ประสบการณ์ที่ศรีลังกา กับมาดามสายฮา และเบิร์นนี่ผู้น่ารัก เสนอตอน : ตั้งใจมาอยู่เป็นเพื่อนหรือมาให้กลัวกันแน่!!

ห่างหายกันไปนานกับการเล่าเรื่องถึงเบิร์นนี่ แม่บ้านผู้น่ารัก เขียนถึงเขาบ่อยๆ ก็คิดถึงแต่ติดต่อไม่ได้

เลยเป็นห่วง พอดีเมื่อเดือนสิงหาที่ผ่านมาตรงกับช่วงวันครบรอบแต่งงาน

ท่านเซอร์บียอร์นให้ของขวัญวันครบเป็นตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวเยี่ยมหาเบิร์นนี่ที่ศรีลังกา



        ก็กะว่าจะไปแอบเซอร์ไพรส์จ๊ะเอ๋เบิร์นนี่ซะหน่อย แต่พอไปถึงกลับไม่เจอซะงั้น ถามชาวบ้านได้ความว่า

หลังจากที่สามีของเบิร์นนี่เสียชีวิต เบิร์นนี่ก็อยู่กับลูกชายและลูกสะไภ้ แต่เบิร์นนี่เข้ากับลูกสะไภ้ไม่ได้และลูกชายไม่ค่อยจะเอาข้างแม่เท่าไหร่

เบิร์นนี่เลยหนีไปอยู่กับหลานที่เป็นลูกของน้องสาว ..

ปฏิบัติการตามล่าหาเบิร์นนี่เลยเกิดขึ้น กว่าจะเจอตัว กว่าจะเคลียร์ใจกับลูก กว่าจะหาทางออกกันได้ มันเลยใช้เวลานาน

เดี๋ยวรายละเอียดจะมาเล่าให้ฟังอีกทีนะคะ ...



สำหรับคนที่ไม่รู้ว่า มาดามสายฮา และเบิร์นนี่คือใคร ไปท้าวความกันได้นะคะ

https://pantip.com/topic/36072992

https://pantip.com/topic/36053537



            เพราะได้ไปหา เลยมีเวลานั่งคุยกัน ได้ท้าวความหลังกัน เบิร์นนี่ถามว่า มาดามจำวันที่ เซอร์บียอร์นปล่อยให้มาดามอยู่กับเบิร์นนี่ครั้งแรกได้ไหม..

เลยเป็นที่มาของกระทู้นี้ นะคะ



             ตอนนั้นมาดามก็ยังอยู่ศรีลังกา ก็ไปอยู่เพื่อเรียนรู้ที่จะอยู่กับคนที่เรารัก คือบียอร์นหนุ่มผมทองอารมณ์ดีที่มาจากสวีเดน

แต่ที่นี่เขาคือ เซร์บียอร์น

            ผ่านเข้าเดือนที่2แล้ว ก็ยังอยู่ในช่วงปรับตัวนะคะ แต่กับท่านเซอร์ก็ไม่มีอะไรให้ปรับเท่าไหร่ กฎชีวิตคู่ของเราง่ายๆเลยคือ 1+1 ต้องได้ 2

ไม่เอา 3,4,5 อะไร ไม่ต้องมีจุดทศนิยมใดๆ ทั้งสิ้น มันต้องง่ายและอยู่บนพื้นฐานความจริงเท่านั้น ชีวิตนี้สั้นนัก แค่ลำบากหาเงินก็พอแล้ว

อย่าให้มันลำบากเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกเลยเนอะ



                 ฉะนั้นเรื่องการปรับตัวเข้าหากัน ของมาดามกับท่านเซอร์ก็ไม่มีอะไร แต่เรื่องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแว้ดล้อมของหมู่บ้าน

และความเป็นอยู่นี่สิ ลำบากกว่าเยอะ อาหารการกินไม่ถูกปาก ไม่เข้าภาษาท้องถิ่นเขา ไปไหนก็ต้องพกเบิร์นนี่ไปด้วยตลอด

แถมผู้คนที่นี่ก็เป็นมิตรเกิ้นจนเราต้องระแวง เดินออกมาปั๊บ ยิ้มให้ตั้งแต่ร้อยเมตร ทักทายเหมือนรู้จักกันมาเป็นชาติ

เราก็ไม่เข้าใจภาษาบ้านเขานิ จะให้ตอบได้ไง ว่า “อ๋อกะว่าจะไปเดินเล่นค่ะ”งี้เหรอ.. คือยังไม่รู้คำถามของยูเล้ย!ก็ได้แต่ยิ้มตอบเนียนๆไป



              หลังจากตกลงใช้ชีวิตกับท่านเซอร์ได้ประมาณ2เดือนปลายๆ ท่านเซอร์ก็เดินมาบอกว่า

เขาต้องไปดูงานที่อังกฤษ 2อาทิตย์นะ ความรู้สึกตอนนั้นคือ .. อ้าวเห้ย!แล้วตรูละ? ..

         นางท่านเซอร์ขอให้อยู่รอเขาที่นี่ได้ไหม หรือจะกลับไปเมืองไทยก็ได้นะเขายินดีจองตัวเครื่องบินให้ หรือจะตามไปอังกฤษ..

คือ ท่านเซอร์คะ นี่ไม่ใช้หนังไทยนะคะ ที่จะได้ซื้อตั๋วแล้วขึ้นเครื่องเข้าประเทศเขาได้เลย วีซ่อิฉันละคะ? ทำวีซ่าก็ต้องใช้เวลานะคะ!



    ใจจริงเราก็อยากกลับเมืองไทยนะ แต่เราก็เพิ่งกลับไปไง แล้วก็เพิ่งกลับมา เสียดายค่าตั๋วอ่ะ แต่จะให้อยู่ต่อ ก็จะอยู่ทำอะไรละ ฉันมานี่ก็เพื่อจะได้เรียนรู้การใช้ชีวิตกับคุณนะ ไม่ได้จะมาให้โดนปล่อยเกาะ... แต่แน่นอน เรามาเพื่อเรียนรู้กันและกัน และเขาก็ยังต้องทำงาน... เอาไงดี

    “อยู่กับเบิร์นนี่ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวเบิร์นนี่ดูแลมาดามเอง”  เสียงแจ๋วๆของเบิร์นนี่ทรอดแทรกเข้ามาช่วยตัดสินใจแทน .. โอเครอยู่ต่อก็ได้! อีก3วันต่อมา ท่านเซอร์ก็เหินฟ้าไปอังกฤษ ..

    

         บ้านที่จากเงียบๆอยู่แล้ว มันก็ยิ่งโหวงเหวงไปใหญ่ คือมันไม่ชินไง จำได้ว่า คืนแรกนอนไม่หลับเลยบ้านตั้งหลายห้องนอน

สวนก็ยังกะสนามฟุตบอล แต่มีเรานอนอยู่แค่คนเดียว แถมสระว่ายน้ำก็ติดตั้งระบน้ำไหลอัติโนมัติ พอได้เวลาอยู่ๆมันก็ทำงานขึ้นมาเอง

เสียงดังตื๊ดดด... นั่งๆอยู่เสียงน้ำก็ไหลดัง จ๊อก ๆ ๆ แว่วมาเข้าหู แล้วระบบทำความสะอาดสระอัติโนมัติมันก็ติดขึ้นมา เสียงดัง ติ๊กจ๊อม ติ๊กจ๋อม

(ช่วงสุดท้ายก่อนระบบมันจะตัด น้ำจะพุ่งลงสระดังฟู่ฟฟฟฟ... เสียงยังกะใครกำลังว่ายน้ำอยู่งั้นแหละ)

    

            กำลังนั่งดูหนังอยู่ดีๆ เสี่บงดังฟู่ฟฟฟฟฟมานังมาดามรีบโดดขึ้นเตียง คลุมหัวคลุมโปงทันที

จำได้ว่าตอนนั้นก็เกือบเที่ยงคืนแล้วไม่รู้เผลอหลับไปตอนไหน ตื่นมาตอนตีสองกว่าๆ พลิกไปพลิกมาทำยังไงก็ไม่หลับต่อ เลยไปเอาแลปทอปมาเปิด

กะว่าจะดูหนังต่อ กำลังเลือกแผ่นหนัง อยู่ๆก็ได้ยินเสียง แกรกๆอยู่ตรงหัวนอน “เฮ้ย!อะไรว่ะ!” หรือว่าเจ้าที่เล่นเราซะแล้ว!!



            “แกรกกก แกรกกกกๆๆ” เสียงคล้ายๆเสียงขูดไม้ตรงหัวนอนดังขึ้นมาอีก “หรือจะเป็นขโมย!” นังมาดามกระเด้งพลึ้งลงมาจากเตียง

มายืนบนพื้นปลายเตียงใจสั่นตุ๊บๆ จะเปิดหน้าต่างดูก็ไม่กล้า ถ้ามันไม่ใช่คนละ



ตอนนั้นหัวใจตกไปที่ตาตุ่ม วิ่งสวนทางกับขี้ที่วิ่งึ้นไปอยู่บนหัวสมอง

“ไม่น่าเล้ย!รู้งี้กลับไปเมืองไทยก็ดี โอ้ยนี่ฉันมาอยู่ทำซากอะไรที่นี่เนี่ย!! แล้วจะเอายังไงต่อดีว่ะเรา”

กำลังพะว้าพะวงยังไม่ทันได้ตัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อดี ก็ได้ยินสียงเย็นๆลอยผ่านซอกไม้แตกๆตรงหน้าต่างมา

“มาดามมมมมมม มาดามมมมมม” นั่นไง!เอาแล้วไง!เล่นตรูเสียแน่แล้ว!!



              เรารีบโดดขึ้นเตียงคลุมหัวคลุมโปงอีกรอบเอาหมอนอุดหู

ปากก็สวดมนต์บนบาน “สาธุนะโมตัดสะ ถ้าเลิกมารบกวนลูกช้าง พรุ่งนี้จะให้เบิร์นนี่ซื้อไข่มาถวาย” โน้นนี่นั่น

ติดสินบนกันให้วุ่นไปหมด กว่าใจจะสงบลง เสียงข้างนอกเงียบไปแล้ว ก็เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ มาสะดุ้งตื่นอีกทีตอนตีห้า

จะนอนต่อก็ข่มตาไม่หลับแล้ว ฟ้าเริ่มสาง ผีมันคงกลับไปแล้วมั้ง เราเลยลุกมาต้มน้ำชงกาแฟดื่ม ผีมันไม่ได้หลอกเราต่อ สงสัยต้องให้เบิร์นนี่ไปซื้อไข่มาต้มถวายเจ้าที่จริงๆตามที่พูดไว้ซะแล้ว ..

    “เอ๊ะ!..เบิร์นนี่เหรอ?!?” ความคิดเรามาสะดุดตรงชื่อเบิร์นนี่ เอะใจรีบวิ่งไปดูตรงหัวนอนด้านนอก

เห็นคนนอนคุดคู้พิงกำแพงอยู่ ผมยาวสยายปรกหน้าปิดตา “เบิร์นนี่!!! ยูมาทำอะไรตรงนี้?!?!!" เบิร์นนี่สะดุ้งทลึ่งพรวดลุกขึ้นยืน

“มาดามทำไมไม่เปิดประตูให้เบิร์นนี่ละ” พูดแล้วก็เกาขาเกาแขนป่อยๆ

“ก็แล้วทำไมไม่เคาะประตูละ?”มาดามถามกลับ “ฉันกลัวมาดามตื่นเลยกระซิบเรียก”

“เอ้า!!จะให้ฉันละเมอไปเปิดประตูเหรอ?!?” อะไรของเขาเนี่ย? ...



    เราพาเบิร์นนี่เข้าบ้าน ชงโกโก้ร้อนให้ดื่มแก้วหนึ่ง เบิร์นนี่เล่าว่า เมื่อคืนตอนตีสามกว่าๆ ตัวเองจะไปตลาด

เพื่อหาซื้อปลามาขายในหมู่บ้านก่อนจะมาทำงาน แต่รถเมล์ไม่มาตามเวลา เลยเดินแวะเข้ามาดูมาดามก่อน

เห็นไฟเปิดไว้ทั้งบ้านคิดว่ามาดามอาจจะกลัวที่อยู่คนเดียว เลยจะมาอยู่เป็นเพื่อน เลยลองกระซิบเรียกดูก่อน

ถ้ามาดามไม่ตอบแสดงว่าหลับ ถ้าไม่หลับก็จะให้เปิดประตู

    

               เบิร์นนี่บอกว่า ได้ยินเสียงขลุกขลักในห้องเข้าใจว่ามาดามตื่นแล้ว เลยกระซิบต่อให้มาดามมาเปิดประตู

(ตอนนั้นนังมาดามคงคลุมหัวคลุมโปงเอาหมอนอุดหูไปแล้ว)เบิร์นนี่ก็รอให้มาดามเปิดประตูจนหลับไป จะสงสารดีไหมเนี่ย!

ยุงกัดตัวลายเลยเชียว เราชงชาร้อนให้อีกแก้ว แล้วนั่งฟังนางบ่นพึมพำอะไรไม่รู้..



        ปกติเบิร์นนี่จะถือกุญแจบ้านดอกหนึ่ง เราจะล๊อคบ้านแต่ไม่ลงกลอนด้านใน เราลงกลอนด้านในเฉพาะห้องนอนเท่านั้น

เช้ามาเบิร์นนี่ก็ไขประตู้เขามาทำความสะอาดได้เลย แต่เพราะอยู่คนเดียวไงเลยลงกลอนมันทุกบานประตูที่มีเลยแหละ

    

          สองอาทิตย์ต่อมา ท่านเซอร์บียอร์นก็กลับมาถึงศรีลังกา อยากบอกว่ามันเป็นสองอาทิตย์ที่ยาวนานมาก

เบิร์นนี่ก็ยังมาทำเสียงก๊อกแกร๊กๆเช็คดูความปลอดภัยของมาดามบ่อยมาก แต่เพราะนางไม่ได้มาทุกวันไง เราเลยไม่รู้ว่า

เสียงไหนของนาง เสียงไหนคือผีนี่เนาะ ....

    

             พอบียอร์นกลับมาถึง เราก็ใส่ๆๆๆๆไม่ยั้งเลย

            “ถ้าจะเอาฉันมาทิ้งไว้เฝ้าบ้านแบบนี้ ทีหลังบอกด้วย จะได้ไม่ต้องมา รู้ไหมว่าบ้านยูเนี่ยมันหลอนขนาดไหน!!”

ท่านเซอร์ก็ทำท่างงๆ หันมามองเรา ด้วยสีหน้าสงสัยประมาณว่า นี่ยูกำลังสับสนอะไรในชีวิตเหรอ...

ยัง!ยังจะมามองหน้าอีก นี่ไม่สำนึกเลยใช่ไหม ว่าเอาฉันมาทิ้งให้ลำบาก

ท่านเซอร์ : Are you ok? ยูโอเคไหม?

นังมาดาม : ไอไม่โอเค ไม่โอเคมากๆๆๆๆ

ท่านเซอร์ : แต่ก่อนไป ผมก็ถามคุณแล้วนะ ว่าอยู่ได้ไหม หรือจะกลับไปเที่ยวเมืองไทยก่อน ช่วงระหว่างที่ผมไม่อยู่

นังมาดาม : ก็ฉันไม่รู้นี่ว่าบ้านคุณมันจะน่ากลัวแบบนี้ ..

ท่านเซอร์ : …ทำหน้า งงๆ ..คือ ผมผิดเหรอ? มันก็บ้านหลังเดิมที่คุณอยู่มาเป็นเดือนก่อนผมจะไปนะ...

                โอเคๆ เดี๋ยวสุดสัปดาห์นี้ผมจะพาไปเที่ยววัดเขี้ยวแก้วนะ ผมเคยศึกษามา เขาว่าถ้าคนไทยโกรธแล้วไปวัดอารมณ์จะดีขึ้น

                กว่าจะถึงวันศุกร์ ผมอยากให้คุณอดทนหน่อยน๊า อย่าโกรธผมเลยนะ ...

ยิ้มอ่อน ดึงนังมาดามไปกอด

นังมาดาม : @#$%^& งุงิ งุงิ อ่อนระทวยไปคร๊า ... ก็ได้ค่ะ ฉันไม่โกรธแล้วก็ได้ ตอบเสียงแผ่วเบา... keep look ไว้แต่ในใจลิงโล้ดมาก

ฮึๆๆ จะได้เที่ยวอีกแล้วเฟ้ย... จะได้ออกจากหมู่บ้านนี้แล้วเน้อ!!

               ตัดฉาก อีกอาทิตย์หนึ่งต่อมา นั่งมาดามก็ได้ไปลั้ลลา ที่เมืองแคนดี้ ชมวัดพระเขี้ยวแก้ว ชมไร่ชา ดูเขาเก็บชา ตากชา อบชา

ทุกขั้นตอนของการทำชา จนบรรจุหีบห่อเพื่อมาขายให้เรา สนุกมากๆค่ะ



          ป.ล.ไปเจอรอบนี้ เบิร์นนี่ก็คือเบิร์นนี่ ยังขี้อายขี้น้อยใจ งอนใส่มาดามว่า มาไม่บอกล่วงหน้า ไม่มีอะไรต้อนรับ

พูดๆไปก็ยกมือทำท่าจะตีมาดาม แต่ก้ไม่กล้าแปะมือตีจริงๆ ..

ไปเจอรอบนี้ เบิร์นนี่แกลงมาก นั่งท้าวความหลังกัน ทั้งหัวเราะ ทั้งร้องไห้ น้ำหูน้ำตาเรี่ยราดกันไป



ขอบคุณที่อ่านจนจบ พบกันใหม่กระทู้หน้านะคะ
ความคิดเห็นที่ 1
รออ่านต่อนะคะ
ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 1-1
ขอบคุณค๊าาาาา
ความคิดเห็นที่ 2
น่ารักจังเลยค่ะ มิตรภาพเกิดขึ้นได้ทุกที่ เพียงแค่เราเปิดใจ ??
ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2-1
ขอบคุณมากๆค่ะ