มีความเห็นอย่างไรกับการประกอบอาชีพเปิดกิจการร้านอาหารไทยในต่างแดนครับ

อยากรู้ว่าแต่ละท่านมีความเห็นอย่างไรกับอาชีพนี้บ้างในทุกแง่มุมแล้วคิดว่าน่าทำไหมครับ ส่วนตัวรักต่างแดนมากแต่ดันติดอาหารไทยครับ

อยากทราบความคิดเห็นเฉยๆครับ

ความคิดเห็นที่ 1
ก็เหมือนทุกธุรกิจค่ะ คือ ต้องรู้จักกิจการที่ตัวเองจะไปลงทุน
ถ้าทำเองด้วย ก็ต้องรู้ว่าตนเองสามารถในด้านไหน ฝีมือทำอาหารเป็นอย่างไร
ถ้าจะจ้างคนอื่นทำทุกอย่าง ก็ต้องมีความสามารถในการบริหารจัดการบุคคลากร
รู้จักการว่าจ้าง ว่าจ้างใครดี หรือถ้าคนงานทำงานไม่ดี จะเลิกจ้างอย่างไร
การจัดระบบงานทั้งร้าน การบริหารการเงิน การทำการตลาด การบริการลูกค้า (รวมไปถึงตำแหน่ง
ที่ตั้งของร้าน ที่จอดรถ)

ในด้านกฎหมายก็ต้องศึกษาทั้งด้าน ภาษี คุ้มครองผู้บริโภค สุขอนามัย ความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม แรงงานว่าจ้าง การประกัน ถ้าเป็นกิจการซืื้อขายต่อ ก็ต้องรู้เรื่องหนี้สินที่มากับกิจการหรือที่ดิน (สำหรับบางประเทศ) สัญญาว่าจ้างการเช่าซื้อ การเซ้งร้าน

จริง ๆ ทุกอย่างก็จ้างคนที่มีความรู้ความสามารถมาช่วยคุณได้ .. ถ้าคุณมีเงินทุนสูง แต่กระนั้นก็ตาม เจ้าขายหลายคนก็ถูกคนหลอกก็เยอะ หรือใช้คนไม่ถูกประเภท หรือลงทุนไม่ถูกจังหวะโอกาส หรือบริหารการใช้คนไม่เป็น ... ทุกอย่างเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์

และสำคัญมาก ๆ สำหรับนักลงทุนต่างแดนที่ต้องการวีซ่าเข้ามาอยู่ด้วย ก็นี่เลยค่ะ
ศึกษาเรื่องวีซ่าลงทุนให้แน่ใจ เพราะบางคนลงทุนด้วยเงินมากมายด้วยคำมั่นสัญญาว่าจะสามารถ
นำกิจการที่ลงทุนไว้มาขอวีซ่าได้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ ... ต้องวานให้คนอื่นดูแลกิจการ
เพราะเจ้าของถูก ต.ม. เชิญให้ออกนอกประเทศเพราะเข้ามาทำธุรกิจด้วยวีซ๋าผิดประเภท
หรือไปลงทุนซื้อกิจการไว้แล้ว แต่ขอวีซ่าเท่าไหร่ก็ไม่ผ่าน ก็มีนะคะ

ส่วนที่ว่าน่าทำไหม ... ต้องถามตัวคุณเองค่ะว่า คุณรักในกิจการทำร้านอาหารหรือไม่
ถ้ารักและหลงใหลอาหาร และมีเงินทุนมากพอ (สายป่านยาว ๆ) ควรศึกษาเรื่องวีซ่าให้ดีดี
อะไรก็ทำได้ค่ะ เพราะคนต้องกินอาหารทุกวัน ... โดยเฉพาะอาหารอร่อย สะอาด บริการดี


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ทีเห็นมาในอเมริกา
ถ้าทำเองแบบครอบครัวไม่จ้างใคร
ก็อยู่ได้ พวกที่จ้างเขาทุกอย่างอยู่ไม่ได้เจ้ง
ทำเองจะต้องทำได้เองทุกๆอย่าง
พออยู่ได้ เพราะไม่ต้องเสียค่าจ้างใคร ไม่มีใครขี่ช้างปล้นเงินเข้าร้าน
ความสะอาดต้องมีไลเซ็นต์ ง่ายมาก ต้องทำตามกฎของเมืองที่ขาย
จะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจ
จะต้องมีความรู้ด้านจัดการระบบภายในร้านและภาษีบ้าง
อเมริกันจู้จี้เรืองความสะอาดและบริการลูกค้า
อาหารต้องสวยน่าทาน เรื่องรดชาติ์อาหาร
ฝรั่งลิ้นจรเข้

อาหารไทยแท้ฝรั่งกินไม่ได้นะ


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
อยากเปิดร้านอาหารไทยก็เปิดได้นี่ครับ ถ้ามีเงิน มีความรู้เรื่องอาหาร ทำด้านบริการได้ รู้การบริหารคน
และพอรู้การทำบัญชีบ้าง ไม่ต้องมาก...อีกอย่างหนึ่งต้องมีสิทธิ์ในการทำธุรกิจในประเทศนั้นๆด้วย

ถ้าจะทำร้านเล็กๆ ก็ไม่วุ่นวายนัก ยิ่งถ้าทำอาหารเองได้ก็ยิ่งดีไม่ต้องจ้างเชฟ แต่อย่างน้อยก็ต้องมีผู้ช่วย
ในครัว และพนักงานด้านหน้า

ผมเคยมีร้านอยู่ที่ San Francisco หลายปี มีสองครัว ไทยกับฝรั่ง (ความจริงอยู่ในห้องเดียวกัน แต่แยก
แผนกชัดเจน ไม่ขึ้นต่อกัน) ... ผมไม่ได้ทำครัวเอง แต่ก็จะ spot check อาหารบ่อยๆ แต่ว่าก็เคยอยู่ในครัว
ที่ร้านของคุณแม่ตั้งแต่เด็กเมื่อตอนอยู่เมืองไทย และอยู่ในครัวฝรั่งเมื่อตอนเรียนหนังสือ เคยทำงานบาร์
เคยทำแคชเชียร์ พอรู้เรื่องเกี่ยวกับกิจการบ้าง ว่างั้นเหอะ

พ่อครัว แม่ครัวก็รับสมัครเอา ให้ลองทำอาหาร รสชาติจะต้องไม่โดดจากของที่เราคิดว่าอร่อยมากนัก ใคร
ทำได้ดี ท่าทางดี คิดว่ามีฝีมือก็จ้างคนนั้น หรือสองคนก็ได้ เอาไว้คานกัน ส่วนพนักงานด้านหน้า ถ้าไม่รู้ว่า
เขาคัดเลือกกันอย่างไร ก็ลำบากหน่อย เพราะจะต้องรู้ว่าพวกเขามีความรู้เพียงไร ในเรื่องการบริการ จับแก้ว
จับจาน จับช้อน-ส้อมอย่างไร...ถ้าจะให้ดี ต้องจ้างผู้จัดการร้าน หรือไม่ก็หา course สั้นๆ เรียนรู้เอาไว้
เรื่องภาษี และเรื่องกฏหมาย ไม่รู้เรื่อง ไม่เป็นไร มีให้จ้างแยะไป พวกนี้เราไม่ต้องจ้างประจำ แต่ต้องรู้ว่า
สามารถที่จะโทรถึงได้เวลามีปัญหา

อาหารที่ทำออกมา ไม่ว่าจะให้ใครกิน ก็ควรจะเหมือนกัน ไม่ใช่ลูกค้าไทยอย่าง ลูกค้าฝรั่งอีกอย่าง อาหาร
บางอย่างอาจจะลดความเผ็ดลงบ้าง แต่ก็ควรถามลูกค้าก่อน...ฝรั่งไม่ได้โง่อย่างที่บางคนคิด


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ที่ Boston, Massachusettes เห็นเปิดการเยอะ ทั้งนอกเมืองในเมือง หลังจากเป็นลูกจ้างเขามานาน มาเปิดเองรวยเองดีกว่า แต่ก็เห็นประกาศขายร้านกันเยอะแยะอีกเหมือนกัน เดี๋ยวนี้เขาใช้แบบให้ลูกจ้างถือหุ้นเล็กๆน้อยๆ จะได้ดึงตัวไว้ให้อยู่ด้วยนานๆ เป็นการซื้อใจ แต่ผู้ถือหุ้นใหญ่มักจะอ้างขาดทุน จะได้ไม่ต้องแบ่งเงินปันผล ได้ยินได้เห็นจากคนใกล้ตัว


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
1. ศึกษากฎหมายก่อนเลย ระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ
ในประเทศนั้นๆ
2. หัดทำอาหาร คือ ไม่ต้องเป็นเชฟเองก็ได้ แต่ไม่ต้องง้อสุดตัว
วันไหนเค้าไป ร้านเรายังอยู่ได้ ร้านส่วนใหญ่เจ๊ง เพราะเปลี่ยนกุ๊ก
พอร้านมีแขก ก็จะมีคนทาบทามกุ๊กไป ติดสัญญา กุ๊กก็ยังหนี ถ้า
ทำอะไรในครัวไม่เป็นเลย แย่หน่อยนะ
3.พนักงานเสิร์ฟ ควรเลือกคนที่มีความรู้ ความสามารถ ที่เรียนทางนี้
หรือประสบการณ์สูงอย่างน้อย 1 คน ไว้เป็นหัวหน้าทีม
คนพวกนี้คือหน้าตาของร้าน บริการดี ยิ้มแย้มแจ่มใส จำหน้า
แขกได้ จำได้ว่าแขกที่มาบ่อยชอบสั่งอะไร ชวนแขกพูดคุย
จะได้มีแขกติดเยอะๆ
4. คุณควรศึกษาระบบการเงินในร้าน ซื้อของที่ไหน ไฟ น้ำ แก๊ส
โทรศัพท์เจ้าไหนดี ค่าทำความสะอาด กำจัดแมลง อะไรพวกนี้
ช่วยลดต้นทุนได้มาก เพราะเป็นฟิกซ์คอสท์ จ่ายทุกเดือน รวมค่า
ใช้จ่ายต่างๆแล้วหารรายวันสิ เราต้องทำเป้าต่อวันให้ได้เท่าไหร่
ร้านที่ทำไป อยู่ไป กินไป ส่วนใหญ่ต้องทำกันทั้งครอบครัว ไม่งั้น
เจ๊ง เท่าที่เห็นๆมา
แค่นี้ ก้ออยู่ได้แล้วค่ะ จ้างทุกตำแหน่งก้อยังอยู่ได้ เพียงแต่กำไร
น้อยหน่อย ( แน่นอนเรืีองทำเล แต่คนจะเปิดร้าน ก้อหาทำเลดีทุกคน
อันนี้คงไม่ต้องกล่าวถึง)

เป็นอาชีพที่สนุกนะ ถ้าชอบทำอาหาร ได้เจอคนหลากหลาย
เสียแต่ เค้าหยุดกันเราต้องทำงาน เฮ้อ


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
มีความเห็นอย่างไรกับการประกอบอาชีพเปิดกิจการร้านอาหารไทยในต่างแดนครับ //ก็ทำมาหากินอะ เป็นอาชีพนึง หาเช้ากินค่ำ เหมือนอาชีพอื่นทั่วๆไป


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
ก็เหมือนการทำธุรกิจอื่นๆ สินค้าดี วางแผนดี บริหารงานดี ก็มีโอกาสประสบความสำเร็จร่ำรวย ถ้าไม่ดีก็มีโอกาสเจ๊งสูง

โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยสนใจธุรกิจร้านอาหารเท่าไหร่ เพราะบริหารยากและเหนื่อยมาก


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
ขอโทษจขกท ที่ไม่ได้ตอบให้ตรงคำถาม แต่มีคำถามถึงท่านต่างๆที่เปิดร้านอาหาร

คำถามคือว่า แกงเขียวหวาน ใส่อะไรบ้างคะที่ทำให้มีปริมาณ ที่สวิส แกงเขียวหวาน จะใส่แครอท บร็อกโคลี่ ดอกกะหล่ำ บางเจ้าใส่ถั่วฝักยาว หน่อไม้ เห็ดหอม

แกงมัสหมั่นที่ใส่แต่พริกตุ้ม หอมหัวใหญ่ และมันฝรั่ง ส่วนเนื้อวัวขนาด 2x2cm.
4 ชิ้น ราคา 30

หากว่าใส่กันอย่างนี้ด้วยเหตุผลที่ต้องคำนึงถึงการลงทุน ดิฉันจะได้ยอมรับว่าเป็นปกติน่ะค่ะ

ดิฉันชอบไปทานอาหารไทย เจอแต่ละแห่งก็แปลกใจที่แกงแต่ละแห่ง เปลี่ยนรูปเดิมไปมาก

บางร้านสั่งแกงเผ็ดแดง เจ้าของร้านทำแกงโดยใส่นม จากนั้นโรยผงปาปริก้าจนมีสีแดง ใส่ไก่ กะหล่ำปลี (ฮ่าๆๆ ) โหแกงรุ่นประหยัดทุนจริงๆ ร้านไทย คนไทยทำ แต่ว่าหากลิ่นแกงไทยไม่เจอเลยค่ะ

ดิฉันชอบอุดหนุนคนไทยนะคะ แต่ว่าไปแต่ละแห่ง บอกได้ว่า อาหารไทยที่ทำนี่หารสชาดที่ตรงกับแกงที่บอกไว้ไม่ได้เลย

แต่ดิฉันก็ยังสนุกกับการเสาะหาอาหารไทยไปเรื่อยๆค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ผมอยู่ San Francisco มาตั้งแต่ปี 1969 จนถึง 1988 ก็ 19 ปี กินมาแล้วแทบจะทุกร้านในคาลิฟอร์เนียภาคเหนือก็ว่าได้
ในช่วงระยะเวลาเวลานั้น และเนื่องจากผมมีส่วนในการรับผิดชอบสังคมของคนไทยในคาลิฟอร์เนียภาคเหนือในระดับหนึ่ง
ในช่วงของระยะเวลาหนึ่ง ที่ทำให้ผมต้องเดินทางไปเยี่ยมเยียนสมาชิกของสมาคมฯ ซึ่งรู้จักกันแทบจะทั้งนั้น ทั้งในตัวเมือง
และเมืองต่างๆแทบจะทุกอาทิตย์ จึงทำให้ได้ลองชิมอาหารทั้งจากฝีมือแม่บ้านและในร้านอาหาร

อาหารที่บ้านเราไม่ว่ากัน ทำอย่างไรก็กินอย่างนั้น เพราะเขากินกันอย่างนั้น แต่ในร้านอาหารบางแห่ง ต้องยอมรับว่าฝีมือ
ยังไม่ถึง ทำอาหารยังไม่เป็น รสชาติเพี้ยนไปหมด แต่เขาก็ขายของเขาได้ พวกน้ำพริกแกง ก็ไม่ถูกต้องนัก อาจจะเป็นเพราะ
หาวัตถุดิบไม่ได้ (สมัยโน้นนะ) พวกผักที่จะต้องใส่ก็ใส่ตามที่มี ถ้าอยู่ไกลๆจะหามะเขือเปราะ มะเขือพวง หรือว่าหน่อไม้สด
หรือของกระป๋องจากไหน แค่ใบโระพา ใบกะเพรา ใบมะกรูด ขิง ตะไคร้ ก็หืดขึ้นคอแล้ว...ปัจจุบันน่าจะหาทุกอย่างได้ครบ

ผมเจออะไรมามากกว่าที่คุณ Top Of The Hill เอ่ยถึงมามาก บางแห่งให้ปริมาณแทบที่จะพูดได้ว่าน้อยเต็มที บางแห่งก็ให้
จนมากเกิน บางแห่งก็ใช้แค่มะเขือเปราะเพียงอย่างเดียวในปริมาณที่พอดีๆ บางแห่งใส่มาจนไม่รู้ว่าสั่งอะไรไป


ที่ได้เห็นได้รู้มา...ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่เป็นเรื่องของประสบการณ์มากกว่า ร้านอาหารไทยเปิดกันมาก แต่ก็ปิดกันมากพอๆกัน

มีหลายคนที่ทำอาหารอร่อยครับ ทำที่บ้านนะ เมื่อมีคนชมก็มักจะคิดว่าฉันเปิดร้านได้ ยิ่งมีแรงเชียร์จากแฟน หรือเพื่อนๆ ก็ยิ่งมั่นใจ
แต่ก็มีอีกจำนวนหนึ่งที่คิดว่าทำอร่อยเพราะแฟน และเพื่อนๆชม (ก็กินฟรีนี่ครับ จะให้บอกว่าแย่ได้ยังไง) ก็คิดจะเปิดร้านเช่นเดียวกัน
แต่คนสองกลุ่มนี้ลืมคิดไปว่า เมื่อเปิดร้านแล้ว งานมันหนักมาก เราต้องไปตลาดแต่เช้า ต้องกะของให้พอใช้ในแต่ละวัน ทั้งของสด
ของแห้ง ของใช้ในร้าน เตรียมของให้ครบ ซื้อของที่สด ต้องดูแลความเรียบร้อยของร้าน ถึงแม้จะมีพนักงานช่วยก็เถอะ จะต้องรู้วิธี
ดูแลทั้งลูกค้าและพนักงาน ฯลฯ

คนที่เขามากิน เขาต้องจ่ายสตางค์ อาหารต้องออกมาดี ออกมาเร็ว ปริมาณต้องให้ดูดี จะทำอย่างที่ทำให้เพื่อนกินที่บ้านไม่ได้แล้ว

ใครๆก็คิดว่าหางานอื่นทำไม่ได้ ก็เปิดร้านอาหารซิ มันไม่ง่ายอย่างที่คิดดอกนาย...สายป่านจะต้องยาวอีกด้วย นี่แค่น้ำจิ้มครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
ขอขอบพระคุณ คุณ tnu มากๆเลยนะคะ ที่กรุณาอธิบายให้ทราบค่ะ

ดิฉันเคยไปอ่านในบล็อกคุณ ได้รับความรู้ มากมายทั้งเรื่องอาหารและไวน์ ยังจำถึงร้านอิตาเลี่ยนที่ซอยชิดลมได้ หากมีโอกาสกลับไทย จะไปลองทานดูบ้าง

จำได้คลับคล้าย คลับคลาว่า คุณดำเนินกิจการร้านอาหารที่เชียงใหม่ด้วยใช่ไหมคะ และชอบถ่ายรูปเป็นงานอดิเรก

ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 10