พาเพื่อนๆไปท่องซาฟารีและแวะสวนญี่ปุ่นในประเทศไทยกันครับ

พอดีเมื่อวันเสาร์อาทิตย์ 10-11 พฤจิกายน

มีโอกาสได้ไปทำกิจกรรมที่จังหวัดกาญมา ขากลับวันอาทิตย์ไม่อยากกลับบ้านไว

เลยลองหาที่เที่ยวดู ก็ได้บทสรุปจะไปซาฟารีปาร์ค กาญจนบุรีกัน

ความคิดเห็นที่ 1
ซาฟารีปาร์คอยู่เลยค่ายสุรสีห์ ไปนิดนึง

ใช้แผนที่จากกูเกิ้ลก็จะนำทางไปถึงได้โดยไม่ยากซักเท่าไหร่

ปากทางเข้าก็จะมีซุ้มประตูใหญ่โตสังเกตุง่าย ดูสงบเงียบมากเลยทีเดียว


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
พอไปถึงช่วงด้านหน้าที่ขายบัตร ดูเงียบๆจริงๆนักท่องเที่ยวน้อยมาก

แต่พนักงานก็ต้อนรับเป็นอย่างดี ถ้าไม่มีรถไปเองหรือไม่อยากขับรถเข้าไป

ทางสถานที่ก็มีรถบัสให้ขึ้นพาชม แต่ก่อนเข้าไปแนะนำให้ซื้อ

อาหารสัตว์ที่ทางสวนสัตว์เตรียมไว้ขายติดมือไปด้วย จะได้มีอะไรป้อนน้องๆ

แสนน่ารักที่จะเดินเข้ามาหานักท่องเที่ยว


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
จริงๆถ้าเตรียมตัวก่อนที่จะไปก็สามารถ หาซื้อผักพวกแครอท ติดรถถุงใหญ่ๆไปก็ได้

เพราะหลังจากกลับมาเสิร์ชดูการไปเที่ยวที่ซาฟารีนี้

ก็มีนักท่องเที่ยวซื้อติดรถไปให้สัตว์เหมือนกัน


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
กวางน้อย กวางใหญ่ เดินเข้ามาทักทายถึงหน้าต่างรถ

แต่ไม่ต้องกลัวว่าฝั่งหนึ่งฝั่งใดของรถจะเสียเปรียบนะ

เพราะพวกเขามาหาทั้งสองข้างเลย แนบชิดมาก ลูบหัวก็ได้


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
ดูอย่างรถบัสนักท่องเที่ยวคันนี้

ได้สัมผัสบรรยากาศกันแบบเต็มๆ เพราะเจ้ายีราฟ ยื่นทั้งหัวและคอเข้าไปในรถกันทีเดียว

แค่ละจุดนี่แจกอาหารกันเพลินมาก ถ้าซื้อเข้าไปน้อยเกรงว่าจะไม่พอนะครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
บางทีหมดแล้ว เขาก็ยังเดินตามเรานะ เหมือนกะมาเล่นกะเรา ><


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
เจ้าม้าลายกะลังเล็มหญ้าอยู่ เห็นรถเ้ราแต่ไกล รีบลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาทักทายทันที


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
สวัสดี เจ้าม้าลาย ทรงผมเท่ห์มาก


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ต่อไปก็เป็นโซนสัตว์ กินเนื้อ พวก ตะกูลเสือ สิงห์โต

ห้ามเปิดกระจก เปิดประตู เลยได้แต่ถ่ายไกลๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
เสือดาว ที่นี่มีหลายตัว วิ่งไปมา ดูไม่ค่อยดุร้าย เหมือนแมวยักษ์มากกว่า


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
พอหมดโซนที่ขับรถเข้าไปชมสัตว์ ต่อไปก็เป็นโซนเดิน

ข้ามสะพานไปก็เจอเต่ายักษ์ก่อนเลย แต่เป็นรูปปั้นนะ


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
ต่อมาก็เจอเจ้ากระต่ายยักษ์


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
ห้องน้ำกว้างใหญ่ดี หน้าห้องน้ำยังมีนกมาคอว์แสนรู้ไว้คอยทักทายนักท่องเที่ยวอีก

ผู้คนน่าจะชอบนะเห็นมุงกันเยอะเลย



โดยรวมแล้วถือว่าโอเคมีความสุขนะครับ กลับการเที่ยวที่ซาฟารีปาร์คครั้งนี้

แล้วก็อยากเิชิญชวนให้ทุกท่าน ถ้าแบบว่า ช่วงวันหยุดสิ้นปีอาจจะยังไม่มีแพลน

ก็ลองแวะไปเที่ยวกันได้ ไม่ไกล จาก กรุงเทพเท่าไหร่

แถมยังเป็นการช่วยให้สัตว์ได้มีค่าอาหาร

เพราะที่นี่รู้สึกจะประสบปัญหาด้านการเงินด้วยเท่าที่หาข้อมูลในเน็ตอ่าน(ถูกผิดขออภัย)

ถ้ายังมีนักท่องเที่ยวอยู่ ก็จะทำให้กลับมามีชีวิต ชีวาขึ้นอีกครั้ง


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
ไหนๆก็ไปแถวนั้นแล้ว ผมมีที่เที่ยวอีกที่หนึ่งมาแนะนำครับ

พอดีขับรถผ่านแว๊ปเดียว แต่สะดุดตามาก จนต้องแวะวนกลับไปเยี่ยมชม


นั่นก็คือ ชินโตะปาร์ค ครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
มองแว๊ปแรก อยากจะบอกว่า ที่นี่ญี่ปุ่นหรือเนี่ย

เป็นสวนพักพ่อน แบบญี่ปุ่น ซึ่งมีมา 15 ปีแล้วนะ

แต่ก็ค่อยๆพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ก็ยังเห็นมีการสร้างเพิ่มอยู่


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
ประวัติความเป็นมาของที่นี่ สร้างขึ้นโดยสมาคมสันติภาพแห่งเอเชีย

ด้วยมีความปราถนาอย่างแรงกล้า ที่ต้องการให้ภูมิภาคเอเชียในศตววษที่ 21 นี้

มีความมั่นคง สงบ และมีสันติภาพ จึงได้สร้างสวนวิงวอนเพื่อสันติภาพ

เพื่อให้สืบทอดต่ออนุชนรุ่นหลัง ให้เป็นสถานที่วิงวอนเพื่อให้เกิดสันติภาพอย่างถาวร

จากภูมิภาคเอเชีย สู่สากลโลกต่อไป


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
สวนชินโตะ เป็นสถานที่เหมาะสำหรับการพักผ่อน

ลักษณะพื้นที่จะเป็นสวน ร่มเย็นสบาย

ออกแบบสไตล์ญี่ปุ่น


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
มีต้นไม้นานาชนิด อยู่ติดกับแม่น้ำแควใหญ่


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
ศิลาจารึกอุทิศประเทศที่เข้าร่วมสงคราม 7 ประเทศ


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
หลังจากเดินดูถ่ายรูปในสวนแล้ว ก็เห็นคุณป้าที่เขามาทำงานในนี้คนหนึ่งนั่งพักอยู่

เลยเข้าไปถามแกว่า เดินเที่ยวในนี้ได้ไหม เพราะตอนแรกยังไม่รู้ว่าเขาให้เข้าชมหรือปล่าว

ป้าแกบอกว่าได้เลยตามสบาย เดี๋ยวคนญี่ปุ่นที่ดูแลที่นี่

ซึ่งก็คือ คุณ อาเซกาว่าซัง ถ้าจำผิดต้องขออภัย

เขาจะเอากุญแจไปเปิด พิพิธภัณฑ์ ให้ ซึ่งคุณ อาเซกาว่าซัง แกกำลังดูแลสวนอยู่แถวนั้นพอดี

พอเราเดินเข้าไปทักทาย แกก็รีบเดินพาเราไปชมพิพิธภัณฑ์ ทันที


ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
คุณอาเซกาว่า นำกุญแจมาเปิดพิพิธภัณฑ์ แล้วก็เปิดหน้าต่าง ประตูต่างๆให้ระบายลม

แถมเปิดพัดลมต้อนรับดูแลพวกเราเป็นอย่างดี แม้จะมากันแค่สี่คน


ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
พิพิธภัณฑ์นี่จะตั้งอยู่บริเวณชั้นสองของอาคารหนึ่ง พอขึ้นไปแล้ว

ยังสามารถยืนชมวิวทั่วสวยได้อีกด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เป็นสิ่งปลูกสร้างแห่งใหม่ เพิ่งมีมาได้ประมาณ 1 ปี

ภายในก็จะำทำเป็นห้องจัดแสดงของหายาก อาทิ ถ้วยชามโบราณ ชุดเสื้อเกราะของคนญี่ปุ่น


ตอบกลับความเห็นที่ 23
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 24
กวาง และ หมาป่าหิมะ ซึ่งทั้งหมดก็นำมาจากญี่ปุ่น


ตอบกลับความเห็นที่ 24
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 25
เราเดินชมภายในกันอยู่ซักพัก คุณ อาเซกาว่า ก็นำ สมุดเซนชื่อ

ก็คือสมุดลงนามเยี่ยมนั่นล่ะ พร้อมตราปั๊มและปากกาหลากสี

มาให้พวกเราเขียนเป็นที่ระลึก ก่อนจะนำไปเยี่ยมชมศาลเจ้าพ่อชินโตะ


ตอบกลับความเห็นที่ 25
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 26
ศาลเจ้าประจำสวนชินโตะ คนญี่ปุ่นจะเชื่อว่าศาลเจ้าแห่งนี้

มีเทวดาอาศัยอยู่ เพื่อปกปักรักษาสวนชินโตะนี้ ให้ร่มเย็นเป็นสุขตลอดไป


ตอบกลับความเห็นที่ 26
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 27
ถ้าใครเคยดูในหนัง ที่ก่อนเข้าไปในศาลเจ้า ก็จะมีพิธีการไหว้เล็กน้อย

เลยให้คุณอาเซกาว่าสอนให้ว่าทำอย่างไร

ขึ้นแรกเริ่มจากการ เดินเข้าไปเขย่าเชือกสั่นกระดิ่ง

เสร็จแล้วถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว แล้วโค้งคำันับ 2 ครั้ง

หลังจากนั้น ก็ง้างมือ เหมือนปรบมือแต่ง้างกว้างกว่า แล้วให้มือชนกัน 2 ครั้ง

แล้วก็พนมมือไหว้ 1 ครั้ง


ตอบกลับความเห็นที่ 27
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 28
พอเข้าไปในศาลเจ้า ก็จะมีเขาเรียกเกี้ยวหรือปล่าวไม่แน่ใจ

ที่ใช้ในการแห่ตอนมีงานวัด แล้วก็มีกลอง

เดินทะลุออกไปก็จะเป็น ห้องที่มีสิ่งศักสิทธิ์ต่างๆ วางไว้อยู่ในห้อง


ตอบกลับความเห็นที่ 28
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 29
ที่สวนแห่งนี้ จะเปิดให้เข้าชมฟรีนะครับ

ส่วนเวลาเปิดปิดของพิพิธภัณฑ์ก็คือ 10:00น - 17:00น.

ถ้าใครไม่มีรถก็สามารถเดินทางโดยรถตู้ที่อนุสาวรีย์ ปลายทางลาดหญ้า

ค่ารถตู้จะประมาณ 130 บาท แล้วนั่งมอไซด์รับจ้างต่อไปที่สวนหรือจะเดินเอาก็ได้ครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 29
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 30
ตรง ลาดหญ้า ที่กาญจนบุรีนี้ ยังเป็นตลาดแบบเมืองเก่าได้อารมณ์เมืองเก่าๆอยู่

เพราะยังไม่ได้การเมคบิ๊วทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยว มีร้านขายของขึ้นมากมายแต่อย่างใด

ก็สามารถเดินเที่ยวถ่ายภาพบ้านเมืองเก่าๆได้อีกถ้ามีเวลา จบแล้วครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 30
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 31
ขอบคุณที่แนะนำครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 31
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 32
ขอบคุณค่ะ
น่าสนใจมาก


ตอบกลับความเห็นที่ 32
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 33
ขอบคุณมากค่ะ เสาร์นี้จะพาเด็กๆไปซาฟารีกาญจนบุรีค่ะ
จะได้ซื้ออาหารไปแจกสัตว์เยอะๆ เด็กๆคงสนุกน่าดูเลย
แล้วจะมารีวิวนะคะ เผื่อสัตว์ป่าเหล่านี้จะได้มีคนไปเยี่ยมเยียนบ่อยขึ้น


ตอบกลับความเห็นที่ 33