(ญี่ปุ่น) เรียนและทำงานส่งตัวเองที่ญี่ปุ่น...เป็นไปได้ หรือ ไม่???

คือผมมีแพลนว่าจะไปเรียนภาษาต่อที่เมืองโอซาก้า ประเทศญีปุ่น และคิดว่าจะไปทำงานและเรียนภาษาไปด้วย เพื่อนๆคิดว่าพอจะเป็นไปได้ไหมครับ โดยผมวางแผนไว้คือ
1. มีเงินก้อนนึงพอจ่ายค่าเทอมเทอมแรก และ เงินค่าใช้จ่ายประมาณ 1 แสนบาท น่าจะอยู่ได้ประมาณ 3 เดือน รึป่าวคับ?
2. ผมจะเริ่มหางานทำตั้งแต่ไปช่วงแรกๆ เลย อาจจะไปทำร้านอาหารไทยอะคับ แบบพอที่จะ จ่ายค่าที่พัก และเก็บไปจ่ายค่าเทอมได้บางส่วน พอจะทำได้ไหมคับ ยังพูดญีปุ่นไม่ได้นะคับ กะว่าจะไปทำหลังร้านเอา
3. ผมอาจจะไปพักกับเพื่อนที่นู่น คิดว่าน่าจะพอเซฟได้ แต่ถ้าช่วงหลังอาจจะไปอยู่เองสะดวกกว่าเพราะเกรงใจเพื่อน ผมควรอยู่คนเดียว หรือ หารูมเมทดีครับ

ยังไงรบกวนท่านที่เคยไปอยู่ และใช้ชีวิตแนะนำผมหน่อยครับ ไม่ได้ซีเรียสเรื่องลำบากคับ แต่อยากไปหาประสบการณ์ ตอนนี้อยู่เมืองไทยแล้วเบื่อๆครับ ขอบคุณมากครับ

ความคิดเห็นที่ 1
1.อาจจะอยู่ได้ถ้าไม่เที่ยว คงไม่ค่อยมีค่าใช้จ่ายมาก ถ้าเอาว่าแสนบาทตกราวๆสองแสนกว่าเยน (ช่วงนี้ค่าเงินแพง) อาจจะอยู่ได้ราวๆสองเดือนครึ่ง กรณีค่าเช่าห้องถูกหน่อย
แต่ค่าใช้จ่ายที่หลายคนคิดว่าจะประหยัดได้ หรือ ควบคุมได้

เช่น

- จะไม่มีโทรศัพท์ (อันนี้ยากเพราะเวลาสมัครงานเองก็ต้องใช้โทรศัพท์ และทางรร.หลายแห่งกลัวนร.หนีตามตัวยากมักบังคับให้เปิดโทรศัพท์) โดยทั่วไปค่าโทรศัพท์ค่อนข้างแพง และพยายามอย่าเชื่อพวกที่บอกว่า เปิดมือถือศูนย์เยน เพราะคุณต้องทนใช้มันสองปี ถ้ากลับประเทศก่อนเวลาต้องจ่ายชดเชยค่ามือถือคืนที่แพงมาก (กรณีที่หนีโอกาสขอวีซ่าครั้งต่อไปจะลำบาก และถ้าไม่ทำเรื่องปิดโทรศัพท์ก่อน ตัวเลขมันจะวิ่งไปเรื่อยๆถึงคุณจะเลิกใช้ก็ตาม...เพื่อนเราเป็นหนี้เพราะไม่จ่ายค่ามือถือถีง หกแสนเยน ...เรื่องจริงนะคะ)

- จะทำกับข้าวเองจะได้ประหยัด (บางครั้งการทำกับข้าวเองไม่ได้ประหยัดเสมอไป ซื้อเอาอาจจะประหยัดกว่าก็มี ต้องรู้เรืองอาหารอยู่บ้าง)
เรื่องพวกนี้ควบคุมยากหน่อยค่ะ

- ค่ารถไฟ แล้วแต่ที่ๆอาศัยอยู่ ถ้าไกลจากรร.ต้องทำใจว่าค่าเดินทางแพง แต่ถ้าใกล้แล้วรร.อยู่ใจกลางเมืองค่าที่พักก็แพงค่ะ
ค่าประกันสุขภาพ กรณีที่คุณทำงานพิเศษค่าประกันสุขภาพจะแพงขึ้นกว่าคนที่ไม่ทำงานพิเศษ และค่าประกันแต่ละเขตก็แตกต่างในราคากันด้วย
แต่ไม่ทำประกันไม่ได้ค่ะ

2. ญี่ปุ่นไม่ค่อยมีงานล้างจานให้ทำค่ะ คนทำงานที่เขาจ้างคือต้องเสิร์ฟด้วย และบางครั้งวกเข้ามาล้างกรณีที่รีบๆจานไม่พอ หรือจานพิเศษๆ บางที่ให้กุ๊กล้างจ้านไปด้วยตอนว่างจากเตา และญี่ปุ่นใช้เครื่องล้างจานอัตโนมัตืเยอะค่ะ

ร้านอาหารไทยเขาแจกงานให้เป็นชิฟทำงานค่ะ
เช่น เอ เอาไปสองวัน บี เอาไปสามวัน ซี เอาไปสองวัน เขาไม่ให้คนเดียวทำทุกวันยกเว้นร้านนั้นขาดคนจริงๆ (ซึ่งไม่ค่อยมี เพราะคนไทยที่ญี่ปุ่นมีเยอะพอให้เลือก) ถ้าทำสองร้านอาจจะได้เงินต่อเดือนราวๆ ห้าหมื่น-แสนเยนได้ ขึ้นอยู่กับว่าได้งานมากน้อยแค่ไหน
แต่ค่าเช้าห้องถ้าแพง+ค่าใช้จ่ายรายเดือนก็มีอยู่ เงินที่ได้มาจะช่วยได้แค่ค่าอยู่กินไม่พอเก็ยค่าเทอมค่ะ

ญี่ปุ่นมีกฎเรื่องระยะเวลาทำงานพิเศษ กับประเภทงานที่อนุญาตให้ทำด้วย
ศึกษาให้ดีนะคะ

เดือนนึงที่คุณจะต้องได้หากต้องการเก็บค่าเทอมด้วยควรจะอยู่ราวๆแสนห้าหมื่นเยนค่ะ แบ่งแบบไม่ค่อยคิดมากคือ ห้าหมื่นค่าห้อง, ห้าหมื่นค่าน้ำไฟแก๊สเนต(ถ้ามี..แต่ถ้าเหมารวมค่าเช่าห้องก็แล้วไป)ค่าใช้จ่ายทั่วไปรายเดือน อาจมีเพื่อนชวนดื่มหรือค่าใช้จ่ายกระทันหัน ,และ ห้าหมื่นสุดท้ายคือเก็บเพื่อค่าเทอมทุกเดือน เก็บหกเดือนจะได้ค่าเทอมครึ่งปีคือ สามแสนเยนค่ะ (คิดค่าเทอมเฉลี่ยนนะคะถ้าที่เรียนบางที่ถูกกว่านั้นก็โชคดีไปค่ะ)

3. แนะนำให้หาพวกห้องเช่าที่เขาแชร์เป็นสัดส่วนแต่แรก การไปอยู่กับเพื่อนเหมือนประหยัดแต่ถ้าตอนที่คุณจะย้ายเข้าที่ใหม่คุณต้องจ่ายค่าแรกเข้า ค่าเรย์คิน (อารมณ์แป๊ะเจี๊ย) และค่าเช่าล่วงหน้าสามเดือน (หรือน้อยกว่านั้นแล้วแต่ที่)
รวมๆค่าย้ายบ้าน คนญี่ปุ่นเองยังไม่ค่อยอยากย้ายเลยค่ะ

แต่...ถ้าคุณเข้าพวกที่รับคนต่างชาติได้ และไม่คิดเรื่องค่าจุกจิก หรือ...คิดถูก และเหมารวมค่าน้ำไฟเนตแก๊สได้ คุณจะอยู่สบายขึ้นค่ะ

เรื่องที่อยู่การอยู่กับเพื่อนมีข้อดีข้อเสียที่เราขอแสดงแค่ส่วนที่เราเห็นนะคะ
- อาจจะได้อยู่กับคนที่เรารู้จัก เขาภาษาเดียวกัน เขาอาจจะแนะนำเราได้

แต่ในขณะเดียวกันการอยู่ด้วยกันมากเกินไปก็ทำให้มิตรภาพแย่ลง
เราที่ไปทีหลังก็ต้องเกรงใจเหมือนเขาเป็นเจ้าของทั้งๆที่เราก็ช่วยจ่ายค่าห้องให้ครึ่งนึง แถมคนที่อยู่ก่อนจะพุ่งพาได้จริงแค่ไหนต้องดูให้มากๆ
ที่สำคัญ กรณีที่เดือนไหนเพื่อนที่ว่าเดือดร้อน ไม่มีเงินจ่ายค่าห้องแล้วรบกวนให้จ่ายทั้งเดือนคนเดียว แล้วจะคืนรึเปล่าไม่รู้ คุณต้องดูดีๆนะคะ

พูดเหมือนมีแต่ปัญหา
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หากคุณสามารถหางานที่จุนเจือได้ คุณจะอยู่ง่ายมากขึ้น
เราพูดเพื่อให้คุณมองด้านนี้ด้วย ไม่อยากให้คิดว่าจะเป็นแบบหลายๆแนะแนวที่เล่าแต่ด้านสนุกๆให้คุณดูค่ะ

อย่างน้อยโอซาก้าเป็นเมืองสบายๆ และต้อนรับคนต่างชาติมากกว่าโตเกียวค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ต้องถามก่อนว่า คุณมีเป้าหมายอะไรครับถึงมาเรียนที่นี้

อยากต่อโท เรียนภาษา หรือ แค่มาเก็บเงิน

ทำงานเดือนล่ะ แสนห้าทำได้ครับ สบายๆๆ แต่เหนื่อยหน่อย
ถ้าเรียนไปด้วย นี้ต้องบอก แทบไม่มีเวลา นอน ผมทำได้ สองเดือนก็ต้อง ลด เวลาทำงานลง ไม่งั้นตาย

ส่วนเรื่องเงิน แสนห้า ต่อเดือน ค่ากินอยู่ อาจจะพอ ครับ แต่ ต้องประหยัดมากๆๆ

โทรศัพท์มีครับ แบบถูกๆๆ ไม่ต้องใช่ หรอก ไอโฟน เข้าไปที่ร้าน บอก มีเครื่องที่ถูกสุกเท่าไร
ตอนนั้นผมไป ซ์้อขาด เลย 4000 เยน ไม่ติดสัญญาอะไร
ใช่โทรศัพท์ ตกเดือนล่ะ 2 พันกว่าเยนเองครับ

ค่าห้อง แบบที่ข้างบนบอกไป หาแชร์รูม ถูกสุด ตีอย่างง่ายๆ เดือนล่ะ 4-5 หมื่นเยน

เรื่องอาหาร อันนี้แล้วแต่คน แต่ตีง่ายๆ อยู๋เมืองใหญ่ ใช่วันล่ะ พันเยน อาจจะได้ถูกกกว่านี้ถ้าไปทำงานที่ร้านแล้วเค้าให้ข้าวกลับมากิน

ค่าเทอม ตีซะง่ายๆ จ่ายทุกๆ 6เดือน ครั้งล่ะ 300000
เท่ากับต้องเก็บเงินเดือนล่ะ 50000

รายจ่าย
ค่าโทร 3000
ค่ากิน 30*1000 = 30000
ค่าห้อง 50000
ค่าเทอม 50000

รวม 133000

ร้ายได้ 150000
เห้นมั้ยว่าเหลือ
แต่ๆๆ คุณจะสามารถ ทำงานได้ เดือนล่ะ 150000 ตลอดหรอ
เวลาอ่านสือทวนล่ะ เข้าไปเรียนสอบไม่ผ่านหลายๆครั้ง รร มีสิทธิทำเรื่อง ยกเลิกวีซ่าเรียนได้นะครับ

สุดท้ายมาดู เงินทำงาน ตี ง่ายๆ เมืองใหญ่ ได้ชมล่ะสัก 900
ต้องทำ วันล่ะ 6ชม 7วัน คือไม่มีวันหยุดเลย

900*6ชม*7วัน*4อาทิตย์
ได้ 151200 เยน

แต่ก็เข้า ปัญหาเดิม ร้านเค้าจะให้ทำเยอะขนาดนั้นหรอ แล้วคุณจะไหวหรอ ไม่มีวันหยุดเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ขอโทษเจ้าของกระทู้นะคะ แต่ขอสอบถามคุณอามามิยะค่ะ

คือเราเคยไปเรียนที่ญี่ปุ่น แล้วเปิดใช้โทรศัพท์ของซอฟท์แบงค์ สัญญาสองปี แต่เราใช้ประมาณปีกว่า แล้วกลับมาเมืองไทยโดยไม่ได้แจ้งยกเลิก เห็นคุณอามามิยะพูดถึงว่าตัวเลขค่าใช้จ่ายจะวิ่งไปเรื่อยๆแล้วช็อก ถ้าอย่างนี้เราต้องทำยังไงคะ เรากลับมาได้ประมาณ 4 เดือนแล้วค่ะ

ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ตอนเปิดใช้ใช้ระบบการจ่ายประเภทไหนคะ แบบบัญชีที่เปิดที่ญี่ปุ่น
หรือว่า แบบบัตรเครดิต ถ้าบัตรเครดิตมันจะตัดไปเองทุกเดือนไม่ต้องสนใจมาก
แต่ถ้าแบบตัดบัญชีเขาตัดไม่ได้ก็จะลงว่าเป็นหนี้เอาไว้
เราไม่แน่ใจว่าเขาจะส่งฟ้องหรือแบบไหน

กรณีเพื่อนของเราค้างค่ามือถือสองเดือนติดกันและโดนตัดไปหลายเดือน
ตอนที่จะไปจัดการอีกครั้งเลยใช้การแจ้งระงับ แล้วขอยื่นคำร้องผ่อนผันแบ่งจ่ายเอาค่ะ
เราเลยไม่ทราบเรื่องรายละเอียดมากกว่านั้น
(เพื่อนเราไปจัดการเรื่องโทรศัพท์เพราะต้องเปลี่ยนรูปแบบวีซ่าเลยต้องการให้ประวัติขาวสะอาดน่ะค่ะ)

กรณีของคุณชิโอริ ลองเมลล์หรือโทรไปสอบถามรายละเอียดดูน่าจะได้นะคะ

รอความเห็นอื่นนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
เพื่อนที่เคยไปเรียนภาษา ครอบครัวเขาจ่ายค่าเล่าเรียนให้หมดแล้ว พร้อมทั้งค่าใช้จ่ายช่วงหกเดือนแรก เพื่อนคนนี้ไม่เป็นภาษาญี่ปุ่นเลย ไปเริ่มเรียนตั้งแต่ฮิรางานะ เธอเล่าให้ฟังว่า พอเรียนไปได้หกเดือนถึงเริ่มพูดได้คล่อง แล้วไปสมัครงานซูเปอร์มาร์เก็ตแถวที่พัก ก็พอได้ค่ากินอยู่นะ

แต่ถ้าต้องไปหาค่าเล่าเรียนเอง เราว่าน่าจะลำบากเอาการอยู่

เห็นอยู่คนที่เขาไปถึงแล้วได้งานเลย เพราะน้องคนนี้เขาเรียนเอกญี่ปุ่น และทำงานบริษัทญี่ปุ่นอยู่พักนึง แต่น้องเขามีความตั้งใจว่าในชีวิตนี้จะไปอยู่ญี่ปุ่นสักปี น้องเขาเลยทำเรื่องไปเรียนภาษา ความที่น้องเขาพูดคล่องอยู่แล้ว ก็เลยได้งานทันทีน่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ขอบคุณคุณอามามิยะมากค่ะ งั้นเดี๋ยวเมลล์ไปถามที่ซอฟท์แบงค์ล่ะค่ะ เพราะคิดว่ายังไงก็จะไปญี่ปุ่น อีก กลัวมีปัญหาเรื่องวีซ่า(ท่องเที่ยว)น่ะค่ะ

ส่วนเรื่องคำถามของเจ้าของกระทู้ เราจะยกเคสของเราให้ฟังแล้วกันนะคะ คิดว่าใกล้เคียงกับที่คุณเล่าทีเดียวค่ะ

เรามาเรียนภาษา หลักสูตรปีครึ่ง(สามเทอม) ก่อนมา จ่ายค่าเทอม+ค่าหอสำหรับหกเดือนแรก ประมาณ220,000+บาท แล้วแลกเงินติดตัวมาหนึ่งแสนบาท และเอาเอทีเอ็มที่ไทยติดมาด้วยเผื่อฉุกเฉิน โดยที่เงินทั้งหมดนี้เป็นเงินของเราเอง1/3 ที่เหลือเป็นของที่บ้านให้มา ซึ่งเราตั้งใจไว้ว่าจะไม่ขอเค้าเพิ่มอีก

มาเรียนได้ประมาณสองเดือนครึ่ง ภาษาพอใช้ได้ อาจารย์อนุญาตให้ทำงานพิเศษ เราก็เริ่มทำที่ซูเปอร์มาร์เก็ตค่ะ ก็งานพวกจัดของเข้าชั้น ปั้นซูชิ เติมน้ำมัน ทำอาทิตย์ละ 6 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 5 วัน ก็คือทำวันละ 30 ชั่วโมง/สัปดาห์ ซึ่งถือว่าเกินจากที่เค้ากำหนดสำหรับวีซ่านักเรียน (28 ชั่วโมง/สัปดาห์) แต่อยู่ในเกณฑ์ที่เค้ายอมรับได้ ตอนต่อวีซ่าก็ไม่มีปัญหาค่ะ

เดือนหนึ่งเราได้เงินเดือนราว 84,000 เยน ซึ่งพอใช้จ่ายค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่าน้ำ+ไฟ+แก๊ส และเหลือเก็บนิดหน่อย แต่ไม่พอเป็นค่าเทอมค่ะ โชคดีที่เราเรียนไปได้ราวๆสี่เดือนกว่าๆ อาจารย์ก็เสนอชื่อเรารับทุน ก็ได้มาอีกเดือนละ 48,000 เยน ต่อเนื่อง 12 เดือน ซึ่งเงินตรงนี้เราเก็บไว้จ่ายค่าเทอมค่าหอทั้งหมด

ก็ผ่านมาได้ตลอดรอดฝั่งแบบฉิวเฉียดค่ะ เพราะเราเองไม่ได้ประหยัดจนเขียมจัด ไปอยู่ในประเทศที่เราใฝ่ฝันทั้งที มีโอกาสเที่ยวเราก็เที่ยวค่ะ เพียงแต่ไม่ช็อปปิ้งฟุ่มเฟือยเท่านั้น อาหารเราทำกินเองเป็นส่วนใหญ่ ไปไหนมาไหนด้วยจักรยาน คือเราอยู่ต่างจังหวัดค่ะ รถน้อย ขี่จักรยานสบาย ค่าครองชีพไม่สูงมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ค่าแรง/ชั่วโมงก็จะถูกกว่าในเมืองใหญ่ด้วยเหมือนกัน

อย่างที่คุณอามามิยะและคุณหมูอูดว่า คือถ้าจะเอาแบบอยู่ได้และมีเงินเก็บเป็นค่าเทอม คุณต้องทำงานพิเศษให้ได้เงินเดือนเดือนละแสนห้า ซึ่งเราขอบอกว่ายากมาก เหนื่อยมาก ขนาดเราทำอย่างที่เล่ามาข้างบน พอมารวมกับเวลาเรียนในห้องเรียน ทำการบ้าน อ่านหนังสือทบทวนแล้วยังแทบตาย

แต่ในกรณีของเราคือเราตั้งเป้าว่าต้องผ่าน N2 ในปีครึ่งนะคะ เลยให้เวลากับเรื่องเรียนมากหน่อย เพื่อนคนจีนในโรงเรียนเราบางคนนี่มาแบบตั้งใจจะทำงานเป็นหลัก ก็จะทำงานเกินจากที่กำหนดไปเยอะมากค่ะ ก็มีเงินเก็บ ส่งตัวเองได้นี่แหละ แต่ก็หลับในห้องเรียนบ่อยๆเหมือนกัน

ลองถามตัวเองดูค่ะว่าจะมาญี่ปุ่นเพื่ออะไร ถ้าแค่เบื่อๆเมืองไทย อยากให้คิดให้ดีๆนะคะ ขนาดเรามาแบบมีเป้าหมาย ชอบญี่ปุ่นมากๆ สองอาทิตย์แรกที่ปั่นจักรยานฝ่าหิมะไปทำงาน(ไป-กลับ 8 กม.แถมขึ้นเขานิดๆ) บางทีเหนื่อยจนลงจูงจักรยานเดินแล้วถามตัวเองว่านี่ชั้นมาทำอะไรที่นี่วะ? แต่เพราะมีเป้าหมาย ก็เลยอดทนมาได้ ถ้าคุณมาแบบเป้าหมายไม่แน่นอน คุณอาจจะรู้สึกว่า จะทนไปทำไม? แบบนั้นมันทรมานนะคะเราว่า


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นเลยนะครับ จิงๆแล้วผมก็คิดแต่แรกแล้วคับว่ามันจะต้องลำบากมากๆเลยครับ เลยอยากจะถามนิดนึงคับว่า
1.ที่แนะนำให้หาพวกห้องเช่าที่เขาแชร์เป็นสัดส่วนแต่แรก นี่ เราจะหายังไงได้คับ เราจะต้องทำยังไงบ้างครับ ถึงจะได้ไปเช่าพวกที่เป็นสัดส่วนอยู่แล้ว คือจิงๆของโรงเรียนเค้าจะมีหอพักของโรงเรียนแต่ก็มีค่าแรกเข้า นู่นนี่นั่นเยอะอยู่ ขอคำแนะนำหน่อยครับว่าก่อนไปต้องทำยังไงบ้าง
2.เรื่องทำงาน ถ้าผมไปและยังพูดไม่ค่อยได้ แล้วไปสมัครงานเลย โดยไม่มีใบอนุญาตทำงานจะเสี่ยงไปไหมคับ ที่ร้านเค้าจะรับไหมครับ พอดีผมมีน้องทำร้านอาหารไทยอยู่ที่นั่น อาจจะให้น้องฝากๆทำงานครับ ผมไปต้นตุลา น้องกลับกลางๆตุลาอะครับ
3.ถ้าเราเอาของจากเมืองไทยไปขายที่นู่นพอจะเป็นไปได้ไหมคับ โดยเราเอาไปขายหลังจากได้ใบอนุญาตทำงาน แบบนี้พอเป็นไปได้ไหมคับ พอดีผมมีเพื่อนเป็นคนญี่ปุ่นอยู่ที่นึ่ด้วยครับ เลยอาจจะช่วยๆกัน
4. จากที่คำนวนดู เดือนธันวา ผมจะว่างตั้งแต่ 11 ธันวา - ปีหน้าเลย คิดว่าน่าจะทำงานได้เต็มที่ คงพอจะช่วยให้รายได้มากขึ้นกว่าเดิมนะคับ คือผมบอกตามตรงว่าที่บ้านก็ไม่ได้ฐานะดีอะไรมาก ที่ไปก็เงินเก็บผมล้วนๆ ทั้งค่าเทอมและเงินที่จะเอาไป รวมๆ ค่าเทอมก็ราวๆ 180,000 ค่าหอยังไม่ได้คำนวน และมีเงินติดต่อไปราวๆ 100,000 - 150,000 อะครับ
5. ความมุ่งหวังจริงๆที่อยากไปคือ ภาษาที่ 3 ด้วยครับที่คิดว่าจะได้ อาจจะไปมองหาธุรกิจอะไรใหม่ๆที่ญี่ปุ่น พอจะทำได้ หรือกลับมาทำที่เมืองไทยอะครับ ผมไม่อยากทำงานออฟฟิศแล้วคับ ปกติผมก็เป็นคนไม่ค่อยเที่ยว ไม่ซื้อของเท่าไหร่คับ แต่ก็บางทีก็คงมีบ้างต้องไปกับเพื่อน แต่ก็จะพยายามครับ

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นมากคับ ผมได้หลายๆอย่างเลยครับจากคอมเม้นของทุกคนครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
เห็นบางคนทำงานเสิร์ฟเดือนนึงรับสองแสน แทบไม่เหลือเลย ค่าครองชีพญี่ปุ่นสูงที่สุดในโลก ณ เวลานี้


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
1.ห้องแชร์ต้องลองค้นหาเอาค่ะ อาจจะถามเพื่อนบ้าง คนที่อยู่ที่นั้นๆบ้าง แรกสุดคุณหาพิกัดที่คุณต้องอยู่ก่อน แล้วเริ่มมองหาที่อยู่แถบนั้น เช่นจะอยู่เขต ซี ก็หาแถบเขตซี ถ้าหอรร.มีลองเทียบราคาของหอรร.กับห้องแชร์อื่นๆดูนะคะ เพราะหอรร.เขาออกมาไม่ได้ออกมาให้แพง อย่างสมัยที่เราเรียนหอรร.ก็นับเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับเรา เพราะห้องกว้าง ค่าน้ำไฟแก๊สเนตไม่ต้องเสีย อยู่ในเขตที่ไม่อันตราย สำหรับคนที่เพิ่งไปอยู่ยาวในญี่ปุ่นถือเป็นทางเลือกที่เราประทับใจอยู่ (ของเราอยู่โตเกียวคงแนะเรื่องโอซาก้ายากค่ะ)

เพื่อนอีกคนเขาเก่งเรื่องภาษาและหาที่พักเขาหาที่พักรวมน้ำไฟเนตแก๊สได้ในราคาแค่สี่หมื่นห้าพันเยน อยู่คนเดียว ห้องเล็กหน่อย แถบที่เขาอยู่ของขายถูกด้วย แต่ต้องเสียเงินค่าเดินทางมารร.แพงเพราะอยู่ออกชายเมืองไปไกลหน่อย

ค่าแรกเข้าอะไรทุกอย่าง เสียทุกที่ค่ะ ไม่ใช่เฉพาะที่รร.คุณหรอก
ห้องพักที่ไม่เสียค่าแรกเข้าค่าต่อสัญญาพวกนี้น้อยค่ะ และห้องพวกนั้นก็จะแพงด้วยค่ะ
ที่เขาฮิตๆกันคือ พวก ซากุระเฮ้าส์ กับ ลีโอนาต แต่สองที่นี้เราคิดว่าแพงค่ะ
(ของเราตอนที่ย้ายออกมาอยู่เองค่าห้องเราแปดหมื่น โดนเก็บค่าไม่รู้กี่ค่าไปสามแสน โดยผูกสัญญาอยู่เช่าสองปีด้วย ทุกสองปีต้องเสียค่าต่อสัญญาสิงหมื่นเยน น้ำไฟเนตแก๊สแยกจ่ายเองตามที่ใช้ด้วย แต่เราอยากอยู่ห้องกว้างใกล้สถานีหน้าเลยยอมเสียค่ะ - -)

2.ถ้าสมัครงานโดยไม่มีใบอนุญาต เสี่ยงอยู่แล้วค่ะ แต่ความเสี่ยงมากน้อยอยู่ที่ดวงคุณ เช่นร้านที่ไปสมัครเขามีความเสี่ยงโดนขึ้นตรวจจากตม.รึเปล่า? เรื่องนี้ไม่มีใครตอบคุณได้ ร้านที่รับและไม่รับก็ต้องแล้วแต่ดวงคุณว่าเขาจะเสี่ยงเอาคุณมาลองทำมั้ย? ไม่แน่ถ้าเขาเอาไปทำแรกๆคุณอาจจะได้แค่อาทิตย์ละวันเพื่อลองงานด้วย
แต่ถ้าโดนจับตอนที่ไม่มีใบทำงาน ร้านที่จ้างโดนปรับสามล้าน คนทำโดนปรับล้านเยนค่ะ ระวังด้วยนะคะ
(เล่าเรื่องจริงนะคะ น้องผู้ชายที่รู้จักไปช่วยล้างจานแทนเพื่อนร่วมห้องที่ไม่สบาย วันนั้นวันเดียว แต่บังเอิ๊ญเจอตม.เข้ามาตรวจพอดี โดนทัณบนเอาไว้ ยังดีที่ทำร้านปกติ ถ้าไปร้านที่กฏหมายห้ามทำจะถูกส่งกลับทันทีเลยค่ะ...)

ทางร้านที่คุณบอกเขาอาจจะขาดคนเพราะน้องอีกคนกลับไทย คุณลองให้น้องเขาสอบถามให้สิคะ น่าจะได้คำตอบมากที่สุด

3.ไม่ทราบเรื่องนี้ค่ะ ถ้าคุณจับตลาดได้ก็คงได้ล่ะมั้งคะ? แต่ค่าส่งจากไทยมาญี่ปุ่นแพงอยู่ค่ะ คำนวณค่าเงินดีๆนะคะ
ระวังเรื่องของหายด้วย และแนะว่าคุณควรมีการจัดการที่ดีเพราะเรื่องเงินทำให้มีปัญหามาหลายคนแล้ว

เพื่อนเราอีกคนที่เป็นกราฟฟิคดีไซน์เขารับทำงานแบบฟรีแลนซ์ไปด้วย
ระหว่างเรียนอยู่ญี่ปุ่น เขาก็ได้เงินตรงนั้นมาช่วยค่าใช้จ่ายได้มากพอดูเลยค่ะ

4. อย่างที่คุณชิโอริบอกไว้ใน ความคิดเห็นที่ 6 ค่ะ

และเราแนะนำอีกงานคือ งานโรงงานค่ะ เพื่อนอีกคนก็ทำอยู่เขาว่าได้เงินดีเพราะเลือกทำกะดึก เงินค่าแรงจะมากกว่าเวลาปกติ แต่คุณคงต้องลองหาว่าที่ไหนเขาจะรับคน และบางที่อาจจะต้องการคนแนะนำ
(ญี่ปุ่นมักอยากได้คนแนะนำ เหมือนเป็นคนค้ำประกันว่าคนๆนี้จะทำงานได้ไม่ทำงานเขาเสียหายน่ะค่ะ)

นอกจากนี้อีกงานก็งานส่ง นสพ ก็เป็นงานที่ได้เงินดี

5. ถ้าอยากได้แค่ภาษาที่ 3 ความจริงเรียนที่ไทยก็โอเคนะคะ แกรมม่าคุณกับการใช้ภาษาจะสละสลวย แต่ถ้ามาญี่ปุ่นจะได้ความคิดของคนญี่ปุ่น และ จำคันจิได้แบบธรรมชาติ (เห็นทุกวันจนบางตัวไม่เคยท่องก็อ่านออก)
เรื่องการจับธุรกิจในญี่ปุ่นไม่สามารถออกความเห็นได้ค่ะ เราไม่มีหัวด้านนี้

แต่ว่าถ้าจะเปิดบริษัทที่ญี่ปุ่น จะต้องมีเงินทุนเปิดตั้งแต่ 5-10 ล้านเยน ในการเปิด
ต้องจ้างแรงงานญี่ปุ่นที่ประจำในบริษัทอย่างน้อยสองคน และมีการจ่ายสวัสดิการ-โบนัสตามกฏหมายแรงงาน (ตรงนี้สำหรับกรณีคนต่างชาติเปิดนะคะ)
แต่ถ้าเป็นคนญี่ปุ่นเปิดให้ก็จะถูกลงหน่อย ทั้งนี้ทั้งนั้นแน่นอนว่าต้องเป็นธุรกิจที่กฏหมายอนุญาตให้เปิดได้ด้วย

นอกจากนี้บางเขตมีการกำหนดเพิ่มเช่น เขต เค มีร้านราเม็งเปิดอยู่ห้าร้านแล้ว
ถ้าคุณจะเปิดร้านราเม็ง..เขาไม่อนุญาต คุณอาจจะต้องเปิดร้านโซบะแทน ประมาณนั้น (คือยกเป็นของกินแทนจะได้เห็นภาพง่ายๆนะคะ)

ญี่ปุ่นมีงานสังสรร เยอะ เข้าสังคมเป็น กินแอลกฮอล์ได้บ้าง นับว่าดีแล้วค่ะ
ถ้ามาก็พยายามเข้านะคะ

รอความเห็นท่านอื่นเพิ่มเติมนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
ขอบคุณคุณ อามามิยะมากค้าบบบ ตอบได้กระจ่างทุกข้อสงสัยที่อยากรู้จิงๆเลยคับ ตอนแรกผมคิดว่าอาจจะขออาศัยเพื่อนอยู่ไปก่อน แล้วค่อยๆหาที่อยู่เองดีกว่าคับ คิดว่าอุปสรรคหลักๆเลยน่าจะเป็นเรื่องที่อยู่อะคับ ที่แพงนอกนั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไรคับ

เรื่องทำงานนั้น ผมก็แอบกลัวเหมือนกันครับเรื่องโดนจับ แล้วเราจะรู้ได้ไงคับว่า ตม.เค้ามาจับอะคับ เค้าจะปลอมตัวมา หรือว่ายังไงอะคับ อันนี้แค่อยากรู้นะคับไม่ได้อยากทำผิดกฎหมายเค้าอะคับ

แล้วที่ญี่ปุ่นเค้ามีพวกตลาดขายของมือสองไหมคับ? ถ้าเราเอาของไปขายแบบนี้จะผิดกฎหมายไหมคับ? พอดีพอจะรู้ตลาดของญี่ปุ่นว่าพอจะขายอะไรได้บ้างอะคับ เลยคิดจะทำแบบนี้ดู แล้วถ้าเราเอาของไปขายจำเป็นต้องมีใบอนุญาตทำงานไหมคับ?

รบกวนหน่อยนะครับ ผมอยากเตรียมตัวให้พร้อมมากที่สุดอะครับ จะได้วางแผนชีวิตตัวเองได้


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
เรื่องที่อยู่เหมือนเราเคยเห็นพวก ซากุระเฮ้าส์ ตามงานแนะแนวเรียนต่อญี่ปุ่นนะคะ
ไม่แน่ใจเหมือนกัน เรื่องนี้คุณคงต้องตัดสินใจเอาเอง หรืออาจจะมีท่านอื่นมาให้ความเห็นเพิ่มเติมอยู่อีก

ตม.ก็มีอยู่ทุกที่ละค่ะ ตามสถานที่ทั่วไป มักใส่เสื้อผ้าเหมือนคนปกติ
จะเล่ากรณีศีกษาให้ฟังละกันนะคะ

เพื่อนเราเจอมาสองคนตามถนน

คนแรกเดินกับแฟนคนญี่ปุ่น แต่สองคนคุยกันด้วยภาษาอังกฤษ (ที่เขตอิเคบุคุโระ โตเกียว) ตม.เดินเข้ามาสอบถามเลยว่า "เป็นต่างชาติเหรอบลาๆ เอาบัตรหรือพาสผอร์ตมาดูสิ" โชคดีที่ไม่ได้ทำะไรผิด ประกอบกับแฟนเขาเป็นเจ้าของภาษาเรื่องก็ไม่มีอะไร จบไปแบบที่แฟนเขาโวยวายแทน

คนที่สองเป็นเด็กนร.สองคนเดินคุยกันไปตามถนน แล้วตำรวจตรวจท้องที่เข้ามาเรียก (เพิ่งย้ายมาไม่นาน คุณตำรวจไม่คุ้นหน้า) น้องสองคนไม่พกบัตรประจำตัว เพราะเห็นว่าเป็นของสำคัญเลยกลัวหายเก็บไว้ที่บ้านแทน (- -")
ต้องเรียกทั้งเจ้าของร้าน รุ่นพี่ อาจารย์ แถมตามไปตรวจค้นถึงที่พัก ดีที่ไม่ได้เป็นพวกหนีวีซ่า หรือ ผิดกฏหมายเรื่องเลยแค่โดนดุ แล้วปล่อยกลับไป แต่ไม่ถึงตม.

คนสุดท้ายเราเจอเองกับตัว ตั้งใจจะไปเดินหาซื้อเครื่องปรุงที่ อุเอโนะ ก็พกถุงผ้าไปธรรมดา
ตอนนั้นมีผชเข้ามาประชิดบอกว่า กระเป๋าเราอันตรายจะโดนล้วง พอเราขอบคุณพูดคุยไปนิดหน่อยคงรู้ได้จากสำเนียงว่า เราต่างชาติ เขาก็ขอตรวจบัตรประจำตัวเราทันที

ตม.มีอยู่ไปทั่วแล้วแต่ว่าเขาจะมองใคร ทักใคร อันนี้ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิดก็ไม่ต้องเครียดหรือเกร็งมากค่ะ สบายๆ
แต่ถ้าเจอเรียกบัตร แต่ทางนั้นไม่แสดงบัตรตม.ของเขาออกมาให้กลัวไว้ก่อน แล้วบอกว่าไปที่ป้อมใกล้ๆก่อนแล้วจะแสดงบัตร เพราะไม่ไว้ใจเขา
ถ้าไม่ได้ทำผิดอะไร พูดดีๆกันเขาโอเคค่ะ

ส่วนเรื่องตม.เข้าร้าน

จากหลายคำบอกเล่าส่วนมาก เนียนเป็นแขกในร้านค่ะ
คือเข้าไปร้านนั้นๆจนแน่ใจว่ามีคนทำผิดอยู่แล้วบุกเข้าไปตรวจค่ะ

มีบางคนบอกว่า บางทีคนที่เป็นสายโทรไปแจ้งก็เป็นคนกันเองที่ไม่ชอบหน้ากันก็มี
หรือไม่ก็เป็นร้านคู่แข่งที่โทรไปบอก

แต่ปกติร้านอาหารที่มีชื่อมักไม่ค่อยมีเรื่องแบบนี้เพราะทางร้านกลัวเกิดปัญหา
และจะไม่รับพนง.ที่ไม่มีใบประกอบทำงานแต่แรกมากกว่า
ร้านที่เกิดปัญหามักเป็นร้านที่ผิดกฏหมายอยู่แล้วค่ะ

ขอเตือนนะคะว่า ตำรวจญี่ปุ่นเวลาจับคนร้ายที่ผิดกฏหมายจริงๆเขาเอาจริงมาก
การจะเป็นตำรวจที่นี่ได้ก็ต้องมีศิลปะป้องกันตัวกันคนละอย่างสองอย่างด้วย
เช่น ยูโด คาราเต้ ไอกิโด้ อะไรแบบนี้...เพราะงั้นเขาจะเก่งเรื่องปราบค่ะ
(เคยเห็นคนทะเลาะกันสองคน ตำรวจคนเดียวแทรกเข้าไปห้ามแยกคู่ได้ในสองนาที...กลัวติดตาเลย)

มีค่ะ ตลาดมือสอง หลายที่ส่วนมากเป็นเปิดท้าย(รถ)ขายของมากกว่า
มีทั้งแบบลาน แบบตึก แต่เสียเงินค่าที่ยังไงไม่ทราบค่ะ เคยผ่านไปสองสามครั้ง
อาจจะต้องเป็นสมาชิกจ่ายค่าแรกเข้า อันนี้ไม่เคยมีประสบการ์ณค่ะ

คิดว่าเขาคงถามตอนที่คุณไปสมัครขอเปิดร้านทั้งบัตรต่างชาติ และ เอกสารทำงาน
ตอนนี้ญี่ปุ่นเปลี่ยนให้คนต่างชาติใช้บัตรใหม่ ที่มีชิบฝังอยู่ (แบบบัตรปชช ของคนไทยที่มีชิปน่ะค่ะ)
เราไม่ทราบว่าเขาจะเอาข้อมูลใบทำงานใส่ในการ์ดรึเปล่า ? ถ้าแบบนั้นอาจจะได้ทันทีที่ทำการ์ดเลยก็ได้นะคะ

ต้องลองหาข้อมูลส่วนนั้นดูนะคะ ถ้าคุณมาทางรร.คงแจ้งให้ทราบน่ะค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
ขอบคุณคับ คุณอามามิยะ งั้นถ้าจะให้ดีก็ไม่ควรเสี่ยงเลยจะดีกว่านะคับ ถ้าทำอาจจะทำเล็กๆน้อยๆ
พอได้บัตรมาจะทำอะไรก็ค่อยว่าอีกทีดีกว่านะคับ

ยังไงผมจะลองเช๊คข้อมูลดูก่อนนะคับเรื่องบัตรใหม่คับ

ขอบคุณมากๆๆๆๆๆ คับ


ตอบกลับความเห็นที่ 12