ทำยังไงดิฉันสามารถอยู่ USA อย่างถูกกฎหมาย

ดิฉันเป็นคนไทย แฟนเป็นคนอเมริกาค่ะ อยู่ San Fran ค่ะ ตอนนี้ดิฉันมี Tourist Visa 10 ปี เคยไป USA 3 ครั้งแล้วค่ะ หลังจาก คบหากันมานานประมาณ 8 ปีแล้วค่ะ ส่วนมากเค้าจะเป็นฝ่ายบินมาหาที่เมืองไทย แฟนก็อยากจะให้ดิฉันไปอยู่ที่โน่นเลย
1. ทำยังไงดิฉันสามารถอยู่ USA อย่างถูกกฎหมาย และสามารถทำงานได้ค๊ะ ต้องเริ่มต้นยังไง เคยอ่านว่าต้องทำวีซ่าคู่หมั้นก่อน แล้วค่อยทำ วีซ่าแต่งงาน มีวิธีทำแบบไหนบ้างค๊ะ เอาแบบไม่ยุ่งยากมาก และเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดค๊ะ (ปวดหัวมาก ไม่รู้จะเริ่มยังไงก่อน ทางผู้ชายบินมาทำที่เมืองไทย หรือ เราบินไปทำที่โน่น)
2. ถ้าได้ วีซ่าคู่หมั้นมา แล้ว Tourist Visa 10 ปี จะหมดอายุอัตโนมัติรึเปล่าค๊ะ
รบกวนเพื่อน ๆ ช่วยให้คำแนะนำด้วยค่ะ หรือถ้ามีข้อมูลที่ดิฉันควรรู้ไว้ก็รบกวนเขียนมาแชร์กันหน่อยนะค๊ะ จักเป็นพระคุณอย่างยิ่ง ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ ทุก ๆ คอมเม้นเลยค่ะ

ความคิดเห็นที่ 1
1. แต่งงานกับแฟนเมกันแล้วยื่นขอใบเขียวเลย ถ้าอยู่ในเมกา ได้ใบเขียวภายใน 3-6 เดือนพร้อมทำงานและอยู่อย่างถูกกฏหมายได้

2. หากอยู่นอกเมกา ยื่นขอวีซ่าคู่หมั้น แล้วเดินทางเข้าเมกาทำการแต่งงานภายใน 90 วัน พร้อมทั้งยื่นขอใบเขียว ก็จะได้รับใบเขียวตามข้อ 1.

เมื่อได้ Immigrant Visa แล้ว วีซ่าท่องเที่ยวจะถูกยกเลิกโดย Cancelled without prejudice.
การทำเรื่องสามารถยื่นทำเองได้ โดยเฉพาะให้แฟนเมกันทำให้


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ลองดูที่เวปนี้นะคะ มีคำแนะนำพร้อมเอกสาร

http://www.usvisa4thai.com/board/viewforum.php?f=5


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ก่อนจะทำเรื่อง ตรวจสอบคุณสมบัติของแฟนเสียก่อน เพราะหลังๆ มานี่โดนปฏิเสธเยอะ เนื่องจากฝ่ายชายไม่ qualified เช่น เคยแต่งงานกับหญิงต่างด้าวและขอวีซ่าถาวรให้มาแล้วหลายครั้ง, มีคดี domestic violence, เป็น registered sex offender, ฯลฯ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ตรวจสอบยังไงเหรอคะคุณ Lawanwadee
ไม่ได้มีแฟนเป็นอเมริกัน แต่อยากรู้ไว้ประดับสมองค่ะว่าเขาทำกันยังไง

ถ้ามีเวลารบกวนเขียนให้ความรู้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
การขอ Immigrant Visa นั้นฝ่ายชายต้องเป็นคนยื่นเรื่องที่อเมริกา หากมีคุณสมบัติครบตามกำหนดก็จะได้รับอนุมัติ มีให้เลือก 2 แบบ:-

1. วีซ่าคู่หมั้น - ฝ่ายชายยื่นเรื่องรอจนเรื่องอนุมัติ และฝ่ายหญิงนัดสัมภาษณ์ที่สถานทูตฯ จนได้วีซ่า ก็บินมาแต่งงานที่นี่ภายใน 90 วัน หลังแต่งงานก็ยื่นเรื่องขอกรีนการ์ด

2. วีซ่าแต่งงาน - ทั้งสองฝ่ายแต่งงานกันอย่างถูกกม.ที่ไทย แล้วฝ่ายชายก็กลับมายื่นเรื่องที่อเมริกา รอจนเรื่องอนุมัติและฝ่ายหญิงสัมภาษณ์ที่สถานทูตฯ ได้วีซ่าก็เดินทางมาอเมริกา

ถ้ามีแผนจะแต่งงานก็ปรึกษากันดูว่าจะแต่งที่ไหน? ถ้าจะแต่งที่อเมริกาก็ยื่นวีซ่าคู่หมั้น ถ้าจะแต่งที่ไทยก็ยื่นวีซ่าแต่งงาน


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
มาเที่ยวคราวหน้าแล้วก็แต่งเลย หรือจะแต่งก่อนคราวหน้าค่อยมา AOS (adjustment of Status)
แต่ก่อนที่จะแต่งงานยื่นเรื่องก็ควรจะเตรียมเอกสารทุกอย่างให้พร้อมที่เขาต้องการ ใช่ว่าต้องมาเตรียมเอกสารแล้วก็ไม่ครบสักที ขาดตรงนั้น ตรงนี้เวลาก็ผ่านไปจน I-94 ของคุณจะถึงกำหนด

เอกสารที่ว่าเช่น จดหมายที่เคยคุยกันในระยะ 8 ปีที่ผ่านมา รูปถ่ายร่วมกัน รูปถ่ายพร้อมกับครอบครัวของคุณ รวมรวมเก็บเอาไว้ให้มากที่สุด สำคัญไม่สำคํญค่อยว่ากันใหม่ อะไรก็ได้ที่เป็นหลักฐานว่าคุณกับเขามีความสัมพันธ์กันมาหลายปี ใบเกิด ใบแต่งงานถ้าเคยแต่งมาแล้วทั้งคู่


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
วิธีมาแต่งงานโดยวีซ่าท่องเที่ยว ในสมัยก่อนหน้านี้ ๒๐ ปีได้
แต่จุดสำคัญคือ ต้องพิสูจน์ได้ว่า ไม่ได้ตั้งใจใช้วีซ่าเข้ามาแต่งงานนะคะ

กล่าวให้ชัด คือ เป็นการใช้วิซ่าท่องเที่ยวเพื่อการท่องเที่ยว แต่เผอิญพบ
กับคู่สมรส ต่อจากนั้นเป็นกระบวนการของเอกสารและหลักฐานงานแต่ง

ในกรณีของคุณน้องคนนี้ มีเปอร์เซ็นต์โดนเพ่งเล็งเพราะยิ่งเตรียมหลักฐาน
มาในกระเป๋าว่าเจตนามาแต่งงาน มีภาพถ่ายอะไรที่เป็นการยืนยันคสพ.มา
โดยเฉพาะชุดเจ้าสาวนะคะ แบบนี้จะเข้าข่ายใช้วีซ่าผิดวัตถุประสงค์เที่ยว

ไม่แนะนำค่ะ แต่ไม่ได้หมายความว่าทำไม่ได้นะคะ มีคนบางส่วนใช้วิธีนี้
อย่างไรก็ดี ถ้าเจ้าหน้าที่เขาจะอ้างกฎว่าเป็นวีซ่าฟรอยด์ โทษไม่ใช่น้อยค่ะ

ระยะหลังๆมานี่ มีการตรวจเข้มขึ้น ในส่วนของผู้ถือวีซ่าเที่ยวมาแต่งงาน
เพราะว่า มีแก็งสเตอร์ที่รับทำเป็นล่ำเป็นสัน โดนกวาดล้างอยู่เนืองๆค่ะ
เช่นพวกที่จัดหาฝรั่งหรือคนมีสัญชาติอเมริกัน ไว้รองรับดีแมนด์ต่างชาติ
โดยใช้การมาท่องเที่ยวเป็นช่องทาง แต่หน่วยสืบสวนเขารู้เท่าทันนะคะ

อย่าเสียงด้วยการใช้วีซ่าท่องเที่ยวมาแต่งงาน นอกจากว่าจะดวงดีจริงๆ
และสามารถทำได้อย่างแนบเนียน ในสองกรณีคือ ไม่ใช่มาแล้วแต่งเลย
(เพราะมาปุ๊บแต่ง เวลายื่นคำร้อง จะไม่มีข้ออ้างว่ามีช่วงเวลารักกันก่อน)
และพอแต่งแล้ว ต้องกลับออกไปก่อนวีซ่าท่องเที่ยวหมดอายุ แล้วมาอีก
การว่าจ้างทนายทำเรื่องให้ภายหลังจะซับซ้อนขึ้น และเป็นไปได้ถึงปัญหา
ที่หลายๆกรณีครอบครัวไม่ยืนยาวนะคะ เพราะแต่งเอาทะเบียนสมรสไว้
แต่สามีไม่ยื่นทำใบเขียวให้ เหตุผลอะไรก็ตาม พอผ่านกำหนดหมดวีซ่า
ถ้าการเดินเรื่อง มีอะไรไม่เมคเซ้นซ์ โดยส่งกลับไปแล้วไม่ได้กลับมาอีก

นอกจากพร้อมด้วยหลักฐาน เวลาการแต่งไม่เร็วเกินเหตุ มีพยานในพิธี
ตัวสามีประวัติเหมาะสม (ไม่ล่อแหลมว่าเป็นกลุ่มรับจ้างแต่งหย่าแต่งหย่า)

รอตนได้รับใบอนุญาตเดินทางให้ออกนอกประเทศ หรือได้ใบเขียวก่อน
แล้วเดินทาง เพราะถ้าแต่งแล้ววีซ่าเที่ยวหมด ยังไม่มีกรีนดาร์ดหรือยัง
ไม่ได้เดินเรื่องเอกสาร ทีนี้พอออกไป กว่าจะมาใหม่ในฐานะภรรยานั้น
ต้องรอนานมากค่ะ มีโอกาสที่จะหลุดทั้งในแง่กฎหมาย และในชีวิตจริง

คู่แต่งงานที่ไม่ได้อยู่ร่วมกันนานไป มีคนอื่นมาแทรกกลาง นั่นเอวังง่าย

เป็นเรื่องที่ควรปรึกษากับว่าที่คู่สมรสให้ชัดเจน ว่าแผนการอนาคตอย่างไร

เพิ่มเติมข้อมูลให้นะคะ เพราะว่ามีคนเคยทำสำเร็จ ที่บอกต่อว่าทำได้จริง
การแต่งโดยวีซ่าท่องเที่ยวทั่วไป ไม่มีกฎห้าม แต่มีสิ่งต้องระมัดระวังมาก
เพราะเขาดูที่เจตนาของการใช้วีซ่าเดินทาง และในแง่ความบริสุทธิ์ใจด้วย

คนที่ผ่านได้ ไม่มีปัญหา คือมีประวัติอันแน่นหนาเชื่อถือได้ว่ารักกันจริง
หรือมีประวัติการเดินทางเข้าออกมาอย่างเป็นนักเรียนมาก่อน ค้นที่มาได้
และมีการพิสูจน์กับด่านตรวจว่า แต่งแล้วจะกลับภูมิลำเนา เขาเน้นข้อนี้
เพราะพวกแก็งสเตอร์ อาศัยช่องทางมาแต่งปลอมแล้วเลิกกันผิดกฎหมาย

ในประเด็นนี้ หาข้อมูลให้กว้างลึก ดูที่ วีซ่าโปรนะคะ หัวข้อนี้ค่ะ

>> Can I get married on a tourist visa to a US citizen ? <<

RE: Visapro.com

FYI

Quote The basic answer generally, is yes.

You may enter the US on a tourist visa, marry a US citizen then return home before your tourist visa expires.

* The time when you do run into trouble is when you enter the US on a tourist visa with the clear intention of marrying and staying in the US.

You might have heard stories about someone who got married in the US while on a tourist visa, didn't return home, and successfully adjusted his or her status to permanent resident.

Why were these people allowed to stay?

It is possible to adjust status from a tourist visa or visa waiver, but the people in this scenario were able to prove that they came to the US with honest tourist intentions and happened to make a spur-of-the-moment decision to get married.

** Proving that you entered the US with no preconceived intent to marry and file for adjustment of status can be difficult but not impossible.

You must remember that coming to the US with the sole intention of getting married in the US and filing for adjustment of status is deemed to be visa fraud,

and US immigration officers do not take kindly to anyone they feel has committed visa fraud.




You cannot leave the US immediately after marriage:

Once you have married and filed for adjustment of status you will not be able to leave the US until you apply for and receive advance parole or your green card.

If you leave the country before receiving one of these two documents, you will not be allowed to re-enter the US. You and your spouse would have to start the immigration process from scratch by petitioning for a spouse visa for you and you will have to remain in your own country until you can complete the immigrant visa process.

Border Protection Officers are watching you:
When you arrive on a tourist visa the CBP (Customs and Border Protection) inspection officers, at a port of entry, will ask you the purpose of your travel to the US. You should always be upfront and honest with the immigration inspectors. If you state your intent as, "To see the Grand Canyon," and a search of your luggage reveals a wedding dress, be prepared for the inevitable grilling. If the border official believes that you're not coming to the US for just a visit and you cannot prove your intent to leave before your visa expires, you'll find yourself on the next plane home.

Enter the U.S. on a tourist visa, get married and return to your home country:

Many foreign nationals want to know if they can come to the US on a tourist visa to get married, but with the intention of going back to the home country after the marriage.’

Nothing says that you can't get married on a tourist visa, but this can be tricky. You can get married and go back home before your visa expires, but you'll need hard evidence to prove to the CBP officials that you intend to return your home country. You have to come armed with lease agreements, letters from employers, and above all, a return ticket. The more evidence that you can show that proves your intention to return home, the better your chances will be of getting through the border.

No excuse for visa fraud:

If you think it’s easy to fool the US immigration officers – then I would say you should think twice. If you are caught violating the immigration laws, you could be accused of committing visa fraud. If fraud is found, you will face serious consequences. At the very least, you will have to return to your home country. Even worse, you may receive a ban from reentering the US, a ban that could be indefinite.





It is highly recommended that you look at all the pros and cons of getting married in the US while on a tourist visa before doing so. It is also suggested that you consider all your options, including a fiancé or spouse visa, to avoid any complexities in future.

Some moments are very important and precious in life – marriage being one of them. Do not get married hastily. After reviewing all your options pick the route that is best suited for you. Make your marriage a beautiful moment of your life!

>>>> Good Luck <<<<<


หมายเหตุ นำข้อมูลมาให้พิจารณานะคะ ไม่มีเจตนาขัดคำตอบผู้อื่น


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
^^^
เรื่องที่คุณนำมากล่าวถึงมันก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่จะพึงพิจารณา สำหรับผู้ที่รักกันใหม่ๆๆ หรือการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง นอกเหนือจากความรักอย่างแท้จริงแล้ว แต่ที่แนะนำให้เจ้าของกระทู้นี้เพราะว่าเขาไปมา คบหากันนานถึง 8 ปีแล้ว และเจ้าของกระทู้ก็เคยเข้า-ออก อเมริกาถึง 3 ครั้ง
และการที่แนะนำให้เครียมเอกสารให้พร้อมนั้นใช่ว่าจะต้องการใช้ในการยื่นเรื่องขอปรับสถานะทันที เพียงแต่เป็นเอกสาร ข้อมูลที่เราต้องตรียมตัวเก็บเรียบเรียงให้พร้อม เพราะถ้าเดินทางมาแล้ว คงจะไม่มีโอกาสที่จะนั่งเครื่องบินกลับเมืองไทยค้นหาได้ด้วยตนเองอีกต่อไป


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
มาเที่ยวแล้วแต่งเลยนั่นแหละถูกแล้ว ไปเสียเงินขอวีซ่าคู่หมั้นทำไมให้เปลืองเงิน วีซ่าคู่หมั้นเขาขอส่วนมากในกรณีที่ฝ่ายหญิง
ไม่มีคุณสมบัติที่จะขอวีซ่าเองได้ กรณีนี้จะต้องยืนยันความสัมพันธ์ มีรูปถ่ายคู่กันเพื่อยืนยันว่าเคยเจอกันตัวเป็นๆแล้ว

กรณีของคุณมันแต่งจริง ไม่ต้องกลัว พวกที่จะกลัวคือแต่งปลอม ตอนเข้าสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่เขาดูออก ถ้าสงสัยเขาก็จะซักเพื่อ
จับโกหก ยังไงคุณก็ตอบได้อยู่แล้วเพราะคบกันมาตั้ง 8ปี


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
To. K. Yimsuay1

ช่วงรวบรวมข้อมูลนี้ อ่านให้มากที่สุดจะเป็นประโยชน์แก่น้องค่ะ

เชื่อว่า ยิ้มสวยๆ จะเป็นเสน่ห์ที่ผ่านหน่วยอิมเข้ามาได้อย่างราบรื่นนะคะ


ขอแสดงความยินดีด้วย ถ้าได้มาอยู่ถาวรในซานฟรานฯ จะมีความสุขมาก

กรณีที่ตัดสินใจจะมาแต่งงานในสหรัฐฯ และต้องการทำพิธีแบบพุทธด้วย

พระสงฆ์จะลงนามยืนยันเป็นผู้ประกอบพิธีให้ได้นะคะ ในเขตนี้ท่านชำนาญ

หรือจะจัดทุกอย่างตามประเพณีไทย ตั้งแต่แห่ขันหมากมาจนถึงรดน้ำสังข์

มีวงดนตรีไทยบรรเลงให้ในงานเลี้ยงฉลอง ทำได้ค่ะ พิมพ์บัตรเชิญที่นี่ได้

และกระบวนการทั้งหมด ส่วนมากจะไม่มีอะไรติดขัด อยู่ถูกกฎหมายแน่


ขำๆนะคะ ว่า มาตั้งกระทู้ที่นี่แหละค่ะ เสมือนด่านตรวจเข้าเมือง

ทุกคนปรารถนาดีต่อผู้ถาม ให้ข้อมูลละเอียด ไม่อยากให้ประสบปัญหาใด

ห่วงถึงความรู้สึกว่าที่เจ้าสาว หากมาติดที่พอร์ท เพราะวีซ่าท่องเที่ยวนั้น

เสี่ยงไปก็ไม่คุ้ม ดำเนินเรื่องตามขั้นตอนวีซ่าโปร ปลอดภัยไร้กังวลค่ะ



Welcome to San Francisco Bay Area


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
เรียนคุณ Techie ความเห็นที่ 8

ตอนที่ดิฉันเดินทางมาด้วยอเมริกาด้วยวีซ่าคู่หมั้น ดิฉันเคยเดินทางมาอเมริกาแล้ว - ครั้ง ครั้งแรกได้วีซ่า 6 เดือน ครั้งต่อมาได้วีซ่า 1 ปี ครั้งที่ 3 ได้วีซ่า multiple entry แบบ 10 ปีค่ะ เงื่อนไขในการขอวีซ่าแบบวีซ่าท่องเที่ยวและวีซ่าคู่หมั้นนั้นต่างกันค่ะ การขอวีซ่าคู่หมั้นฝ่ายชายต้องมี income tax 3 ปีย้อนหลัง ต้องเซ็นต์ affidavit of support ต่อฝ่ายหญิงให้กับทาง immigration เป็นระยะเวลา 10 ปี

จริงๆแล้วอยากจะแนะนำให้ขอวีซ่าแบบแต่งงานซะด้วยซ้ำค่ะ เพราะไม่ต้องมีต่อกรีนการ์ดแบบ 10 ปีให้ยุ่งยาก ส่วนเหตุผลอื่นถ้าเจ้าของกระทู้อยากทราบหลังไมค์มาก็แล้วกันค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
ขอวีซ่าคู่หมั้น ขอเพื่อให้ฝ่ายหญิงมาดูและทดลองอยู่ ก่อนแต่งจริง วีซ่าประเภทนี้ของ่ายหากฝ่ายชายคุณสมบัติพร้อม
ข้อแม้คือทั้ง2ฝ่ายต้องเคยเจอกันแล้วแบบตัวเป็นๆ วีซ่ามีอายุ 90 วัน ถ้าไม่แต่งก็ต้องกลับออกนอกประเทศ ทั่วๆไปที่
ขอวีซ่าคู่หมั้นเพราะฝ่ายหญิงไม่มีคุณสมบัติที่จะขอวีซ่าเอง วีซ่าประเภทนี้ขอได้เร็ว 3-5 เดือน

วีซ่าแต่งงาน เหมือนข้างบน แต่ขั้นตอนเดียวเลยไม่ต้องเปลืองเงิน2ครั้ง ฝ่ายหญิงไม่มีคุณสมบัติที่จะขอเองได้เช่นกัน
วีซ่านี้รอนานหน่อย อาจเป็นปี กรณีมีวีซ่าท่องเที่ยวอยู่แล้วก็ไปทดลองอยู่ได้เลย ก่อนจะแต่งก็สืบประวัติให้แน่นอนว่า
ใช่คนที่เราต้องการจะร่วมชีวิตด้วยไหม คุณน่าจะรู้ดีกว่าคนอื่นเพราะคุณไกล้ชิดกันมาถึง8ปี ดูซิว่าคนที่เสียเวลากับใคร
ถึง8ปีนี่น่าจะมีอะไรลับลมคมในที่คุณไม่รู้บ้าง

จากประสบการณ์จริงที่เจอตัวเป็นๆที่มาทั้งวีซ่านักเรียน และวีซ่าท่องเที่ยว เห็นพบรักที่เมกาและแต่งงานกันโครมๆ คุณเข้า
เมกามา3ครั้งแล้วคุณก็ลองทบทวนดูซิว่า เคยโดนซักถามเช่น.."จะมาเที่ยวหรือจะมาแต่งงาน".. บ้างไหม? แต่ก็เงินคุณ
อนาคตคุณ คุณจะทำอย่างไรคุณพิจารณาดูเอาเองครับ คุณเท่านั้นที่ทราบดี


เสียดายว่าเจ้าหน้าที่ ระดับหัวหน้า ตม.ที่ LAX พิมพ์ไทยไม่ได้ ไม่งั้นจะให้เพื่อนช่วยวานให้มาออกความคิดเห็นในนี้ให้หน่อย




ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
คุณ MCCGO เมื่อกี้ตอนพิมพืไม่เห้นข้อความของคุณ ทราบดีครับเรื่องเงื่อนไข
วีซ่าคู่หมั้น เพราะผมเคยขอให้เพื่อนมาเที่ยว 90 วัน

วีซ่าท่องเที่ยวและวีซ่าคู่หมั้นต่างกันแน่นอนอยู่แล้วครับ วีซ่าคู่หมั้นฝ่ายชายยื่น
ให้ที่เมกา อนุมัติแล้วโอนเรื่องไปไทย ฝ่ายหญิงก็แค่ไปยื่นเอกสารทำต่อให้เสร็จ

วีซ่าท่องเที่ยวเจ้าตัวยื่นเองครับ ต้องใช้คุณสมบัติของตนเอง ตรงข้ามกับวีซ่าคู่หมั้น

ยินยันครับว่าผมไม่ได้มั่ว เพราะยื่นขอมาแล้ว ทราบดีว่าต้องใช้อะไรบ้าง


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
I am waiting fiancé visa for 8 months


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
แหะ แหะ อยากรู้เรื่องเจ้าแม่ google อะ


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
นึกไม่ออกว่าใครคือ เจ้าแม่ Google เคยได้ยินแต่เจ้าพ่อ Google


ตอบกลับความเห็นที่ 16