Toggle navigation
หน้าหลัก
ตั้งกระทู้ใหม่
ติดต่อเรา
Login
Register
ชีวิตคนไทยในต่างแดน
ไดอารี่.....เรื่องเล่าจากประเทศอเมริกา.....ของไอ้แก่น้อย
ไดอารี่.....เรื่องเล่าจากประเทศอเมริกา.....ของไอ้แก่น้อย
สวัสดีครับ พี่น้อง นำเสนอตัวเองนิดนึง ผมเดินทางมาเรียนภาษาต่อที่บอสตันระยะเวลา 6 เดือน แต่ได้วีซ่ามา 1 ปี จนวันนี้เวลาผ่านมาแค่ 20 วันที่ออกมาจากเมืองไทย ก็พบเจออะไรด้วยตัวเองมาพอบ้างผมจึงอยากแลกเปลี่ยนเรื่องสนุกๆเผื่อเป็นมุมมองชีวิตและจากนี้ผมจะขอเล่าเรื่องของตัวเองผ่านเป็นไดอารี่ฉบับย่อๆและขำขันนะครับ
(ในเรื่องประวัติส่วนตัวจะค่อยๆทยอยปล่อยออกมาในเรื่องนะครับ)
เรื่องสั้นจากประสบการณ์ส่วนตัว จะขอเล่าเฉพาะเหตุการณ์ที่น่าสนใจเป็นลำดับไป
เริ่มต้นที่ช่วงก่อนเดินทาง ตอนจองตั๋วก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะคิดว่าเราเดินทางไปไหนมาไหนก็บ่อย (ต้องทำงานไปกลับฮ่องกงเดือนละครั้ง) ฉะนั้นเวลาที่คาดการณ์ไว้ก็ไม่ได้คิดถึงสักเท่าไร เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า
ณ สนามบินแห่งสยามประเทศ ในคืนวันที่จะต้องร่ำลาพ่อแม่พี่น้อง ญาติสนิท มิตรสหาย แฟนเพลงทั้งหลาย มาส่งกันร่วม 30 ชีวิต (ทำหยั่งกะตรูไม่เคยไปต่างประเทศปานนั้น...) เอาเข้าจริงก็ซึ้งน้ำตาไหลเหมือนกัน จนถึงทุกวันนี้ผ่านมา 20 วันก็ยังรู้สึกสำนึกอยากจะขอบคุณน้ำใจที่สละเวลามาส่งและอวยพรให้กระผม T___T
เข้าเรื่อง...เริ่มออกจากดินแดนสยามประเทศเวลา 21.30 น. เปลี่ยนเครื่องครั้งแรกที่ญี่ปุ่น เครื่องเพิ่งแตะพื้นที่นาริตะ ขณะนั้นเวลา 6.00 น. ในใจคิดชิกหายแล้ว เครื่องรอบต่อไปของตรูมัน 6.50 น. เวลาประตูเครื่องเปิดคือ 6.20 น. งานงอกละกรู วิ่งไปจะทันไม๊เนี่ยยย
......ที่โชคดีคือมีน้องสาวพี่สะใภ้มีอาชีพหลักเป็นนางฟ้าแห่งสายการบินญี่ปุ่น ฝากฝังในฐานะน้องชายไว้กับเพื่อนนางฟ้าด้วยกัน..คอยดูแลเบิกทางสว่างให้..ประกอบกับการจัดการเรื่องเส้นทางในสนามบินที่ดี (มากๆ) ของประเทศญี่ปุ่นมาถึงสะพานเครื่องก็เวลา 6.30 น.พอดีๆพร้อมกับคนไทยอีกสองคน (แต่ก็ไม่มีเวลาได้คุยกันสักเท่าไร)
....ต่อที่สองจากญี่ปุ่นไปยังนิวยอร์คเพื่อต่อเครื่องไปบอสตัน นับเป็นช่วงเวลาที่ทรมานที่สุดกับระยะเวลา 12 ชั่วโมงที่นอนไม่ค่อยจะหลับ....(ตรูหลับรอบแรกมาสะเต็มที่เลย)...เราข้ามเรื่องทรมานไปมาถึงที่นิวยอร์คเลยดีกว่า....ลงมาปุ๊ป...เท่าที่หาข้อมูลมา เห็นว่า ตม.ที่นี่นั้นแสนจะโหด ทั้งเรื่องแถวยาวและความดุหยั่งกะ....พอมาเห็นแถวแล้ว ไม่ได้ผิดจากคำโม้ๆไว้เลย...แม่เจ้าาา แถวประมาณว่าเอาคนมายืนแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่งคงได้รอบสนามฟุตบอลพอดี
...และอีกตามเคย มีเวลาให้การทำทุกสิ่งอย่างก่อนจะเปลี่ยนเครื่องมีประมาณ 2 ชั่วโมง (เท่านั้นนนน) ตรูเห็นแถวแล้ว ตกเครื่องชัวร์ ต่อแถวไปได้สัก 15 นาที นางฟ้าแห่งอเมริกาก็บัลดาลส่งผู้หญิงผิวสีตัวท้วมๆ(มากกก) มาถาม...ใครจะต้องไปเมืองนู้นนั่นนี้บ้าง กรุณาตามมาทางนี้...ฮ่าาๆ รอดไปตรู แต่ถึงแถวของผมจะมีแค่ 3 คนก็มิวายใช้เวลาประมาณสิบนาทีกว่าจะผ่านมาได้
...หลังผ่าน ตม. ก็เห็นประตูแห่งอิสระภาพอยู่ข้างหน้า (ประตูสนามบิน) แต่...เราต้องเปลี่ยนไปบอสตันต่อฉะนั่นฝากไว้ก่อนนะนิวยอร์ค...ผมก็หันหัว (ตัวเอง) กลับเข้าสู่ประตูผ่านแดนอีกครั้งเพื่อเปลี่ยนเครื่องสู่บอสตันนนนน (ระหว่างนี้ไม่ได้เดินแบบชมวิวหรอกนะครับ แค่ไอ่กระเป๋ารวม 3 ใบ ห้าสิบกว่ากิโลก็ไม่ชิวแล้ว ไหนยังต้องวิ่งไปเปลี่ยนเครื่องในเวลาไม่ถึง ชม.อีก).....
....ทันทีที่ลงสนามบินนานาชาติโลแกนของเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเสส...สาบาน ผมไม่ได้หาข้อมูลของเมืองนี้มาเลยแม้แต่น้อย.. ลงแล้วจะไปไหนอย่างไร ยังไง ผมได้แต่หวังพึ่งญาติซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องที่เป็นซิติ้เซนสหรัฐไปแล้วมารับและไปส่งยังบ้านพักที่จองไว้....
ขอข้ามรายละช่วงนี้ไปก่อน เอาเป็นว่าอากาศที่คาดไว้ว่าจะเย็นกว่าเมืองไทยละก็ คิดผิดถนัด เท่าที่จำได้ 32 องศา ขณะที่กรุงเทพ 30 องศา...คนที่นี่เค้าเรียกว่า...ช่วงร้อนที่สุดของปี...เออดี...ตรูนี่โชคดีตลอดสิหน่า....
(ตอนต่อไป จะเป็นช่วงเข้าสู่บอสตันนะครับ ขอเช็คเรตติ้งก่อน ถ้าไม่ค่อยโดนอาจจะพิจารณาตัวเองหน่อย 555 @___@ )
ความคิดเห็นที่ 1
มารอจ้า
ตอบกลับความเห็นที่ 1
Font Name
Size
RadEditor hidden textarea
Design
HTML
Preview
RadEditor - please enable JavaScript to use the rich text editor.
Image Src
Alt Text
Width
px
Height
px
All Properties...
OK
Cancel
ส่งข้อความ
ความคิดเห็นที่ 2
โพสตอนนี้ คนส่วนใหญ่เป็นเวลาค่ำมึด ใครจะอยู่รอให้เชคเรตติ้งคะ ^^
ว่าแล้วไปนอนล่ะค่ะ พรุ่งนี้มีเรียน มีงานรออยู่
ตอบกลับความเห็นที่ 2
Font Name
Size
RadEditor hidden textarea
Design
HTML
Preview
RadEditor - please enable JavaScript to use the rich text editor.
Image Src
Alt Text
Width
px
Height
px
All Properties...
OK
Cancel
ส่งข้อความ
ความคิดเห็นที่ 3
อยู่ กทม จ้า รออ่านอยู่นะ ชอบๆ
ตอบกลับความเห็นที่ 3
Font Name
Size
RadEditor hidden textarea
Design
HTML
Preview
RadEditor - please enable JavaScript to use the rich text editor.
Image Src
Alt Text
Width
px
Height
px
All Properties...
OK
Cancel
ส่งข้อความ
ความคิดเห็นที่ 4
รอตามตอนต่อไปค่าาาาา
ตอบกลับความเห็นที่ 4
Font Name
Size
RadEditor hidden textarea
Design
HTML
Preview
RadEditor - please enable JavaScript to use the rich text editor.
Image Src
Alt Text
Width
px
Height
px
All Properties...
OK
Cancel
ส่งข้อความ
ความคิดเห็นที่ 5
ว้า จะไปนอนเหมือนกัน ตี 3.29 am ฟังบทสวดธรรมจักรฉบับอินเดียได้ 49 เที่ยวพอดี จริงๆสวดโดยคนเนอธิร์แลนด็ Hein Braat
ik9iul;ulfbN 8iy[
ตอบกลับความเห็นที่ 5
Font Name
Size
RadEditor hidden textarea
Design
HTML
Preview
RadEditor - please enable JavaScript to use the rich text editor.
Image Src
Alt Text
Width
px
Height
px
All Properties...
OK
Cancel
ส่งข้อความ
ความคิดเห็นที่ 6
มารอฟังคะ
ตอบกลับความเห็นที่ 6
Font Name
Size
RadEditor hidden textarea
Design
HTML
Preview
RadEditor - please enable JavaScript to use the rich text editor.
Image Src
Alt Text
Width
px
Height
px
All Properties...
OK
Cancel
ส่งข้อความ
ความคิดเห็นที่ 7
ตื่นมารออ่านแล้วค่ะ แล้วคุณเจ้าของกระทู้ล่ะ ตื่นหรือยังค่ะ อิอิ
ตอบกลับความเห็นที่ 7
Font Name
Size
RadEditor hidden textarea
Design
HTML
Preview
RadEditor - please enable JavaScript to use the rich text editor.
Image Src
Alt Text
Width
px
Height
px
All Properties...
OK
Cancel
ส่งข้อความ
ความคิดเห็นที่ 8
กลับมาต่อครับ ตื่นมาตี 5 มาเช็คเรทติ้งแล้วนอนไม่หลับต่อเขียนต่อ คาใจ 555+
ก่อนจะเข้าสู่บอสตันย้อนกลับมาที่ประวัติตัวเองสักนิดนะครับ
โดยส่วนตัวการข้ามมาครึ่งโลกมีเป้าหมายคือการมาเอาภาษาอังกฤษ (กะเอาแบบให้อินเซปชั่นเข้าไปในสัญชาตญาณเลยทีเดียว 555) ก่อนมาเมื่อสักสองปีก่อนผมไปสอบโทอิกมาได้คะแนนประมาณ หกร้อยกว่าๆ โดยได้จากช่วงสอบการฟังเกือบเต็ม พกความมั่นใจมาด้วยเต็มที่ แต่ระดับการสื่อสารออกไปนี่และอ่อนจริงๆ เรียบเรียงขึ้นต้นและจบท้ายไม่ได้สักที (เข้าใจว่าน่าจะเป็นกันหลายๆคน อันนี้จะมาลงรายละเอียดช่วงต่อไปว่าเพราะอะไร)
แผนชีวิตก่อนจะมาตั้งเป้าหมายแน่ๆว่าจะกลับก่อนวีซ่าหมด วีซ่าผมหมดเมื่อปลายเดือน พค. ผมเรียน สค-ต้นเดือน กพ....ฉะนั้นผมจะเหลือเวลาอยู่ที่นี้อีกเกือบ 4 เดือนเต็ม ตามแผนที่วางไว้ ตามที่วีซ่าแจ้งไว้ว่าเราสามารถเข้าประเทศได้ก่อนล่วงหน้า 30 วันก่อนเริ่มเรียน ผมก็จัดเกือบจะเต็มเดือน เพื่อมาศึกษา-ปรับตัว-ฝึกงานให้พอเป็นบ้าง ก่อนจะเข้าสู่ช่วงที่ไม่มีเวลานัก
หลังเรียนจบกะว่าเก็บเงินสามเดือน เดือนสุดท้ายแบ็คแพ็คตะลอนเที่ยวจากฝั่งตะวันออกไปยังฝั่งตะวันตก
ปริญญาโทละ สนใจหรือเปล่า......แน่นอนถ้ามีเงินเรียนละผมเรียนแน่ แต่อย่างที่รู้กันราคาค่าใบปริญญานั้นแพงเหลือเกิน.....ตั้งแต่แรกส่วนตัวผมคิดว่าจะตั้งต้นขอทุนการศึกษาจากม.ที่ให้โอกาส นศ. ทุนน้อยอย่างผม ผมจบเอกด้านการถ่ายภาพมา...เท่าที่เคยๆหาก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเลย...ทั่วโลกก็หลายมหาวิทยาลัยอยู่ แต่.....ทั้งหมดทั้งมวลต้นเริ่มด้วย...การสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ...แน่นอนตอนนี้เราเริ่มเดินบันไดขั้นแรกละ (พี่ๆน้องๆ ผู้ใดมีทุนของ ม. ไหนแนะนำจักเป็นพระคุณมากๆครับ ^^)
เริ่มต้นชีวิตที่บอสตันละครับ
ตลอดเส้นทางระหว่างนิวยอร์ค-บอสตัน ผมสังเกตุว่าเครื่องบิน บินต่ำมากๆ ปกติ เครื่องจะบินอยู่ 30000 ฟุต แต่เข้าใจว่าระยะไม่ห่างกันมากนัก เราจึงได้เห็นพื้นดินปกติอย่างชัดเจน (เวลาก็ประมาณ 8-9 โมงเช้าครับ)
ซึ่งก็ผิดกับที่จินตนาการไว้พอสมควร ที่เห็นต้นไม้หนาแน่นมากๆ เอาเป็นว่าแค่หลุดพ้นจากเขตเมืองและที่พักอาศัยก็เห็นแต่สีเขียวตลอดทางแล้วอ่ะครับ
ทันทีที่ก้าวลงจากเครื่องบินบรรยากาศสนามบินก็แตกต่างกัน เหมือนๆกะ สุวรรณภูมิและสนามบินเฃียงใหม่ประมาณนั้น.....
หลังจากที่นัดแนะว่าจะมาเจอพี่เอ (นามสมมตินะครับ จริงๆบอสตันเป็นเมืองที่คนไทยเยอะพอสมควร แต่รับรองคงเหมือนหลายๆเมือง ถามไปถามมาสองสามคนก็รู้จักกันแน่ๆ แต่เพื่อการเคารพสิทธิส่วนบุคคลด้วยเหตุฉะนี้จึงขอเป็นนามสมมติทุกคนไป) คือเราก็นัดว่าจะเจอกันแบบไม่นัดสถานที่ที่เจอกันอ่ะครับ.....เอาอีกละตรู ถ้าไม่มีเนตจะเจอกันไม๊ละเนี่ยยย.... แต่ที่ตลกกว่าก็คือ พี่เอเค้ามายืนรอตรงรอรับกระเป๋าเลย....(เฮ้ย....คนนอกมายืนรอเขตรับกระเป๋าของผู้โดยสารได้เลยง่ะ...) สรุปว่าก็เจอกันแบบไม่เสียเวลาเลย
พี่เอเค้าขับรถมารับผมซึ่งแผนแรกจะมาส่งที่บ้านพักที่อยู่นอกเมืองหน่อย ก็ติดตรงที่ว่าเจ้าของบ้าน (พี่คนไทย) จะยังไม่เข้าบ้าน..จนกว่าจะสามทุ่ม...แง่ะ เค้าก็เลยเอากระเป๋าไปทิ้งไว้ที่ร้านอาหารของเค้า (สถานที่ฝึกงานในอนาคต) แล้วอาบน้ำมาดูวิธีการทำงานของเด็กเสริฟที่นี่กัน
...ทำความเข้าใจเด็กเสริฟสะใหม่นะครับ สำหรับคนที่ไม่เคยเห็น อย่าคิดว่าจะง่ายแค่เดินมารับออร์เดอร์-บอกพ่อครัว,แม่ครัว เก็บจานล้างจาน เช็คบิล...อันนั้นง่ายไปครับ ที่ยากกว่าคือการมีวินัยและความรับผิดชอบ ยกตัวอย่างพนักงานเสริฟ 2 คนทั้งร้าน จะไม่มีเงินเดือนเงินที่ได้จะได้จากค่าทิปล้วนๆ ซึ่งบ้างร้านจะนำเงินที่ได้จากทิปทั้งวันมาหารกัน ฉะนั้นถ้าคนนึงอู้-ทำน้อย อีกคนจะลำบากทันที ที่ร้านอาหารไทยที่นี่ ทุกร้านต้องมีระบบ เมืองนี้อยู่ภายใต้ระบบ ระเบียบ กฎหมายชัดเจน ทุกคนสิทธิเท่าเทียมกัน ไม่ว่าอาชีพไหน ก็อย่าได้ดูถูกไป จะเด็กเสริฟหรือนักการเมืองทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายข้อเดียวกัน....คุ้นๆม่ะ 555+
เอาละ ถ้าร้านอาหารกลางที่เป็นที่รู้จักหน่อย ก็อยู่ภายใต้ระบบตั้งแต่ การแต่งกาย มารยาทในโต๊ะอาหาร เข้าไปรับออร์เดอร์ การขออนุญาต ขอเริ่มเป็นข้อๆที่คิดว่าจะเป็นความรู้ไปนะครับ
มารยาทโต๊ะอาหาร เชื่อว่าคนมาใหม่จะไม่รู้ข้อนี้เลย โดยเฉพาะคนเอเชีย (ผมมิได้ดูถูก ดูแคลนนะครับ เป็นวัฒนธรรมที่ต่างกันแค่นั้น) ที่ฝั่งยุโรปหรืออเมริกา...เมื่อเข้าร้านเค้าจะต้องรอ ที่บริเวณจัดให้รอเท่านั้น ไม่ว่าร้านจะไม่มีใครนั่งโต๊ะอยู่เลยก็ตาม จะต้องมีโฮสนำทางเข้าโต๊ะ....โฮสจะมาพร้อมเมนูตามจำนวนแขก เก็บซ้อม-มีดที่เกินไป และเรา...แชกจะไม่มีการยกมือเรียกคนรับออร์เดอร์เด็ดขาด...เค้าใช้วิธีการวางเมนูเมื่อพร้อมแล้ว คนรับออร์เดอร์ (เด็กเสริฟ) จะเข้ามาเองครับ แต่ถ้าสงสัยอะไรก็ใช้วิธีส่งสายตาเอา ไม่ต้องกลัวเค้าไม่มองหรอกครับ ถึงบอกเด็กเสริฟที่นี่มืออาชีพ หลังจากสั่งอาหารแล้ว ไม่ว่าอย่างไรจะไม่ยกมือเรียกใครๆก็ตามเด็ดขาด ใช้ส่งสายตาเท่านั้นจะขอมีด ช้อน ถ้วยโถ โอชาม เก็บจาน เรียกบิล เติมน้ำ เค้าจะรู้ใจแขกครับ (แต่บางกรณียกบ้างก็ได้นะครับ ถ้าร้านคนเยอะๆมาก ไม่งั้นคงไม่ได้กลับบ้านพอดี)
เอาเป็นว่าเท่านี้ก่อนละกันครับ ขอไปนอนเก็บแรงอีกสักงีบ แหะๆๆ
ตอบกลับความเห็นที่ 8
Font Name
Size
RadEditor hidden textarea
Design
HTML
Preview
RadEditor - please enable JavaScript to use the rich text editor.
Image Src
Alt Text
Width
px
Height
px
All Properties...
OK
Cancel
ส่งข้อความ
ความคิดเห็นที่ 9
ลงรูปม่ะได้อ่ะคร่าาบ
ช่วงแนะนำที
T___T
ตอบกลับความเห็นที่ 9
Font Name
Size
RadEditor hidden textarea
Design
HTML
Preview
RadEditor - please enable JavaScript to use the rich text editor.
Image Src
Alt Text
Width
px
Height
px
All Properties...
OK
Cancel
ส่งข้อความ
ความคิดเห็นที่ 10
ปูเสื่อขนาด Bigsize พร้อมหมอนและหมอนข้าง รออ่านอยู่ค่ะ ^__^
ตอบกลับความเห็นที่ 10
Font Name
Size
RadEditor hidden textarea
Design
HTML
Preview
RadEditor - please enable JavaScript to use the rich text editor.
Image Src
Alt Text
Width
px
Height
px
All Properties...
OK
Cancel
ส่งข้อความ
ความคิดเห็นที่ 11
มารออ่านเหมือนกันครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 11
Font Name
Size
RadEditor hidden textarea
Design
HTML
Preview
RadEditor - please enable JavaScript to use the rich text editor.
Image Src
Alt Text
Width
px
Height
px
All Properties...
OK
Cancel
ส่งข้อความ
ความคิดเห็นที่ 12
เข้ามา Check in ไว้ก่อน เดี๋ยวกลับไปอ่านที่บ้านครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 12
Font Name
Size
RadEditor hidden textarea
Design
HTML
Preview
RadEditor - please enable JavaScript to use the rich text editor.
Image Src
Alt Text
Width
px
Height
px
All Properties...
OK
Cancel
ส่งข้อความ
ความคิดเห็นที่ 13
ขอบคุณท่ีติดตามอ่านนะคร่าาบ
คืนนี้กลับไปต่อตอนท่ี 3 คร่าาบ
ตอบกลับความเห็นที่ 13
Font Name
Size
RadEditor hidden textarea
Design
HTML
Preview
RadEditor - please enable JavaScript to use the rich text editor.
Image Src
Alt Text
Width
px
Height
px
All Properties...
OK
Cancel
ส่งข้อความ
ความคิดเห็นที่ 14
กลับมาทำความรู้จักเมืองบอสตันกันสักนิดก่อนดีกว่าครับ (เอาแบบจากส่วนตัว ไม่มีแหล่งข้อมูลเลยนะครับ ขี้เกียจหาอ้างอิง 555+)
ทั้งนี้ทั้งนั้น กระพ้มเองก็เพิ่งมาอยู่ได้ 3 สัปดาห์ มิใช่กูรูสักเท่าไร อาจจะมีข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจริงเท็จประการใด ก็ขอให้พี่ๆน้องๆแก้ไขด้วยนะครับ ฮ่าๆๆ
เมืองบอสตันตั้งอยู่ในรัฐแมสซาชูเสส ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของนิวยอร์คขึ้นมาสัก สามร้อยห้าสิบกิโลเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อได้ว่าเมืองแห่งการศึกษามากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มหาลัยที่ดังๆที่น่าจะรู้จักก็ Havard, MIT ที่นี่มีแทบทุกสาขาที่อยากจะเรียน พี่เอเค้าบอกว่า ขนาดปริญญาเอกด้านการพับกระดาษยังมีเลย 555+
ซึ่งรัฐแมส (ตามที่เค้าเรียกย่อกัน) อยู่เขตที่เรียกกันว่า New England ความหมายก็คือตรงๆตัวนั่นแหละครับ คือเป็นเขตที่ถูกบุกเบิก (หรือรุกรานผู้อื่น?) เมื่อราวๆ 400 ปีก่อน ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 6 รัฐรวมกัน รายละเอียดก็ตามนี้นะครับ http://en.wikipedia.org/wiki/New_England
ที่เล่าๆมานี่ก็ไม่ได้อยากจะเป็นนักประวัติศาสตร์อะไรมากมายแค่จะบอกที่มาของการประกาศอิสรภาพประเทศอเมริกา ก็เริ่มมาจากเมืองบอสตันนี่ละครับ เช่นว่า จุดแรกๆที่เกิดการก่อปฏิวัติกับประเทศแม่ คือประเทศอังกฤษก็อยู่ไม่ไกลกับที่ผมนั่งพิมพ์อยู่นี่สักเท่าไร เรียกว่าแถวนี้หลุมศพเพียบ 555+ (ประวัติที่มาที่ไปกรุณาพึ่งอากู๋ต่อนะครับ)
กลับมาสู่การใช้ชีวิตความเป็นอยู่ที่เมืองนี้ดีกว่า....เมืองนี้อยู่ง่ายครับ ยิ่งเฉพาะผู้ชายที่ไม่สนใจการแต่งตัวอะไรมากอย่างผม คือ..ช่วงที่มาเป็นช่วงฤดูร้อน..คุณจะใส่เสื้อยืด+กางเกงขาสั้น ลากรองเท้าแตะ, เสื้อกล้ามกระทิงแดง+กางเกงนอนขึ้นรถไฟฟ้าก็ได้ อาจจะมีคนมองนิดนึง แล้วก็ผ่านๆไป เป็นปกติมากๆครับ สำหรับเมืองที่มีแต่วัยมหาลัย ซึ่งเค้าไม่ได้ให้ความสำคัญกับกระเป๋าแบรนด์เนมจากฝรั่งเศสกันสะเลย สาบานได้ ผมอยู่มา 3 สัปดาห์ จะเห็นผู้หญิงคล้องกระเป๋าลุยซี่ ก็มีแต่คนเอเชียเท่านั้นละครับ (อาจจะเห็นคนเมกาคล้องอยู่สักสองคนได้ ฮ่าๆๆ)
ฉะนั้นถ้าคุณจะซื้อกระเป๋าที่ว่ามาอยู่เมืองนี้.....เอาเงินมาจ่ายค่าข้าวดีกว่าครับ ค่ากินอยู่สำคัญกว่าเยอะ (เยอะจริงๆ) เช่นว่าอาหารตามร้านทั่วไปก็อยู่ราวๆสัก 7-10 บาท (คนไทยที่นี้เรียกบาททับศัพท์แทนดอลล่าครับ) ค่าที่พักเอาใกล้ๆรถไฟฟ้าหน่อยต่อเดือนก็สัก 600-800 บาท คูณไปสิครับ กระเป๋าใบนึงอาจจะต่อชีวิตเราได้สักเดือนครึ่งเลยน่ะ
ว่ากันต่อมาถึงเรื่องของการเอาเงินเข้าสู่บัญชีธนาคาร ตั้งกะวันแรกผมก็แลกเงินมากจำนวนหนึ่งซึ่งแลกมาด้วยทำงานที่เมืองไทยร่วมๆ สี่-ห้าปี (เอาเข้าจริงๆ เพิ่งเก็บได้สองปีหลังนี่ละครับ) อย่างที่บอก......เรามาด้วยความมั่นใจเรื่องการฟังของตัวเองอย่างที่สุด....พี่เอถามว่า จะเปิดบัญชีเองไม๊ เค้าจะให้ทำเอง....ผมบอก...สบายใจได้เฮีย...ดูแลตัวเองได้ จากนั้นก็เข้าไปธนาคาร ตอนแรกพี่เอก็เข้าไปเป็นเพื่อนนั่งรอเรียกคิวอยู่นานสองนาน จนพี่เอต้องไปดูแลร้านก่อน รอไม่ได้ให้ผมจัดการธุรกรรมด้วยตัวเอง ก็ถามย้ำอีกรอบว่า..."ได้แน่นะ"..."ชัวร์" หล่อมากกรู......อีกสักพัก...จนท เรียกโอเค เดินไปที่โต๊ะ
จนท .....ไฮ..ฮาว อาร์ ยู....
ผม ...โอเค....ฮาว อาร์ ยู.....
จนท .....open new account?
ผม.....Yeab
จนท !!@£$%^&*()_+| (รู้แต่ว่านี่คือคำอธิบายเท่านั้น)
ผม...........................................โอเก่
ในใจคิด (คะแนนโทอิกกรู แม่ ม ระดับอนุบาลชัดๆ)
คือจะบอกว่าด้วยความว่าเมืองนี้ระดับการศึกษาสูง ฉะนั้นคนทุกคนเวลาสนทนาด้วยเค้าจะเข้าใจว่าเราเป็น นศ. ที่มาเรียนระดับปริญญาแล้ว เค้าจะใส่คำที่แบบว่าคุยคนละภาษากับที่ได้เรียนๆมาเลย
ออกจากธนาคารมา....ทุกอย่างเหมือนถูกรีเซทสมองและความมั่นใจสะใหม่
ไอ่ที่ กูด มอร์นิ่ง ฮาวอาร์ยู
แอม ฟายน์ แต๊งกิ๊วแอนด์ยู
ด้วยความเคารพ กรุณาเดินไปบอก รมต ,ผู้มีอำนาจหรืออาจาร์ยที่เมืองไทยทุกท่านที่สอนประโยคนี้อยู่ กราบเท้าท่านแล้วช่วยบอกทีเถอะ ปีนี้มัน 2012 แล้วกรุณาเปิดอากู๋ (เป็นอย่างน้อย) แล้วเปลี่ยนตำราเรียนซะใหม่ ก่อนจะมีเด็กไทยต้องหอบเงินออกมาให้ชาวต่างชาติอย่างผมอีกนักเลย......
เอ่ออออ.....ขออภัย...มาเข้าเรื่องการเมืองสะงั้น......จะว่าไป ตอนต่อไปว่าถึงเรื่องเด็กไทยที่อยู่ที่นี่กันดีกว่า ขออนุญาตลาไปนอนก่อนครับ (เนียนเลย 5555+)
ตอบกลับความเห็นที่ 14
Font Name
Size
RadEditor hidden textarea
Design
HTML
Preview
RadEditor - please enable JavaScript to use the rich text editor.
Image Src
Alt Text
Width
px
Height
px
All Properties...
OK
Cancel
ส่งข้อความ
ความคิดเห็นที่ 15
ตามอ่่านครับ น่าสนุกดี
ตอบกลับความเห็นที่ 15
Font Name
Size
RadEditor hidden textarea
Design
HTML
Preview
RadEditor - please enable JavaScript to use the rich text editor.
Image Src
Alt Text
Width
px
Height
px
All Properties...
OK
Cancel
ส่งข้อความ
ความคิดเห็นที่ 16
จะไปคนเดียวเดือน พย.นี้คะ ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะคะ
ตอบกลับความเห็นที่ 16
Font Name
Size
RadEditor hidden textarea
Design
HTML
Preview
RadEditor - please enable JavaScript to use the rich text editor.
Image Src
Alt Text
Width
px
Height
px
All Properties...
OK
Cancel
ส่งข้อความ
ความคิดเห็นที่ 17
มาตอนกันตอนที่ 4 ดีกว่าครับ
เผอิญที่ไม่ค่อยจะต่อเนื่องเพราะต้องไปฝึกงานช่วงวันจันทร์-ศุกร์ที่ผ่านมากว่าจะกลับถึงบ้านก็ต้องเที่ยงคืนทุกวัน วันนี้เอาเรื่องอะไรดีอ่ะครับ......เอาเป็นเรื่องความเป็นอยู่ทั่วไปในบอสตันก่อนละกัน....
ตัวขนาดเมืองบอสตันเองก็ไม่ได้ใหญ่มาก สักประมาณเมืองเชียงใหม่ได้อยู่ วิธีการเดินทางหลักๆที่คนที่นี้ใช่กันก็รถซับเวย์ (รถไฟฟ้า) รถยนต์ส่วนตัว รถบัส จักรยาน
เริ่มจากซับเวย์ ในเมืองบอสตันจะมีประมาณ 5-6 สาย เราจะเรียกว่าซับเวย์หรือ ที ทีเป็นสัญลักษณ์แทนจุดขึ้นลงของสถานี (http://www.mbta.com) จะมีแบ่งหลักๆเป็นสองประเภทคือบัตรเติมเงินและบัตรเหมารายวัน/สัปดาห์/รายเดือน
บัตรเติมเงินที่นี้เรียกว่า Charlescard สามารถขอฟรีได้ตามตู้ จนท เฉพาะสถานีใหญ่ๆ อันนี้เรทอยู่ที่ 2 บาท ต่อเที่ยว จะขึ้นไหนไปต่อที่ไหนหรือลงที่ไหนก็ 2 บาท แต่ถ้ารายสัปดาห์ซื้อได้ที่เครื่องอัตโนมัติ รายวัน 11 บาท นับจากช่วงเวลาที่ซื้อ เช่น 15.45 ก็หมด 15.44 ของอีกวัน / รายสัปดาห์ 7 วัน ราคา 18 บาท นับจากช่วงเวลาที่ซื้อเช่นกัน / รายเดือน 70 บาท นับเป็นรายเดือนเช่นเดือน 1-31 สค / ใบ ส่วนราคานักเรียน/ผู้สูงอายุก็ต่างกันออกไป (นักเรียนนี่เฉพาะไฮสคูลนะครับ นศ/นักเรียนภาษานี่ไม่เกี่ยว)
ฉะนั้นใครจะแวะมาเที่ยวหรือมาอาศัยอันนี้ก็ศึกษากันดูก่อนนะครับ
รถยนต์ที่นี่ถ้ามีเงินก็ซื้อได้ครับ ด้วยความที่ภาษีไม่สูง ราคาจึงไม่สูงเหมือนบ้านเรา ถ้าเทียบรุ่นต่อรุ่นที่นี่ถูกกว่าครับ แต่ค่าจอดรถ/ค่าประกันและค่าจิปาฐะผมว่าก็แพงจนเป็นภาระอยู่ครับ
รถบัส ถ้าเราซื้อบัตรรายเดือนของซับเวย์แล้ว ก็สามารถใช้บริการได้ฟรีตลอดเดือนเช่นกัน แต่ถ้ารายเที่ยวก็ 1.50 บาทครับ
จักรยาน บอสตันเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีการคมนาคมด้วยจักรยานมากติดอันดับของโลก (เท่าที่เคยอ่านหนังสือมา) ฉะนั้นเช่นทางในเมืองจะมีช่องเลนเฉพาะจักรยานอยู่แทบจะตลอดสาย ผมมาที่นี้ประมาณวันที่สามก็จัดการซื้อเรียบร้อยเลยครับ ที่ผมรีบซื้อเพราะช่วงฤดูร้อนยังสามารถปั่นได้อยู่ครับ พอเข้าฤดูหนาวก็ไม่มีใครปั่นแล้ว เนื่องจากหิมะจะเกาะถนนและหนาว..และเป็นความเก็บกดที่เกิดมาอยากปั่นจักรยานเที่ยวมากหลายที่ละ แต่อย่างว่าที่กรุงเทพเราทั้งอุปสรรคด้านการจราจรประมาณ 80 กว่าประเภทของยานพาหนะ มลภาวะ ถนนที่เรียบลื่นไม่มีสะดุด อากาศที่แสนจะเย็นสบาย ก็ทำให้ผมต้องล้มเลิกความคิดไป (เท่าที่จำได้ ใครก็ตามที่ผมรู้จัก ซื้อจักรยานมา ปั่นไม่ได้เกิน หนึ่งเดือนทุกรายไป) ต้องชื่นชมคนที่ปั่นจักรยานไปทำงานทุกๆวันจริงๆ ว่ามีทักษะส่วนตัวสูงมากๆ ฮ่าๆๆ
มีอีกเรื่อง เรื่องลำดับผู้ยิ่งใหญ่บนถนนสาธารณะครับ ถ้าสมมติเราจะข้ามถนนในเมืองไทยเราคือ
รถบรรทุก-รถเมล์-รถตู้-รถยนต์ส่วนตัว-มอเตอร์ไซต์-คนเดินถนน (กว่ากรูจะได้ข้ามก้มหัวแล้วก้มหัวอีก)
ที่นี่ คนเดินถนน-รถจักรยาน-รถยนต์ทุกประเภท มีแค่นี้ละครับ เรียกได้ว่าถ้าข้ามทางที่ไม่มีไฟจราจรบนทางม้าลาย เราเดินหลับตามข้ามได้เลย รถเค้าเบรกให้เราเองละครับต่อให้เป็นอาม่าเดินระดับความเร็ว 1 กม/ชม. ก็ตามเค้าก็ไม่รับไม่ไล่หรอกครับ แต่ถ้าไปข้ามที่เป็นไฟแดงหรือไม่ใช่ทางม้าลายอันนี้นอกจากเราผิด กม. แล้วเราจะเจ็บตัวเอาอีกสะด้วย.....แต่....ที่บอสตันด้วยความวัยรุ่นเยอะ ถ้าถนนโล่ง ไฟแดงไฟเขียวไฟเหลือง ไฟคนข้ามถนนไม่ให้ข้าม คนที่นี่เค้าก็ข้ามหมดละครับ แต่อย่าเอาพฤติกรรมแบบนี้ไปรัฐอื่นเป็นพอ อาจจะโดนจับเอาได้....
มาด้านค่าใช้จ่ายทั่วไป ทุกอย่างที่นี้ราคาที่ติดตามป้ายคือ "ราคาไม่รวมภาษี" ภาษีแต่ละรัฐก็ไม่เท่ากัน รัฐแมส 6.5% ครับ ไม่ว่าจะค่าอาหาร ซื้อเสื้อผ้า ถ้าจะซื้ออะไรก็คิดราคาเผื่อไว้หน่อยครับ แต่ช่วงวันที่ 11-12 สค นี้รัฐแมสจัดเป็นวัน TAX FREE DAY หมายความว่าเราสามารถชื้ออะไรก็ได้ "ไม่มีภาษี" ราคาไหนราคานั้นเลย เรียกว่าเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการกระตุ้นเศรษฐกิจไปด้วยครับ ปีนึงจะมีแค่สองวันนี้ละครับ บางปีก็ไม่มีด้วยซ้ำ (แต่คิดว่าราคาสินค้าต้องไม่เกิน 5000$ นะครับ)
แต่อย่างราคาค่าภาษี 6.5% อันนี้เป็นของรัฐแมส อย่างรัฐ New Hamshire ที่อยู่เหนือขึ้นไปไม่ไกล เค้าไม่มีภาษีครับ ฉะนั้นคนจากแมสจึงขับรถไปซื้อของใหญ่ๆราคาสูงๆ เพื่อไม่ต้องเสียค่าภาษี ซึ่งบางทีก็เหมือนได้เที่ยวฟรีนั่นละครับ
วันนี้เท่านี้ก่อนละกันนะคร่าาบ
ใครอยากให้เล่าเรื่องอะไรก็ลองถามมา เผื่อว่าผ่านเรื่องนั้นมาแล้วอาจจะพอเล่าได้ ^___^
ตอบกลับความเห็นที่ 17
Font Name
Size
RadEditor hidden textarea
Design
HTML
Preview
RadEditor - please enable JavaScript to use the rich text editor.
Image Src
Alt Text
Width
px
Height
px
All Properties...
OK
Cancel
ส่งข้อความ
Font Name
Size
RadEditor hidden textarea
Design
HTML
Preview
RadEditor - please enable JavaScript to use the rich text editor.
Image Src
Alt Text
Width
px
Height
px
All Properties...
OK
Cancel
ส่งข้อความ
Copyright 2024 by pai-nok.com