วีซ่าท่องเที่ยว usa ไปเยี่ยมพี่ที่เปิดร้านอาหารไทย

พอดีว่าเรากำลังจะขอวีซ่าค่ะ เป็นแบบท่องเที่ยว เพื่อจะไปเยี่ยมพี่แท้ๆที่เปิดร้านอาหารไทยอยู่ที่ usa ที่อยู่ของคนที่ติดต่อได้กับญาติที่ อเมริกา เราก้กรอกเป็นชื่อพี่ไป

จะถามว่าเราสมควรที่จะกรอกชื่อพี่ไปไหม เพราะเค้าเปิดร้านอาหารไทย แล้วถ้าเค้าถามว่าพี่ทำอะไร จะบอกว่าเปิดร้านอาหารไทย ได้ไหม จะถูกปฎิเสธรึเปล่าค่ะ พี่เปิดร้านแบบถูกกฎหมายอยู่ที่นั่นโดยถือใบเขียว (คือกรอกไปแล้วแต่ยังไม่ได้ส่ง แล้วเท่าที่อ่านๆมา ดูเหมือนไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะพูดถึงร้านอาหารไทย มีสิทธิ์โดนปฎิเสธวีซ่าแน่ๆ)

แต่ก่อนหน้านั้นพี่ทำวีซ่าท่องเที่ยวไปบอกไป 1 เดือน ได้วีซ่ามา 10 ปี แต่ดั๊นอยู่ซะสี่เดือน แล้วกลับไทย แต่เพราะไปจดทะเบียนที่โน่นขากลับไปอีกรอบเลยไม่มีอะไร

คำถามคือจะมีผลอะไรกับเราไหมถ้าเราจะขอวีซ่าแล้วเอาชื่อพี่มาเป็นญาติกับคนรู้จักและsupport

เค้าจะมองว่าเราไปทำงานที่โน่นไหม? (เรามีจดหมายรับรองจากที่ทำงานไปนะ)

เราเรียนเมืองนอกตลอดนะวีซ่าอะไรก็มีอยู่ในพาสปอตหมด เค้าจะเชื่อเราไหมว่าไม่ได้ไปทำงาน?

ตอนนี้เข้าขั้นจิตตก+หวั่นใจสุดๆ (ไม่เคยขอวีซ่าที่น่ากลัวขนาดนี้ ปกติก็แค่ชิวๆเพราะไปเรียน แต่อ่านจากห้องนี้ไปหลายๆเคส เริ่มไม่แน่ใจว่าจะได้ง่ายๆไหม)

ความคิดเห็นที่ 1
เพิ่มเติมอีกนิด เราจิตตกหลังจากอ่านกระทู้นี้ค่ะ

http://topicstock.pantip.com/klaibann/topicstock/2011/01/H10148571/H10148571.html

ลำพังแค่ไปยื่นขอวีซ่าไม่น่าจะมีปัญหา จะมีปัญหากับ ตม. นี่แหละ ทำไมน่ากลัวแบบนี้เนี่ยค่ะ

เลยกลัวว่าบอกว่ามีพี่ทำร้านอาหารอยู่มันจะรอดไหม หรือบอกว่าไม่มีคนรู้จักเลยดี?


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
โอ้ยไปเถอะถ้ามั่นใจอย่าไปกลัว ถ้าโดนส่งกลับก็กลับแต่ก่อนกลับขอนอนพักหลังสักนิดหนึ่ง ทุกครั้งที่เราเก็บไว้จะพูดกับตม. และเก็บไว้ในใจว่าคนอย่างเราจะมาขายแรงงานอะไรในอเมริกาไม่ได้ แม้แต่เครื่องซักผ้ายังใช้ไม่เป็น ครั้งสุดท้ายเราก็โดนเรียกเข้าห้อง แต่ก็ถามเพิ่มเติมแค่ 4 ถึง 5 คำถามเองแล้วก็ stamp visa ให้ทำเอาเกือบตกเครื่อง แต่ไม่เห็นอยากรู้อะไรลึกซึ้งมากกว่านี้เกี่ยวกับแฟนเราก็ตอบได้ แต่ไม่เห็นถาม เราอยากตอบ

เราเดินทางมาก็เยอะ มาพิสูจน์ได้ว่า ตม.บางประเทศชอบการให้โกหก แล้วให้ผ่าน แต่พอพูดความจริงก็ขอถามเพิ่มเติม เมื่่อ 26 ปีก่อนเคยตั้งทนายสู้ ไม่ทันได้ไปศาล คืนพาสปอร์ตให้ พร้อมวีซ่าที่ขอต่อไป

ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ถ้าพี่แท้ๆ ยังงัยก็ต้องบอกตามความจริงค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ผมว่าการบอกว่ามีญาติเปิดร้านอาหารที่นั่นจะทำให้เรื่องยุ่งยาก สู้เงียบ ๆ ไว้ดีกว่า ถ้าเค้าถามว่าทำไมนามสกุลเหมือนกัน ก็บอกว่านามสกุลใหญ่ อาจซ้ำกันได้


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
ตอบความจริงเรื่องพี่ได้ ถ้าเป็นพี่น้องแท้ๆ คลานตามกันมาค่ะ ประเด็นอยู่ที่คุณทำงานอะไร มีความผูกพันกับเมืองไทยมากน้อยแค่ไหน


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
แหะๆ จากประสบการณ์นะคะ
วีซ่าท่องเที่ยวไม่ว่าประเทศไหนถ้าอ้างอิงชื่อคนที่อยู่ที่นั่นไม่ว่าครอบครัว
หรือมีแฟนต่างชาติวีซ๋าท่องเที่ยวจะยากกว่าปกติ

ขนาดน้องเราแม่เค้ามีร้านอาหารอยู่ที่นั่นแต่งงานกับฝรั่งไม่รู้เป็นอะไร
อารมณ์ประมาณรองผู้ว่าวีซ่าน้องยังไม่ผ่านเลย เค้าแค่บอกว่าถ้าจะไปอยู่
ขอวีซ่าให้ถูกประเภทก็ผ่านเลย อาจเป็นเพราะน้องพึ่งลาออกจากงานก็ได้

หาเอกสารให้เค้ามั่นใจค่ะว่าเรากลับไทยแน่นอน แนบเอกสารแสดงหนี้สินเยอะๆ
อยากไปหลอกเค้าเลย ยิ่งถ้านามสกุลเดียวกันแล้วปิดยาก
นอกจากบอกว่าไปเที่ยวคนละเมือง เดี๋ยวนี้เมกาปล่อยเยอะค่ะ ไม่ยากเท่าสมัยก่อน
(ถ้าไม่ใช่คนที่บอกว่าไปเยี่ยมแฟน เยี่ยมญาติที่นั่นนะคะ)

แบบของเรา เราขอวีซ่าอังกฤษขอยุโรป หรือออสเตรเลีย มีเงินในบัญชีแค่ห้าหมื่น
เป็นก้อนเงินเดือนล้วนๆ แบบได้มากดออกทุกเดือนด้วย วีซ่ายังผ่านมาแล้วเลย
แนบหลักฐานการเป็นหนี้เยอะๆ เช่นผ่อนบ้าน ผ่อนรถ อย่าไปแสดงว่าฉันรวย
ไม่มีหนี้สิน วีซ่าท่องเที่ยวหลักๆ เค้าดูว่าคุณจะกลับประเทศไหม
หลักฐานการลางานค่ะ

อาเงินเข้าบัญชีล้านเหรียญ จะไปเรียนที่บ้านกลัวไม่ผ่าน
โอนมาให้ เชื่อไหมว่าไม่ผ่าน เพราะเงินเยอะเกิน -..-"

อ๋อแล้งที่ว่าเรียนเมืองนอกเรียนที่ไหนคะ แล้วเรียนอะไรคะ
ที่เรียนต่างประเทศส่วนใหญ่จะเป็นพวกไปเรียนภาษา
พวกที่เรียนเต็มโค้วต้า 2 ปี (อารมณ์แอบทำงาน)ขอวีซ่าท่องเที่ยวอีกครั้ง
กล้าพูดได้เลยค่ะว่าวีซ่าท่องเที่ยวไม่ผ่าน เพราะสถานทูตบอกว่าอยู่มา 2 ปี
ไม่เคยเที่ยวเหรอ ... (สำหรับคนที่เรียนภาษานะคะ)


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
คห.3+4
จะบอกว่านามสกุลเหมือนกันได้ แต่เราใช้ที่อยู่ที่เดียวกันนี่ซิ คือยังไงก็ต้องไปอยู่กับเค้าที่โน่น ลงเมืองเดียวกัน เค้าน่าจะรู้ป่ะค่ะ ถ้าให้โกหกว่าไม่รู้จัก แต่จะลงเครื่องที่เดียวกันเค้าก็สงสัยอยู่ดี

คห.5 ประเด็นอยู่ที่เรียนจบเพิ่งจะมาอยู่เมืองไทยจริงๆจังๆนี่ซิได้สัก 3 ปีกว่าๆ แต่พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย อะไรอยู่ที่เมืองไทยหมดเลยค่ะ

คห.6 ปัญหาอีกเพราะเราไม่มีหนีสินเลย เพราะทุกอย่างไม่ได้เป็นชื่อเรา จะเป็นพ่อแม่พี่น้องซะหมด อย่างที่บอกเราไม่ได้เรียนเมืองไทย ไม่ได้จะแสดงว่าฉันรวยแต่เพราะเหตุผลที่ว่าชื่อเราถ้าเกิดอะไรขึ้นมันยุ่งยากแก้ไขลำบากเลยเลี่ยงที่จะเป็นชื่อเราคือความคิดแม่(แต่เหมือนจะไม่เวิคก็งานนี้แหละ) ความผูกผันกับเมืองไทยถามว่ามีไหม มี เพราะกลับไทยทุกปิดเทอม ถ้าเทียบตามปั้มเข้าออกประเทศ ปู่ย่าตายายอยู่ไทยหมดค่ะ มาอยู่จริงจัง 3 ปีกว่าหลังจากเรียนจบนี่แหละค่ะ
ที่บอกว่าเรียนเมืองนอกไม่ได้เรียนภาษาค่ะ ไปเรียนประถม นิวซีแลนด์ มัธยม ออสเตรเลีย ป.ตรี จีน กลับมาทำงานที่ไทยเป็นโปรแกรมเมอร์บ.แห่งหนึ่งค่ะ เงินเดือนอยุ่ 3xxxxx อายุงาน 3 ปีครึ่งค่ะ แต่เราก็มองว่าจะไปเรียนต่ออังกฤษแต่จะเที่ยวหาพี่ก่อนถ้าอเมริกาน่าสนก็อาจจะเรียนusaแทน เพราะจะได้อยู่กับพี่ไม่ต้องไปอยู่คนเดียว เพราะมองว่าจะไปเรียนต่ออยู่แล้วเลยไม่ได้ซื้อรถ หรือเป็นหนีสินอะไร (ไม่ดีอีกlol) ใช้ของที่บ้านหมดแต่ก็ดึงยาวมาถึง 3 ปี

วีซ่าไปเที่ยวก็มีนะของยุโรบช่วงเด็กๆเลยอยุ่ในพาสปอตเล่มแรก มีอินตาลี ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น(ตอนนั้นเป็นแค่ตัวปั้ม) ฮ่องกง(ก็ปั้มอีก) นอกนั้นจะเป็นวีซ่านักเรียนนิวกับออส
เล่มที่สองจะเป็นของ จีนทั้งหมด (คือขอไปหลายรอบเลย ขอวีซ่าไปดูมหาลัยก่อน วีซ่านักเรียน วีซ่าท่องเที่ยว แต่เป็นประเทศจีนทั้งหมด)
เล่มที่สามเพิ่งทำมาใหม่ ซิงๆเลย ไม่มีวีซ่าสักหน้า

คือเรายังสับสนกับตัวเอง จะว่าตัวเองโปรไฟล์น่าเชื่อถือ ไม่หนีแน่ เราก็ไม่มั่นใจถ้าต้องมีอะไรมายืนยันว่าจะกลับมาแน่หนีสิ้น บลาๆ ดันไม่มีเลย แต่ก็มีเหตุผลรองรับว่าทำไมไม่มี ใบลางานอันนี้มีค่ะ ออกจากของบริษัท

ที่นอยด์ได้ขนาดนี้เพราะเคยทำวีซ่าด้วยตัวเองประเทศเดียวคือจีน แล้วมันไม่ยุ่งยากขนาดนี้ นอกนั้นมีคนทำให้หมด เลยไม่เคยรู้ขั้นตอนอะไรเลย

เราควรบอกความจริงทุกอย่างไปเลย หรือบอกว่ามีพี่อยู่โน่นแต่ไม่ได้ทำงานอะไร(?) บอกครึ่งเดียว หรือจะไม่รู้จักกันเลย ไปนอนโรงแรม(มันจะดูลงทุนไปไหม)


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
เหมือนคห. 6 เรียนตปท.ตลอด นับว่ามีภาษีกว่า ในระดับหนึ่ง แต่ไม่ใช่ว่าเค้าจะไว้ใจ ยกเว้นมีงานประจำ หรือมีธุรกิจในเมืองไทย มีbank statement ยืนยัน มีเงินจำนวนมากนอนนิ่งไม่น้อยกว่า 6 เดือน การมีเงินได้ของเราในระดับสูงพอจะทำให้เค้าเชื่อว่า เราไม่ได้คิดจะไปเสี่ยงโชคอยู่ยาว กรณีระบุคนรู้จักที่ทำงาน หรือแต่งงานที่โน่น หรือ มีเพื่อนมากมาย ดูจะเป็นการทำให้ยากขึ้นกว่า ขอไปเที่ยวเฉย ๆ ไม่ต้องบอกว่าขอไปเยี่ยมใคร ตรูแค่อยากไปเที่ยว มีปัญหาตรงไหน เงินก็มี แบบนี้ง่ายกว่ามาก.. แต่เห็นบางคน ของ่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ เลยไม่รู้ว่า มาตรฐานของusa เดี๋ยวนี้ เค้ายังไงกันแน่ ของออสซี่เนี่ย เข้มงวดคงเดิมเสมอต้นเสมอปลายมาก
เพิ่งได้อ่าน..
"เงินเดือนอยุ่ 3xxxxx อายุงาน 3 ปีครึ่งค่ะ แต่เราก็มองว่าจะไปเรียนต่ออังกฤษแต่จะเที่ยวหาพี่ก่อนถ้าอเมริกาน่าสนก็อาจจะเรียนusaแทน เพราะจะได้อยู่กับพี่ไม่ต้องไปอยู่คนเดียว" แต่ถ้ายกประเด็นนี้ บอกไปเลยว่าจะมาเที่ยวและมาดูสถานที่เรียนต่อ จะเรียนต่อภาษีดีกว่า เพราะเป็นรายได้เข้าประเทศแน่ ๆ ^ ^ เอาใบผ่านงานที่แสดงเงินเดือนไปยืนยันด้วยน่าจะดี ถ้ามีแนวโน้มจะศึกษาต่อจริง ๆ ลองค้นข้อมูลและขอเอกสารจากยูต่าง ๆ ที่โน่นไปด้วย จะได้ตอบคำถามผ่าน... แต่อาจมีคำถาม ทำไมเรียนที่ออสเตรเลียนิวซีแลนด์แต่ไปเรียนป.ตรีที่จีน..พวกฝรั่งมักมองว่ามีปัญหาอะไรรึป่าว ถึงย้ายไปจบที่จีนซะได้...อันนี้ไม่แน่ใจว่าจะเป็นประเด็นมั้ย
กรณีไม่แน่ใจ จะอ้างอิงที่อยู่พี่ดีมั้ย จองโรงแรมไปก็ไม่น่าเสียหายนะ..หรือติดต่อ สถานฑูตไทยที่โน่น ถามว่า จะเดินทางไปพักแบบ backpaker ไม่ทราบจะมีคนไทยที่นั่น ช่วยอนุเคราะห์ที่พักให้มั้ย คืองบมีน้อย เป็นเด็กเพิ่งมีเงินเก็บจี๊ดเดียว อยากมาเที่ยวและไปดูที่ ๆ อาจจะเรียนต่อ...ฮา ๆ แต่เพื่อนเราทำมาแล้ว เที่ยว backpack และติดต่อขอพักกับคนไทยในต่างแดน ผ่านสถานฑูตนี่แหล่ะ ขนของฝากคนทำงานในสถานฑูต และเจ้าของบ้านที่จะไปพักเพียบเลย..แต่ประหยัดค่าโรงแรมไปมากโข

ตอบกลับความเห็นที่ 8