คนโตเกียวส่วนใหญ่ เย็นชา เห็นแก่ตัวไหม

เท่าที่เจอ นะครับ แล้วมีบางที เราเดินๆ มาชน กระเป๋าเรากระเด็น เดินไปเลย ไม่ขอโทษด้วย ที่เจอรูปแบบนี้มักเป็นพวกผู้ชาย อายุหน่อยๆ

แถบโอซาก้านิสัยดีกว่า จริงไหมครับ

ความคิดเห็นที่ 1
ไม่เกี่ยวหรอกครับ ผมว่าคนญี่ปุ่นนี่มีน้ำใจน่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ไปมา 8 ครั้งแค่สะกิด เขาก็โค้งขอโทษแล้วครับ คน 100 คน ไม่ดีสัก 1 คน ธรรมดาครับ ถ้าญี่ปุ่นไม่ดี ไปจีน เกาหลี จะทนได้เหรอครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ไม่หรอก...แต่ถ้าถามทางให้ไปถามพวกแม่บ้าน พวกใส่สูทเขารีบเขาก็ไม่คุยกับเรา
แล้วถ้าเราไปเดินขวางทางเขา เขาชนเรา เราต้องขอโทษเขาที่ทำให้เขาเสียเวลา
ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ไม่นะคะ เราเคยมีรูมเมทเป็นคนโตเกียว นิสัยน่ารักมากๆ
ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5

ไม่นะ....เห็นด้วยกับ คุณ tutorprc อ่ะค่ะ เพราะเราก็ไปที่ญี่ปุ่นหลายครั้งแล้ว เค้ามีน้ำใจมาก ๆคะ  ทุกวันนี้ยังประทับใจ ประเทศนี้อยู่ค่ะ ขนาดบ้านกรุ๊ปโอไปเที่ยว วางกล้องถ่ายรูป ไว้ (สักพักหนึ่ง ) พอนึกขึ้นได้ กลับไปที่เดิมที่วางไว้  กล้องมันก็อยู่ที่เดิม ยังไม่หายเลย และ อีกเหตุการณ์หนึ่ง ลูกสาวเดิน แล้วทำถุงมือหล่น  น้องสาวเห็นเลยเดินกลับมาเก็บให้  ปรากฎว่า มีป้า เดินเข้า และตีมือน้องสาว ประมาณว่า ถุงมือนี้ไม่ใช่ของเธอ แต่เป็นของเด็กคนนั้น พร้อมกับหยิบและเอามาให้ลูกสาว  น่ารักๆ มากๆค่ะ  ส่วนใหญ่จะเจอแต่คนมีน้ำใจค่ะ  และอีกหลายเหตุการณ์เลย ที่ประทับใจ เวลาเราถามทางถึงคุยไม่รู้เรื่อง เค่าก็จะพยายามบอกทาง ถึงกับพาเดินจนเห็นทางออกค่ะ

ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
เราว่าไม่ถึงขนาดที่เรียกว่าเย็นชาหรือเห็นแก่ตัวนะ
พูดโดยภาพรวมๆ อาจจะเพราะโตเกียวเป็นสังคมเมือง คนส่วนใหญ่ก็เป็นวัยทำงาน
ต่างคนต่างอยู่ รีบเร่ง เค้าจะไม่ค่อยมาสนใจคนรอบข้างเท่าไร่ล่ะมั้ง
แต่ถ้าเข้าไปขอความช่วยเหลือคนทั่วๆไป เค้าก็โอเคดีนะคะ


แต่เราจะมีอคติส่วนตัวกับผู้ชายญี่ปุ่นเวลาอยู่บนรถไฟโดยสาธารณะอ่ะ
เราอยู่ในกทม. เราเองก็ชินกับเรื่องสิทธิในที่นั่งเท่าเทียมกันนะ
แต่ว่าในโตเกียวนี่สุดโต่งจริงๆจนรับไม่ได้
เคยเจอแบบที่ช็อกที่สุดคือ โดนพ่อหนุ่มรูปหล่อตัดหน้าแย่งที่นั่ง
เราขึ้นมาก่อน He มาทีหลัง ก็มายืนข้างๆกัน พอที่นั่งว่างปุ๊บเค้าเสียบปั๊บ
ในขณะที่เรากำลังดึงด้ามจับกระเป๋าเดินทางเตรียมลากไปตรงที่นั่ง เออะ!?! ไปไม่ทัน
ขนาดเรามีสัมภาระเยอะแยะแต่เค้าก็ไม่ไยดีเราเลย ดันนั่งอ่าน pocket book สบายใจเฉิบ ฮือๆ T T

แต่ในเรื่องที่นั่งตามรถสาธารณะบ้านเค้าก็ยังดีกว่าเราตรงที่เค้ามี priority seat และคนญี่ปุ่นก็เข้มงวดกับเรื่องนี้ด้วย
"สตรีมีครรภ์ แม่ลูกอ่อน คนพิการ คนแก่" พวกคุณจะได้รับสิทธินั้นเดี๋ยวนี้
ไม่เหมือนบ้านเราที่สิทธินั้นขึ้นอยู่กับน้ำใจส่วนบุคคล :(


ปล. เรามองในแง่นักท่องเที่ยวนะคะ
ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
จะมีติดใจ ก็จงใจชนครับ เพราะปกติถ้าไม่จงใจจะขอโทษเจอบ่อยๆ แต่พวกจงใจชนไม่ขอโทษผมว่ามันดูเห็นแก่ตัวเกินไป ถ้าจะบอกเป็นมารยาทสังคมเขา เฉพาะข้อนี้เท่านั้นที่ดูแปลกๆ แบบน่าเกลียด

ผมพูดตรงๆ นะครับ มารยาทสังคมไรของเขาที่ห่วยๆ ก็ไม่ยกยอครับ

ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่มีมารยาท แต่พวกมารยาทไม่ดีก็มีเช่นกัน เจอมาพอสมควร

คนญี่ปุ่นเป็นคนตรงต่อกฎระเบียบ ดังนั้นถ้าคุณแหกกฎบางอย่างเค้าก็พร้อมจะชนคุณเหมือนกัน

ยกตัวอย่าง
การข้ามถนน ถ้าเป็นช่วงทางรถไฟเขียว และคนข้ามไฟแดง มีคนเห็นรถว่างๆเดินข้าม แล้วรถมาพอดี เค้าไม่หยุดให้นะครับ แต่จะบีบแตรยาวแล้วเหยียบไปตามปกติ ชนก็ชนเพราะรถไม่ผิด

การยืนบนบันไดเลื่อน ถ้ายืนขวางไม่ถูกฝั่ง เทคนิคที่คนญี่ปุ่นใช้ประจำคือกระแอมหนึ่งทีให้หลบทาง ถ้ายังยืนเฉยไม่หลบแล้วเค้ารีบมากๆเค้าก็อาจจะเดินชนคุณได้โดยไม่ขอโทษ เพราะถือว่าคุณเองทำไม่ถูก

จริงๆถ้าจะพูดให้ถูกต้องบอกคนโตเกียว หรือเมืองใหญ่ๆในญี่ปุ่นมีชีวิตที่รีบเร่งครับ การโดนเดินชนนั้นต้องดูด้วยว่าคุณไปขวางทางอะไรหรือเปล่า
ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ผมว่ารวมไปถึงกรณีเราอาจขวางทางเขาด้วยครับ เขามีสิทธิ์จงใจชนแล้วให้เรามาขอโทษที่ขวางทางด้วยหรอครับ เพราะถ้าเราไม่ได้เดินช้า แต่ไอ้คนข้างหลังรีบร้อนมาชนเรา บอกเราขวางทาง ต้องขอโทษอีกด้วยแนะ

ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
กฎที่ปกติในบ้านเมืองเขา อย่างที่คุณบอก มันเหมือนทำร้ายคนได้โดยไม่ผิดกฎหมายเพื่ออารมณ์ตัวเอง

ต้องขอโทษ ด้านไหนมันไม่ดี ผมก็ต้องว่าไม่ดี

แต่ด้านดีก็มีเยอะ เราว่ากันเป็นเรื่องๆ ไป

ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
ความเห็นแก่ตัว ... มารยาท ... สิทธิ์

มันควรจะแยกกัน
ผมเองก็คิดว่าการจะแยกว่าคนๆนึงเป็นคนประเภทใด ไม่ต้องนับทั้งประเทศ
ยังแยกยากเลยครับ

เช่น
นายคนนึง มารยาททีสุภาพ นอบน้อม พอขับรถ ทั้งเบียด ปาด แทรก ... แบบนี้จะสรุปว่าคนนี้มารยาทมันก็ไม่ใช่

และเรื่องพวกนี้ มองได้หลากหลายมุม
- มุมของตัวเอง
- มุมของคนรอบข้าง
- มุมของสังคม
เมื่อมีหลายมุม หลายความคิด ถกเถียงไปก็เท่านั้นครับ :)
ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
ถ้าจขกท. ไปเมืองจีนจะต้อง suffer แน่ๆเลยค่ะ เพราะญี่ปุ่นเราว่าโดยรวม คนญี่ปุ่นสุภาพมากแล้วนะ
ส่วนคนแก่ๆ เราว่าก็น่าจะเป็นทุกประเทศนะ ประเภทไม่สนใจคนอื่น ชั้นจะทำของชั้นอย่างนี้อ่ะ จะทำไม
ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
เราว่าเป็นกันทุกประเทศแหละค่ะ โดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆ ที่เร่งรีบ
เมืองจีน เราเจอโดนเบียดกระเด็น แถมเอาศอกกางไว้เลย อย่าเข้ามาใกล้
(อยู่ใน fastfood ที่คนไม่เยอะ ยังงงถึงทุกวันนี้ว่าชั้นทำไรผิดฟ่ะ!!)

บ้านเราก็เจอบ่อยค่ะ ชนแล้วไม่ขอโทษ เบียดกระเด็นเนี่ย
แต่บางทีก็ต้องดูด้วยว่าคนนั้นทำอะไร ที่เจอบ่อยๆ คือเดินเล่นโทรศัพท์
หรือไม่ก็เดินเต็มทาง (โดยเฉพาะเดินจับมือกัน เหมือนโลกนี้มีแต่สองเรา)
ใครจะแซงก็ไม่ได้ บางคนขอทางก็ไม่ให้ด้วยนะ  
วันไหนอารมณ์ไม่ดี เราก็ชนเหมือนกันค่ะ รำคาญ
ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
คนทุกที่มันก็มีทั้งดีและไม่ดีหละครับ  แต่คนญี่ปุ่นเป็นคนที่มักจะเก็บอารมณ์และไม่ค่อยแสดงความรู้สึกอะไรออกมาเท่าไร  จนดูเหมือนเป็นคนเย็นชา  และคนญี่ปุ่นก็มักจะไม่สนใจผู้อื่น  มักจะไม่มองหน้าหรือสบสายตากับคนแปลกหน้าถ้าไม่จำเป็น พูดง่ายๆคือไม่สอดรู้สอดเห็นเรื่องคนอื่นและก็ต้องการความเป็นส่วนตัวสูงไม่ชอบให้ใครมาสอดรู้สอดเห็นเรื่องของตัวเองด้วย  ซึ่งตรงนี้คนไทยบางคนอาจจะมองว่าเห็นแก่ตัวหรือเย็นชาได้เหมือนกัน (สังเกตสิครับ ว่าคนไทยชอบมองงและสำรวจคนรอบข้าง  ไม่ว่าจะรู้จักหรือไม่รู้จัก คนบางครั้งเข้าขั้นเสียมารยาทสอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่น) แต่จริงๆแล้วมันคือสิ่งที่แสดงมารยาทในสังคมของเขา

คนญี่ปุ่นโดยส่วนใหญ่มีมารยาทดีมากๆ  สังเกตสิครับ เวลาต่อคิวกันเยอะๆยาวๆ อย่าว่าแต่ดันกันเลย เขาไม่มีการโดนตัวกันซักนิด เขาจะรักษาระยะห่างจากคนข้างหน้าไว้ในระยะที่ไม่ใกล้จนทำให้รู้สึกอึดอัดหรือไกลกันจนรู้สึกว่าเปลืองที่(เทียบกับเวลาเข้าคิวกับคนจีนแล้วจะพอเข้าใจว่ามันต่างกันขนาดไหน) และการโดนตัวคนแปลกหน้า แม้จะเล็กน้อยแค่สะกิดเขาก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องขอโทษเสมอๆ

ลักษณะของคนตามเมืองใหญ่ในญี่ปุ่นคือมักจะเร่งรีบอยู่ตลอดเวลา  จังหวะการเดินจะเร็วมากๆ  พอร่วมกับคนเยอะๆแล้วก็เท่ากับว่า ตามทางเดินต่างๆคือทางด่วนนั่นเอง แปลว่าถ้าคุณไปยืนขวางง หรือเก้ๆกังๆก็อาจจะถูกเดินชนได้  แต่โดยปกติ เขาจะพยายามหลบ ถ้าจะชนก็ไม่ได้ตั้งใจ

เพราะฉะนั้น เวลาที่ไปตามสถานที่ต่างๆที่คนเดินกัยเยอะๆ (และเร็ว) ถ้าจะหยุดเดินควรจะหามุมสงบตามเสา หรือริมกำแพงเพื่อหยุดและตั้งหลักครับ  ไม่ใช่หยุดยืนกันกลางทางเดินเลย อาจถูกมองด้วยสายตาตำหนิได้

เรื่องน้ำใจของคนญี่ปุ่น ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่เคยมีประสบการณ์ที่ดี ได้รับความช่วยเหลือจากคนญี่ปุ่น เมื่อหลายปีก่อน ครั้งแรกที่ไปญี่ปุ่นและหลงในสถานี Shinjuku ก็ได้คนญี่ปุ่นที่มีน้ำใจคนหนึ่งพาเดินไปส่งจนถึงชานชาลา ที่สำคัญคือซื้อตั๋วและออกตังค์ค่าตั๋วให้ด้วย  ให้เงินไปเขาก็ไม่รับ  ถึงจะเป็นเงินจำนวนเล็กน้อยแต่ก็ำให้ประทับใจมากๆ

อีกเรื่องคือระเบียบวินัย

ผมกลับพบว่าผู้คนทางฝั่ง Tokyo มีระเบียบวินัยมากกว่าทางฝั่ง Osaka ที่เห็นชัดเลยคือการข้ามถนนสายเล็กๆในขณะที่รถบนถนนว่างและไฟคนข้ามยังเป็นไฟแดงอยู่  โอกาสที่จะเจอคน Osaka เดินฝ่าไฟแดงเจอได้มากกว่าคน Tokyo

เรื่องยืนชิดข้างใดข้างหนึ่งบนบันไดเลื่อนก็เช่นกัน  ด้วยความที่ทางฝั่ง Kansai นิยมยืนทางขวาสลับกับทางฝั่ง Tokyo แต่ในทางปฏิบัติไม่รู้ว่าเพราะมีผู้คนที่เดินทางมาจากทาง Tokyo เยอะหรือไม่  ทำให้ตามบันไดเลื่อนของสถานีรถไฟ มักจะพบเห็นคนยืนชิดทั้งซ้ายและขวา  แล้วแต่ว่าคนที่อยู่หน้าสุดยืนชิดข้างไหน
ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
เราว่าเขาต่างคนต่างอยู่นะ
แต่เคารพในสิทธิของผู้อื่นและตนเอง
หากขอความช่วยเหลือเขาก็จะเต็มใจช่วย
แต่ปกติเขาจะเหมือนไม่ค่อยสนใจกัน ทำผิดนิดก็มองประมาณว่าตัวประหลาดเลย
เวลาขึ้นรถสาธารณะเขาก็ไม่สนใจกัน ชักโทรศัพท์ออกมาก้มหน้าก้มตาเล่น
หรือไม่ก็หลับไปเลย ต่อให้มีคนแก่หรือเด็กมายืนตรงหน้า ก็ไม่ลุกให้ ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะถือว่ามีที่นั่งสำหรับคนแก่และเด็กแล้ว
เราเคยทำใจไม่ได้ลุกให้คนแก่นั่ง เขาขอบคุณหลายครั้งมากจนเราเกรงใจ เขาหยิบขนมในถุงมาแบ่งให้ลูกเราด้วย
สรุปเราว่าเขาอยู่แบบไม่เบียดเบียนกัน แต่ก็ไม่ยุ่งกัน เด็กจะตัวเล็กแค่ไหนก็ต้องเข้าคิวต่อผู้ใหญ่หากมาทีหลัง
ที่กล่าวมานี่เห็นเฉพาะในสังคมเมืองนะ
อีกอย่างเราว่าผู้หญิงญี่ปุ่นอยู่แบบโดนผู้ชายกดขี่นิด ๆ นะ
ความเห็นส่วนตัวล้วน ๆ นะ
ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
เราว่ามีแบบนี้ทุกที่ไม่เฉพาะญี่ปุ่นหรอก
อยู่ที่ว่าเราจะไปจ๊ะเอ๋คนแบบไหนมากกว่ากัน
เลือกจำแต่สิ่งดีๆกลับมา สิ่งไหนไม่ดีทิ้งไว้ที่นั่น
จะได้เที่ยวอย่างมีความสุข...
ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
เอ...สลับกันรึเปล่าคะ สามีเราไปเรียนอยู่ที่นู่น 3-4 ปี

ตอนเค้าพาเราไปเที่ยวโอซาก้า เค้าจะคอยดึงเรา เอามือกันเราตลอด

บอกว่าระวังนะ คนโอซาก้าไม่เหมือนคนโตเกียว ชนเป็นชน ไม่มีหลบ !!

ซึ่งก็จริงตามว่าเลยค่ะ เห็นเดินชนกันจนตัวเซ แต่เค้าไม่หันกลับมามองกันเลยนะคะ

ต่างคนต่างเดินไป รีบร้อนน้อยกว่าโตเกียว แต่คนเมินเฉยกว่ามากค่ะ ^^*
ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
เรื่องชน ไม่ขอโทษเฉยๆครับ

เพราะถูกฝึกมาแล้วจากHongkong 55

บางทีเราผิดเองไปชนเค้า จะหันไปขอโทษ เค้าก็ไม่สนใจเดินเลยไปแล้ว
ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
เราว่าคนเมืองใหญ่อย่างโตเกียวหรือโอซาก้าห้าวน้อยกว่าคนนิวยอร์ก ปารีส ลอนดอน มาดริด บาร์เซโลน่า หรือแม้แต่กรุงเทพฯ นะ แต่คนน่ารักตามเมืองเหล่านี้ก็มีเช่นกัน
ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
กฎที่ปกติในบ้านเมืองเขา อย่างที่คุณบอก มันเหมือนทำร้ายคนได้โดยไม่ผิดกฎหมายเพื่ออารมณ์ตัวเอง


อันนี้เราว่ามันเข้าเกณฑ์ เข้าเมืองลิ่ว ก็ต้อลิ่วตาตามนะคะ และมันก็ไม่ได้เป็นกฎเกณฑ์อะไรขนาดนั้นหรอก เพียงแต่ว่าที่ที่เค้ารีบ ๆ กันเช่นใจสถานีรถไฟต่างคนต่างก็รีบมันก็ต้องมีชนกันอะไรกันบ้าง เวลาเราไปสถานีเราก็รีบเดินเหมือนกันไม่งั้นเสียจังหวะ นึกออกมั้ยคะ แต่ถ้าต้องดูป้ายหรือแผนที่เราก็จะไม่หยุดกลางเลย จะเลี่ยง ๆ ออกไปยืนข้าง ๆ ไม่ให้เกะกะคนอื่น

เวลาเดินตามห้างหรือสถานที่ท่องเที่ยวเราก็ไม่เห็นคนจะรีบกันเท่าไหร่เลย ก็เดินกันชิว ๆ จับมือกันหนุงหนิง ไปคนเดียวมีอิจฉาอะ
ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
คนญี่ปุ่นน่ารักมากค่ะ มีน้ำใจกับนักท่องเที่ยว แต่ก้อคงไม่ดีเหมือนกันทั้งประเทศหรอกค่ะ แต่เราว่าส่วนใหญ่โอเคค่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
คิดเช่นเดียวกับคุณ #11 อีกเช่นกัน

ผมขอเสนอมุมความคิดแบบนี้ นะ

ทำไมจะต้องไปใส่ใจละครับ เราเที่ยวของเรา..ก็เที่ยวไปเถอะครับ

ไม่งั้นนะ....ระหว่างเที่ยวคุณก็จะต้องมัวแต่มากลุ้มอก-กลุ้มใจ แทนที่จะเอาเวลาตรงที่เราไปเที่ยว ได้เสพสุขกับบรรยากาศของบ้านเมืองเค้า...ไม่ดีกว่าหรอ

สิ่งที่ จขกท. เคยเจอะเจอมากับตัวเอง...มันก็อาจจะติดอยู่ในใจคุณอีกนั้นแหระ ว่า...ชาวญีปุ่น จะเห็นแก่ตัวเยอะขนาดไหน

ผมก็ไม่เคยไปมาก่อนนะ  แต่ผมคิดว่า...มันก็คงไม่เป็นแบบนั้นทั้งประเทศหรอกครับ

สิ่งที่เราควรจะต้องระมัด-ระวัง....เช่น...เราจะถูกหลอกอะไรมั้ย...เราจะถูกโกงอะไรรึปล่าว....ตรงนี้ซิ มันน่าจะกังวลกว่าเรื่องเกี่ยวกับนิสัยใจคอ

ถ้าคิดจะไปเที่ยวทั้งที...ก็อย่าไปใส่ใจอะไรเลยครับ ! เอาความสุขเข้าตัวเองไม่ดีกว่าหรอ
ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
คนโตเกียวส่วนใหญ่ที่เจอมา นิสัยดีนะคะ น่ารักมากๆเกือบทุกคนเลย

มีวันนึงขึ้นรถไฟ แล้วมีแม่ลูกขึ้นมา แต่ไม่มีใครลุกให้นั่ง (ไม่แปลกค่ะ เป็นเรื่องปกติของบ้านเมืองเค้า) เราเลยลุกให้นั่ง คุณแม่เด็กขอบคุณแล้วขอบคุณอีก พอก่อนจะลง เราซึ่งไปยืนพิงกำแพงรถอยู่อีกด้านของประตู คุณแม่เค้ายังจูงลูกมาขอบคุณเราก่อนลงเลย (แม้ว่าเค้าจะรู้ว่าเราไม่ใช่คนญี่ปุ่นก็เถอะ)

จริงๆมันมีทั้งคนดีและคนไม่ดีแหละค่ะ เราก็เคยเจอคนไม่ดี แต่ก็ไม่เก็บเอามาใส่ใจค่ะ เดี๋ยวเที่ยวไม่สนุก ^^
ตอบกลับความเห็นที่ 23
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 24
เรื่องเดินชนนี่ต้องย้อนกลับมาดูตัวคุณเองก่อนว่า
เดินช้าเกะกะขวางทางคนอื่นในยามเร่งด่วนหรือป่าว เพราะคนไทยเป็นคนเดินช้า เดินอ้อยสร้อย ยิ่งเป็นนักท่องเที่ยวก็เดินชมนกชมไม้ไปตามเรื่องตามราว อาจไปขวางทางคนข้างหลังหรือคนที่รีบโดยไม่ตั้งใจ เพราะแม้แต่ตามถนนที่คนเดินเยอะๆ เค้าก็ยังแบ่งฟากเดินกัน ไม่เดินสะเปะสะปะปนกันไปเหมือนเมืองไทย
บางทีการที่เค้าเดินชนเพราะอาจเดินเร็วกว่าคุณและมีคนเดินด้วยความเร็วเท่ากันไล่หลังมา เลยทำให้หยุดไม่ได้ ไปเฉี่ยวชนคุณเอาก็ได้ ซึ่งในญี่ปุ่นคนเค้าจะมีจังหวะการเดินที่รู้กันจะไม่ค่อยมีปัญหา แต่คุณเดินช้ากว่าเค้าก็เลยแซงแบบกระแทกคุณไป หรือไม่ก็ไปเดินสวนทางกับเค้าเลยถูกชนเอา เค้าเลยไม่ขอโทษ
ตอบกลับความเห็นที่ 24
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 25
ถ้าเคสจขกท.ว่า นี่ปกติค่ะ อยากให้เข้าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรมด้วย เรื่องแบบนี้ถ้าในญี่ปุ่น เกาหลี มุมมองของเค้าฝ่ายที่ผิดอาจจะเป็นจขกท.ก็ได้ เค้าถือว่าทางมีไว้ให้เดิน ใครนิ่งชนได้

เหมือนเราไปเรียนต่างประเทศอยู่ห้องอาหารรวมของโรงเรียนนานาชาติ. มีหลายๆชาติรับประทานอาหารเสร็จแข่งกันเรอ ใครยิ่งเรอดัง ถือว่ามารยาทดีมาก เป็นการชมว่าอาหารที่นั่นอร่อย ตอนแรกเราก็นินทากับเพื่อนๆ นะคะว่าไร้มารยาทมาก แต่พอเรารู้ว่ามารยาทชาติเค้าเป็นอย่างงั้น เราก็เป็นงงเหมือนกัน คิดไปได้

โดยส่วนตัวถ้ามารยาทต่อแขกของญี่ปุ่นนี่อันดับหนึ่งของโลกแล้วนะคะ จากโพลอะไรของฝรั่งจำไม่ได้แล้ว

ตอบกลับความเห็นที่ 25
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 26
ทางที่เดินตอนนั้นกว้างราว 15 -20 เมตร และเจ้าคนนั้น จงใจเดินชนครับ

ไม่ได้หยุดอ้อยอิ่งเลย พอชนผมเดินไปถามเลย จะขอโทษไหม อะไรที่เราไม่ผิด

ไม่จำเป็นต้องคิดมากครับ มันไม่ยอมรับผิด ไม่ขอโทษ แถมเดินหนีอีก

และคนเดินราวห้าหกคนตอนนั้นครับ

ไม่มีเบียดเสียดเดินชิดแน่ ไรที่ไม่ดีก็อย่ายกมากไปเลย

ตอบกลับความเห็นที่ 26
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 27
คนไทยเดินช้า ญี่ปุ่นเดินเร็ว ตอนไปผม โดนแซงกระจาย
ตอบกลับความเห็นที่ 27
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 28
เห็นด้วยกับความเห็น 14 และ 17 ที่สุด หลังจากไปฮอกไกโด คันโต คันไซ
สรุป คนคันไซ (บางคน แต่หลายคน หลายครั้งที่เห็น ) ไม่น่ารักที่สุด ยิ่งออกไปต่างจังหวัด นะ เหอ เหอ แทบจะแย่ง สว นั่งรถไฟเลย (สมัยนี้อะไร ๆ มันก็เปลี่ยนไปได้)
ตอบกลับความเห็นที่ 28
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 29
ขอมาแจมค่า เพิ่งกลับมาได้สองวีคนี่เอง
คันไม้คันมือคันปาก อยากจะเม้ามากๆ

เมืองที่เราไปคือ เกียวโต โอซาก้า โกเบ พักกับเพื่อนคนญี่ปุ่น สามีภรรยา ที่อิตามิ
อีกครึ่งทริป เที่ยวโตเกียว โยโก ไรงี้ พักกับเพื่อนคนไทยที่สถานีโชนันได (ไม่ไกลจากคามาคุระ)
เพื่อนคนนี้อยู่ญี่ปุ่นมาสิบกว่าปี เรียน ทำงานที่นั่น
จนซึมซับความเป็นญี่ปุ่นมาเยอะใช้ได้
เอาล่ะ เพื่อความเคลียร์ เราดูๆคบๆเพื่อนคนนี้อยู่
สนิทกันมากกก ระดับที่ว่า พูดอะไรกันได้ตรงๆ
ส่วนนึงของการไปเที่ยวทริปนี้
จริงๆก็คือศึกษากัน ว่าเราจะอยู่ที่นั่นได้มั้ยด้วย
ไม่ได้ไปแบบนักท่องเที่ยวอย่างเดียว
เพราะฉะนั้น
แม้เราจะไปเที่ยว แต่ก็พยายามเรียนรู้ และทำตัวเหมือนคนที่นั่น
เลยได้เห็นการใช้ชีวิตของคนที่นั่นจริงๆด้วย
ขอบอกก่อน ว่า Japan lover จะอ่านผ่านๆก็ได้นะคะ
ก่อนไปเราคาดหวังในระดับนึง
เพราะรีวิวห้องนี้ ใครๆก็ไปแล้วอยากไปอีก ติดใจนักหนา

แต่ที่เราไม่ชอบ อาจเพราะเรื่องเหล่านี้มันไม่ถูกกะจริตเรา
หลายๆอย่างคนอื่นเค้าอาจจะชื่นชม บอกว่าดีเลิศประเสริฐศรี

เพราะฉะนั้นจากบรรทัดนี้ลงไปก็โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชมเน้อ
(ทำอย่างกะเรื่องเล่าบ้านผีสิงเลยเนอะ อิอิ)

หลายคนคงเคยได้ยินมาบ้างว่าคนญี่ปุ่นนั้น ช่างเก็บตัวเก็บความรู้สึก
ถ้าทำธุรกิจกัน คนญี่ปุ่นนี่ติดอันดับทอปของการทำงานด้วยยากที่สุด
แม้กับคนที่เป็นเพื่อนเอง เค้าก็ยังไม่แสดงความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา
เมื่อมีปัญหาหรือไม่พอใจก็เก็บเอาไว้
เพื่อนเราอีกคนที่ไปอยู่ที่นั่นสักระยะ ก่อนเราไปเที่ยว บอกว่า คนยี่ปุ่นขี้นินทาจะตาย
สาเหตุมันก็เพราะเค้าไม่พูด ไม่แสดงออก มานี่แหละ
คนที่เราคิดว่าเค้าเป็นเพื่อน บางทีเค้าอาจไม่ได้คิดอย่างที่เราคิดก็ ได้
อันนี้เจอกับตัว ตอนที่อยู่โน่น
ตอนที่เราเที่ยวๆอยู่เกียวโต ก็ได้เจอกับเพื่อนใหม่คนญี่ปุ่นผู้หญิงสองคน
สาเหตุก็เพราะเราไปถามทางเค้า ว่าจะขึ้นรถเมล์คันไหนแล้วเค้าพูดอังกฤฤษได้
เค้าก็ช่วยเหลือดีมาก ตามประสาคนญี่ปุ่น ถึงกับเปลี่ยนมาขึ้นรถเมล์สายที่เราจะขึ้น
เพื่อให้ไปทางเดียวกะเรา (เราจะไปคาวารามัจจิ เค้าจะไปสถานีเกียวโต)
บนรถก็เม้ากันมัน คือเฮฮาคุยกันสนุกมากตอนอยู่บนรถ
เพราะคนนึงเคยอยู่จีน อีกคนเคยอยู่สวิส
พอถึงที่ที่เราจะลง เค้าก็ลงด้วย แล้วมาเดินบอกทาง เดินเล่น เป็นเพื่อนหน่อยนึง
ก่อนที่จะต่อรถไปยังจุดหมายของตัวเอง
ก่อนจากกัน ก็มีแลกเฟส และเบอร์มือถือ
เราก็มีเขียนไปขอความช่วยเหลือเค้าอีกนิดหน่อยให้หาร้านๆนึงให้
และเค้าก็จัดการให้เรียบร้อยทุกอย่าง โทรไปนัดร้านให้เสร็จสรรพ
แถมโทรกลับมาบอกเราอีก
เพื่อนคนนี้ อาศัยอยู่ไม่ไกลจากบ้านเพื่อนเราที่โชนันได ( เค้ามาเที่ยวเกียวโตเหมือนกัน)
เราก็นัดกันว่า ไว้ชั้นเข้าไปโชนันได แล้วเรานัดเจอกันนะ
ปรากฎว่า พอเราเขียนไปนัดจริงๆ กะว่าจะชวนทานข้าว ซื้อขนมไปฝากด้วย
เค้าก็ไม่ตอบมา
ในเฟสมันก็ขึ้นว่า seen คือฝ่ายตรงข้ามอ่านแล้วแท้ๆ
แต่ไม่ตอบ
เออ เราก็งง
แต่ก็คิดว่าเค้าอาจจะยุ่ง
พอวันกลับ เราก็เลยเขียนไปอีก บอกว่า เราจะกลับพรุ่งนี้แล้ว
ขอบคุณ มากๆ ที่ช่วยเหลือ
และดีใจที่ได้รู้จักกัน เธอไม่ตอบ อาจจะยุ่ง แต่ก็ไม่เป็นไร บลาๆๆ
ในเฟสก็ขึ้นว่า seen แต่ไม่ตอบตามเคย
วันที่เราถึงไทย เราได้รับเมสเสจส่งเข้ามือถือจากเค้า
ว่าได้รับข้อความนี้มั้ย
เราก็ดีใจ ตอบกลับไป
แต่นางก็หายอีก
ในเฟสเราแท๊กรูปไป พร้อมทั้งขอบคุณที่ช่วยไรงี้
เพื่อนนางก็มากดไลค์ แต่นางเงียบ

เอออออ ตกลงตรูทำไรผิดป้ะ

คือ เราอยู่ที่นี่ ยอมรับว่า ถ้ามาแบบนักท่องเที่ยวจริงๆ
เราน่าจะรู้สึกดีกับคนญี่ปุ่นมากๆๆ
เพราะขอความช่วยเหลืออะไร เค้าช่วยดีมาก
ถามเรื่องรถไฟที่เกียวโต นักธุรกิจสองคนพาวิ่งขึ้นรถไฟด้วย ทั้งๆที่เค้าออกมาจากสถานีแล้ว
หลงทางหา รร ไม่เจอ ที่โอซาก้า(มีบางวันเราพักเองด้วย)
ถามผู้หญิงคนนึง นางไม่รู้จัก ก็โทรไปถามที่ รร ให้
แล้วพาเดินไปส่ง
ความช่วยเหลืออีกเยอะแยะมากมายยย
น้อยมาก ที่จะเดินหนี หรือไม่ช่วย (มี แต่ิคิดเป็นร้อยละสิบ แค่ั้นั้น)

แต่ ทำไมเรารู้สึกว่า ที่เค้าช่วยๆ
เป็นเพราะเค้าทำไปตามมารยาท
โอเคอาจจะไม่ทุกเคส แต่เคสสองสาวที่เกียวโตเนี่ย เรายังคาใจจนบัดนี้

ขอเล่าเหตุการณ์ที่จีนประกอบเพื่อเปรียบเทียบ
เราไปยาปู้ลี่ เพื่อเล่นสกี
เราไม่ได้เอาแว่นตากันลมไป
เลยถามไกด์ที่มาเทคแคร์เราที่ลานสกี เพราะเห็นนางมีสองอัน

นางบอก ของเจ้านาย ให้ยืมไม่ได้
เจ้านายบอก มีไว้ให้เช่า
โอเค เราก็ไม่อะไร เช่าก็เช่า
พอเราไปเล่นอีกวัน
คราวนี้ก็เริ่มสนิทกันมากขึ้น คุยเล่นอะไรกันสนุกสนาน
นางบอก แว่นเนี่ย วันนี้ไม่คิดตังค์
ให้ยืมเลย

คือ เราก็ไม่รู้หรอก ว่าวันแรกที่บอกว่า ให้ยืมไม่ไ่ด้ ของเจ้านายน่ะ โกหกหรือเปล่า
มันอาจจะเป็นของเค้าเอง
แต่เค้าจะฟันอะ มีไรปะ ก็ได้

แต่ไอ้วันที่สองน่ะ
มันทำให้เรารู้สึกว่า พอเราเป็นเพื่อนกันแล้ว
คือ เราเป็นเพื่อนกันจริงๆ
มันรับรู้ได้ด้วยใจ จากการกระทำของเค้า
คนจีนอาจจะดูเถื่อนดูหยาบ
ดูไร้มารยาท
แต่พอเป็นเพื่อน เค้าก็ไม่ใส่หน้ากากกะเราแล้ว


ในขณะที่คนญี่ปุ่น คุณไม่มีทางรู้เลย
ว่าสิ่งที่เค้าทำ กะสิ่งที่เค้าคิดจริงๆคืออะไร

ยิ่งเหตุการณ์เื่พื่อนสองคนที่เกียวโตนั่น
มันทำให้เรารู้สึกว่า ที่เค้าแสนดีกับเราจะตายนั่นน่ะ
เค้าคิดว่าเราเป็นเพื่อนจริงๆหรือเปล่า หรือทำไปเพราะมารยาท
นี่แหละที่ทำให้เราคาใจ



อันนี้ลิงค์ให้อ่าน ว่าเราน่าจะไม่ได้คิดมากไปเอง
คือเราคาใจจนต้องมาค้นๆลิงค์อ่านอะ หลังจากกลับมา
ว่าเราทำอะไรพลาดไปหรือเปล่า งง

http://www.dek-d.com/content/studyabroad/23498/เมาท์นิสัยคนญี่ปุ่น-bunka.php



หุหุหุ





เอาล่ะ เราก็พยายามเข้าใจคนญี่ปุ่นนะ เพราะเราแบบว่า สวย และนางงามไรงี้
ที่คนญี่ปุ่นเค้าเป็นแบบนี้ เพราะภูมิประเทศเป็นเกาะ แถมมีแต่ภูเขา
ที่ทำกินก็น้อย ภัยพิบัติก็เยอะ ทั้งสึนามิ ทั้งแผ่นดินไหว
แต่เจือกขยันทำลูก
ทำให้มีคนอยู่ถึง 120 ล้านคน!!! ในที่แคบๆแบบนั้น!!!!
(บร๊ะเจ้าาาาา ไปทำมาหากินบ้างก็ดีนะพ่อ)
ไหนจะผ่านสงครามมาอย่างยากลำบากอีก
เลยทำให้คนที่อยู่ที่นั่น ต้องถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน
ก็พื้นที่มันเล็ก ถนนหนทาง บ้านเรือน ทุกอย่างมันคับแคบ จำกัดจำเขี่ย ไปหมด
จะมาตรงไปตรงมา ให้กระทบกระทั่งกันก็ไม่ได้
คนในเกาะตีกันขึ้นมา จะหนีไปไหนได้ล่ะจริงมั้ย
(แต่เก๊าอยู่กะคนแบบนี้ไม่ได้อ่ะ กระซิกๆๆๆ พจมานกดดันง่าาา ชายกลางขราาา)

นี่แหละพี่แกถึงได้มีวินัยนักหนา แถมอดทน เก็บความรู้สึกเก่งเป็นเลิศ

แต่ วินัย กับน้ำใจ มันเป็นคำที่สวนทางกันค่ะ
คนยิ่งเคร่งครัดกับวินัยเท่าไหร่
น้ำใจจะยิ่งน้อย
เพราะเค้าถือว่า เค้าทำตามกฎแล้ว
เค้าไม่ช่วยเหลือ ก็ไม่ผิด

แปลกใช่ไหมคะ เพราะเหมือนว่าเรื่อง considerate เนี่ย คนญี่ปุ่นน่ะที่หนึ่ง
พี่แกใส่ใจทุกรายละเอียดมากๆๆๆๆๆๆ
คนญี่ปุ่นจะคิดทุกอย่างรอบคอบ คิดแทนคนอื่นล่วงหน้า
พยายามไม่ให้กระทบ ไม่ให้รบกวน พยายามไม่ล่วงล้ำเข้าไปในพื้นที่ของคนอื่น
มีปัญหาก็พยายามแก้เอง ไม่บอกไม่ปรึกษาใคร
ว่างๆเลยโดดรถไฟฆ่าตัวตายเล่นแก้เครียด
อัตราการฒ่าตัวตายของคนที่นี่อยู่ในระดับที่สูงประเทศหนึ่งเลยแหละ

เหอเหอเหอ

ตัวอย่างความ considerate ของเค้า
อย่างเราไปซื้อพริกกะเพื่อนที่ตลาดนิชิกิ คนขายก็ห่อพลาสติกให้สองชั้น เพราะข้างนอกฝนตก
(เพื่อนเราบอก เค้าทำแบบนั้นเพราะฝนตก ถ้าเราไปเอง ก็คงไม่รู้หรอก
เพราะไม่เคยไปมาก่อน)

ตอนไปเที่ยวที่ไทย กะเพื่อนเรา(คนที่อยู่โชนันได)
นั่งกันอยู่บนรถบัส
พี่แกเอื้อมมือไปปิดแอร์
เราก็งงๆว่าทำไมปิด เพราะเราไม่ได้รู้สึกหนาว แต่พี่แกเป็นคนขี้ร้อน
ตอนนั้นเรารู้สึกสบายๆกำลังดี แปลว่าพี่แกอาจจะร้อนกว่าเรานิดๆ
(ปกติเราขี้หนาว)
พอเราถามว่า ทำไมปิดล่ะ
เค้าก็บอกว่า อ่าว ก็คิดว่าเราจะหนาว

ถามว่า ถ้ามองเป็นการเทคแคร์ ดีมั้ย
ตอบได้เลยว่าดี
เราอยู่กะเค้า เราสบายใจมาก สมองโล่งๆว่างๆ
เพราะรู้ว่า ถ้าให้เค้าวางแผนจัดการดูแล
พี่แกจะเป๊ะเว่อออออออ ทุกดีเทล
เราไม่ต้องห่วงอะไรเลย
แถมดูจะรู้ใจไปซะหมด
แต่ๆๆๆๆๆ อย่าลืมว่าอีกด้านของคำว่า เอาใจใส่ ใส่ใจในรายละเอียด
คือคำว่าคิดเล็กคิดน้อย
เราโดนเพื่อนคนนี้ว่าบ่อยมาก ว่าหัดคิดก่อนถามซะบ้าง ถามโง่ๆอีกละ บลาๆๆ
คนที่ไม่สามารถทำตาม social norm ของเค้าได้
จะถูกมองอย่างตำหนิ และกดดันขนาดไหน

แล้วลองคิดดู
ถ้าไม่ใช่แค่คุณเพื่อนคนนี้ แต่เป็นคนรอบตัวเราทั้งหมดทั้งประเทศ เป็นแบบนี้
เราว่า มันก็คงจะเหนื่อยและเครียดพอสมควร
ขนาดตัวเรา คนรอบตัวที่ไทยบอกว่าโคดคิดเยอะ คิดมาก
เจอคนที่นี่เข้าไป เจออิคุณเพื่อนเข้าไป เรากลายเป็นพวกทำไรไม่คิดไปเลย


จากภูมิประเทศและเหตุผลข้างต้น
คนญี่ปุ่นเลยดูเหมือนจะต้องอยู่ด้วยความหวาดระแวง
และๆๆๆๆๆ มองตัวเองในแง่ลบ และมองโลกในแง่ร้าย (คหสต จากที่สัมผัสมา)
ใช่ค่ะ คุณฟังไม่ผิด ท่านประธานที่เคารพ

ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่
ลึกๆแล้ว คนญี่ปุ่นมองว่าตัวเองนั้นยากจน อัตคัตขาดแคลน( โดยเฉพาะอาหาร ซึ่งเป็นปัจจัยสี่)
พี่ท่านเลยประหยัดมากกกกกกกก ถึงมากที่สุด
ตั้งแต่เรื่องใช้น้ำ ใช้ไฟ อาหาร เงินทอง
ทุกอย่างจริงๆให้ตาย
เราไปกินบุเฟต์กะคุณเพื่อน แล้วกินไม่หมด เหลือไม่เยอะหรอก
( ทั้งๆที่ก็ตักมาน้อยอยู่แล้ว เพราะเราตัวเล็ก ยังไงก็กินได้ไม่เยอะแน่นอน)
พี่แกมีด่าอ้ะ
จริงๆคุณเพื่อนไม่ใช่คนขี้บ่น in general
แต่เรื่องนี้พี่แกทำหน้าจริงจังเลยอ้ะ
บ่นแบบหงุดหงิด บอกว่า คนอื่นเค้าก็กิน มันน่าเกลียด หัดมีมารยาทสังคมซะบ้าง
ฮ่วยยยยย
เราเลยทำหน้ารำคาญใส่ บอกว่า ก็มันกินไม่หมด จะให้ทำไง
พี่แกก็จะแบบนี้เกือบทุกมื้อ ประมาณว่าอินี่ซื้อมาแพงๆเยอะๆ แล้วจะกินไม่หมดอีกป้ะ
ก็นะ ทรัพยากรธรรมชาติในประเทศมันน้อย
อาหารก็ไม่ค่อยจะมี
ทุกอย่างมันถึงได้แพงๆๆๆ
แล้วคนญี่ปุ่นก็มองว่าของในประเทดตัวเองแพงด้วยนะ
ทีแรกเราคิดว่า คนในประเทศแพงๆก็คงจะชินค่าเงิน
นึกออกป้ะ
อย่างถ้าเราหาได้เดือนละแสน
ค่ากินเบๆมื้อละสามสี่ร้อย
มันก็ไม่ได้แพงไรจริงป้ะ
แต่นี่คนที่นั่นก็คิดว่าแพง และพยายามกินประหยัด
ราเมงชามนึง มีหมูโปะมาหนึ่งถึงสองแผ่นงี้

อาหารถ้าอยากกินถูก ถ้าไม่ได้ทำเอง
ก็ต้องไปรอซุเปอร์ลดห้าสิบเปอร์เซ็นตอนหกโมงเย็นเป็นต้นไป

ฮีทเตอร์พี่แกไม่เปิด ใช้ใส่เสื้อผ้าสองชั้นแล้วห่มผ้าหนาๆเอา

มันก็อุ่นพอไหวล่ะนะ
แต่ ชีวิตเก๊าต้องกระเเบียดกระเสียรไปทุกอย่างแบบนี้จริงๆเหรอออออ
พจมานรับไม่ด้ายยยย
นี่มันบ้านทรายทองจริงๆหรือนี่
พจมานรู้สึกหดหู่ใจยังไงบอกไม่ถูก งืดๆ กระซิกๆ

เราคิดว่า ที่เมกา หรือยุโรป คนน่าจะชินค่าเงินมากกว่ามั้ย
(หรือเราเข้าใจผิด เราไม่เคยไป ใครมี ปสก เสริมได้นะคะ)
อากาศหนาว ฮีทเตอร์มันต้องเปิดมันก็ต้องเปิดใช่ไหมอะ
แล้วอาหาร ก็คงไม่ต้องถึงกับต้องรอลดห้าสิบเปอร์ตลอดหรอกใช่มั้ย

เคยได้ยินไหมคะ คำว่า คนที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่น่ะ
ไม่ได้หมายความว่าเค้ามีเยอะ
แต่ เป็นเพราะว่า เค้ารู้สึกว่าเค้ามีพอ เค้าอยู่ได้
เค้าเลยเหลือ เผื่อ แบ่งให้คนอื่นได้
อย่างถึงเราจะมีแค่สามร้อย
แต่เราคิดว่า ร้อยเดียวเราก็พอแล้ว
อีกสองร้อยเราจะแบ่งให้คนอื่นไป โดยไม่เสียดาย
ในขณะที่อีกคนมีสามพัน
แต่เค้าคิดว่า แค่เนี้ย จะไปพออะไร
เค้าก็จะไม่แบ่งให้ใครเลย

ขนาดเราว่า เราก็งกนะ
มาเจออิคุณเพื่อน เจอคนที่นี่เข้าไป เรากลายเป็นคนสุรุ่ยสุร่าย
กินทิ้งกินขว้างไปเลยอะ

ตอนอยู่โน่นนะ เราคิดขึ้นมาเลยว่า
ประเทศไทยนี่ร่ำรวยจริงๆเลยเนอะ
ทรัพยากรเรามีเยอะมากกก
เรากินเราใช้ เราแบ่งให้คนอื่น
ไม่เคยเลยที่จะกีดกันต่างชาติ
หวงห้ามไม่ให้เค้าเข้ามากินมาใช้ทรัพยากรของเรา

คนไทยเลยดูใจดี สบายๆ อะไรก็ได้ ไม่เป็นไร
ก็แหมม พรุ่งนี้พระอาทิตย์ก็ขึ้นเหมือนเดิมนั่นแหละ
ปลูกไรไปก็ขึ้น ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว
กินข้าวแต่ละมื้อ เนื้อสัตว์เน้นๆ
ไม่ต้องกลัวอดตายนี่เนอะ

มองในแง่ดี นิสัยเหล่านี้ของคนญี่ปุ่นทำให้ประเทศเค้าพัฒนามาถึงขนาดนี้
แต่ ถ้าพัฒนา แล้วคนในประเทศ โดดรางรถไฟฆ่าตัวตายกันเป็นเรื่องธรรมดานี่
เราขออยู่แบบบ้านๆ แต่อิ่มหนำสำราญทุกมื้อ ของเราไปแบบนี้ก็ได้นะ

ก็นี่แหละค่ะ ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามา ทำให้เราเบื่อๆญี่ปุ่นยังไงบอกไม่ถูก
ไม่รู้ว่าตอบคำถาม จขกท ไหมนะ
555


อันนี้ลิงค์ประกอบค่า ว่าพจมานไม่ได้โม้ๆๆๆ


http://www.jeducation.com/board/show.php?id=7687

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1355988830&grpid&catid=06&subcatid=0600


http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNME9EZzVNVE0wT1E9PQ==&sectionid=

http://www.facebook.com/note.php?note_id=387732708173

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=hana&month=07-2011&date=01&group=16&gblog=7

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=hana&month=11-2011&date=01&group=16&gblog=11
ตอบกลับความเห็นที่ 29
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 30
เราเจอทุกครั้งที่ไปสถาณีชินจูกุ 555+

ไม่อยากเหมารวมค่ะ
รู้แต่ว่าหาความเป็นสุภาพบุรุษในผช.ญี่ปุ่นไม่ได้เล้ย
รายไหนรายนั้น-_-"
ตอบกลับความเห็นที่ 30
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 31
ต่างกรรม ต่างวาระ ไม่ชอบก็ไม่ต้องไปอีก ชอบก็ไปย้ำครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 31
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 32
ถ้าคุณ แค่เห็น ตอบได้เลยว่า ท่าทางคงไม่เป็นมิตร
แต่คุณ ลอง เข้าไปคุยดู แล้วคุณจะรู้ว่า ไม่น่าเชื่อง่ะ
กะสิ่งที่ได้รับ
ตอบกลับความเห็นที่ 32
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 33
เท่าที่เจอมา คนที่นั่นอัธยาศัยดี ถ้าอยู่ในเวลางาน แต่ถ้าเจอกันปกติก็นิสัยดีพอประมาณ เผลอๆดีกว่าคนไทย(โดยรวม) อีกครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 33