ขั้นตอนการขอ X- VISA เข้าประเทศจีนสำหรับศึกษาต่อ

สวัสดีค่ะ เมื่อกระทู้ที่แล้ว http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K12327485/K12327485.htmlเราได้คุยถึงขั้นตอนในการดำเนินการขอทุนรัฐบาลจีน(CSC) กันไป เมื่อผลทุนได้ออกแล้ว ขั้นตอนต่อไปที่เราจะต้องทำก็คือการตรวจร่างกาย สำหรับคนที่ผลตรวจร่างกายมีอายุเกิน 6เดือน นับตั้งแต่วันที่ตรวจจนถึงวันลงทะเบียน และการทำวีซ่าซึ่งในวันนี้เราจะพูดถึงเรื่องการทำวีซ่าก่อนเนื่องจากเรายังไม่มีเวลาไปตรวจร่างกายใหม่เลย ติดรับปริญญาพอดี เผอิญว่าผลตรวจร่างกายของเราที่ทำครั้งก่อนจะครบ6 เดือนในเดือนหน้านี้เราก็เลยคิดว่าควรจะบึ่งไปทำวีซ่าก่อน แล้วเสร็จงานรับปริญญาแล้วค่อยไปตรวจร่างกาย
วันนี้เราก็จะมาแชร์เกี่ยวกับขั้นตอนในการขอวีซ่า X สำหรับนักเรียนที่จะไปศึกษาต่อที่ประเทศจีนนะค่ะ
ความคิดเห็นที่ 1
เอกสารที่ต้องใช้ประกอบการยื่นวีซ่า;1. Passport (Original, photocopy)2. Visa Form (ถ้าคนที่จะไปเรียนต่อ(Visa typed "X") จะต้องกรอกแบบฟอร์มทั้ง A และB3. Passport-sized photo (2-inchphoto with light background)4. Admission Notice (Original,photocopy)5. JW 201หรือ JW 202 (Original, photocopy)6. Physical Examination Form(Original, photocopy)ควรจัดเรียงเอกสารไว้ให้ดีนะค่ะ เช่นเอกสารที่เป็นสำเนา เอาคลิปหนีบไว้ เอกสารที่เป็นต้นฉบับ ก็แยกเอาไว้เพราะว่าคนไปยื่นเรื่องทำวีซ่าเยอะมาก และตอนเรายื่นเอกสารจะแอบวุ่นวายนิดนึงเพราะเจ้าหน้าที่จะต้องเช็กVisaform ว่าเราติ๊กถูก เขียนถูกมั้ยถ้ามีที่ผิดต้องแก้ไขตรงนั้นเลยการจัดเรียงเอกสารให้หยิบง่ายหยิบสะดวกก็จะช่วยลดเวลาในการยื่นเอกสารลงนะค่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
สถานที่ในการยื่นขอวีซ่า;ไม่ได้ไปทำเรื่องที่สถานฑูตนะค่ะแต่ไปทำที่ Visa Division ที่อยู่ตรงข้ามกับสถานฑูตจีนค่ะโดยที่ทำการจะอยู่อาคาร AA Building ซึ่งเป็นอาคารร้างอ่ะค่ะต้องเดินเข้ามาในซอยรัชดาภิเษก ซอย3ก่อนนะค่ะ เดินเข้ามานิดเดียวเท่านั้นก็จะเห็นป้ายบอกค่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
Chinese Embassy, VISA section openhour; 09.00 - 11.30 AMไปเช้านิดนึงนะค่ะเพราะอย่างที่บอกไปแล้วว่าคนไปทำเยอะมาก ถ้าไปเช้าๆหน่อยก็จะได้อยู่หน้าๆคิวได้บัตรคิวก่อนนะค่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
รูปใหญ่มากกกก คือย่อแล้วแต่มันยังใหญ่อยู่อ่ะค่ะ ขอโทษด้วยนะค่ะ ><
ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
การเดินทาง;1. ขับรถ :เมื่อวันอาทิตย์ขับรถมาดูเส้นทาง เราว่าไม่ค่อยwork อ่ะค่ะขี้เกียจหาที่จอดรถ แต่ก็แล้วแต่คน แต่วันนี้ที่เรามา เรามารถไฟใต้ดินค่ะ สะดวกดี2. MRT : สามารถลงได้2 สถานีนะค่ะ คือ สถานีพระราม 9และ สถานีศูนย์วัฒนธรรม แต่ขอแนะนำว่าลงสถานีพระราม 9จะเดินใกล้กว่าค่ะกรณีลงสถานีพระราม 9 : ให้เดินออกทางออกที่1 อาคารฟอร์จูนนะค่ะเดินออกมาจากตัวสถานีแล้วให้เดินไปทางซ้ายมือค่ะ(สังเกตุ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นCentralGrand Rama IX) เดินไปเรื่อยๆ ผ่านโลตัส ผ่านธนาคารทิสโก้ ผ่านBank of China แล้วก็จะเห็นซอยรัชดาภิเษกซอย 3ให้เลี้ยวเข้าไปเลยค่ะ ที่ทำการวีซ่าจะอยู่ตรงทางเข้าซอยเลยเห็นชัดเจน อยู่ข้างๆกับสถานฑูตค่ะกรณีลงสถานีศูนย์วัฒนธรรม :ให้เดินออกทางออกที่ 3 อาคารทรูนะค่ะเดินออกมาจากตัวสถานีแล้วให้เลี้ยวขวา(((((((อย่าเดินไปทางซ้ายนะค่ะเพราะทางนั้นจะเป็นทางไปเอสพลานาด และอาคาร RS Building ค่ะเดินตรงมาเรื่อยๆ ค่อนข้างไกลนิดนึง แต่ก็พอเดินได้อ่ะค่ะ สังเกตุlandmark ใหญ่ๆคือตึกTrue จะอยู่ตรงข้ามกับสถานฑูตพอดี เดินตรงมาอีกนิด จะเจอรัชดาภิเษกซอย 3ก็เลี้ยงเข้าไปในซอยเลยค่ะ
3. BTS : ถ้ามารถไฟฟ้าต้องลงสถานีที่เชื่อมกับMRT ค่ะ ได้แก่ สถานีศาลาแดง เชื่อมกับ MRTสถานีสีลม,สถานีอโศก เชื่อมกับ MRTสถานีสุขุมวิท, และสถานีหมอชิต เชื่อมกับ MRTสถานีจตุจักรค่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
รายละเอียดของการขอวีซ่า;ค่าใช้จ่าย :อย่างเราไปเรียนต่อใช่มั้ยค่ะ ก็ขอแค่เป็น Single entry Service type ประมาณ4 วัน ก็เสียเงิน 1,000บาท ชำระวันที่เรามาเอาวีซ่านะค่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
รายละเอียดการกรอกข้อมูลใน VisaForm; (จะprint out มาจากบ้านหรือ มารับฟอร์มที่สถานฑูตก็ได้ค่ะ)

Link Download : http://www.chinaembassy.or.th/th/lsfw/bgxz/(จริงๆแล้วก็มีแปะความหมายของแต่ละช่องไว้ที่ชั้น1 ของอาคารนะค่ะแต่เราขออธิบายอีกรอบเผื่อใครที่จะprint formเองที่บ้านค่ะ)ปล. เพื่อไม่ให้เกิดการงง จะอ่านควบคู่ไปกับแบบฟอร์มที่โหลดมาก็ได้นะค่ะ จะได้เข้าใจมากขึ้น
ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
FORM A ;** เวลากรอกกรอกเป็นตัวอักษรพิมพ์ใหญ่นะค่ะ (Capital letter)** ถ้าช่องไหนไม่มีข้อมูลให้ใส่ NOไปนะค่ะ อย่าเว้นว่าง ถ้าเว้นว่างไว้เจ้าหน้าที่ก็จะให้เราเติม NONO NO ตอนยื่นเอกสารอยู่ดีค่ะ** เอกสารมี 4หน้า
Section I : Personal Information1.1 Full English name as inpassport : ชื่อ นามสกุลเรา ตรงตามpassport นะค่ะตรงนี้ไม่ต้องบอกมากเนอะ น่าจะเข้าใจกันอยู่แล้ว1.2 Sex : เพศ1.3 Name in Chinese character (ifapplicable) : ชื่อภาษาจีน ถ้ามีก็กรอกลงไปด้วยนะค่ะ1.4 Other names you are, or havebeen known by : ชื่ออื่นๆของเราถ้ามี(น่าจะหมายถึงกรณีถ้าเรามีการเปลี่ยนชื่อนะค่ะ)1.5 Name in ethic script : ชื่อของเราที่เขียนเป็นภาษาไทย(คิดว่าน่าจะใช่ แต่เราไม่ได้เขียนอ่ะค่ะ เจ้าหน้าที่ก็ไม่ว่าอะไร)1.6 Current Nationality : สัญชาติที่ถืออยู่ปัจจุบัน1.7 Former Nationality : สัญชาติที่เราเคยถือ(กรณีมีการเปลี่ยนสัญชาติค่ะ)1.8 Other Nationality(ies) : สัญชาติอื่นๆ(บางคนถือ 2 สัญชาติ)1.9 Date Of Birth : วันเกิด1.10 Place Of Birth : สถานที่เกิด(ให้ใส่เป็นชื่อจังหวัด และ ประเทศค่ะ โรงพยาบาลที่เกิดไม่ต้องใส่)1.11 Local ID Card Number : หมายเลขบัตรประชาชน1.12 Marital Statue : สถานะของเราก็จะมีให้เลือกคือMarried (แต่งงาน),
Never Married (ไม่เคยแต่งงาน=Single),
Divorced (หย่าร้าง), Widowed (หม้าย),
Other..please specify (อื่นๆโปรดระบุ)1.13 Current Occupation : อาชีพปัจจุบัน1.14 Passport Type : ประเภทของpassportใครถือpassportทางการฑูตก็เลือก Diplomatic ใครถือธรรมดาทั่วไปๆก็เลือก Ordinaryค่ะ1.15 Passport Number : หมายเลขพาสปอร์ต1.16 Date of issue : วันที่ออก(ใส่เป็น ปี เดือน วัน1.17 Place of issue : สถานที่ออกพาสปอร์ต(ใส่แค่จังหวัด และ ประเทศค่ะ1.18 Expiration date : วันหมดอายุ.. ปี เดือน วัน1.19อันนี้ใครไม่รีบก็เลือก regular for 4 working days ไปค่ะ
ใครด่วนหน่อยก็ express for 2-3 workingdays
ใครรีบมากๆๆๆๆก็ Rush for 1 working dayไปเลยค่า
ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
Section II: Travel information2.1 Major purpose(s) of yourvisit(s) to China : วัตถุประสงค์หลักๆที่เราจะไปเมืองจีน ก็เลือก Studyไปค่ะ2.2 Intended number of entries : เลือกOne entry valid for 3 months from application เพราะยังไงเราก็ต้องไปเปลี่ยนเป็นTemporary Residence อยู่แล้วนะค่ะ แต่ต้องเปลี่ยนภายใน 30วันนับตั้งแต่วันที่เราเดินทาง2.3 Date of your first entry : ให้ใส่วันที่เราจะเดินทางไปเมืองจีนค่ะ(เมื่อเราได้visaนี้แล้ว เราต้องเดินทางออกนอกประเทศภายใน 90วันค่ะ)2.4 Your longest intened stayamong all entries of your intended visits in China : สำหรับคนไปเรียนต่อระยะเวลานานเกิน 1 ปี ให้ใส่ 360หรือ 000 ค่ะ(เจ้าหน้าที่บอกมานะค่ะ เราใส่ 000ไปค่ะ)2.5 Residence and phone numberduring your stay in China : ตรงนี้เราใส่แต่ชื่อมหาลัย และ เบอร์โทรศัพท์ค่ะ2.6 Who will pay for your cost oftravelling and living during your stay in China : ตรงนี้เราติ๊กOther และระบุไปว่า CSC ค่ะ2.7 Do you have medical insurancecovering your visit in China : ประกันสุขภาพ ถ้ามี ใส่ YES พร้อมระบุชื่อบริษัทที่ทำประกันสุขภาพและ account ของเราค่ะแต่ในกรณีนักเรียนทุน เราไม่ได้ใส่อะไรเลยช่องนี้ไม่ได้เขียน NO ด้วย เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ให้เราเขียนอ่ะค่ะเราคิดว่าเจ้าหน้าที่รู้อยู่แล้วว่า CSCเป็นคนดำเนินการเรื่องนี้2.8 Name, address, and phonenumber of your inviter or contact unit in China : ตรงนี้เจ้าหน้าที่ให้เราใส่ชื่อมหาลัยที่อยู่ และ เบอร์โทรศัพท์ค่ะ2.9 Name, address, and phonenumber of your relative, friend, or contact person in China : ใครมีญาติมีเพื่อน ที่อยู่เมืองจีน และสามารถติดต่อหากันได้ก็ใส่ไปค่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
Section III : Information aboutyour family, work, or study3.1 Detailed home mailing address: ที่อยู่ปัจจุบัน3.2 Home phone number : เบอร์โทรศัพท์บ้าน 3.3 Mobile phone number : เบอร์มือถือ(((3.4 Email address : อีเมลล์3.5 Current employer or school : ตรงนี้จะมีช่องให้ใส่ชื่อโรงเรียน/ ที่ทำงาน, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์3.6 Major Family Member : กรอกข้อมูลเกี่ยวกับสมาชิกในครอบครัวได้แก่ ชื่อ สัญชาติ อาชีพ ความสัมพันธ์3.7 Contact person in caseemergency : ที่คนที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน3.8 Contact person's phone number: เบอร์โทรศัพท์ของคนที่จะต้องติดต่อในยามฉุกเฉิน
ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
Section IV : Other information4.1 Have you ever visited Chinabefore : ถ้าไม่ให้เขียน NO ถ้าเคยให้ตอบYES และระบุวัน เวลา วัตถุประสงค์4.2 Have you ever visited othercountries or territories in the last 12 months : ในช่วง1 ปีที่ผ่านได้ไปต่างประเทศบ้างมั้ยถ้าไม่ได้ไปไหนเลยใส่ NO ถ้าไปใส่ YES พร้อมระบุวัน ชื่อประเทศ และวัตถุประสงค์4.3 Have you ever overstayed yourvisa or residence permit in China : ความหมายคือเคยเป็นโรบินฮู้ดอยู่เมืองจีนมั้ยติ๊ก NO ไปเลยค่ะ แต่ต้องอย่าโกหกนะ ถ้าเคยติ๊ก YES4.4 Have you ever been resfused avisa for China, or been refused entry into China : เคยถูกปฏิเสธการขอวีซ่าหรือ ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าเมืองจีนหรือไม่4.5 Do you have any criminalrecord in China or any other country : เคยมีประวัติอาญชกรรมในเมืองจีน หรือประเทศอื่นๆหรือไม่4.6 Are you affiliated with any ofthe following diseases : ป่วยเป็นโรคเหล่านี้อยู่หรือไม่ ได้แก่Serious Mental Disorder : มีอาการป่วยทางจิตรุนแรงInfectious Pulmonary Tubercosis : วัณโรค(ให้ความรู้ศัพท์ไว้นิดนึงค่ะเผื่อใครต้องไปตรวจร่างกายเจอแล้วจะได้ไม่ งง ) Infectious คืออาการติดเชื้อ Tubercosis คือ เกี่ยวกับวัณโรคค่ะ ส่วน Pulmonaryคือเกี่ยวกับปอด4.7 Other infectious disease ofpublic health hazards : เป็นโรคติดต่อที่เป็นอันตรายต่อสาธารณสุขหรือไม่4.8 If you selected YES to anyquestions form 4.3 to 4.7, please give detail below : ถ้าระบุYES ในข้อ 4.3 - 4.7ให้ใส่รายละเอียดในข้อ4.8 ด้วยค่ะ แต่ส่วนใหญ่ก็ตอบ NO หมด แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ เพราะถ้าเป็นมันก็จะไปโชว์ในผลตรวจร่างกายแน่นอน
ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
Section V : Relevant Declarationเราปล่อยผ่านค่ะ เพราะข้อที่ 5.2 เค้าจะถามว่ามีรายละเอียดอะไรที่สถานฑูตควรจะรับรู้เกี่ยวกับตัวเราอีกมั้ย ใครมีก็ใส่ได้ค่ะ
Section VI : Signatureกรอกข้อมูลเสร็จหมดแล้ว ก็เซ็นชื่อให้ตรงกับพาสปอร์ตด้วยนะค่ะพร้อมลงวันที่Section VII : If the applicationform is completed by another person on the applicant's behalf, please fill outthe following :ใครที่ให้คนอื่นทำแทน เช่นagency ต้องกรอกข้อมูลช่องนี้ด้วยค่ะเป็นอันจบ VISA Form A
ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
FORM B ;** เวลากรอกกรอกเป็นตัวอักษรพิมพ์ใหญ่นะค่ะ (Capital letter)** เอกสารมี 2หน้าName in English: ชื่อ-นามสกุลภาษาอังกฤษPassport Number : หมายเลขพาสปอร์ตDate of birth : วันเกิด (ปี เดือน วัน)
A : สำหรับคนที่ขอVISA Z (เข้าไปทำงาน เราไปเรียนก็ปล่อยผ่านได้เลยค่ะ)
ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
B : Applying to study in China (X- Visa)1. Education : การศึกษาสูงสุดมีให้ติ๊ก Bachelor, Master's, Doctorate or higher, และอื่นๆโปรดระบุ2. Name of your last school,college, university, or other institutes : ชื่อมหาวิทยาลัยที่เราจบการศึกษามาค่ะใครไปต่อป.ตรีก็ใส่ชื่อโรงเรียน3. Your major or focused in study: ใส่คณะ หรือ major ที่เราจบการศึกษามา4. Your professional or technicalqualification : หากใครสอบผ่านใบประกอบวิชาชีพ อะไรมาก็ระบุด้วยนะค่ะ5. Name, address, and phone numberof your school in China : ใส่ชื่อมหาลัยที่เราได้ทุน หรือกำลังจะไปศึกษาต่อ พร้อม ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์6. Your major or course in China :คณะ หรือ major ที่จะไปศึกษาต่อ
C : หัวข้อนี้สำหรับคนที่ไปท่องเที่ยวโดยใช้พาสปอร์ตเดียวกับเรา...อันนี้ดูงงๆ ไม่เกี่ยวกับเราปล่อยผ่านค่ะD : หัวข้อนี้สำหรับคนที่ขอVISA ในประเทศที่ไม่ใช่ประเทศของตน (เราพูด งงๆมั้ยค่ะ) อันนี้ใครที่ถือพาสปอร์ตไทยก็ข้ามเลยค่ะหลังจากนั้นก็เซ็นชื่อ ลงวันที่เป็นอันเรียบร้อย
ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
จบแล้วการขอวีซ่ามีเท่านี้จริงๆข้อควรระวังคือ ควรเตรียมเอกสารไปให้พร้อม เพราะเวลายื่นเอกสาร ยื่นทีเดียวค่ะแล้วก็ควรกรอกข้อมูลต่างๆให้ครบรูปถ่ายแปะกาวมาเลยหรือจะมาแปะที่สำนักงานก็ได้ แต่มันจะเสียเวลาค่ะส่วนค่าใช้จ่ายในการขอวีซ่าให้นำเงินมาชำระวันรับวีซ่านะค่ะวันไปขอวีซ่ายังไม่ต้องชำระเงินค่ะปล 1. ใครมีข้อสงสัยอะไรทิ้งคอมเม้นท์ไว้เฉกเช่นเดิมนะค่ะ หรือจะทิ้งอีเมลล์ไว้ก็ได้ เด่วจะกลับมาตอบนะค่ะปล 2. พอดีหลังจากทำวีซ่าเสร็จก็เดินไปขอความรู้เกี่ยวกับการเปิดบัญชีของ Bank of China พอดีในhandbookที่มหาลัยส่งมาบอกว่า Bank of China อยู่ใกล้ๆมหาลัย ก็ว่าจะเปิดบัญชีที่แบงค์นี้ด้วยอ่ะค่ะ ถ้าใครสนใจอยากได้ข้อมูลก็บอกได้นะค่ะ เด่วจะเอามาลงในครั้งหน้าให้ค่ะปล 3. อ่านไม่รู้เรื่อง หรือข้อมูลตรงไหนผิดพลาด ต้องขอโทษด้วยนะค่ะ

ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
จะแจ้งว่า ตอนเราไปทำวีซ่า ตรงแถวๆซ้ายมือด้านหน้า จะมีพี่ผู้หญิง มานั่งตรงโต๊ะข้างหน้า ถ้าไม่มั่นใจว่า เอกสารครบไหม ถูกไหม สามารถไปต่อแถวให้พี่เค้าตรวจดูได้นะค่ะ พี่เค้าจะเรียงเอกสารให้เราเลย


ส่วนข้อ 2.4 Your longest intened stayamong all entries of your intended visits in China พี่ที่เค้าตรวจเค้าใส่ให้เรา 2 ปี (2 years) ค่ะเพระเราไป 2 ปี


ส่วนเรื่องของ Bank of China
ไปสอบถามมาแล้วค่ะ เวลาทำทางเบงคืจะแนะนำว่า ให้เปิดเป็นบัตรเดบิต สองสกุล คืองเนไทย และเงินหยวนค่ะ

ให้เตรียมบัตรประชาชนไป เวลาเปิดบัญชี จะมีสองเล่มค่ะ เงินไทย และ เงินหยวน ค่าเปิดบัญชีละ 1000 บาท

บัญชีเงินหยวน จะใช้อัตราแลกเปลี่ยนของธนาคารวันนั้นแปลงไปเลย
เวลานำไปกดที่จีนจะคิดค่าธรรมเนียม 12 หยวน ต่อหนึ่งครั้ง กดได้ถึง 2000 -2500 หยวน (แล้วแต่ตู้)

ถ้านำไช้ที่เมืองไทย หรือ ประเทศอื่นๆ จะตัดบัญชีเงินไทย กดที่ตู้ไทยจะมีค่าธรรมเนียมการกดทุกครั้ง

ทั้งนี้บัญชีที่เปิดที่ไทย ไม่สามารถเอาเงินฝากที่ประเทศจีนได้ ฝากได้แต่ประเทศไทยเท่านั้นค่ะ

ความสะดวกของการเปิดบัญชีที่ไทย คือ ไม่ต้องโอนเงิน ทำแค่เอาเงินมาฝากที่ธนาคารบัญชีเงินหยวน แล้วเสียแต่ค่าธรรมเนียมการกดที่จีน ลดค่าธรรมเนียมโอนเงินได้

แต่มีคำเตือนว่า หลังจากเรียนจบ กลับมาไทย แล้วในบัญชีเงินหยวน ยังมีเงินอยู่ ถ้าเรามาปิดบัญชี จะมีค่าธรรมเนียมในการถอนเงินหยวนนะค่ะ แต่ทางธนคารไม่ได้แจ้งเราว่าเท่าไร

ข้อมูลละเอียดเลยคะ ขอตบมือให้ แต่สงสัยว่า จขกท จะเอาผลตรวจร่างกายไปรับรองที่สถานฑูตไหม เพราะเราไม่อยากไปตรวจใหม่ที่จีน ทางสถานฑูตบอกว่าเราต้องให้กระทรวงการต่างประเทษรับรองก่อน ถึงจะมาให้สถานฑูตรับรองได้

ตอนนี้เรารับรองที่กระทรวงเสร็จแล้ว กำลังหาวันว่างไปสถานฑูตอีกรอบเพื่อไปรับรองเอกสาร

ใครซื้อตั๋วนักเรียน แนะว่าให้รีบไปทำวีซ่านะค่ะ เพราะตอนจองตั๋ว เค้าให้เอาผลวีซ่านักเรียนไปยื่นด้วย ถึงซื้อได้นะ


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
มีประโยชน์มากๆเลยครับ
ขอบคุณ จขกท ด้วยครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
@ คุณSeventh ave : ผลตรวจร่างกายต้องเอาไปให้ที่สถานฑูตรับรองด้วยเหรอค่ะ เข้าใจว่าตรวจแล้วเอาผลไปยื่นที่มหาลัยได้เลย แต่เราคิดว่าไปรับรองไว้ก็ไม่เสียหาย เด่วเราหาเวลาเอาเอกสารไปรับรองบ้างดีกว่า ขอบคุณนะค่ะ ^^ เราซื้อตั๋วนักเรียนเหมือนกันค่ะ :) @คุณ มิน (Min_vc) : ขอบคุณค่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
คุณ beauhlinglings ทางจดหมายที่มหาลัยส่งมา Admission Notice เค้าระบุว่า ถ้าจะเอาผลตรวจร่างกายที่ไทยไปใช้ที่จีน โดยที่สามารถใช้ได้ ต้องได้รับการรับรองจากสถานฑูตจีน หรือ กงศุลจีนค่ะ รายละเอียดที่ระบุใน Admission Notice ( มีทั้งภาษาจีน และอังกฤษ แต่เราอ่านอังกฤษเพราะ จีน เราส่งคืนอาจารย์ไป หลายปีแล้ว ) แต่เราไม่รู้ว่าทางมหาลัยที่คุณไปเค้าระบุไหมค่ะ แต่ของเราเค้าระบุมาให้ตามข้างล่าง NOTE:
1. Be sure to enter China with X visa, otherwise you will be responsible for all the possiblw consequence. 2. You should go to public hospital or red-cross hospital in your country for physical examination and your FOREIGNER PHYSICAL EXAMINATION FORM and BLOOD TEST REPORT need to sealed bty the CHINESE EMBASSY or CONSULAR in your country, otherwise you need to do physical examination again after you arrival.
ข้างบน คือ ข้อความที่ระบุไว้ค่ะ ที่นี้ตอนเราไปถามเจ้าหน้าที่ ที่เค้าเช็คเอกสารให้เรา ก่อนเรายื่นวีซ่า เค้าแจ้งว่าเราต้องเอาเอกสารไปรับรองที่กระทรวงการต่างประเทศ แล้วค่อยมาที่สถานฑูตค่ะ เราไปหาข้อมูลในเว็บ เราต้องไปรับรองที่ กรมการกงสุล ชั้น 3 กระทรวงการต่างประเทศค่ะ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ 123 ถ.แจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม 10210 โทรศัพท์ 02-575-1057-60 โทรสาร 02-575-1054 แต่ทั้งนี้ ถ้าผลการตรวจร่างกาย ควรเป็นของโรงพยาบาลรัฐ อย่างของเราเป็นโรงพยาบาลจุฬา ทางกรมการกงสุล รับรองเอกสารได้เลย แต่ถ้าเป็นของโรงพยาบาลเอกชน เร้าต้องนำไปรับรองลายเซ็นของคุณหมอที่อื่นก่อน เอกสารที่ควรนำไป 1. เอกสารที่ต้องการรับรอง (ผลตรวจร่างกาย , ผลตรวจเลือด ฯลฯ) ทั้งตัวจริง และ สำเนา 2. ฟอร์มยื่อนขอรับรองเอกสาร หาได้ที่เว็บไซต์ค่ะ ถ้าไปยื่นเองง่ายหน่อย ถ้าให้คนื่อนไปทำแทน ให้กรอกส่วนที่ให้ผู้อื่นทการแทน หรือ หนังสือมอบอำนาจ ไปด้วย 3. สำเนาบัตรประชาชน ของตัวเอง และ ผู้ที่มอบอำนาจให้ทำแทน ในกรณีที่มีคนไปทำแทน 4. เงิน ปกติ 200 บาท ด่วน 400 บาท แล้วค่อยนำไปยื่นที่สถานฑูต ปกติ 700 บาท ด่วน 1800 บาท ไปยื่นเองอาจจะไม่ยุ่งยาก แต่ถ้าให้คนอื่นไปทำให้ ต้องทำหนังสือมอบอำนาจเป็นภาษาอังกฤษ ไปด้วยนะค่ะ (ทำเหมือนไปขอวีซ่า) เค้าแจ้งว่า ภาษาไทยอ่านไม่ออกอ่ะ แต่งทั้งนี้ พี่เจ้าหน้าที่ที่เราถาม เค้าบอกว่าตั้งแต่เค้าทำงานมามีคนมารับรองแค่คนเดียว ก็ตัดสินใจกันเอานะค่ะว่าจะไปตรวจใหม่ หรือ จะไปรับรอง แต่เราไม่อยากไปตรวจที่จีนใหม่ เพราะตรวจใหม่ก็ต้องเสียเงินเพิ่ม เพราะว่าเท่าที่ทราบค่าตรวจอยู่ที่ 300 - 550 หยวน เพราะถ้าเราทำที่ไทยไป ค่าตรวจร่างกายโรงพยาบาลจุฬา ที่ไปจีน 1200 บาท ค่ารับรองเอกสาร 200 บาท ค่ารับรองเอกสาร สถานฑูต 700 บาท ทั้งหมด 2100 บาทเอง แล้วเราไม่อยากโดนเจาะเลือดบ่อยๆนะค่ะ เราหาเส้นยากมาก รอบล่าสุดโดนไป 3 เข็มกว่าจะเจาะได้
ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
ของเราเค้าไม่ได้บอกอ่ะค่ะ ว่าต้องnotarize ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะค่ะ ^^
ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
อยากทราบว่าผลตรวจร่างกายที่ใช้ทำวีซ่ากับที่ต้องยื่นให้กับมหาลัย อันเดียวกันมั้ยคับ


ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
@คุณDee : ใช่ค่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
@beauhlinglings ขอบคุณคับ :)


ตอบกลับความเห็นที่ 23