กระทู้เตือนใจนักท่องเที่ยว ไม่อยากให้เกิดกับใครเลย

ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อหวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา (14 เม.ย.55) ผมกับภรรยานึกอยากจะขึ้นไปเที่ยวปาย โดยไม่ได้วางแผนอะไรเลย เพราะหยุดหลายวันไม่รู้จะไปไหนแล้วก็เพิ่งออรถวีออสมาใหม่ ยังไม่เคยวิ่งทางไกล ทั้งๆที่รู้ว่าช่วงนั้นมันคงไม่มีอะไรน่าเที่ยวเพราะเป็นหน้าร้อน แต่เพราะความที่ชอบเมืองปายมาก และอยากไปดูประเพณีสงกรานต์ที่ปาย
เย็นวันที่ 13 เม.ย.55 จัดเตรียมของเรียบร้อย ก็เอานายสิงโต (สุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทีฟเวอร์ ผมซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้ภรรยา เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ตัวผู้น้ำหนักประมาณ 47กก.แสนรู้ตัวใหญ่มาก รักเหมือนลูก) ขึ้นรถวีออสนั่งหัวเกือบติดหลังคา เพื่อเอาไปฝากเลี้ยงที่คลีนิค ห่างจากบ้านประมาณ 15 กม.(ชื่อคลีนิคไม่อยากเอ่ยถึง อโหสิกันไปแล้ว) อยู่แถวปากเกร็ด พอถึงคลีนิคให้ลงรถ นายสิงโตก็ไม่ยอมลงต้องออกแรงดึงอยู่พักใหญ่ พอเข้าไปในคลีนิด(ตึกแถว) ลงทะเบียนฝากเลี้ยงเรียบร้อย ภรรยาผมบอกกับหมอว่าฝากสิงโตด้วยนะ หมอบอกว่าไม่ต้องห่วง ที่พักของสิงโตอยู่สบายเปิดแอร์เย็น 24 ชั่วโมงทำให้ผมกับภรรยาสบายใจไปส่วนหนึ่ง พอเห็นเราจะกลับนายสิงโตเขาก็พยายามจะวิ่งตามแต่เจ้าของคลีนิค ที่เรียกตัวเองว่าหมอ ก็ช่วยดึงไว้ พอผมกับภรรยาขึ้นรถมองเข้าไปในคลีนิคก็เห็นนายสิงโตยืนชะเง้อมองตามมา ภรรยาผมแทบร้องไห้เพราะสงสารมันแต่ก็นึกในใจว่าไม่เป็นไรน่าอีก2-3วันก็มารับกลับแล้ว
เช้าวันที่ 14 เม.ย.55 ผมกับภรรยาก็ออกเดินทางที่หมายคือ อ.ปาย ช่วงบ่ายถึงเชียงใหม่แวะปั๊มเติมน้ำมันเรียบร้อย ก็เดินทางต่อใช้เส้นทางปาย-แม่มาลัย อีกร่วม 100กม.บนเขา
หลังจากเดินทางมาประมาณ อีก 50 กม.จะถึงปาย ภรรยาผมก็ได้รับโทรศัพท์จากหมอที่คลีนิคว่า นายสิงโตที่ฝากเลี้ยงไว้ไม่สบายมามีอาการชัก เกร็ง หายใจแรง ผมก็เลยจอดรถข้างทางแล้วคุยกับหมอ ว่านายสิงโตเป็นอะไร เพราะก่อนไปฝากที่คลีนิคเขาก็ปกติทุกอย่าง หมอบอกไม่รู้เหมือนกัน จะให้ทำยังไงดี (หมอถาม) ผมบอกว่าหมอช่วยรักษาเขาให้ดีที่สุดหาวิธีทุกอย่าง ค่ายา ค่ารักษาไม่ต้องห่วง หมอก็รับปากว่าเดี๋ยวจะฉีดยากันชักให้ หลังจากนั้นผมก็สองจิตสองใจ ทำอะไรไม่ถูก จะไปต่อหรือจะกลับดีก็เพียงแต่ปลอบใจตัวเองแล้วบอกภรรยาว่าคงไม่เป็นไรอยู่กับหมอแล้ว ก็เลยขับรถขึ้นเขาไปต่อ ก็พยายามติดต่อหมอตลอดแต่สัญญานโทรศัพท์ไม่มีเลย จนขับรถเกือบถึงปาย โทรศัพท์มีสัญญาน หมอโทรมาบอกอีกว่า อาการนายสิงโตไม่ดีขึ้นเลย จะให้ทำยังไง ผมไม่รู้จะทำยังไง มองก็ไม่เห็น ก็เลยบอกหมอว่าหมอช่วยเขาให้เต็มที่เลยนะไม่ต้องห่วงค่ารักษา หมอก็รับปากแล้วก็วางสายไป อีกสักพักใหญ่ก็โทรมาอีก บอกว่าสิงโตตายแล้ว ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับหมอ ก็บอกว่าไม่เป็นไรครับ แล้วก็หันไปบอกภรรยา เขานั่งร้องไห้อย่างเดียว แล้วก็โทษตัวเองว่าไม่น่าเอาเขาไปฝากไว้เลย เหมือนเอาเขาไปตาย ผมก็นั่งขับรถไปให้ถึงที่หมายเพราะทำอะไรไม่ถูกเลย กว่าจะถึงปายก็เกือบมืด
(ยังมีต่ออีกยาว) เดี๋ยวมาเล่าต่อ

ความคิดเห็นที่ 1
ตามเข้ามาให้กำลังใจค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ เข้าใจความรู้สึกคะ เราก็เคยเลี้ยงน้องหมา เลี้ยงตั้งแต่เกิดความผูกพันธ์มันมีมาก


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ก่อนอื่นขอแสดงความเสียใจกับคุณและภรรยาด้วยนะคะ เลยกลายเป็นเที่ยวไม่สนุกเลย เคยเจอประสบการณ์สูญเสียสัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รักระหว่างเที่ยวเหมือนกันค่ะ แต่คนละเคสกับคุณนะคะ เที่ยวต่อไม่ได้เลยค่ะ

รออ่านต่อนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
เตือนใจเรื่องเกี่ยวกับท่องเที่ยวตรงไหนเหรอครับ

แนะนำให้ตั้งอีกห้องที่จตุจักรครับืน่าจะมีคนช่วยได้เยอะกว่านะครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
น่าจะ Food poisoning
แต่ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นจากอาหารที่ให้กินมาจากที่บ้านนะ
เห็นด้วยกับ ความเห็นที่ 4
ลองทำตามที่เขาแนะนำดูนะ
ห้องนั้นมีผู้รู้เยอะ น่าจะตรงกว่า
เรื่องแบบนี้ไม่ต้องท่องเที่ยว อยู่ที่บ้านแล้วเอาหมาไปฝากไว้ก็ตายได้
แต่ก็เข้าใจความรู้สึกนะ เสียใจด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
เข้ามาเป็นกำลังใจด้วยค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
เขาติดว่าเอาเขาไปทิ้ง หรือเปล่า ครับ เครียดตาย


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
หลังจากขับรถถึงปายก็กาที่พัก เรียบร้อยก็ไปหาร้านอาหารมื้อเย็น เผอิญมีร้านใกล้ที่พักมีwifi ผมก็เลยให้หมอที่คลีนิคส่งรูปมาให้ดูู ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ได้ดูรูปสิงโต ก็เหมือนนอนหลับธรรมดา ส่วนหนึ่งก็ไม่เชื่อว่ามันตายแล้ว เพราะเหมือนมันนอนหลับก็เลยโทรกลับไปหาหมอว่าตอนนี้สิงโตอยู่ที่ไหน เขาบอกเอาไปฝังแล้วต้องรีบฝังเพราะจะเน่าเร็วมาก ผมกับภรรยาก็ยิ่งไม่เชื่อ คืนนั้นไม่ได้นอนเลย พยายามหาข้อมูลในเว็ปต่างๆ ถึงอาการของสิงโต ปรากฏว่าอาการตรงกับโรค heattroke (สะกดผิดขออภัยด้วยครับ) เป็นอาการของคนหรือสัตว์ที่แพ้ความร้อน
หลังจากได้ข้อมูลเบื้องต้นของอาการนี้ คืนนั้นผมก็เลยโทรกลับไปหาหมออีก แต่คราวนี้ผมไม่ได้คุยกับเขาดีๆ แล้ว สุดท้ายเขาขอโทษที่บอกเราว่าเป็นหมอที่จริงแล้ว เขาไม่มีความรู้ด้านนี้เลย เพียงแต่ใช้ชื่อสัตวแพทย์มาเปิดคลีนิคเท่านั้น
แล้วก็รับฝากสัตว์เลี้ยง แล้วที่บอกว่าให้อยู่ห้องติดแอร์ก็ยอมรับว่าที่จริงแล้วให้อยู่บนชั้น2 ของตึกแถวรวมกับสุนัขอื่นๆ มีแค่พัดลมเป่าเท่านั้น ส่วนตัวตึกก็หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ช่วงบ่ายจะร้อนมาก
ผมก็สงสัยตั้งแต่เขาโทรมาบอกตอนแรกแล้วที่สิงโตเริ่มมีอาการ ว่าจะให้ทำยังไง ในเมื่อเขาเป็นหมอทำไมเขามาถามเราแบบนี้
เช้าวันรุ่งขึ้นผมรีบติดต่อหมอแต่เช้าให้เขาไปรีบขุดหลุมที่ฝังสิงโต แล้วรีบเอาไปที่วัดผาสุกมณีจักร ในเมืองทอง ผมต้องการจัดงานศพให้สิงโต ผมเดินทางจากปายตอนเช้าถึงวัดประมาณ 1ทุ่ม เขาก็เข้ามาขอโทษผมกับภรรยา และยอมรับผิดชอบทุกอย่าง
สิ่งที่ผมเล่าให้ท่านอ่านนี้ก็เพียงเพื่อจุดประสงค์ของท่านที่ชอบท่องเที่ยว เดินทางหลายๆวัน แต่ไม่สามารถนำสัตว์เลี้ยงไปได้ ให้ระวังเรื่องการฝากเลี้ยงไว้กับคลีนิค ที่เราไม่รู้จักหรือคุ้นเคยต้องตรวจสอบให้ดี มิฉะนั้นท่านอาจจะไม่อยากไปเที่ยวปายอีกเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
น่าสงสารครับ เขาคงไปสู่สุขคติแล้วครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
เสียใจด้วยนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
เสียใจด้วยครับ
ส่วนคลีนิคเถื่อน คุณควรแจ้งหน่วยงานอะไรที่เกี่ยวข้องจัดการเลยครับ
ขอให้ลูกชายของคุณเป็นคนสุดท้ายที่เจอเหตุการณ์นี้นะครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
เกี่ยวอะไรกับไม่อยากไปเที่ยวปายอีกเลย อย่าพยายามเหมารวมสิครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
ผมว่าเข้าใจ จขกท ต้องการสื่อว่า ถ้าคุณจะไปเที่ยวโดยที่มีสัตว์เลี้ยงควรระมัดระวังในการนำไปฝากครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
ใจหายแทน ขอบคุณที่นำประสบการณ์นี้มาบอกค่ะ ที่บ้านก็มีมันน่ารักและฉลาดมาก 16นี้ จะไปเกาะช้าง ฝากข้างบ้านดู อยากพาไป แต่ที่บ้านมี5 คน รถแน่น สงสารเพราะไม่เคยทิ้งแบบนี้ แอบหนักใจ


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
เรื่องแบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดหรอกค่ะ ไม่ว่าสถานที่รับฝาก หรือคุณเองก็ตาม
คุณทำดีที่สุดแล้วค่ะ มันเกินความคาดหมายไปจริงๆ เราไม่สามารถควบคุมอะไรๆในโลกได้หมด คิดแค่นี้ดีกว่าค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
เสียใจด้วยนะคะ... ที่บ้านก็มี Golden อายุ 10 เดือนค่ะ เค้าขี้ร้อนมากเหมือนกัน
กลางคืนต้องเอาเค้ามานอนห้องแอร์ด้วยกัน ส่วนกลางวันก็เปิดพัดลม
วางน้ำเย็นให้ตลอด -"-


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
ถ้าเราเป็น จขกท คงร้องไห้ไม่หยุด เข้าใจว่าเสียใจมาก
เราก็เลี้ยงหมาอยู่สองตัว อายุ 12 ปี กับ 11 ปี ครึ่ง รักเหมือนลูก
ยังไม่รู้ว่าทำใจได้ไหมตอนเค้าตาย คิดภาพไม่ออก

แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อนะคะ อย่าเฝ้าโทษตัวเอง
ทำบุญให้เค้าเยอะๆ คิดแต่สิ่งดีๆที่เคยประสบเจอมาด้วยกัน
ถ้าชาติหน้ามีจริง เราว่าต้องได้เจอกันอีก


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
เสียใจด้วยนะคะ

คือเจ้าของร้านไม่ใช่สัตวแพทย์ แต่เอาชื่อสัตวแพทย์(คนอื่น)มาเปิดร้านเหรอคะ?
ถ้าเป็นแบบนั้น อยากให้ร้องเรียน ฟ้องร้องร้าน+สัตวแพทย์คนนี้จัง
เพราะเค้าเหมือนสมาชิกในครอบครัวแล้ว ไม่ใช่แค่สุนัข


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
เสียใจด้วยนะคะ เข้าใจเลยว่าถ้าต้องฝากหมาเวลาไปเที่ยวนี่

จะพะว้าพะวงตลอด ทางที่ดีต้องฝากกับร้านคลีนิค หรือคนที่ไว้ใจยาก

(แต่ก็หายาก)

ยังไงลองเข้าไปตั้งกระทู้ในห้องจตุจักรดูนะค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
เสียใจด้วยครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
เสียใจด้วยนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
ถือเป็นอุทาหรณ์สอนใจใว้ละกันครับ ของแบบนี้

มันเกิดขึ้นได้ครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
เสียใจด้วยจากใจจริงคะ

เคยมีประสบการณ์ต้องสูญเสียสัตว์เลี้ยง ที่เลี้ยงมา10ปี เป็นโดเบอร์แมน หนัก 45 โล
ช่วงแรกคิดถึงเขา ทำใจไม่ได้เลย เพราะจากไปแบบไม่ทันตั้งตัวเลย
เราก็เอาไปเผาที่วัดคลองเตยในคะ จนทุกวันนี้ไม่กล้าเลี้ยงสัตว์อีกเลย

ขอให้ผ่านช่วงเวลาที่โหดร้ายนี้ ไปได้เร็วๆ นะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 23
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 24
เสียใจด้วยคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 24
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 25
เสียใจด้วยค่ะ เป็นเราคงร้องไห้ เป็นเดือนเลยค่ะ
ตอบกลับความเห็นที่ 25
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 26
เสียใจด้วยครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 26
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 27
Y Y

กำลังจะไปจีนอาทิตย์หน้า

ต้องฝากแมวไว้กับคลินิคตั้ง 15 วันอ่ะค่ะ...กังวลจริงๆแล้วล่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 27
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 28
เสียใจด้วยจริงๆ ค่ะ ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้กับใครอีกเลย T____T


ตอบกลับความเห็นที่ 28
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 29
เข้าใจนะคะ เมื่อก่อน เราก็ไปฝากคลินิค เพราะ โรงแรม ไม่ให้เข้า
แต่ ตอนหลัง คุณพ่อคุณแม่ ไม่ยอมค่ะ ....สงสาร
เพราะเวลาไปรับ พี่ชุ้ย(หมา) จะงอนมาก ส่งสายตาโกรธ แล้วเครียดไปหลายวัน
ตอนหลัง เลยพาไปตลอด แอบพาเข้าโรงแรม ค่ะ แต่ดีคือ พี่ชุ้ยเราไม่เห่าค่ะ เปิดแอร์ เปิดทีวีให้ ก็อยู่ได้

เสียใจด้วยนะคะ .....ทำบุญให้เค้าเยอะๆนะคะ

ตอบกลับความเห็นที่ 29
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 30
ใช้คลีนิคที่อยู่แถวๆ รร สวนกุหลาบนนท์หรือเปล่าคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 30
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 31
ตายจริง รึป่าว หมาอายุ 10 ปี สวยๆ นี่เป็นพ่อพันธุ์ได้เลยนะครับ

ซื้อ-ขาย กันสอง-สามหมื่นบาท ถ้าสวยจริงๆ นะครับ

จริงๆ ผมก็เคยเอาหมาเข้า กทม.ไปรักษานะ บ้านผมอยู่ ตจว.ขับรถประมาณ 2 ชม.
เป็นโรคลำไส้ สุดท้ายก็ตาย หมอยังเก็บซากไว้ให้ดูเลย ผมยังเอาซากกลับบ้านมาฝังที่บ้างเองกับมือเลย
ของคุณเป็นโรคอะไร ทำไมมันถึงจะเน่าเร็วขนาดนั้น ถ้าเน่าเร็วๆ ก็น่าจะเกิดจากงูเห่ากัดตายมากกว่าครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 31
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 32
เสียใจด้วยนะคะ

เราเพิ่งเสียสัตว์เลี้ยงแสนรักเราไประหว่างเดินทางไปเที่ยวเชียงใหม่ ช่วงตุลาที่ผ่านมาเหมือนกันค่ะ

เข้าใจความรู้สึกเลยค่ะ ตอนที่หมอแจ้งว่าน้องเสียแล้ว ขณะกำลังขับรถขึ้นเขาอยู่

ตัวมันชา และเย็นวาบเลยค่ะ ตอนทราบข่าว นั่งร้องไห้ในรถ เที่ยวไม่สนุกเลยค่ะ ทั้งที่น่าจะเป็นทริปที่สนุกมากๆ

แต่มันก็ดีกว่าเราอยู่บ้านที่ไม่มีเค้าค่ะ ถ้าอยู่ที่บ้าน คงจะเครียดและฟุ้งซ่านมากกว่า

ของเราก็นำไปเผาที่วัดผาสุกมณีจักร ในเมืองทองเหมือนกันค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 32
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 33
เสียใจด้วยนะคะ

ส่วนใหญ่ถ้าเราจะไปไหนจะมีคนอยู่บ้านดูให้ตลอด เวลาไปเที่ยวต้องผลัดกันไป ไม่กล้าเอาไปฝากที่ไหนเหมือนกันเพราะสงสารเค้าอะค่ะ

เราเคยเห็น น้องหมาไซบีเรีย โดนผูกตากแดดอยู่หน้าร้านรับฝากสุนัข น่าสงสารมาก เจ้าของคงไม่รู้

ถามเจ้าของร้านว่าไม่ให้อยู่ในร้านละคะ เค้าบอกว่ามันเห่ามาก อยู่ร่วมกับตัวอื่นไม่ได้ T___T"


.....................................

ป.ล. คห. 29

แอบพาน้องหมาเข้าโรงแรมที่ไม่อนุญาต ไม่ควรทำนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 33
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 34
ผมก็เลี้ยง golden ผมเข้าใจความรู้สึกของ จขกท หมาพันธ์นี้ซื่อสัตย์และฉลาดมากแต่แพ้ความร้อน จนที่บ้านผมต้องทำห้องติดแอร์ให้นอน ณ ตอนนี้ผมกับพ่อแม่จะไม่ค่อยได้ไปเที่ยวด้วยกัน เพราะต้องสลับกันเที่ยวเพื่อดูแลเจ้า 4 ขาขนทอง

ให้กำลังใจ จขกท ครับ ผมเข้าใจความรู้สึกดี ผมเป็นผู้ชายแต่เมื่อเค้าจากไปผมก็ร้องไห้ครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 34
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 35
อ่านจบน้ำตาซึมเลยค่ะ

เข้าใจคนที่รัก เหมือนเสียลูกไปยังงัยยังงั้น เลยนะคะ

เสียใจด้วยค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 35
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 36
อโหสิได้

แต่ต้องทำเรื่องร้องเรียนไปที่หน่วยงานรัฐ
สั่งให้เขาปิดคลินิกให้ได้

เพื่อไม่ให้สัตว์เลี้ยงอื่นๆต้องมาตายโดยไม่สมควรจะตายอีก


ตอบกลับความเห็นที่ 36
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 37
เสียใจด้วยนะคะ เราก็เลี้ยงหมาเหมือนกัน พอตัวไหนตายก็เศร้าตลอดเลย

ที่จริงก่อนไปอยากให้ลองหารีสอร์ทที่อนุญาตให้พาน้องหมาเข้าพักได้นะคะ ในอนาคตถ้าคุณ จขกท.เลี้ยงหมาอีกและต้องการไปต่างจังหวัดก็ลองเสิร์ชหาที่พักก่อนดีกว่า แล้วพาน้องหมานั่งรถไปด้วย หรือไม่ก็ลองเสิร์ชหากระทู้ในนี้ดีกว่าค่ะ ตั้งกระทู้ถามด้วยก็ดี

อีกอย่างคือถ้าพาน้องไปไม่ได้จริงๆ นั่งเครื่องไปกลับขับรถเที่ยวเพื่อประหยัดเวลาเดินทางดีกว่า ไม่งั้นก็ให้อาหารน้องหมาแล้วไปสนามบินขึ้นเครื่องเช้ามืด เช่ารถกลับทั้งวัน แล้วตอนดึกขึ้นเครื่องกลับจะได้ไม่ต้องฝากน้องหมา (ขับรถในเชียงใหม่ได้แต่ไปปายน่าจะไกลพอดู)



ตอบกลับความเห็นที่ 37
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 38
พอดี อจน. ไปจุดธูปเรียกทางเฟสฯ ครับ ....

ทีผมเดานะ ...
ผมเดาว่า น่าจะโดนตากแดดมาครับ
เลยทำให้ heat stroke ซึ่งเป็นอาการที่อุณหภูมิสูงขึ้นจากการอยู่ที่ร้อนอบอ้าว หรือโดนตากแดดมา
หรือบางกรณี เจ้าของลืมสุนัขทิ้งไว้ในรถที่จอดตากแดด

อย่างช่วงหน้าร้อนอย่างกลางเมษายน ช่วงเวลาร้อนที่สุดของปี เจอเคสนี้เป็นประจำครับ
เคยมึเคสนึง น่าสงสารมาก ด้วยความที่ที่ทำงานเก่าผมอยู่ไม่ไกลจากสนามบินเชียงใหม่นัก
เป็นพ่อพันธุ์บูลด๊อก ... มูลค่าร่วมแสน (เจ้าของว่างั้น) ถูกส่งมาจากกรุงเทพโดยสายการบินแห่งหนึ่ง
(สายการบินที่บินกรุงเทพ-เชียงใหม่ และรับสัตว์เลี้ยงโหลดใต้ท้องเครื่องมีอยู่ไม่กี่สายหรอกครับ)
ที่น่าสงสารมากคือ สุนัขพวกบูลด๊อก หรือ ปั๊ก หรือปักกิ่ง ฯลฯ ซึ่งเป็นกลุ่มหน้าสั้น จะระบายความร้อนได้ช้ากว่าสุนัขปกติ

สุนัขโดนถูกลึมทิ้งไว้กลางลานจอดเครื่องบิน (อันนี้คือ เจ้าของเล่าให้ฟังนะครับ)
พอถึงสนามบินเชียงใหม่ สุนัขมีอาการร้อนหอบจัด หายใจแทบไม่ทัน และแน่นิ่งหยุดหายใจไปก่อนถึงโรงพยาบาลเล็กน้อย ตอนที่น้องเค้ามาถึง รพ. นี่ตัวร้อนฉ่าเลยครับ เสียบปรอทวัดไข้เรียกว่าปรอทแทบจะทะลุเลย
ผมฟังหัวใจดู หัวใจหยุดเต้นไปแล้ว ไม่มีการหายใจ ก็เปิดแอร์ ต่อท่ออ๊อกซิเจน และพยายามช่วยปั๊ม เอาผ้าชุบตัวมาเช็ด (ให้เจ้าของเห็นว่าเราทำอะไรบ้าง นั่นเป็นอีกวิธีการนึงที่เรียกว่า ทำให้เจ้าของสุนัขตกตึก แทนที่จะตกจากตึก 10 ชั้นถึงพื้นดินเลย ก็ค่อยๆ ให้ตกมาชั้น 7 ลงมาชั้น 3 และค่อยถึงพื้น)

เจ้าของก็หน้าเสีย แต่เราก็รู้อยู่แล้วว่าไม่ไหวแน่ๆ เหงือกม่วงมาเลย
จนสุดท้ายก็แจ้งเจ้าของไปว่า สุนัขไม่ไหวจริงๆ ครับ อุณหภูมิร่างกายสูงจัดมากกกก
เจ้าของก็เสียใจไปตามระเบียบครับ เห็นว่าเสียหายไปเยอะเหมือนกัน เราก็เห็นใจเขา

-----------------------------------------------------------------------
เคสกลุ่ม Heat Stroke กรณีที่สุนัขมาแบบหอบๆ
ถ้าสุนัขยังหอบอยู่สิ่งที่หมอจะทำกันก็คือ พยายามลดอุณหภูมิให้เร็วที่สุดไม่ว่าวิธีการใดก็ตาม
อย่างในโรงพยาบาลสัตว์จะมีน้ำแข็งเป็นแพคๆ ก็ระดมผู้ช่วยแกะน้ำแข็งออกมาแช่น้ำให้เย็นแล้วระดมเช็ดตัว
โดยทางหมอก็จะให้สารน้ำเข้าเส้นเพื่อปรับสภาพร่างกายด้วย
พยายามเช็ดเน้นไปทางฝ่าเท้าทั้ง 4 บริเวณใบหู บริเวณขาหนีบ ซึ่งส่วนใหญ่ถ้ามาทันก็มักจะรอดอยู่ครับ ...

-----------------------------------------------------------------------

สรุปให้เดาเหตุการณ์ ก็คือ ...
1. สุนัขโกลเด้น ซึ่งมีความไฮเปอร์เป็นพิเศษอยู่แล้ว ถูกขังไว้ในห้องฝากเลี้ยง
ซึ่งเป็นห้องพัดลม มีแสงแดดส่อง และคอกหรือกรงอาจจะโดนแดดเข้าเต็มๆ
2. เมื่อสุนัขมีความตื่นเต้นต่อสถานที่แห่งใหม่ ยิ่งโกลเด้นจะดิ้น และพยายามจะตะกุยตะกายเพื่อจะออกมา
ทำให้ใช้พลังงานมากเป็นพิเศษ จะมีการหอบหายใจมากขึ้น
3. เมื่ออากาศในห้องซึ่งค่อนข้างร้อนอบอ้าว + สุนัขหอบหายใจ + ไม่หยุดที่จะดิ้นเพื่อจะออกมา
สุนัขก็เลยเกิดอาการ Heat Stroke
4. พอสุนัขเป็น Heat Stroke บางตัวก็จะมีอาการทางประสาทแสดงให้เห็นออกมา
ซึ่งถ้าไปถึงจุดทีเรียกว่า point of no return ก็คือจบข่าวครับ
ถ้าคนไม่ใช่หมอก็กู้ไม่ได้แน่ๆ ....

สถานพยายาลสัตว์แห่งนี้ มีการจดทะเบียนที่ถุกต้องตามกฎหมายหรือเปล่าครับ
ซึ่งปกติ สถานพยาบาลจะมีการควบคุมโดยกรมปศุสัตว์ จะต้องมีใบอนุญาตให้ตั้งสถานพยาบาลสัตว์
และใบอนุญาตให้ดำเนินกิจการ คู่กับ นายสัตวแพทย์ผู้รับผิดชอบจะต้องโดนไปเต็มๆ ครับ !!!

ทั้งนี้ถ้าจะเอาเรื่อง ... ก็ต้องให้กรมปศุสัตว์เป็นคนไล่บี้
แต่ความเห็นส่วนตัวผม คงทำอะไรได้ยาก เพราะขนาดเคสคลินิคเถื่อน ที่ประกอบกิจการ
โดยสัตวแพทย์ที่ไม่ใช่ผู้ประกอบการบำบัดโรคสัตว์ชั้น 1 (เรียนจบ สัตวแพทยศาสตรบัณฑิต)
ทางกรมฯ เองก็ยังดูไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าที่ควรเลยครับ ...

------------------------------------------------------------------------
สำหรับ ผู้ที่ต้องทิ้งสัตว์เลี้ยงไว้
ซึ่งผมก็ต้องทิ้งบ่อยๆ เวลาหนีเที่ยว ผมขอแนะนำว่า ....

-- ถ้าจะฝากเลี้ยง ควรฝากไว้กับบุคคลที่เราเชื่อถือได้ เช่นฝากไว้ที่บ้านกับสุนัขตัวอื่นๆ ซึ่งสุนัขหรือสัตว์เลี้ยงของเราเข้ากันได้ดี มีที่อยู่ได้อย่างสบาย ....
-- กรณีต้องฝากสถานพยาบาลสัตว์ หรือสถานรับเลี้ยง (อย่างในเชียงใหม่ก็มีหลายแห่งครับ ที่เปิดเป็นกิจการรับฝากเลี้ยงสุนัขเป็นรายวันหรือรายเดือน สำหรับพวกชาวต่างชาติที่ต้องกลับประเทศ ฝากสัตว์เป็นเดือนๆ ก็มี)โปรดไปสำรวจคอกหรือกรงที่อยู่ก่อนตัดสินใจทำเรื่องฝาก โดยดูจากชื่อเสียงของสถานพยาบาลสัตว์แห่งนั้นก่อน เพราะแต่ละแห่งก็มีวิธีการจัดการที่แตกต่างกัน แต่ถ้าที่ไหนปล่อยให้สุนัขเป็น Heat Stroke ได้นี่ก็เสื่อมเสียจริงๆ ครับ

---------------------------------------------------------------------------
เคส คุณ จขกท. น่าเสียดายครับ ...
จริงๆ น่าจะพาน้องเค้าติดรถมาด้วย แล้วมาฝากไว้ที่เชียงใหม่ก็ได้ครับ
(ที่ปายเท่าที่ผมทราบยังไม่มีคลินิคสัตวแพทย์เปิดแบบจริงๆ จังๆ)
มีสถานพยาบาลสัตว์ที่เชื่อถือได้มากมายครับ
เพราะถ้าทำไม่ดี ก็เตรียมตัวเจ๊งกันได้เลย สำหรับเชียงใหม่ตลาดปราบเซียนอยู่แล้วครับ
แม้จะมีคลินิคหรือสถานพยาบาลสัตว์เยอะพอๆ กับเซเว่น แต่ถ้ามาตรฐานไม่ดีก็เหนื่อย แน่นอน ....


ตอบกลับความเห็นที่ 38
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 39
เสียใจด้วยครับ

แต่ผมว่าน่าจะลองแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวของ เกี่ยวกับสถานคลีนิค ที่อ้างตนเองว่าเป็น สัตวแพทย์ จอมปลอม นะครับ ไม่มีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับชีวิตสัตวแม้แต่น้อย

แล้วก็นำชื่อคลีนิค มาประจาน ไม่ให้คนที่ไม่ใช้สัตวแพทย์ มาแอบอ้างแบบนี้อีก


ตอบกลับความเห็นที่ 39
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 40
เสียใจด้วยนะคะ ไปเที่ยวไหนนานๆจะเป็นห่วงสัตว์เลี้ยงเหมือนกันค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 40
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 41
ทำไมชอบเลี้ยงหมาพันธุ์ฝรั่งที่ชอบอากาศเย็นๆในเมืองไทยอันแสนร้อนอบอ้าว คุณคือต้นเหตุที่ทำให้มันตายนะครับ ที่เอาไปฝากนั่นมันปลายเหตุแล้ว หมาพันธุ์ไทยน่ารักจะตาย เลี้ยงได้แบบสัตว์เลี้ยง ไม่ใช่แบบลูกในใส้หรือไข่ในหิน
ตอบกลับความเห็นที่ 41
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 42
เสียใจด้วยครับ

ของผมตาย นอนหลับยังละเมอ เรียกหา

กว่าจะทำใจได้ใช้เวลานานพอดู

แต่ไม่เคยลืม...


ตอบกลับความเห็นที่ 42
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 43
เคยมีเรื่องเกิดแบบนี้เหมือนกันคะ สุนัขพันธุ์เดียวกันเลย แต่ไม่ได้ฝากไว้กับคลีนิค
เกิดช่วงสงกรานต์เมื่อสี่ปีก่อน คืนนั้นต้องกลับบ้านที่พะเยาคะ(กลับทุกปีอยู่แล้ว)
แล้วอยู่ๆเย็นวันนั้น โด้งเด้งก็ไม่สบายขึ้นมาเฉยเลย ซึมๆไม่มีแรงแล้วก็อ้วกเลยพาไปตรวจที่คลีนิค
หมอก็ฉีดยาแล้วก็ให้เอาผ้าเย็นหรือน้ำแข็งประคบไว้ตรงอกตลอด แล้วคืนนั้นก็ต้องเดินทางเลยฝากไว้กับพี่
ก่อนจะไปก็ลูบหัวมันแล้วก็บอกรอพี่กลับด้วยนะ อย่าเป็นอะไรไป มันก็มองกลับมาตาซึมๆ ยิ่งเห็นยิ่งไม่อยากไป
แต่แม่ก็บังคับไปให้ได้ พอไปถึง อีกวันนึงพี่โทรมาบอก โด้งเด้งมันชักใหญ่เลยแล้วมีเลือดทะลักออกมาจากปากด้วย
พี่บอกดิ้นแบบทุรนทุรายอะ แล้วก็ตายในที่สุด วันนั้นร้องไห้จะกลับบ้านให้ได้อะ ยายเลยบอกทีหลังไม่ต้องเลี้ยงแล้ว
ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ได้เลี้ยงเลย ใจอยากเลี้ยงมาก แต่กลัวจะมันจะเป็นแบบโด้งเด้งอีก

ปล. เห็นข่าวเจ้าสมหวังที่พระออกธุดงค์แล้วมีสุนัขพันธุ์โกลเด้นท์ลากรถเข็นตาม อยากเลี้ยงมาก เมื่อสามเดือนที่แล้วมั้งไปเซียร์ รังสิต นั่งอยู่ในรถ เจอพระหนูกับเจ้าสมหวังเดินอยู่ริมถนน เสียดายมาก อยากจะเอาของไปทำบุญแต่ดันอยู่กลางถนน เลยชี้ให้แม่ดู บอกแม่ดูโด้งเด้ง 555 ตอนนี้สุนัขพันธุโกลเด้นท์ที่เราเห็นเป็นโด้งเด้งไปหมด คิดถึงง


ตอบกลับความเห็นที่ 43
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 44



ตอบกลับความเห็นที่ 44
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 45
ผมว่าเคสนี้น่าจะฟ้องเรียกค่าเสียหายให้นะครับ
หลอกลวงผ้าบริโภคให้เข้าใจผิด บอกว่าดำเนินงานโดยสัตวแพทย์แต่จริงๆไม่ใช่อันนี้ก็ผิดเต็มประตูแล้วครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 45
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 46
จขกท พอจะใบ้ ได้มั้ยครับว่าคลีนิคตั้งบริเวณไหน เพราะที่บ้านเลี้ยงโกลเด้น แล้วก็พารักษาคลีนิคแถวๆปากเกร็ดเช่นกัน


ตอบกลับความเห็นที่ 46
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 47
เคยเลี้ยงหมาไทย แค่ปล่อยให้มันอยู่บ้านตอนกลางวันคนเดียว ยังสงสาร
มาอยู่เมืองกรุง เลยเลิกเลี้ยงไปเลย ไม่มีเวลา เวลาเขาจากไป รู้สึกแย่ๆด้วย

ดีค่ะ มาเล่าสู่กันฟัง ว่าคนที่เลี้ยงหมา เวลาต้องออกไปเที่ยว
ควรระวังอะไรมั้ง


ตอบกลับความเห็นที่ 47
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 48
ขอแสดงความเสียใจด้วยนะค่ะ เลี้ยงก็รักผูกพัน ขนาดซื้อรถยังต้องนึกถึงเลยค่ะ เผื่อเอาเค้าไปไหนด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 48
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 49
เสียใจด้วยครับ

อ่านกระทู้ตอนบ่าย รีบกลับมาบ้านดูเจ้าขนทองทันที พร้อมทั้งหาข้อมูลเกี่ยวกับเค้า

ลูกชายได้มาเลี้ยงเกือบสองปีแล้ว ไม่เคยรู้ว่าต้องดูแลเป็นพิเศษยังไงบ้าง


ขอบคุณที่มาเตือนกันครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 49
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 50
อ่านแล้วเศร้าใจมาก นึกถึงตอนที่คุณเอาไปไว้ที่ร้านแล้วเขาจะวิ่งตาม เหมือนจะรู้ว่าจะไม่ได้เจอกันอีก เสียใจไปกับคุณด้วย

เพื่อนบ้านเลี้ยงชิวาว่าสองตัว ซนเหมือนลิง แต่มันน่ารักมาก เวลาเขาจะไปไหนหลายวันมักจะถามว่าฝากเราได้ไหมเพราะหมาเขาได้อยู่บ้านเองจะดีกว่าไปนอนที่อื่น เขาจะให้ตังค์เราด้วยแต่เราไม่เอาเพราะดันไปรักหมาเขาด้วยเลยยินดีที่จะเลี้ยงให้ อีกอย่าง เขาก็เป็นเพื่อนบ้านที่ดี เราไม่เอาตังค์เขาๆก็จะซื้อบัตร gift card ให้

ตกลงเลยได้ดูแลไอ้สองตัวนี่ให้เขาบ้างเป็นบางครั้งบางคราวค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 50
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 51
# คห. 41
ใจร้ายจังเลยค่ะ จขกท. เลี้ยงหมาฝรั่งเค้าก็เลี้ยงอย่างดี อยู่บ้านก็เปิดแอร์ แถมเลี้ยงมาสิบปีแล้ว ไม่ใช่ต้นเหตุที่ทำให้หมาตายแน่นอน
ผิดที่ไอ้คลินิคบ้านนั่นแหละ ที่ไปหลอกเค้าว่ามีแอร์ แถมยังเป็นหมอปลอม พอหมาเริ่มมีอาการป่วยก็ไม่สามารถให้ความช่วยเหลืออะไรได้

ไม่ใช่ว่าหมาไทยไม่ดีนะคะ แต่ความชอบของคนมันก็ไม่เหมือนกัน จะไปบังคับกันได้ยัง จขกท. ชอบโกลเด้น เค้าก็หาโกลเด้นมาเลี้ยง ในเมื่อเค้ามีปัญญาที่จะเลี้ยงคุณจะไปว่าเค้าเป็นต้นเหตุให้หมาตายได้ยังไง ใจแคบไปหน่อยไหมคุณ ???


ตอบกลับความเห็นที่ 51
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 52
เสียใจด้วยครับ คุณวิภาวดี06

ขอให้การตายของสิงโตเป็นอุทธาหรฌ์กับผู้ที่จะนำหมาไปฝาก
คุณควรบอกชื่อหรือบริเวณใกล้เคียงที่สุดให้คนอ่านทราบ
เพื่อที่จะได้ให้คลีนิคเถื่อนนั้นเจ๊งไปเลย จะได้ไม่ทำบาบของหมาตัวต่อๆไป


ตอบกลับความเห็นที่ 52
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 53
เสียใจด้วยค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 53
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 54
เสียใจด้วยนะค่ะ

ทุกวันนี้ถ้าจะพาไปหาหมอก็จะหาข้อมูลก่อน และฝากก็ฝากกับญาติที่เชี่อใจ

เลี้ยงสัตว์มากกว่าจะไปรับฝากค่ะ ยิ่งโทรมาถามว่าทำอย่างไรดีนั้น เป็นเราตีรถกลับไปแล้วค่ะ

ผิดสังเกตุตั้งแต่เค้าโทรมาถามแล้ว ปกติหมอจะโทรมาเพื่อแจ้งอาการของสุนัขให้ทราบ

ยังไงขอให้น้องไปสู่สุขตินะค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 54
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 55
เสียใจด้วยจริงๆ เราเป็นคนที่รักหมามากๆ เข้าใจหัวอกเลย ขอบคุณที่เอามาแชร์เป็นอุทธาหรณ์ค่ะ เจ้าของหมาคนอื่นจะได้ระวังใส่ใจมากขึ้น

ปกติแลว้เราไม่เห็นด้วยเลยกับการไปเที่ยวแล้วเอาหมาไปฝากเลี้ยงตามคลีนิค ไม่เคยอยู่ในความคิดเราเลย สงสารหมา หมามันอยู่กับเรามาตลอด แล้ววันนึงเอาไปฝากกับใครก็ไม่รู้ ไม่คุ้นหน้า แปลกที่ คิดดูว่าหมามันจะหวาดกลัวซึมเศร้าขนาดไหน เราไม่เคยทิ้งหมาไปไหนเลย ถ้าที่บ้านจะไปเที่ยวก็ต้องแยกกันเที่ยว ไม่เคยได้เที่ยวกันพร้อมหน้า เพราะเราเลี้ยงมันแล้ว มันไม่ใช่แค่หมา เราถือว่ามันเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว เราควรจะดูแลมันให้ดีเท่าที่จะทำได้

ถ้าจำเป็นจะต้องไปไหน เราอยากแนะให้เอาไปฝากเพื่อนหรือญาติแทนจะดีกว่า ให้หมากับเพื่อนหรือญาติทำความคุ้นเคยกันนิดนึง มันจะได้รู้สึกปลอดภัยขึ้น


ตอบกลับความเห็นที่ 55
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 56
ทำไมชอบเลี้ยงหมาพันธุ์ฝรั่งที่ชอบอากาศเย็นๆในเมืองไทยอันแสนร้อนอบอ้าว คุณคือต้นเหตุที่ทำให้มันตายนะครับ ที่เอาไปฝากนั่นมันปลายเหตุแล้ว หมาพันธุ์ไทยน่ารักจะตาย เลี้ยงได้แบบสัตว์เลี้ยง ไม่ใช่แบบลูกในใส้หรือไข่ในหิน
ความรักสุนัขของแต่ละคนไม่เหมือนกันครับทั้งนี้ คุณ จขกท. ไม่ได้ผิดหรอกที่เลี้ยงสุนัขสายพันธุ์ต่างประเทศ เพราะผู้คนทั่วไปก็เลี้ยงกันเป็นจำนวนมาก สุนัขในเขตหนาวที่เลี้ยงในประเทศไทยก็มีเยอะแต่ก็อยู่กันได้เพราะการดูแลที่ดีของเจ้าของ ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ต้องทำหากคิดจะเลี้ยงในกรณีเดียวกัน เอาสุนัขหมาเมืองบ้านๆ หรือสุนัขสายพันธุ์ไทย อย่างหางดาบ บางแก้ว ไปขังไว้ในกรงที่มีแดดส่อง และอยู่ในพื้นที่ที่อากาศร้อนอบอ้าวมากๆ ก็หอบแดดเหมือนกันหมดหล่ะครับ (เพียงแต่จะเจอเคสทำนองนี้น้อยมาก เพราะส่วนใหญ่พันธุ์เหล่านี้ เจ้าของมักไม่เลี้ยงแบบขังให้โดนแดดอยู่แล้ว) ความผิดจึงไม่ได้อยู่ที่คุณ จขกท. ที่รักสุนัขเหมือนลูก แต่ผิดที่สถานพยาบาลสัตว์นั่นที่ไม่สามารถดูแลสุนัขให้ดีได้ครับ !!!
ตอบกลับความเห็นที่ 56
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 57
#41 น่าจะถูกจับไปตากแดดดูว่าจะทนร้อนได้ไหม แล้วจะตายไหม

จขกท. ถ้าเค้ารู้ว่าคลินิกนี้ไม่มีแอร์ เค้าคงไม่ฝากตั้งแต่แรกแล้ว แล้วเจ้าของคลินิกจอมปลอมก็ไปหลอกว่ามีแอร์ หลอกว่าเป็นสัตวแพทย์ เห็นสมควรว่าควรบอกชื่อคลินิก

เคสนี้น่าจะใช้พรบ. Reliability ได้นะ สามารถฟ้องร้องได้เกี่ยวกับบริการ ลองติดต่อสคบ.ดู รู้สึกว่าสคบ. จะฟ้องให้เลย จขกท. เก็บหลักฐานเอาไว้เลยค่ะ ฟ้องเลยค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 57
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 58
อ่านแล้วสงสารเจ้าสิงโตมากๆ ตอนที่ไม่ยอมลงจากรถกับตอนที่เค้ามองตามเจ้าของ

ฝากเลี้ยงวันนึงก็หลายตังค์อยู่ ดูแลไม่ได้ก็ไม่ควรรับฝากจะดีกว่า


ตอบกลับความเห็นที่ 58