""ขอแชร์ประสบการณ์นักเรียนนอก""

ชีวิตนักเรียนนอก ยามเมื่อต้องอยู่ไกลบ้านนั้น เป็นอย่างไรกันบ้างครับ อยากให้เพื่อนที่กำลังเรียนอยู่ต่างประเทศ หรือ ที่จบกันไปแล้ว ช่วยมาแชร์ประสบการณ์กันหน่อย เพื่อเป็นวิทยาทาน สำหรับ จขกท. เอง และทุกคนที่กำลังจะไปเรียนต่อ ด้วยนะคร้บ
....ขอบคุณครับ....
ความคิดเห็นที่ 1
ลอง search ดูค่ะ มีกระทู้เกี่ยวกับพวกนี้เยอะในคลังกระทู้เก่านะคะ เยอะมาก
ไม่นานมานี้เพิ่งมีคนเขียนถึงชีวิตนักเรียนนอกอังกฤษไป


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ลองดูเว็บเหล่านี้ครับ
http://dosday.com
http://aussiethai.com
http://www.aussietip.com
http://www.natuไอ.com.au
http://www.ohbar.com.au
http://www.atthaitown.com
http://www.hereaus.com.au


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
อ้าว ผมอ่านผิด นึกว่าถามว่า "ประสบการณ์นักเรียนออส"


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
@ คุณ PuppyPower พอจะช่วยแปะลิงค์ ชีวิตนักเรียนนอกอังกฤษให้ได้มั้ยครับ ?
@ คุณ ดอส ไม่เป็นไรหรอกครับ ขอบคุณที่เอามาแปะไว้ให้นะครับ มันมีประโยชน์กับ จขกท. มากๆ เพราะอยู่ในช่วงเก็บข้อมูล

ปล. ยังอยากได้ข้อมูลเยอะๆ อยู่นะครับ รบกวนช่วยหน่อยนะค้าบ

ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
เราไม่รู้ว่าตัวเราเรียกนักเรียนนอกหรือป่าว เราย้ายมาอยู่แม่ที่สวีเดนปี 2005 จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังอยู่สวีเดน
ได้ประสบการณ์ชีวิตมากมาย เริ่มต้นจากมาอยู่ใหม่ๆได้รู้จักเพื่อนคนไทย เจอดีก็ดีไป แต่เราคงมีกรรม

ทำให้เจอไม่ดีเท่าที่หวังไว้ ไม่ตั้งใจเรียน เที่ยว อยากทำงานหาเงินมากกว่าเรียน พอรู้สึกว่ามันเริ่มเบื่อ

ชีวิตเรื่อยเปื่อยแบบนี้ มันถึงจุดอิ่มตัวและคิดได้ เราเริ่มแยกตัวออกมา ตั้งใจเรียน เพราะนึกถึงแม่ที่อุส่าพาเรามาอยู่ถึงเมืองนอกเมืองนา จนปัจจุบันนี้เราเรียนวิชาชีพพยาบาล วิชาหลักจิตเวชศาสตร์

เราไม่โทษเพื่อน แต่โทษตัวเราเองมากกว่าที่ปล่อยตัวเองไปกับสังคม


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ขอแสดงความนับถือ คุณความเห็นที่ 5 นะครับ คุณเก่ง และเรียนรู้ชีวิตเต็มที่เลยครับ..เป็นกำลังใจให้นะค้าบ ^^


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
ความเห็นที่ 7 : ขอบคุณครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
การไปเรียนต่างประเทศ และเอาชีวิตรอดในต่างประเทศนั้น ต้องมีอย่างน้อยสามประการ ประการแรก คือการเล่าเรียนให้ดีและจบได้ อันที่สองการเข้าสังคม มีเพื่อน ไม่เช่นนั้นคุณจะเหงามาก และมีผลสท้อนกลับถึงการเรียนด้วย ประการที่สามคือการครองตัวครองตนไม่มห้มีปัญหา

ในประการแรก แรกสุดเลยคือเรื่องภาษาก่อนเลย เขียน อ่าน ฟัง ต้องดี พูดนี่มาทีหลัง แต่ยังไงก็ต้องดีแต่ 3อันแรกต้องมาก่อน ไม่เช่นนั้นจบเห่ตั้งแต่คลาสแรก อันต่อมาการเรียนในต่างประเทศต้องช่วยตัวเองให้มาก ไม่มีใครมาติวให้ อาจมี ta มาช่วยในคลาสแล็บที่ถามได้ แต่เขาก็แค่แนะนำ ถ้าเราคิดว่าเราบกพร่องตรงไหนก็รีบแก้ไขก่อนไป

ประการที่สอง การมีเพื่อนจะทั้งไทยและเทศก็ตาม ถ้าเป็นต่างชาติ ภาษาพูดมาก่อน ถ้าเราพูดแล้วเขาไม่รู้เรื่อง หรือฟังไม่ค่อยได้ พอพ้นช่วงฮันนีมูนก็ไม่ค่อยมีใครอยากคุยด้วย แต่ถ้ามีนักเรียนไทยก็ส่วนใหญ่ก็เข้ากันได้ดี แต่ก็มียกเว้นบ้างที่ไม่ค่อยมาเข้าหมู่เข้าพวก ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละคน แต่ถ้าเรามีความสามารถด้านกีฬาระดับที่ดี ไม่ต้องขั้นทีมชาติก็ได้ แต่เล่นได้ดีเราก็จะเข้ากลุ่มที่รักกีฬานั้นๆได้อย่างรวดเร็วแม้ภาษาจะเป็นอุปสรรคบ้าง อีกอันคือดนตรี "ชนใดไม่มีดนตรีกาล ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก" ถ้าเล่นดนตรีเป็น หรือร้องเพลงได้ดี ไม่ปีนคีย์ หรือเพี้ยน แน่นอนคุณจะอยู่อย่างสนุกสนานในกลุ่มเพื่อน ทุกอาทิตย์อาจรวมกลุ่มกัน ทำอาหารมาแชร์กัน เล่นดนตรี ร้องเพลงกัน หรือจะร้องคาราโอเกะก็ยังได้
ประการที่สาม การครองตน การอยู่ต่างประเทศ อันแรกคือต้องรู้กฏหมายของเขา อะไร ผิด อะไรทำได้ ไม่เช่นนั้นจะส่งผลตามมาใหญ่โตมหาศาล ต่างประเทศกฏหมายเขาเคร่งครัด ไม่หละหลวมเหมือนบ้านเรา ถ้าผิดอาจติดคุกหัวโต หรือยุ่งยากต้องขึ้นศาล เช่นบ้านเราขับรถผิดกฏสบายมากยื่นใบขับขี่ให้ดู พร้อมใบแดงสองสามใบก็ไปต่อได้ แต่ต่างประเทศต้องขึ้นศาล ยุ่งยาก เสียเวลา ประการต่อมาต้องเข้าใจธรรมเนียมและวัฒนธรรมของเขา ไม่เช่นนั้นอาจเกิดความเข้าใจผิดได้ ประการต่อมาการคบเพื่อน ก็ต้องมีการเว้นระยะห่างไว้บ้าง ไม่ว่าจะสนิทแค่ไหน ต้องรู้ว่าอะไรควรพูด อะไรควรบอก อะไรควรปิดปากไว้ ไม่เช่นนั้น เราเองอาจตกที่นั่งลำบาก การเลือกคบเพื่่อน แต่ละคน ก็ต้องดูด้วย ใครเป็นยังไง มิเช่นนั้น เราอาจไปอยู่ผิดที่ผิดเวลาโดยไม่รู้ตัวก็ได้ ต้องพึงระวัง แต่ทั้งหลายทั้งปวง ไม่ใช่ว่าหวาดระแวงไปหมด แต่ตั้งสติไม่ประมาท แล้วท่านจะมีความสุขเมื่อเรียนต่างประเทศ โดยเฉพาะถ้าเรียนนานๆ
ประการสุดท้าย เป็นของแถม การฝึกทำอาหารให้เป็นบ้าง จะช่วยให้เราประหยัดรายจ่ายในขณะอยู่ต่างประเทศได้เป็นอันมาก แม้ว่าคุณจะได้ทุนที่เพียงพอต่อการดำรงชีพอยู่แล้วก็ตาม อย่างน้อยก็ได้ทานอะไรที่อยากทาน อันที่สองเงินเหลือก็สามารถเอาไปเที่ยวเมืองหรือรัฐอื่นได้ เมื่อโอกาสอำนวย


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ที่ดิฉันคิดว่าเป็นอุทาหรณ์สำหรับตัวเองก็คือ

หนึ่ง เวลาเรียนหนังสือห้ามแสดงความเห็น อาจารย์พูดอะไรให้อือออทุกอย่างห้ามให้ความเห็นเพิ่มเติม

ให้พูดอย่างเดียวว่าอาจารย์พูดถูกแล้ว (กรณีเรียนที่ญี่ปุ่น)

สอง อย่าเข้าไปยุ่งกับนักเรียนไทยกลุ่มใหญ่ๆ ถ้าจะคบให้คบไม่เกินสองหรือสามคน

ไม่อย่างนั้นจะมีเรื่องนินทาว่าร้าย ใส่ร้ายป้ายสีมาเป็นระยะๆ มีการขอเคลียร์มีการเอาไปพูดขยายความผิดๆถูกๆ

ทั้งที่บางคนไม่เคยเห็นหน้าเราด้วยซ้ำแค่รู้จักชื่อเราเค้าก็เอาไปเม้าท์ได้ต่างๆนานาอย่างไม่น่าเชื่อ

มันทำให้เราเสียเวลาและเสียความรู้สึก (หลังเลิกคบนักเรียนไทยกลุ่มใหญ่ๆแล้วรู้สึกสบายใจบอกไม่ถูก)


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
เห็นด้วยกับ ความคิดเห็นที่ 9 คุณ ป.นะคะ


สำหรับดิฉันเอง มาด้วยทุนส่วนตัว ต้องตั้งสติมากมาย เรามาด้วยเงินและความหวังของพ่อแม่ จะเถลไถลไม่ได้เป็นอันขาด

ต้องเตรียมพร้อมทางร่างกายให้แข็งแรง ออกกำลังกายก่อนมาเมืองนอกทุกวัน หัดเดินเป็นกิโลๆจนชิน มีจิตใจมั่นคง ไม่ว่อกแว่กเอาแต่คิดถึงบ้านจนไม่เป็นอันเรียน


ระยะแรกๆ พอมีเวลาว่างในระหว่างพักเรียน ดิฉันจะหมกตัวอยู่ในห้องแล็บภาษา ฝึกออกเสียงคำให้ชัด แม้ว่าจะไม่ได้สำเนียงอะไรมากมาย แต่เพื่อนๆบอกว่า ดีกว่าแต่ก่อน ไม่มีเสียงช้งเช้งๆเหมือนเมื่อมาใหม่ๆ (ฮ่าๆๆ ฟาดผัวะที่หลังเพื่อนไปหนึ่งที)

ประการต่อมา การเข้าสังคมที่ประหยัด คือการคบหาผู้สูงอายุประเทศนั้นๆ เพราะจะทำให้ได้ภาษา ดิฉันทำความรู้จักกับแม่บ้านที่อังกฤษหลายท่าน ให้สอนถักเสื้อ ไปอาสาช่วยเขาปลูกผัก รดน้ำต้นไม้ ยามเมื่อเราเลิกจากเรียน

การเล่นกีฬา ดิฉันเคยเล่นบาสของทีมโรงเรียน เป็นทีมเล็กๆ ไปว่ายน้ำกับรูมเมทชาวอังกฤษเป็นประจำ สิ่งเหล่านี้ ทำให้เรามีเพื่อนช่วยอธิบายการบ้านให้ หากว่าเราไม่เข้าใจ

พอย้ายมาเรียนต่อที่สวิส ดิฉันเข้าร่วมวงดนตรี และเวลาเพื่อนๆมีกิจกรรมด้านศิลป มาขอแรงเราเมื่อไหร่ หากเราว่าง เราให้ทันที เพราะเมื่อเราต้องการความช่วยเหลือ เขาก็ช่วยเราตอบแทน น้ำใจ เราต้องหยิบยื่นให้เขาก่อน

การครองตน ให้รู้ว่ากฎคืออะไร การปฏิบัติตามกฎเกณฑ์เหล่านี้ ทำให้ดำเนินชีวิตง่ายกว่าการแหกกฎ สำหรับลูกผู้หญิง การไปในที่เปลี่ยว การไปเที่ยวกลางคืน ต้องรู้ว่า เวลาไหนเสี่ยง ก็ไม่ไป
ยังไม่อยากเอาชีวิตมาเสี่ยงในเรื่องที่เราป้กป้องล่วงหน้าได้ก่อน

การประหยัด ต้องนึกถึงพ่อแม่ให้มากที่สุด เพราะกว่าจะเก็บเงินส่งเสียเราได้นั้น ไม่ใช่ของง่ายๆเลย หัดทำกับข้าวเอง บางทีก็จัดคอร์สสอนทำอาหารไทยอย่างง่ายๆให้เพื่อนฝรั่ง เราได้ทานฟรีและได้สตางค์ค่าขนมอีกด้วย
ดิฉันอาจไม่ค่อยได้ไปเที่ยวในที่ต่างๆขณะเรียน เพราะคิดว่า วันหนึ่งเมื่อเราทำงาน เราก็สามารถอดออมเอาได้

ดิฉันไม่ได้หยิ่ง แต่เป็นเพราะว่าเรามาเรียน ไม่ได้เข้าสมาคมกับคนไทยในต่างแดน สตางค์มีไม่พอที่จะไปสังสรรค์ด้วยค่ะ

สิ่งเหล่านี้กลายเป็นประสบการณ์ที่ดีในเวลาต่อมา และการได้งานนั้น ก็ได้มาจากการฝึกฝนมาอย่างสม่ำเสมอ จนมีคนเห็นแววและเสนองานให้ทำ


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
สำหรับ การไปอยู่เมืองนอกมีหลายๆปัจจัย และหลายๆสถานะ
ผมเคยไปอยู่ อเมริกา ในฐานะนักท่องเที่ยว และ นักเรียน ทุนวิจัยระยะสั้น
เป็นความรู้สึกที่สนุกมาก เห็นทุกสิ่งทุกอย่างใน อเมริกา ดีไปหมด อาหารก็อร่อย การเดินทางก็สะดวกสบาย จึงทำให้มีความกระตือรือล้นที่จะกลับไปเรียน อีกครั้ง

พอถึงเวลาที่ไปเรียน โดยผมเรียน ต่อที่ออสเตรเลีย ความรู้สึกสนุกสนานในการใช้ชีิวิตต่างแดนเริ่มน้อยลง ความเครียดเริ่มเพิ่มขึ้น เพราะในสมัยที่ไปเที่ยว หรือไปกับมหาวิทยาลัย ความรับผิดชอบ และแรงกดดัน ไม่มี ทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมอยู่แล้ว

ต่างจากที่ไปเรียน จริงๆจังๆ ต้องทำกับข้าวเองซึ่งไม่เคยมาก่อน บางครั้งก็ไปยืนดูร้านอาหารไทย แล้วอยากทาน ก็ไม่มีเงิน
ช่วงแรกไปก็ยังสื่อสารไม่ได้ ผล IELTS ก็ไม่มี เครียดมากเพราะเหมือนมองไม่เห็นอนาคต แต่พอภาษาเริ่มได้ เริ่มมีเพื่อน ก็สนุกขึ้น สามารถใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่น จนจบมาได้ครับ

ผมก็มีข้อแนะนำหลายๆอย่างจาก ปสก ส่วนตัวนะครับ
1. อยากให้เรียน ภาษาและสอบให้ผ่านมาก่อน ไม่งั้นเครียดมากจริงๆ และค่าใช้จ่ายในการเรียนภาษาสูงมาก โดยบางโรงเรียน ให้ความรู้ไม่ต่างจากเมืองไทย

2. ควรมาเรียน เตรียมเข้ามหาวิทยาลัยเพื่อเรียน การเขียนรายงานการศึกษาด้วยตนเองด้วย เพื่อที่จะไม่ให้หนัก เกินไปเวลาเรียนจริงๆ

3. คบเพื่อนต่างชาติเยอะๆ ไม่ว่าจะเป็น เกาหลี ญี่ปุ่น แอฟริกา บังกลาเทศ การพัฒนาภาษาในช่วงแรกจะได้จากการไปเที่ยว สังสรรค์กับเพื่อนต่างชาติ

4. เพื่อนคนไทยก็ควรคบ แต่คบในเรื่องเรียน จะดีที่สุดไม่งั้น คงเที่ยวกันกระเจิดกระเจิง และ เมื่อกลับมาไทย ก็ยังสามารถมี connection ได้อีก และเพื่อนคนไทยนี่แหละ บางคนก็ช่วยหางานให้

5. อย่าพยายามเก็บตัวอยู่คนเดียว หา activity ทำเยอะๆครับ จะได้ไม่ homesick

ุุ6. เรื่องกับข้าวกับปลาต้องเตรียมมาบ้าง แต่ทำที่เมืองนอกไม่ยาก เพราะส่วนมากเครื่องกระป๋องแปลกๆที่ไม่เคยเจอในเมืองไทยก็จะเจอที่นี่

7. ให้พึงระลึกไว้เสมอว่า การมีความรักกับต่างชาติ มันจะรักษาไว้ได้ยาก ถ้าต้องกลับเมืองไทย

ไว้ถ้ามีอะไรอีกจะมาเขียนเพิ่มครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
ขอบคุณมากๆ นะครับ ประโยชน์เยอะดี
จะรอติดตามต่อไปนะครับผม

ตอบกลับความเห็นที่ 12