว่ายากกกกมากเพราะค่าใช้จ่ายเยอะ อีกอย่างคุณลงเรียนก็ต้องไปเรียน มีเวลาทำงานน้อย ไหนจะต้องเอาเงินที่ทำงานได้มาเป็นค่าใช้จ่ายรายวันอีก ยังไงก็ไม่พอคะ เงินเป็นหมื่นเหรียญไม่ได้หาง่ายๆ นะคะ อันนี้บอกตามประสบการณ์คะ เพราะเราเคยไปเรียนทำงานที่ซิดนีย์มาก่อน. เราทำได้ วีคละ 1000เหรียญ ยังไม่พอเลยคะ ถ้าอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมเมลมาคุยกันได้คะ [email protected]


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
1. ปกติก็ต้องไปถึงก่อนที่จะเริ่มเรียนอยู่แล้วครับ ถ้าไปหลังจากเค้าเปิดเรียนคุณก็ขาดเรียนสิครับ เรียนภาษาปกติเค้าจะให้นักเรียนใหม่เริ่มทุกๆวันจันทร์ครับ สรุปวีซ่าออกเมื่อไหร่ก็บินได้เลยครับ เช็คได้จากเอกสารวีซ่าของเราได้เลย เค้าจะบอกว่าวีซ่าออกวันที่เท่าไหร่ นั่นคือเราก็สามารถบินเข้าประเทศได้นับตั้งแต่วันที่วีซ่าออกเลยครับ

2. ต่อวีซ่าเรียน ป.โท สามารถทำได้เพียงแต่ต้องเตรียม เงิน เอกสาร และ IELTS ครับ ถ้าคิดว่าภาษาเราดีก็ไม่จำเป็นต้องไปเรียนภาษาถึง 6 เดือนหรอกครับ สอบ IELTS จากเมืองไทยให้ผ่าน จะได้ไม่ต้องเสียค่าเรียนภาษาประหยัดไปได้อย่างน้อยก็ร่วม 4-5พันเหรียญแล้วครับ (ถ้าค่าเรียนภาษาประมาณ $200) ประหยัดไปได้สัปดาห์ละ $200 ก็น่าจะพอๆกับถ้าคุณมาเรียนไปทำงานไป รายได้ในช่วงแรก-ค่าใช้จ่าย=ก็น่าจะพอๆกับ200เหรียญ เก็บเงินไว้จ่ายค่าเทอม ป.โท ดีกว่า จะได้ไม่ต้องเสียค่าวีซ่า 2 รอบด้วยครับ ปัญหาเรื่องวีซ่าผ่านไม่ผ่านก็ไม่ต้องกังวลเท่าเรียนภาษา เพราะวีซ่าอยู่คนละ subclass กันครับ

3. ถ้าคิดจะทำงานเก็บเงินเหมือนนักเรียนไทยที่อยู่ที่นี่ก็น่าจะทำได้ แต่ระยะเวลา 6 เดือน ในช่วงเรียนภาษา อาจจะลำบาก ถ้าคิดจะมาหาเงินค่าเทอมเรียนโทที่นี่ทั้งหมด เพราะชั่วโมงเรียนจะเยอะ และต้องตื่นเรียนเช้า โดยอาจจะเรียน 4-5 วัน แล้วแต่โรงเรียน

โอกาสในประเทศนี้ยังมีอยู่ ถึงแม้จะน้อยลงเยอะ หลายๆคนที่เตรียมตัว คิดและวางแผนดีๆ ก่อนมา นอกจาก ป.โท ที่ได้รับ บางคนอาจไปได้ถึงการได้เป็นพลเมืองถาวร ได้งานประจำทำอยู่ที่ออสเตรเลียครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
1. ไปก่อนเปิดเรียนได้ครับ จขกท. ยื่นวีซ่าเรียนภาษา ปกติยื่นได้ไม่เกิน 3 เดือนก่อนวันเริ่มเรียน (maximum) ถ้ายื่น1 เดือนครึ่งล่วงหน้า แล้วผ่านก่อนจะเริ่มเรียนสักเดือนนึง จะบินเข้าไปเลยก้ได้ครับ
2. ต่อได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าติดคอนดิชัน No Further Stay หรือเปล่า ถ้าไม่ติดก็ต่อได้ อย่างไรก็ตามอยู่ที่ว่าภาษาเราตอนนั้นเป็นยังไง สามารถเข้ายูที่เราหวังไว้ได้เลยหรือเปล่า หรือจะสอบ IELTS จากเมืองไทยก่อนแล้วแบบคุณ theplan ว่าไว้ก็ดีครับถ้าเป้าหมายคือเรียนโท

เพิ่มเติมเรื่องวีซ่า Subclass กับ Assessment Level ผมเขียนอธิบายคร่าวๆไว้ในนี้ครับ
http://www.thaiwahclub.com/article-wah/further-study-in-Australia/218-subclass-assessment.html

3. ยากมากครับ
ถ้าจะเก็บเงิน 6 เดือนจาก 0 เลยเพื่อให้เรียนโทได้พอ สมมติที่ขั้นต่ำสัก 8574 AUD (CQU ที่ว่าต่อเทอมถูกแล้ว ) - หารด้วย 24 weeks จะต้องเก็บได้ วีคละ 357 AUD โดยประมาณ ซึ่งหมายความว่าจะต้องหางานให้ได้ วีคละสัก 500 AUD เป็นอย่างน้อยเพื่อจ่ายค่าที่พักและอาหาร (และอาจจะมีรายจ่ายจิปาถะอื่นๆอีก) และต้องได้งานตั้งแต่แรกเลยด้วย โดยจะต้องได้งานยาวไปทั้ง 24 weeks - ดังนั้นในทางทฤษฎีอาจจะทำได้ แต่ทางปฎิบัติค่อนข้างยากมากครับโดยเฉพาะสำหรับที่คนไปใหม่ๆ

ผมแนะนำให้ตั้งเป้าให้ชัดเจนก่อนครับ ว่าเราอยากเรียนโทด้านไหน ที่ไหน และเราจะได้มาดูได้ต่อได้ด้วยว่าเราควรจะเรียนภาษาที่ไหนยังไง ตลอดจนวางแผนเรื่องการเก็บเงิน การใช้จ่าย


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
ขอบคุณครับ สำหรับทุกความเห็น

ผมไม่เก่งอังกฤษ เลยต้องไปเรียนภาษาก่อน
ให้สอบ IELTS ไปก่อน คงไม่ได้แน่ๆเลยครับ


แก้ไข คห. 4
เปิดลิ้งค์ไม่ได้ครับ

http://www.thaiwahclub.com/article-wah/further-study-in-Australia/218-subclass-assessment.html


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ไม่แน่ใจว่าทำไมเปิดไม่ได้ (เพราะผมยังเปิดได้อยู่) แต่ว่าก้อปเนื้อหามาให้อ่านคร่าวๆครับ
============================================

Australian Visa subclasses and Student Visa Assessment Level


หลายๆครั้งที่ผมได้รับคำถามเกี่ยวกับวีซ่าประเภทต่างๆ ของออสเตรเลีย โดยเฉพาะกับคนที่กำลังจะขอวีซ่า ว่า visa นี้ subclass อะไร subclass คืออะไร Assessment Level คืออะไร และแต่ละอย่างมันต่างกันยังไง ในบทความนี้ผมจะอธิบายให้ฟังเพื่อความเข้าใจที่ตรงกันครับ


Visa Subclass : โดยปกติแล้วการแบ่งชนิดของวีซ่าออสเตรเลียจะแบ่งออกได้ด้วยสองอย่างหลักๆได้แก่ ชื่อวีซ่า และ subclass ของวีซ่าซึ่งจะกำหนดไว้เป็นตัวเลขสามหลัก
เช่นสำหรับ Work and Holiday Visa ที่เราคุ้นเคยกันนั้น
ชื่อวีซ่าว่า Work and Holiday ส่วน Subclass จะเป็นเลข 462
หรือสำหรับ Working Holiday Visa ที่เพื่อนๆจากเกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน และยูโรปขอได้ จะชื่อ Working Holiday และ subclass จะเป็นเลข 417 เป็นต้น

สำหรับวีซ่านักเรียนจะมีแบ่งแยกย่อยกันไปตามประเภทของคอร์สที่ลงเรียนกันอีก

ในบทความนี้ผมจะเขียนแนะนำเฉพาะวีซ่านักเรียนชนิดที่ขอกันบ่อยๆนะครับ โดยจะเขียนเป็น format ดังนี้ครับ
ชื่อวีซ่า : Subclass : คำอธิบาย


English Language Intensive Courses for Overseas Students (ELICOS) : Subclass 570 :
หมายถึงคอร์สเรียนภาษาอังกฤษแบบต่างๆในออสเตรเลีย มีตั้งแต่การเรียน General English, IELTS, Cambridge , EAP และอื่นๆ หลักๆก็คือที่เราเรียกกันติดปากว่าเรียนภาษาครับ โดยแต่ละคนอาจจะมีเหตุผลในการเรียนภาษาต่างกันไปเช่นเพื่อใช้สื่อสาร เพื่อเรียนต่อในมหาวิทยาลัย เป็นต้น

เรื่องคอร์สเรียนภาษาแบบต่างๆสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในบทความที่ผมเขียนไว้ที่นี่ครับ
เรียนภาษาออสเตรเลีย

Vocational Education and Training : Subclass 572

หมายถึงการเรียน ในระดับวิชาชีพ ถ้าพูดให้เห็นภาพง่ายๆก็คือปวช. (Diploma )ปวส.(Advanced Diploma) บ้านเราครับ
ก่อนจะเข้าไปเรียนระดับนี้ได้เราต้องมีผลภาษา IELTS ประมาณ 5.5 หรือเทียบเท่าซะก่อน (คอร์ส Diploma บางสาขาวิชาก็ต้องการ IELTS ที่สูงกว่าก็มี)

คอร์ส VET ก็เหมือนคอร์สเรียนภาษา ที่มีให้เลือกหลากหลายตามวัตถุประสงค์ของผู้เรียน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของ VET ได้ในนี้ครับ
เรียนต่อดิปโพลมา


Higher Education : Subclass 573

คอร์สเรียนในหมวดนี้ได้แก่


Bachelor degree
associate degree
graduate certificate
graduate diploma
Masters by coursework
Higher Education diploma
Higher Education advanced diploma


นอกจากชื่่อคอร์สแล้ว ผมขออธิบายให้ละเอียดขึ้นก็คือการเรียนในคอร์สต่างๆในมหาวิทยาลัย (ที่ไม่ใช่คอร์สภาษา) หรือเทียบเท่าครับ

ที่ว่าเทียบเท่านี่เพราะก็มีบางสถาบันที่สอนคอร์ส ปริญญาตรี ปริญญาโท หรือคอร์ส Higher Education อื่นๆ เช่น Higher Education Diploma แต่ไม่ใช่มหาวิทยาลัยก็มีเหมือนกัน



Postgraduate Research : Subclass 574

คือคอร์สป.โทแบบ Research และปริญญาเอกครับ คอร์สเรียนแบบนี้จะค่อนข้าง Academic และ independent มากกว่าแบบข้างต้นครับ
ข่าวดีสำหรับปี 2012 สำหรับคนที่เลือกเรียนในระดับปริญญาตรี โท (ทั้ง Coursework และ research) และ ปริญญาเอกก็คือหลังจากจบคอร์ส เราจะได้ Post Study Visa ไว้หางานในออสเตรเลียได้อีก 2 ปีสำหรับผู้ที่จบป.ตรี และโท และ3 ปีสำหรับ ป.เอกครับ (โดยจะต้องขอวีซ่าหลังวันที่ 5 Nov 2011 เป็นต้นไปนะครับ)



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคอร์สใน Subclass 573 และ 574 ได้ที่

เรียนต่อมหาวิทยาลัย

นอกจากเรื่องของ Subclass และอีกที่เรื่องผมจะอธิบายควบคู่กันไปก็คือ

Assessment Level


วีซ่านักเรียนออสเตรเลียนอกจากจะแบ่งตาม subclass และยังมี level การประเมินที่เข้ามากำหนดว่าคนที่จะเรียนคอร์สนี้ๆ จะขอวีซ่าได้แบบไหนบ้าง มีหลักฐานอะไรที่ต้องยื่นบ้าง อีกด้วย


Assessment Level หรือ ALs จะถูกจัดขึ้นตามสถิติของนักเรียนแยกตามประเทศ และพฤติกรรมของนักเรียนชาตินั้นๆใน sector ต่างๆกัน (Sector ที่ว่าก็แบ่ง subclass นั่นเองครับ)


ALs จะมีอยู่ 5 level ไล่ตั้งแต่เลข 1 ไปถึงเลข 5 โดยเลช 1 จะถือว่ามีความเสี่ยงน้อยสุดที่นักเรียนจะมาทำตัวเป็น non genuine students หรือขอวีซ่ามาเรียนแต่จริงๆอยากมาทำอย่างอื่นเช่น ทำงาน หาแฟน ทำธุรกิจ หรืออะไรก็ตามแต่
ในขณะที่ Level 5 จะเป็นเลเวลที่ความเสี่ยงสูงที่สุดครับ
ยกตัวอย่างเช่น ประเทศญี่ปุ่นนี่ ไม่ว่านักเรียนจากประเทศเค้าจะเรียน ภาษา เรียนดิปโพลมา หรือเรียนในมหาวิทยาลัย
เค้าก็จะเป็น Level 1 ทั้งหมด นั่นหมายถึงถ้ามาจากญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ค่อนข้างขอวีซ่านักเรียนง่ายๆมากๆไม่ต้องปวดหัวกันเลยครับ


สำหรับประเทศไทยเองเรามีอยู่แค่ 2 level คือ 1 และ 2 ซึ่งถือว่าค่อนข้างดี เทียบกับประเทศในภูมิภาคเดียวกัน
โดย Sector ที่เป็น Level 1 ของประเทศไทยได้แก่ Subclass 571 (Schools Sector – เรียนในรร.ที่ออส ประถม มัธยม แต่ผมไม่ได้อธิบายไว้ในที่นี้เพราะผู้เข้าเวปนี้ส่วนมากจะค่อนข้างโตแล้วครับ) , Subclass 573 (Higher Education Sector) และ Subclass 574 (Post Graduate Research Sector)

และสำหรับ Sublcass570 (ELICOS) และ Subclass572 (VET) จะเป็น Assessment Level 2 ครับ
สำหรับประเทศอื่นๆ เราสามารถตรวจสอบ Assessment Level ได้จากลิงค์นี้ครับ


Student Visa Assessment Level




ALs1 VS ALS2
ข้อแตกต่างหลักๆของผู้ขอวีซ่าที่เป็น Assessment Level 1 และ Assessment Level 2 จะมีความยากง่ายต่างกันดังนี้ครับ
1) Online and Paper based application : สำหรับ Level 1 เราสามารถเลือกได้ว่าเราจะขอ first student visa แบบไหน คือเลือกได้ทั้งแบบ online และ paper ในขณะที่ Level 2 นี่เราต้องของวีซ่านักเรียนครั้งแรกจากเมืองไทยเท่านั้นครับ (Level 2 จะไปต่อวีซ่าที่ออสเตรเลียเป็นออนไลน์ได้ทีหลังครับ)
ดังนั้นการที่บางคนอยากลองขอวีซ่าท่องเที่ยวแล้วไปเปลี่ยนเป็นวีซ่านักเรียนจะสามารถทำได้เฉพาะกรณีที่เราตกลงมาอยู่ใน Assessment Level 1 เท่านั้นครับ
2) Financial Evidence : โดยปกติแล้ว ถ้ายื่นวีซ่าออนไลน์แบบ Level 1 จะไม่ถูกเรียกหลักฐานการเงินครับ ในขณะที่ถ้ายื่น paper based จะต้องยื่นหลักฐานการเงินที่ค่อนข้างแข็งมากๆ คือต้องมี book ตัวจริงที่ยื่นไปได้ ต้องมีหลักฐานทางการเงินที่มาของเงินที่ดีเชื่อถือและพิสูจน์ได้ และถ้ามีกรณีมีเงินเข้ามาอย่างไม่เหมือน transaction ปกติก็ต้องอธิบายให้เค้าฟังได้ครับ
อย่างไรก็ตามอย่างที่ผมและคุณดอสได้พูดถึงไปใน WAH-WHS รอบก่อนถึงเรื่องว่าช่วงหลังๆเอเจนท์มาใช้วิธีให้นักเรียนไปเรียน Level 1 ก่อนแล้วค่อยหาทางไปเปลี่ยน ไปทำอย่างอื่น ทำให้หลังๆก็มีโดนเรียกหลักฐานเพิ่มเติมกันให้เห็นบ้าง โดยเฉพาะคนที่เลือกเรียนสถาบันที่สอน Higher Education Diploma (แต่โดยส่วนมากที่ผมเองเจอก็ยังไม่โดนเรียกอะไร ยกเว้นมีเคสโดน reject มาก่อนครับ)

นอกจากนั้นก็จะเป็นรายละเอียดปลีกย่อยเล็กน้อยสำหรับการยื่นออนไลน์ กับการยื่นเปเปอร์ เช่น ถ้ายื่นออนไลน์เราต้องจ่ายค่าวีซ่าเป็นดอลล่าร์ที่ 535 AUD และถ้าเป็น paper เราต้องจ่ายค่าใช้จ่ายในการยื่นวีซ่าสองส่วนคือ Visa Fee 17850 THB และ VFS Fee 600 THB ครับ


จากที่อธิบายมาจะเห็นว่าการจะยื่นขอวีซ่านักเรียนค่อนข้างซับซ้อน และค่อนข้างจะเข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ

ดังนั้นก่อนการยื่นวีซ่านักเรียนแต่ละครั้งเราจะต้องคุยกันถึงเรื่องจุดประสงค์ในการไป หลักฐานการเงิน การทำงานต่างๆอย่างค่อนข้างละเอียด(มากกก) ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อให้เปอเซนต์ผ่านสูงขึ้นก่อนที่จะยื่นไปจริงๆครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 6