คิดอย่างไรกับระบบ passport แบบใหม่ครับ

ประตูตรวจ passport แบบอัตโนมัติ ทำไมจึงไม่มีการประทับตรา
แล้วเวลาไปถึงประเทศปลายทางจะแน่ใจได้อย่างไรว่ามีการผ่านออกจากประเทศไทยอย่างถูกต้องครับ ที่จริงน่าจะมีตราประทับแบบอัตโนมัติด้วยนะครับ

ความคิดเห็นที่ 1
การผ่านออกมา จะถูกบันทึกข้อมูลในอิเล็กทรอนิกส์ใน passport แล้ว สำคัญกว่าที่บัญทึกในกระดาษ
จะยุ่งหน่อยตรงคนที่แดินทางโดยใช้เล่มใหม่ไร้stamp อละเข้าประเทศที่ไม่ใช้วีซ่า อันนี้ อาจใช้เวลาหน่อย


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
เวลาเราสแกนลายนิ้วมือ ข้อมูลของเราจะถูกดูดเข้าฐานข้อมูลโดยฉับพลัน พอเราถึงประเทศปลายทาง จนท ตม. ของประเทศนั้นจะเอาพาสปอร์ตเรารูดเข้าเครื่ิองเค้า 1 ครั้ง ข้อมูลของเราจะถูกโชว์ที่หน้าจอเค้าอย่างทันทีทันใด เค้าจะเห็นเลยว่าเรามาจากประเทศไทย ออกมาจากด่านไหนของไทย ออกจากประเทศไทยกี่โมง บ้านอยู่ไหน รู้หมด กรณีถ้าเกิดเราแอบออกจากประเทศไทย พอไปที่ด่าน ตม ประเทศปลายทางเค้าขอพาสปอร์ตรูด 1 ครั้ง อ้าว ไม่เห็นมีการทำออกจากประเทศยูเลยหนิ ทีนี้ก็เข้าห้องเย็นล่ะครับ
ส่วนตราประทับก็เหมือนจดหมายที่ติดแสตมป์เท่านั้นเอง จดหมายที่ลงทะเบียนไม่เห็นต้องติดสแตมป์ก็ถูกส่งได้เหมือนกัน ฉันใดฉันนั้นครับ

ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
อ่าวไหนเขาบอกว่าชิพในตัวเล่ม rewrite ไม่ได้ไง เป็นกฏของ icao บันทึกข้อมูลได้ครั้งเดียวตอนทำพาสปอร์ต ห้ามบันทึกซ้ำ เพราะฉะนั้นมันไม่มีข้อมูลเข้าออกประเทศหรอกบันทึกไว้หรอก แต่ กต ส่ง หนังสือเวียนไปทั่วโลกแล้วว่า ถ้าหนังสือเดินทางไทยออกมาจากไทยไม่มีการประทับตรา ก็ไม่ถือว่ามีปัญหาเพราะใช้ autogate ต้นทางเขาเช็คจากชิพไม่ได้หรอก


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ชอบมากค่ะ ระบบออโต้ เกท ไม่ต้องมีสแตมป์ของ ต.ม. ไทยอีกต่อไป ไม่เปลืองหน้าพาสปอร์ตค่ะ
จะได้ไม่ต้องไปทำพาสปอร์ตบ่อยๆ เหลือหน้าว่างๆ เอาไว้ขอวีซ่าขงประเทศอื่นๆ ได้เยอะดี

ขนาดบางครั้งบินชั้นธุรกิจของการบินไทย ที่สามารถออกและเข้าประเทศทางช่อง ต.ม. ช่องพิเศษของชั้นธุรกิจ ชั้นเฟิสท์
และ ช่องเดียวกับที่ผู้โดยสารที่ถือบัตรแพลตินั่ม ของการบินไทยสามารถใช้ได้ เรายังไม่เข้าเลยค่ะ ยอมเดินไปไกลอีกนิด
เพื่อที่จะได้เข้า-ออก ทางช่องออโต้ เกท ทางช่อง ต.ม. ของผู้โดยสารทั่วไปค่ะ เพราะเราไม่อยากได้สแตมป์

เผอิญต้องเดินทางบ่อยค่ะ อย่างไม่ไปไหนเลยก็เดือนละ 2 ทริปค่ะ คือออกนอกประเทศ 2 หน และ เข้าประเทศ 2 หน
เป็นอย่างน้อยๆ ต่อ1 เดือน ถ้าได้สแตมป์จาก ต.ม. ไทยทุกครั้งที่เข้าออกนอกประเทศ ก็เท่ากับว่า อย่างน้อยๆ
ภายในทุกๆ 3 เดือนเราจะเปลืองหน้าพาสปอร์ตไปโดยไม่เกิดประโยชน์ถึง 2 หน้าแล้วค่ะ คิดเป็นอย่างน้อยๆ 8 หน้า
ต่อ 1 ปี เฉพาะสำหรับ ต.ม. ไทยเลยทีเดียว เพราะพาสปอร์ตรุ่นใหม่ไม่สามารถแทรกหนัาแบบพับๆ ยาวๆ ได้อีกต่อไปแล้ว
ถ้าแทรกหน้าได้เหมือนเดิม เราคงเข้าออกแบบมีสแตมป์หน่ะค่ะ

ส่วนเรื่อง ต.ม. ของประเทศอื่นๆ ไม่ต้องกังวลค่ะ ตั้งแต่คนไทยมีออโต้ เกทใช้มาตั้งแต่เดือนเมษายนปีนี้ เราเดินทางไป
ประเทศอื่นๆ มาหลายประเทศแล้ว ไม่มี ต.ม. ของประเทศไหนเลยที่จะถามเราค่ะ ว่าทำไมไม่มีสแตมป์ขาออกจากเมืองไทย
เพราะไม่เกี่ยวกับเขาค่ะ ปกติแล้ว ต.ม. ของประเทศอื่นๆ เขาเปิดพาสปอร์ตดูรูปว่าตรงกับคนไหม เอาพาสปอร์ตไปรูด
กับเครื่องของเขา หรือ เอาไปแปะในเครื่องอ่านของเขา แล้วเขาก็หาที่ว่างสแตมป์ของเขาค่ะ เขาไม่เคยหาสแตมป์
ของ ต.ม. ไทยนะคะ

และ ขอเรียนให้ทราบว่า ในฐานะคนที่ใช้ออโต้ เกท ของ ต.ม. ไทยอยู่เป็นประจำ ขอบอกเลยค่ะ ว่าดีมากๆ เราใช้เวลา
เข้า-ออก นอกประเทศไม่เคยเกิน 30 วินาทีเลยแม้แต่ครั้งเดียวค่ะ สะดวกมากๆ รวดเร็วมากๆ แต่ให้ระวังอย่างหนึ่งว่า
เครื่องออโต้ เกท ของ ต.ม. ไทยนัั้น ไวมากๆ เซ้นท์ซิทีฟมากๆ เวลายืนตรงจุดสแกนนิ้วชี้ และ มองกล้องถ่ายรูป
ขอให้ยืนในกรอบสีเหลืองเท่่านั้น และถ้ามีกระเป๋าล้อลาก หรือสัมภาระอื่นๆ ให้วาง หรือถือให้แนบชิดลำตัวให้มากที่สุด
มิเช่นนั้นแล้ว เครื่องจะอ่านว่ามีคนยืนอยู่ 2 คน แล้วเกทจะไม่เปิด แต่ต้องสแกนพาสปอร์ตเข้าไปใหม่ เริ่มทำใหม่ค่ะ
แต่ก็ไม่นาน ทั้งหมดไม่เกิน 1 นาทีเลยค่ะ

พลเมืองของหลายๆ ประเทศในโลกนี้มีออโต้ เกทใช้นะคะ และ เขาไม่มีสแตมป์ขาออก-ขาเข้าประเทศของเขาค่ะ
หรือ คนไทยที่มีเรสซิเดนซี่อยู่ในหลายๆ ประเทศที่มีระบบออโต้ เกทใช้ เขาก็สามารถใช้ออโต้ เกท ของประเทศอื่นๆ
กับพาสปอร์ตไทยได้ด้วย เพราะฉนั้นจะไม่มีสแตมป์ขาเข้า-ขาออกเช่นกันค่ะ

และมีคำเตือนว่า ขออย่าได้ไปเชื่อข่าวลือที่ได้ยินมาจากไหนก็แล้วแต่ เช่นว่า......

1. ออโต้ เกท ของ ต.ม. ไทย เสียบ่อยๆ เดี้ยงบ่อยๆ ขอบอกว่า "ไม่จริงค่ะ"

2. ถ้าออก-เข้า ประเทศไทยทางออโต้ เกท โดยที่ไม่มีสแตมป์จาก ต.ม. ไทยขาออก และ ขาเข้า
จะทำให้มีปัญหากับ ต.ม. ของประเทศอื่นๆ บางครั้งถึงกับทำให้เข้าประเทศอื่นๆ ไม่ได้ ขอบอกว่า "ไม่จริง เช่นกันค่ะ"

//แวะมาแชร์นะคะ จากคนที่ถือหนังสือเดินทางไทย และ แฮ้ปปี้มากๆ กับ ออโต้ เกท ของ ต.ม. ไทยค่ะ
อิฉันรับประกันคุณภาพค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
คุณ Been there, done that! ผมเห็นคนมาบอกต่อว่าเกิดปัญหาในข้อ 2 มาก่อนหน้านี้นะครับ

คุณเป็นอะไรกับตม.หรือครับถึงมารับประกันคุณภาพได้ ผมเป็นคนนึงที่ต้องระวังมากๆ เพราะเป็นห่วงเรื่องแบบนี้ ได้ไม่คุ้มเสีย

ถ้าไม่กังวลก็ใช้ต่อไปได้เลยครับ ก็พยายามรอดูว่าปัญหามันอาจจะเกิดจากระบบช่วงแรกๆก็ได้นะครับ เท่าที่ผมเข้าใจ สรุปเลยไม่รู้ว่าข้อมูลเข้าออกมีการบันทึกไว้รึเปล่าเพราะไม่มีผู้รู้มาให้ความเข้าใจกันเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
มาเลเซีย กับ สิงคโปร์เวลาผ่านด่านตรง Johor Bahru ก็เห็นเขาผ่าน Autogate นะครับ ถ้ามีปัญหาเค้าคงไม่ใช้กัน


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
แล้วคุณ คห. 5 เป็น ต.ม. ของประเทศไทย หรือ เป็น ต.ม. ของประเทศอื่นๆ เหรอคะ?

อย่างที่เรียนให้ทราบ ดิฉันเป็นแค่คนเดินทางที่แฮ้ปปี้กับระบบออโต้ เกท ของ ต.ม. ไทยค่ะ
ดิฉันต้องเข้ามาบอกว่า ระบบไม่ดี หรือ ระบบมีปัญหาเหรอคะ? ในเมื่อดิฉันใช้อยู่เป็นประเดือนละอย่างน้อยๆ
อย่างชนิดที่ไม่ใช้เลย คือเดือนละ 4 หน และ ดิฉันเข้ามาเขียนตามที่ได้ประสบมาจริงๆ ทั้งที่เมืองไทย
และที่ประเทศอื่นๆ นำมาแชร์กับคนอ่านในบอร์ดเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงจากคนท่ี่ใช้งานจริง

ถ้า ต.ม. ไทยทำดี ดิฉันก็ชมว่าดีค่ะ และ ที่ผ่านๆ มา ดิฉันเห็นว่า ต.ม. ไทย ถึงแม้บางท่านจะทำงานกันแบบไทยๆ
แต่ทุกท่านก็ทำงานกันหนัก

ก๊ากๆๆ ภายในราวๆ ระยะเวลา 6 สัปดาห์ที่ผ่านมานี่ ดิฉันใช้ออโต้ เกทเข้า-ออกนอกประเทศไทยไปอย่างน้อยๆ 10 ครั้ง
แล้วกระมังคะ และ ดิฉันไม่ได้ใช้แต่ออโต้ เกท ของประเทศไทยเท่านั้น แต่สามารถใช้ของประเทศอื่นบางประเทศได้ด้วย
ใช้มาเป็นปีๆ แล้ว ไม่เคยเจอปัญหาเลย เพราะถ้าจะเจอหน่ะ ป่านนี้อิฉันโดน ต.ม. ในยุโรปหลายๆ ประเทศ และ ในเอเชีย
หลายๆ ประเทศเชิญเข้าห้องเย็นไปนานแล้วค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
ช่วยกันรณรงค์ ให้หนังสือเดินทางไทยของผู้ใหญ่โดยทั่วไป มีอายุ ๑๐ ปี เหมือนเมกา
แต่ถ้าใครเปลี่ยนชื่อ นามสกุล หรือ หน้าตา จะขอก่อน ก็ได้นะ


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ประเทศอื่นๆในโลกนี้หลายประเทศเขาใช้ระบบนี้มาก่อนเราหลายปีแล้วค่ะ

มันไม่ใช่ระบบใหม่อะไรเลย มีแต่คนไทยเท่านั้นที่คิดว่าเป็นระบบใหม่

เป็นคำยืนยันจากตมระดับสูงเลยว่าข้อมูลในพาสปอร์ตไม่มีการบันทึกการเข้าออกประเทศมีแต่ข้อมูลส่วนตัวของเจ้าของพาสปอร์ตเท่านั้น ไม่ใช่แต่พาสปอร์ตไทย แต่เป็นทั่วโลกนั่นแหละ การตัดสินให้เข้าประเทศหรือไม่เขาไม่ได้ดูตรงตราประทับ

ตั้งแต่มีระบบนี้มาก็ใช้มาตลอดเร็วดีไม่ต้องต่อคิว แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แล้ว

ล่าสุดที่เพิ่งออกนอกประเทศมาคิวยาวไม่ต่างกับระบบเก่าแล้ว

ปัญหาเข้าประเทศไม่ได้เพราะไม่มีตราประทับยังไม่เคยมีปรากฏค่ะ

ที่เคยเป็นกระทู้เรื่องนี้แล้วทำให้คนห้องนี้จำเรื่องผิดๆน่ะ เข้าไม่ได้เพราะพูดสื่อสารกับตมเกาหลีไม่ได้เลยแม้ว่าจะมีล่ามไทยแล้วก็ตาม

ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
ทำยังกะมีประเทศไทยใช้ที่เดียวในโลกงั้นแหละ ประเทศอื่นเค้าใช้กันมาหลายปีแล้ว
ของผมเนี่ยพาสเพิ่งทำเล่มใหม่กิ๊ก มาญี่ปุ่นนี่ก็ผ่านมาแบบไม่เห้นถามอะไรสักคำ


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
ผมก็ว่าสะดวกรวดเร็วดีนะ ถึงคิวจะยาวแต่คิวเดินเร็วมากอ่ะครับ
ใครทำไม่เป็นก็ไม่ต้องกลัว มี จนท. ยืนให้คำแนะนำทุกช่อง

พึ่งรู้ว่าขาออกออกออโต้เกท ขาเข้าจะเปลี่ยนใจไปเข้าช่องแสตมป์ก็ได้นะครับถ้าแถวมันสั้นกว่า


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
เข้าออก HK ไม่ต้องใช้ passport เลยด้วยซ้ำ
555+


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
เราชอบระบบประทับตรามากกว่าค่ะ เราว่ามีเสน่ห์ดี
อยากเก็บไว้ดูเป็นที่ระลึก พอดีไม่ได้เดินทางเดือนนึงเป็นสิบๆ รอบ
ก็เลยไม่ได้อยากประหยัดหน้าพาสปอร์ตเท่าไหร่

สำหรับเราทุกตราประทับมีความทรงจำ ยอมต่อแถวรอดีกว่าค่ะ
ส่วนเรื่องระบบ ไม่มีความเห็น :)


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
เราชอบแบบมีตราประทับในหนังสือเดินทางค่ะ ชอบเห็นตราประทับเยอะๆ มีความสุข


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
เสียดายที่ไม่ได้ประทับตราแล้ว.. ดูขลังดี.. แต่ออโต้เกตก็เร็วดีครับ.. เคยอิจฉาเวลาไปตปท. คนบ้านเขาเดินเข้ากันปรู๊ดปร๊าดไม่กี่นาที ..


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
เราชอบประทับตราค่ะ เวลาดูแล้วมีความสุข
ครั้งแรกเลยเราไปปารีสอ่ะ พาสปอร์ตหน้าขาว
แต่พอไปถึงมันดันมีช่องปั๊มกับไม่ปั๊มเผอิญเราไม่ได้อ่าน
เดินๆตามเข้าไป เศร้าใจมาก กลับมามีแต่ตราประทับประเทศจีน


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
เคยลองใช้ครั้งนึง ช้ามากๆๆ แถวปกติเร็วกว่าเยอะ อาจจะเพราะใหม่อยู่ คนเลยยังงงๆกันโดยเฉพาะผู้ใหญ่ นึกว่าออกจากเครื่องสแกนแล้วจะมีปั้มตราให้อีกที ทั้งๆที่มีจนท.นั่งอยู่ไปขอให้ปั้มให้ก็ไม่ยอม

เราอยากได้ตราปั้มเข้่าออกไว้จะได้มาดูย้อนหลังได้ว่าเราไปไหนมาบ้าง ไปเมื่อไร กลับมาเมื่อไร ผมคงไม่ได้บินบ่อยเหมือน คุณBeen ปีนึงไปต่างประเทศแค่ 3-4 ครั้ง ปัญหาเล่มเต็มไม่เคยเกิดขึ้น

คิดว่าจะไม่ใช้เครื่องนี้อีกแล้วครับ ต่อให้รอแถวปกตินานกว่าก็จะยอมรอ เพื่อจะได้มีตราประทับที่ผมต้องการ


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
ชอบแบบประทับตราด้วยเหมือนกันค่ะ

พอดีเป็นคนไม่ได้เดินทางบ่อย เพราะฉนั้นทุก ๆ ครั้งที่ได้เดินทางจะมีความหมาย และมีความสุขมาก

คล้าย ๆ การสะสมแสตมป์นั่นแหละค่ะ มาเปิดย้อนดูว่าวันนั้น ปีนั้น ปีโน้น ได้ไปไหนมาบ้าง ประมาณนี้อะค่ะ ^^


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
อีกหน่อยก็คงจะพัฒนาไปในทางที่ว่าเข้า-ออกประเทศใช้แค่บัตรประชาชนเท่านั้น
Passport จะใช้เมื่อถึงประเทศอื่น ระบบแบบนี้หลายๆ ประเทศใช้มานานแล้วด้วยครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
ชอบแบบประทับตรา ด้วยคน
เล่มใหม่อายุการใช้งาน2ปี เดินทางมากกว่า 10 รอบใช้ไปไม่ถึง 5 หน้าเองครับ
คุณ Been เล่มหนึง 50 หน้ายังไม่พอเลยหรอครับ เดินทางบ่อยจัง
Auto Gate จุกจิกมาก เคยติดหนิบอยู่ 5 นาที เซ็ง


ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
ไม่มีอะไร แค่อ่านอะไร อะไร แล้วตลกดี คอมเม้นไร้สาระนะ


ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
เราก็ยังชอบแบบตราประทับอ่ะ
เพราะทุกครั้งที่เดินทางท่องเที่ยว มันคือประสบการณ์ความประทับใจ
การที่มีตราประทับในพาสปอร์ต ก็เหมือนกับที่เราถ่ายรูปที่เราได้ไปเที่ยวเก็บไว้ดูแบบนั้นอ่ะ

ส่วนตัวเรา เรารอคิวได้ เพราะเราไม่รีบค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
เผลอไปใช้ auto-gate ครั้งนึงตอนกลับมาจากสิงคโปร์ล่าสุดเพราะอยากลอง แล้วก็บอกกับตัวเองว่าไม่เอาอีกแล้ว อยากได้ตราประทับมากกว่า เพราะจะได้รู้ว่าเราไปไหนมาเมื่อไหร่


ตอบกลับความเห็นที่ 23
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 24
ชอบแบบตราประทับค่ะ เวลาได้ดูแล้ว มีความสุขดี 555


ตอบกลับความเห็นที่ 24
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 25
เดินทางบ่อยค่ะ แต่ก็ชอบแบบประทับตรา อย่างหลายความเห็นข้างบนบอก รู้สึกว่าขลังดี ให้ความรู้สึกว่าได้เดินทางจริง ถึงจะเปลืองหน้าพาสปอร์ตไปบ้าง ^_^
แต่ระบบออโต้เกทก็สะดวกดี เร็วดี เอาไว้ใช้เวลาไปขึ้นเครื่องไม่ทัน 555


ตอบกลับความเห็นที่ 25
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 26
ชอบ Auto Channel เช่นกันครับ (เหมือนกับว่าจะใช้คำนี้ตรงป้าย)
ผมเคยเรียกว่า E-Gate (Electronic Gate) แบบที่ใช้เรียกที่ฮ่องกง ปรากฏว่าพนักงานนึกว่าถามทางไปเกท E ซะงั้น งงกันไปหมด
ข้อดีของ Auto Channel คือสะดวกรวดเร็วและประหยัดหน้าพาสปอร์ตครับ กรณีหลังช่วยได้เยอะเลยสำหรับคนที่เดินทางบ่อย
อย่างผมพาสปอร์ตเล่มที่แล้ว 50 หน้าหมดไปภายในปีครึ่ง
เล่มใหม่นี้ทำมาได้เก้าเดือน หมดไป 17 หน้าแล้ว(ขนาดมี Auto Channel)
ได้แต่หวังว่าจะไม่ต้องเปลี่ยนพาสปอร์ตใหม่ภายในสี่ปีครึ่งนี้
ตอบกลับความเห็นที่ 26
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 27
มาสนับสนุนคอมเมนต์ของคุณ Been there, done that! และหลายคนที่เชื่อมั่นในการทำงานของระะบบ Auto gate ที่มาใหม่ ผมว่ามันสะดวก รวดเร็ว ลดพนักงาน ลด Error ลด Cost และอีกหลายอย่าง
สนับสนุนให้ใช้กันมาก ๆ ครับเพราะว่าต่อไประบบ Manual อื่น ๆ อีกหลายอย่างก็จะต้องถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติอยู่แล้วเหมือนกับประเทศอื่น ๆ ที่เจริญแล้วเขาใช้กัน


ตอบกลับความเห็นที่ 27
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 28
ขอบายออโต้เกทครับ เพราะไม่ได้คิดว่าจะมีความจำเป็นอะไร ขอสแตมป์เหมือนเดิม เพราะปีหนึ่ง ไปตปท ไม่น่าเกินสามครั้ง อิอิ

ชอบกลับมาดูรอบประทับในพาสปอร์ตครับ ^^


ตอบกลับความเห็นที่ 28
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 29
ฝากข้อคิดไว้นิดนะครับ ถ้าตอนนั้นระบบคอมพิวเตอร์ล่ม ระบบคลัสเตอร์ล่ม ต้องมีการกู้คืนข้อมูลจากระบบแบ็คอัพ ถึงแม้ระบบจะมี RPO เป็น เรียลทาม แต่จริงๆ แล้วก็จะต้องมีบางข้อมูลที่หายไปสัก หนึ่งหรือสอง อย่างนี้ เราไม่มีแสตมป์ ปรากฏว่าเราโดนจังหว่ะซวยพอดี ตอนบินออกไป ระบบเขาล่ม เขาต้องกู้คืน แล้วข้อมูลที่เรารูดไปแล้วมันหายระหว่างทาง จะโดนเข้าห้องเย็นมั๊ย ???


ตอบกลับความเห็นที่ 29
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 30
^^
ตม ประเทศปลายทางก็ไม่มีสิทธิเรียกดูข้อมูลเข้าออกประเทศของเราอยู่แล้วครับ
เคยมีเจ้าหน้าที่ ตม มาตอบกระทู้อยู่ ว่าประเทศปลายทางมีสิทธิดูแค่ข้อมูลส่วนตัวของเรา
ข้อมูลเข้าออกประเทศเขาไม่มีสิทธิดู ฉะนั้น จะมีบันทึกหรือไม่มี ก็ไม่มีผลครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 30
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 31
ผมชอบแบบเดิม มันคลาสสิคดี ว่างๆก็เอาพาสมาเปิดดู ผมคิดว่าการที่มีตราประทับของต่างประเทศและของประเทศไทย มันรู้สึกดีกว่าการมีตราประทับของต่างประเทศอย่างเดียว
ปีหนึ่งๆ ก็ใช้ไม่เกิน5ครั้งหรอกครับ สำหรับคนทั่วๆไป หน้าพาสไม่หมดหรอก
แต่ถ้าเป็นคนที่เดินทางบ่อยๆ อาจจะแฮปปี้กับออโต้เกทมากกว่า


ตอบกลับความเห็นที่ 31
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 32
มาฝากไว้ให้เป็นข้อมูลนะคะ เผื่อว่าจะมันจะช่วยลบข้อมูลผิดๆที่หลายคนจำไว้บ้าง

ตอนมีกระทู้เข้าเกาหลีไม่ได้เพราะพาสปอร์ตไม่ได้แสตมป์น่ะ ได้มีโอกาสคุยกับตม ระดับผู้กำกับการที่สุวรรณภูมิถึงปัญหานี้

เขายืนยันแถบแม่เหล็กในพาสปอร์ตมันมีแค่ข้อมูลส่วนตัวของเจ้าของพาสปอร์ตนั้นๆ การบันทึกการเข้าออกประเทศไม่ว่าจะของประเทศไหนก็ไม่ได้บันทึกไว้ที่แถบแม่เหล็กนั้น ข้อมูลการเข้าออกตมของประเทศแต่ละประเทศก็อยู่ที่ฐานข้อมูลของประเทศนั้นๆไม่ได้ส่งต่อกันด้วย

การตัดสินใจให้เข้าออกประเทศของตมแต่ละประเทศอยู่ที่ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ล้วนๆ เช่นเวลาที่เราเข้าตมเกาหลี เจ้าหน้าทีเขารูดพาสปอร์ตเรามันก็จะขึ้นข้อมูลที่เราเคยเข้าออกประเทศเกาหลีประเทศเดียว ไม่ได้มีข้อมูลการเข้าออกของประเทศอื่น ข้อมูลการเข้าออกของประเทศอื่นจะเห็นก็จากวีซ่าและการประทับตราในเล่มเท่านั้น

การใช้ Auto channel จะใช้สำหรับเข้าออกประเทศที่เราเป็นพลเมืองเท่านั้น การเข้าออกประเทศอื่นก็ต้องผ่านตมอยู่ดี

เพราะฉะนั้นแม่ว่าเราจะเดือนทางไปประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่า เราก็จะได้ประทับตราจากประเทศปลายทางทุกประเทศทีเราไปเสมอ เพียงแค่ตราประทับประเทศเราเท่านั้นที่จะไม่มี

ใครจะชอบไม่ชอบแบบไหนก็ตามสบายกันเถิด เพียงแต่ว่าการให้ข้อมูลนั้นควรให้ด้วยความถูกต้องไม่ใช่มาจากความรู้สึก

สงสารคนที่นานๆเข้ามาทีแล้วรับข้อมูลผิดๆไปบ้าง

ขอวีซ่าจีนคราวที่แล้วตอนกรอกว่าเข้าจีนไปกี่ครั้งเมื่อไหร่บ้าง หาจนปวดหัวเพราะมันเยอะจัดแล้วเวลาประทับตราประเทศต้นทางกับปลายทางก็มักจะไม่ประทับตราหน้าเดียวกันด้วย สำหรับเราเหลือประทับตราประเทศเดียวนี่ดีแล้วหาง่ายหน่อยเวลาขอวีซ่า

ตั้งแต่มีระบบนี้ไม่เคยเข้าออกผ่านตมที่เป็นเจ้าหน้าที่เลยค่ะ แล้วก็ไม่เคยมีปัญหากับประเทศไหนด้วย

จะว่าไปก็มีนะ

เข้าสิงคโปร์ครั้งล่าสุดเห็นตมเปิดพาสปอร์ตไปมานานมาก จนนึกสงสัยว่าจะมีปัญหาหรือเปล่า ก็เลยบอกไปว่า ออกจากประเทศไทยมาทาง auto channel เขาไม่ประทับตรากันแล้ว

ตมเงยหน้ามามองแบบว่า ยายนี่บ้าหรือเปล่ามาบอกอะไรเชยๆ แล้วก็ก้มลงไปประทับตรา สรุปว่าที่เปิดไปมาน่ะ หาหน้าเหมาะที่ถูกใจอยากประทับตราไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก

พอผ่านมาแล้วก็ตลกตัวเอง เลยไปเล่าให้ผู้ใหญ่ท่านนึงฟัง
ท่านตอบกลับมาคำเดียว

มันเป็นแบบนั้นจริงๆด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 32
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 33
ผมชอบ Auto gate มาก ประหยัดเวลามากๆๆๆ

เข้าออกสิงคโปร์ ผมก็ไม่เคยได้ประทับตราสิงคโปร์เลย ถึงเข้าช่อง ตม เค้าก็ไม่ปั๊มให้อยู่ดี เวลาไปประเทศที่สาม ที่สี่ก็ไม่เคยมีปัญหา ตม สักครั้ง ระบบนี้ประเทศอื่นเค้าใช้จนชินเเล้ว


สรุปชอบออโต้เกท


ตอบกลับความเห็นที่ 33
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 34
It doesn't matter.... Even if you didn't pass Thailand border control.. You can still enter other countries.... As long as your travel document is valid.


ตอบกลับความเห็นที่ 34
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 35
เราิิมีบินทุกเดือน บางเืดือน 2 ครั้ง แต่ไ่ม่ใช้ Auto Gate ค่ะ เราชอบแบบสแตมป์มากกว่า

เคยมีคนตั้งกระทู้ว่าแม่ใช้ Auto Gate และไปเกาหลีกับทััวร์ สรุปโดนส่งกลับค่ะ

เพราะไม่มีหลักฐานการออกจากเมืองไทย เราไม่อยากเสี่ยงค่ะ ถ้าเป็นแบบนั้น เสียเวลา

เสียความรู้สึก เสียเงินฟรีค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 35
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 36
ตราประทับเป็นเสน่ห์ของการเดินทางครับ!!!!


ตอบกลับความเห็นที่ 36
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 37
ชอบแบบตราประทับมากกว่าอ่ะ
เหมือนที่ยังชอบส่งจดหมายมากกว่าคุยโทรศัพท์หรืออีเมลล์ ฮ่าๆ

แต่ไม่แน่ ถ้าเดินทางบ่อยเหมือนคุณคคห.บนๆ (ขออภัยจำชื่อไม่ได้ค่ะ)
ก็อาจจะเปลี่ยนมาใช้ระบบ auto บ้าง
เพราะว่าขี้เกียจทำพาสปอร์ตใหม่


ตอบกลับความเห็นที่ 37
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 38
เมื่อวันอาทิตย ที่ผ่านมา พาสปอร์ตเรา ออโต้เกทขาเข้าไม่อ่านค่ะ ต้องเดินไปให้ ตม ประทับตรา
ดีที่เครื่องลงตอนตีสาม แล้วไฟล์ทไม่มีคนไทยเลย เลยไม่มีคิว

ส่วนขาออก เราเดินหาเครื่องออโต้เกทไม่เจอค่ะ เพราะเขากำลังปรับปรุงพื้นที่ ตม อยู่
(บินออกจากไทยตอนตีสามเช่นกัน) เฉพาะช่วงเวลานี้ สุวรรณภูมิเน่ามากค่ะ ซ่อมกันใหญ่เลย
ฝุ่นตลบอบอวล เพราะถ้าฟ้าสว่างคนจะเยอะมากกกกกก

เคยใช้ออโต้เกทเมื่อ พค ซึ่งเป็นช่วงที่ ตม ยังต้องประทับตราอยู่แม้จะผ่านออโตเกทมาแล้ว
เราไม่รุว่าจะต้องประทับตราด้วย ก็นึกว่าผ่านแล้วไปได้เลย
ตม ที่นั่งรออยู่ต้องกางแขนกันเราเลยทีเดียว
เพราะเรารีบและเดินดุ่มแบบไม่หยุดด้วย

เราชอบออโต้เกทค่ะ เพราะถ้าจะดูวันที่ที่เดินทาง
เราว่าตราประทับของประเทศปลายทางบางประเทศเขาก็มีบอกค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 38
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 39
ถ้าเราเดินทางคนเดียว มีออโต้เกท เราจะพยายามเข้าไปใช้ค่ะ
เพราะว่ามันเหมือนสมาร์ทโฟน เมื่อไม่กี่ปีก่ิปีก่อน เราฝึกใช้เพราะคิดว่า
ต่อๆไปมันจะกลายเป็นสิ่งปกติ ที่ต้องใช้ให้เป็น
เราเงอะงะตอนนี้ เพราะคนอื่นก็คงเหมือนเรา
ใช้บ่อยๆเราก็คล่องไปเอง

เราคิดว่าต่อไปออโต้เกทก็คงจะค่อยกลายเป็นส่วนหนึ่งในการเข้าออกประเทศ
ทั้งนี้เพื่อลดการใช้แรงงานเจ้าหน้าที่

แต่ส่วนใหญ่ลูกเรายังต้องเดินทางกับเรา
ออโต้เกทเลยไม่ค่อยมีโอกาสได้สัมผัสนิ้วเรา
ยิ่งเวลากลับเข้าปท.เหนื่อย และง่วง ไม่อยากต่อคิวรอประทับตราเข้าเมืองเลย
มันเหมือนแบตหมดอยากกลับบ้านน่ะ

สำหรับตราประทับ ถ้าต้องผ่านแดนที่ไม่มีออโต้เกท ยังจำเป็นอยู่
เช่นขั บรถข้ามมาเลย์ สิงค์
อันนั้นต้องดูให้ดีตอนเข้า ต้องมีตราประทับ
ไม่งั้นมีปัญหาตอนออกค่ะ เพราะเค้าจะไม่ให้ออกค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 39
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 40
แปลกใจกับความเห็นส่วนนึง
ที่ยอมละทิ้งประสิทธิภาพในการทำงาน
แลกกับอารมณ์ส่วนตัว
ซึ่งไม่ได้ทำประโยชน์อันใดให้กับส่วนรวม

ผมสนับสนุน auto channel 100%
สมมติว่าสามารถประหยัดเวลาการทำงานไปได้ 20 วินาทีต่อผู้โดยสารไทย 1 คน
ถ้าวันนี้มีคนผ่าน auto channel gate 2000 คน
ก็เท่ากับประหยัดเวลาการทำงานของพนักงานไป 40000 วินาที (11 ชั่วโมงกว่า ๆ )
ลองนึกถึงสภาพแถวเข้าตม. ที่เคยเห็นยาว ๆ ของปีก่อน ๆ
ถ้ามีการติดตั้ง auto channel gate ให้เพียงพอ
ปัญหาเหล่านั้นก็จะถูกแก้ไขไป


ตอบกลับความเห็นที่ 40
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 41
เราชอบออโต้นะคะ เร็วดี ไม่ต้องต่อคิว


ตอบกลับความเห็นที่ 41