(CR) ภาคต่อจาก เที่ยวจีน ใบไม้เปลี่ยนสี ฉงชิ่ง-เฉินตู-จิ่วไจ้โกว-หวงหลง ตุลาคม55

หลังจากสองวันแรกเที่ยวในจิ่วไจ้โกว วันที่สามเราไปหวงหลง

หลังจากเที่ยวในจิ่วไจ้โกวสองวัน คิดว่าเดินหลายกิโลมาก วันที่สามก็ไปหวงหลง ก็นั่งรถบัสจากท่ารถที่จิ่วไจ้โกวไปหวงหลง ค่ารถคนล่ะ 45Y รถออก 7.30 ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงกว่าเกือบสามชั่วโมง รถวิ่งที่ความเร็วไม่เกิน 60 กิโลต่อชั่วโมงไม่เกินนั้น บนรถระหว่างทางมีจอดด้วยเพราะ มีอุบัติเหตุข้างหน้า เพราะมีหิมะตกเลยต้องจอดติดอยู่สักพักใหญ่ๆ ก็เลยลงไปถ่ายรูปกับหิมะ ข้างถนน เห็นรถแทกซี่ที่มีคนเหมามา ต้องเอาโซ่มาใส่ล้อเพื่อให้วิ่งบนหิมะไม่ลืน
วันนี้เรามาถึงหวงหลง ตอน 11.00 เพราะเสียเวลาเยอะ

ความคิดเห็นที่ 1
ก่อนจะถึงจะมีคนขึ้นมาขายตั๋วรถบัสขากลับและตั๋วเข้าหวงหลง ตั๋วเคเบิลคาร์ ซึ่งจะขายรวมกับ เค้าจะถามว่าเอาตั๋วอะไรบ้าง แต่เราฟังไม่รู้เรื่อง คุยกันไม่เข้าใจ แต่พอดีมีคนที่มาจาก Hongkong พูดจีนแล้วแปลเป็นอังกฤษให้เราฟ้งถึงเข้าใจ เราก็เอาทั้งสามอย่าง แล้วเค้าก็จะนัดเวลาที่รถบัสจะกลับไปจิ่วไจ้โกว คันที่เราไปจะกลับ เวลา 3.50 แต่ต้องมาที่รถเวลา 3.40 แล้วก็จะมีคนขึ้นมาขาย พวกยาจีน น้ำเพิ่มออกซิเจน ถุงความร้อน อะไรพวกนี้ แต่บนรถคันที่ผมนั่งไปมีคนซื้อน้ำเพิ่มออกซิเจน เห็นเค้าจ่ายไป 100 Y ผมก็ไม่รู้ว่า อะไร น่ะ แต่อ่านข้างถุง pure spring water อะไรประมาณนี้ พอรถไปถึงลานจอดก็ลง มาเอาตั๋วเข้าอุทยานและกระเช้า แต่ไม่มีตั๋วรถ เราต้องจำคันไว้ว่าเรามาคันไหนกลับมาขึ้นได้เลย ถ้ามาช้าโดนแย่งที่นั่ง ต้องรีบมาเพราะเค้าจะรับคนเพิ่ม กลับไปลงที่ ซัมพา ด้วย เค้าจะแจกเบอโทรของคนขับรถให้เราไว้ติดต่อ ด้วยเผื่อเรามาช้า ตอนนั้นนึกว่าแล้วเราจะคุยอย่างไรถ้าเรามาช้า เพราะคนขับไม่รู้ภาษาอังกฤษเราก็ไม่รู้จีน

ได้ตั๋วมาก็นั่งรถบัสไปขึ้นกระเช้า เพราะถ้าขึ้นกระเช้าต้องไปอีกที่หนึ่งเค้ามีรถของอุทยานบริการ ถ้าไม่ขึ้นกระเช้าก็เดินขึ้นปากทางอุทยานได้เลย


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ขึ้นไปด้านบนเจอหิมะแนนอน


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ที่นี่จะแตกต่างกับ จิ่วไจ้โกว จะเป็นแอ่งน้ำไม่ใหญ่มา มีสีฟ้าๆ พื้นเป็นหินปูนสีเหลืองๆ จึงได้ชื่อว่ามังกรเ้หลือง


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
สูงจากระดับน้ำทะเล 3,120 เมตร ถึง 3,670


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
บรรยกาศหนาว อากาศไม่แจ่มใสไม่มีแดด


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
วัดที่อยู่ข้างบน


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
สะพานที่เป็นทางเดิน ให้่คนเดินข้าม ถ่ายรูป


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
แอ่งน้ำสวยๆ สีฟ้า


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
อีกแอ่งหนึ่งครับผม


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
สวยเจงๆ ตามไปด้วยครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
อันนี้เป็นห้อง ออกซิเจน ราคาค่าใช้ออกซิเจน 1 Y ถ้าเหนื่อยแนะนำว่าควรเข้าไปใช้บริการห้องนี้จะอุ่นเพราะมี ฮีตเตอร์ด้วยครับ

ต่อไปจะเล่าเรื่องตื่นเต้นเรื่องต่อไป


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
เรื่องมันมีอยู่ว่า
ต่อไปนี้ก็เรื่องตื่นเต้น เสี่ยงชีวิต เกือบไม่ได้กลับไทย เล่าเป็นประสบการณ์ ให้ฟัง
ท่านทราบเกี่ยวกับ โรค high altitude sickens หรือ acute mountain sickness (AMS) หรือไม่
ลองไปหาข้อมูลอ่านดู ครับ เสริซใน อากู๋ ก็เจอเลยครับ

เรื่องก็มีอยู่ว่าหลังจากที่เราเดินหวงหลงกันอยู่สักพักใหญ่ๆ กะเวลาเดินก็ไม่ค่อยถูกเพราะตามแผนที่ในอุทยานของเค้าจะไม่ระบุระยะทางไว้ ก็จะกะเวลาเดินไม่คอยถูก เรื่องมันก็เกิดขึ้นตอนที่เราลง ก็ใกล้เวลาที่รถจะออกแล้ว เรากะจากแผนที่ ก็หน้าจะทัน ตอนนั้น บ่าย 2.30 เราต้องไปให้ทัน รถตอน 3.40 ก็เดินกันมาเรื่อยๆ ก็รีบนิดหนึ่ง เริ่มเดินลง พอเดินลงมาได้สักพัก แฟนผมก็เริ่มเหนื่อย ก็เดินไปหยุดไป (แนะนำว่าถ้าเราเริ่มมีอาการเหนือย ถ้าเจอห้องที่เค้าให้ออกซิเจนให้เข้าไปนั่งเลยครับไม่ต้องฝืนมากไปค่าเข้า 1 Y และควรจะพก ออกซิเจนกระป๋องไปด้วย ราคาประมาณ 15 Y ตอนผมจะซื้อ แฟนบอกว่าไม่เอา คิดว่าสบาย) พอช่วงทางลงก็จะไม่มี ห้องออกซิเจน ให้นั่ง ช่วงนี้ก็เดินไปพักไป เพราะแฟนเริ่มเหนือย ดมยาดมไปด้วย ลูกสาวสบายดี เดินเรื่อยๆ แต่ช่วงนี้ก็จะเงียบๆไป ก็ยังห่วงลูกมากกว่าแฟน เพราะปกติ จะพูดและกระโดดไปมาไม่นิ่ง คราวนี้เห็นเดินเฉยๆ ถามว่าเป็นไง ก็บอกสบาย OK พ่อ แฟนก็เริ่มเงียบไปด้วย พอเดินมาอีกสักพัก เจอที่นั่งแฟนก็บอกว่า ขอนั่งก่อน ตอนนี้หน้าเริ่มซีด พอนั่งแป๊บหนึ่งก็ บอกว่าไม่ไหวแล้ว เราก็บอกว่าหายใจลึกๆ ดมยาดมด้วย ตัวผมเองก็วิ่งไปดู รอบบริเวณที่นั่งพัก นั้น ว่ามีห้องออกซิเจนหรือเปล่า มันก็ไม่มีบอกลูกสาวว่าดูแม่ด้วย ตอนนั้นถ้ามีออกซิเจนกระป๋องก็จะช่วยได้มาก แต่ไม่ได้พกไป ประมาทมากไปคิดว่าสบาย ก็กลับมาที่แฟนเค้าก็บอกว่ามือเท้าชา แขนตกขาตกเหมือนกันหมดแรง ผมก็หันไป เจอกับคนจีนที่เดินลงมา ก็ถามเค้าว่ามีออกซิเจนไหม พอดีเค้ามี เค้าก็ให้มาแต่เค้าใช้ไปบ้างแล้ว ก็เอามาให้แฟน คนจีนกลุ่มนี้ก็เข้ามาช่วยมีผู้ชายมีอายุนิดหนึ่งแล้วก็ผู้หญิงสองคน น่าจะเป็นลูกเข้ามาช่วย เค้ากดจุดตรง ระหว่างจมูกและริมผีปากบนและให้ผู้หญิงสองคนกดที่ระหว่างง่ามนิ้วชีกับนิ้วโป้งมือทั้งสองข้าง ก็เริ่มดีขึ้นนิดนึ่ง คนที่เดินผ่านก็ให้ช็อคโกแลต และแอปเปิ้ล บอกให้กินหวานๆ ได้มีแรง ตอนนี้ลูกสาวก็ร้องอย่างเดียว สามคนที่เค้ามาช่วยก็ไปแล้ว ขอบคุณมากครับที่มาช่วย เราก็ยังนั่งอยู่แฟนก็ยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ ออกซิเจนที่ได้มาก็หมด พอดีมีคนเดินผ่านมาอีกก็ขอเค้าอีก ได้มาอีกกระป๋องหนึ่งยังไม่ได้ใช้ และมีวัยรุ่นจีนสามคนผู้หญิงเข้ามาช่วย เข้ามาถามว่าเป็นอย่างไร หนาวไหม มาช่วยถูมือถูขาให้อุ่นเอาผ้าหม่ของเค้ามาหม่ให้แฟนผม ตอนนั้นแฟนใส่เสื้อกันหนาวตัวใหญ่ของผมใส่เสื้อฟรีส ใส่ถุงมือ พันผ้าพันคอ และผ้าหม่ของคนที่มาช่วย เอาน้ำร้อนให้กิน สักพักหนึ่ง แฟนก็บอกว่าเดินได้ ด้วยกลัวว่าไม่ทันรถ ตอนนี้ ประมาณ 3.15 แล้ว สามคนที่มาช่วยชุดหลังนี้ก็ช่วยพยุงแฟนผมกับผมคนละข้าง พอเดินไปได้อีก ก็บอกว่าไม่ไหว ต้องนั่งพักอีก แล้วผมก็บอกกับน้องสามคนนั้นให้ช่วยโทรบอกคนขับรถบัสให้หน่อยว่าเราลงไปช้า เค้าก็โทรไปให้ ตอนนั้นคิดว่าถ้าไม่ทันก็คงต้องหารถกลับไปจิ่วไจ้โกวเอง เพราะดูแล้วสภาพแฟนไม่ไหวแน่ๆ พอนั่งได้สักพัก ก็ให้แฟนขี่หลัง ผมเพื่อที่จะเดินลง ในช่วงนั้นน้องสามคนก็พยายามโทรศัพท์ เข้าไปที่ศูนย์นักท่องเที่ยวตามเบอร์ที่อยูหลัง ตั๋วเข้าอุทยานก็ติดต่อไม่ได้ พยายามจะให้เจ้าหน้าที่ขึ้นมาช่วยประฐมพยาบาล แฟนผมก็ถามผมว่าเหนือยหรือเปล่าให้เค้าขี่หลังมา ผมบอกว่าไหว แต่เค้าก็จะลงเดินกลัวผมเป็นอะไรอีก (ยังดื้ออีก )ผมบอกว่าไหว ก็พาขี่ หลังมาจนถึง ห้องออกซิเจน น้องสามคนก็ตรงดิ่งเข้าไปถามว่ามีเจ้าหน้าที่อยู่หรือเปล่า ปรากฎว่าไม่มีอุปกรณ์ ได้แต่น้ำร้อนใส่กระบอกมาให้แฟนผมถือไว้ได้อุ่นๆ (แต่แฟนบอกว่าตอนที่เค้าเอาน้ำร้อนมาให้ถือตอนนั้นไม่รู้สึกว่ากระบอกที่ถืออยู่มันร้อน เค้าบอกว่าถือไว้นานมากถึงได้รู้สึกอุ่นๆเอง) ตอนนั้นน้องผู้หญิงคนหนึ่งในนั้นก็บอกว่าเค้าจะแบกแฟนผมเองแทนผม แต่ก็แบกไม่ไหว ผมก็แบกต่อจนมาถึงทางออก


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
(ช่วงนี้ไม่มีอารมณ์แล้วไม่ได้ถ่ายรูป ห่วงทั้งลูกทั้งแฟน เลยไม่มีรูปให้ดูว่ามันตื่นเต้นอย่างไร บอกไม่ถูก)

มีเจ้าหน้าที่ ที่ประจำตรงประตูทางออก แบกแฟนผม ไปที่ห้องพยาบาล น้องสามคนก็ตามเข้าไปด้วย ไปคุยกับเจ้าหน้าที่พยาบาล เค้าก็ให้ ออกซิเจน ให้หม่ผ้าอย่างหน่าเลยในห้องนี้มี ฮีตเตอร์ เพิ่มความอบอุ่น ซึ่งต้องนอนประมาณ 30 นาทีให้ออกซิเจนจนกว่าร่างกาย จะได้เพียงพอ เค้าจะคอยถามว่าหนาวหรือเปล่า ตอนนี้เวลา 3.30 ผมบอกกับแฟนว่าต้องไปบอกกับคนขับว่าให้รอได้ไหม ก็วิ่งออกจากห้องพยาบาลไปบอกกับคนขับ ก็พูดผ่านคนที่พูดอังกฤษได้ คนขับบอกว่ารอแค่ 10 นาที จะออกตอน 4.00 ผมก็กลับมาที่ห้องพยาบาล แฟนก็ยังนอนอยู่ให้ออกซิเจน ผมก็บอกกับน้องสามคนนั้นว่าช่วยหารถกลับจิ่วให้ได้ไหม น้องเค้าก็ถามว่ารถไม่รอหรือ ผมก็บอกว่ารอ แค่ 10 นาทีไม่ทัน เค้าก็หันไปพูดกับพยาบาล พยาบาลก็บอกว่าเราจ่ายเงินแล้วก็ต้องรอซิ น้องเค้าก็โทรไปหาคนขับ คุยกับคนขับจนคนขับ รอให้เรากลับด้วย ซึ่งน้องทั้งสามคนก็พักที่จิ่วไจ้โกวด้วยเหมือนกัน แต่น้องเค้ามารถคนละคันกับเรา รถน้องเค้าออกไปแล้ว เค้าช่วยเราจนรถของเค้ากลับไปก่อน จนประมาณ เวลา 4.10 คนขับรถเดินเข้ามาที่ห้องพยาบาล ซึ่งตอนนั้นแฟนผมนอนให้ออกซิเจนอยู่ประมาณ 20 นาที่แล้ว ก็พอไหวแล้ว เดินได้ไม่เหนื่อยไม่ชาแล้ว พยาบาลก็ เอาเหมือนหมอนลมใบใหญ่ๆ มาอัดออกซิเจน แล้วก็ต่อท่อแล้วก็อธิบายให้น้องสามคนฟังว่าต้องใช้อย่างไร เพราะพยาบาลไม่พูดอังกฤษ พูดจีนอย่างเดียว ค่านอนห้องพยาบาลและค่าหมอนออกซิเจน 165 Y เราไปขึ้นรถพร้อมกับน้องสามคนพอขึ้นไปบนรถไม่มีที่นั่ง เพราะเค้ารับคนเพิ่ม คนขับก็บอกว่าให้ลุกให้แฟนผมนั่งหน่อย ก็มีคนลุกให้นั่ง น้องสามคนนั้นก็คอยถามแฟนผมว่าเป็นไง บ้าง OK ไหม หนาวไหม ส่วนลูกสาวก็ไปนั่งกับคน Hongkong ช่วยดูลูกสาวผมซึ่งพอขึ้นรถก็มีอาการเมารถอีก เค้าก็ช่วยดูแลลูกให้ ส่วนผมก็คอยดูแฟนผมนั่งตรงทางเดิน คนHongKong เค้าก็ให้ Hotpack เป็นถุงผ้าที่แกะออกมาแล้วมันจะร้อนใช้ติดกับเสื้อที่เราใส่เพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายเอามาติดให้แฟนผม ขอขอบคุณน้องๆสามคนที่มาจากเซี่ยงไฮ้และคนHongKong สองสามีภรรยา ที่ช่วยเหลือพวกเรา อันนี้คือเรื่องประทับใจครับ
รถออก 4.20 ช้าจากเวลาไป 30 นาที

หลังจากกลับมาถึงจิ่วไจ้โกว แฟนผมก็จะเหนื่อยง่าย เดินนิดเดียวก็เหนื่อย พอเรากลับมาที่เฉินตู ฉงชิ่งเราก็ไม่ได้ไปเที่ยวตามที่วางแผนไว้เพราะร่างกายแฟนไม่ไหว อาการของแฟนผมคือ หายใจเร็วไม่ลึก เหนื่อย เลือดเป็นด่าง ทำให้ออกซิเจนไปเลียงตามปลายมือปลายเท้าไม่พอ เริ่มชาจากปลายมือเท้าก่อน ถ้าช้ากว่านี้อาจจะอันตรายถึงชีวิตได้
การไปเทียวที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 2500 เมตร อย่าประมาทต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม อย่าหักโหม เหนื่อยให้หยุดพัก ฝึกการหายใจ ให้หายใจลึกๆ กินน้ำเยอะเพื่อเลือดจะได้ไม่ข้น สามารถพาออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายได้ดี ถ้าไปที่หนาวมากๆ ควรเตรียมอุปกรณ์พวก Hot pack สามารถหาได้ที่วัสสันต์ หรือไดโซะขาย60 บาททุกชิ้น แพคหนึ่งจะมีหลายชิ้น


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
เข้ามาลุ้นต่อ
ทางผมเข้าหวงหลงวันที่ 27 ตค ที่ผ่านมา


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
อ่านยาวสักนิดน่ะครับ ควรเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนไปเทียว ที่หวงหลง
ที่นี่ผมเดินไม่ทั่วน่ะ เพราะตอนที่ตัดสินใจจะเดินขึ้นไปแฟนก็เริ่มเหนื่อยแล้ว ก็เลยลงมา ถ้าตอนนั้นตัดสินใจเดินขึ้นไปเที่ยวต่อ คงจะแย่ยิ่งกว่านี้


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
ผมเคยมีประสบการณ์ AMS ตอนไปจงเตี้ยนซึ่งความสูงน่าจะ 3300 เมตร มีอาการคือมึนหัวนิดหน่อย แต่พักประมาณชั่วโมงเดียวก็หาย

และอีกครั้งตอนไปเนปาลปีนเขาไปที่มุกตินาท ความสูงประมาณ 3800 เมตร อันนี้ยิ่งน่ากลัวกว่าของ จขกท เพราะว่าเป็นตอนกำลัง trekking บนเขาไม่มีสถานพยาบาล ไม่มีรถ และไม่มีที่พักจนกว่าจะเดินถึงมุกตินาทเท่านั้น ออกเดินตั้งแต่จอมสมประมาณ 08.00 ไปถึงมุกตินาทประมาณ 18.00 น. เดินตลอดทาง ไปถึงน็อคเลยกินข้าวไม่ถึงครึ่ง รู้สึกอยากจะอาเจียน ปวดหัวตุบๆ ตัวร้อน แต่พอผ่านคืนนั้นไปก็หาย ไม่มีอาการอีก

พอมีโอกาสไปลาดักห์ ความสูงประมาณเกือบ 5000 เมตร อันนี้ไม่มีอาการอะไรเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
อ่านไปลุ้นไปครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
หลังจากเราผ่านช่วงอันตราย จากหวงหลง ก็กลับถึง จิ่วไจโกว ตอนมืดๆ พอเช้าเราก็ออกจากจิ่วไจโกว ถึง เฉินตูตอนเย็น ๆ เข้าพักที่ Traffic Inn Hostel เหมือนเดิม ตอนนี้แฟนผมเริ่มมีอาการ เหงื่อออกปลายมือปลายเท้า แฉะเลย ครับ ตอนเย็นเราจะนั่่งรถไฟฟ้าไปซื้อตั๋ว รถไฟความเร็วสูง พอ นั่งรถไฟฟ้าไปได้สองสถานีถึงสถานีที่ต้องเปลี่ยนสาย ก็เริ่มมีอาการอีก ปลายมือปลายเท้ามีเหงื่อและเย็น เหมือนจะเป็นลมต้องนั่งดมยาดมที่สถานีนั้นตั้งนาน เลยตัดสินใจกลับโรงแรม ให้โรงแรมจองให้ แทน คิดค่าบริการคนล่ะ 25 Y


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
โอ้ ดีแล้วที่ปลอดภัยคะ ขอบคุณความมีน้ำใจ
ของนักศึกษา กับคนฮ่องกงแทนเลย
และขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่มาเล่าเรือง
เป็นการเตือนให้เตรียมพร้อมด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
จนเรากลับมาถึงกรุงเทพ วันที่ 26 ตุลาคม ตอนบ่าย เข้าบ้านเรียบร้อย เก็บของที่บ้าน เสร็จ ออกไปโรงพยาบาล เลยครับ ได้นอนโรงพยาบาลหนึ่งคืน อาการคือ เหนือยปลายมือเท้ามีเหงือออกมาก มือเย็นเท้าเย็น หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง หมอให้นอน โรงพยาบาลทำ EKG สแกนคลื่นหัวใจ ซึ่งไม่มีอะไรผิดปกติ ตอนนี้อาการที่เป็นได้หายไปแล้วหลังจากกลับมาได้หนึ่งอาทิตย์


ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
หลังจากเรื่องตื่นเต้นก็ต้องมีโรงแรมแนะนำ

โรงแรมแนะนำที่ ฉงชิ่ง ชื่อ Chongqing Minshan Hotel (หมิงซาน โฮเตล)ไม่รู้ออกเสียงถูกหรือเปล่า ที่อยู่ 12-6, Tianchen Road, Shapingba District, Shiqiaozhen, Chongqing, China 400030 จองผ่าน Agoda ราคาตอนที่จอง 1600 บาทต่อคืนรวมอาหารเช้า เด็กไม่ชาร์ท ห้องใช้ได้ สะอาด อยู่ในเกณท์ ดีถ้าเต็ม10ผมให้ 8 การเดินทางสะดวกมาก อยู่กลางเมือง ใกล้สถานีรถไฟฟ้า Shapingba (ซาพิงบา) ถ้าเที่ยบกับเมืองไทยก็ ประมาณ ย่านราชดำริ+กับสวนลุม ครับ บรรยากาศตอนเช้าจะมีคนมาออกกำลังกาย เหมือนสวนลุม เป็นแหล่งชอป มีทั้งแบรนและยีห้อจีน อาหารหากินสะดวก มีห้างของจีน มีคาร์ฟู ใกล้กับ หมู่บ้านโบราณ ฉีชีกัว นั่งแทกซี่ประมาณ 10-12 Y ถ้าเหมาแทกซี่จากหน้าโรงแรมก็จะเรียกประมาณ 20 Y แถวหน้าโรงแรมมีวินมอเตอร์ไซต์ด้วย ตอนที่ผมไปช่วงนั้นสถานีรถไฟฟ้า Shapingba เป็นสถานีสุดท้ายของสาย 1 แต่ตอนนี้ได้ข่าวว่าเปิดให้วิ่งถึง Ciqikou ฉีชีกัว แล้ว ไปหมู่บ้านโบราณได้เลย


ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
รูปในห้องของโรงแรม
รอบแถวนั้น คนเยอะดี เป็นแหล่งชอปครับห้างเยอะ


ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
โรงแรมสีฟ้าโดดเด่น การเดินทาง ออกจากสถานีรถไฟฟ้า สาย 1 ที่สถานี Shapingba ออกที่ทางออก 3 พอเดินออกมาให้ เดินไปทางขวามือ เดินเลียบถนนไปสัก 250 เมตรโดยประมาณ ข้ามถนนเดินอีกสัก 30 เมตร ก็ถึง ตอนออกจากสถานนีแล้วเลี้ยวขวา ก็เห็นโรงแรมอยู่ไกลๆ สีฟ้า


ตอบกลับความเห็นที่ 23
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 24
บรรยากาศรอบๆ โรงแรม แถวสถานีรถไฟฟ้า Shapingba


ตอบกลับความเห็นที่ 24
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 25
อาหารหากินง่าย ผมฝากท้องแถวๆนั้นครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 25
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 26
ยามค่ำคืน แต่พอสัก สี่ทุ่ม คนก็น้อยแล้วครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 26
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 27
ตอนเช้าประมาณสวนลุม บ้่านเราครับ มีคนมาออกกำลังกาย เต้น รำดาบ รำพัด ซ้อมตีกลอง


ตอบกลับความเห็นที่ 27
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 28
อันนี้ซ้อมเต้น กันครับ ช่วงเย็นก็มี


ตอบกลับความเห็นที่ 28
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 29
ห้างที่บ้านเราไม่มีแล้ว คาร์ฟู แถวนั้นห้างเยอะ


ตอบกลับความเห็นที่ 29
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 30
ผมได้ไปเที่ยว ฉีชีกัว ออกจากโรงแรมนั่งแทกซี่สามล้อไป 20 Y ขากลับเรียกแทกซี่มิเตอร์ กลับโรงแรม 11 Y แต่ตอนนี้ได้ข่าว่านั่งรถไฟฟ้าสาย1 ไปลงที่สถานี Ciqikou ได้เลย ตอนผมไปเห็นกำลังเก็บงานที่สถานี แทกซี่ขับผ่าน ไม่ไกลจากหมู่บ้านโบราณ


ตอบกลับความเห็นที่ 30
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 31
แทกซี่ สามล้อ ไม่เหมือนตุ๊กๆ บ้านเรา เหมือนรถยนต์คันเล็กๆ ล้อหน้าหาย


ตอบกลับความเห็นที่ 31
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 32
ประมาณตลาดโบราณ บ้านเรา สามชุก อัมพวา คนเยอะเหมือนกัน


ตอบกลับความเห็นที่ 32
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 33
เค้าทำเส้นอะไรก็ไม่รู้ ที่ทำก็หัวมันที่แขวนอยู่ด้านบน เ้ค้าให้คนไปตบๆๆ ให้เส้นมันไหลออกมา เหมือนเวลาเราบีบเส้นขนมจีน


ตอบกลับความเห็นที่ 33
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 34
แอบถ่ายแม่ค้า หน้าตาไม่ยิ้มเลย จะขายได้ไหม


ตอบกลับความเห็นที่ 34
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 35
มีมังกรมาให้ดู อยู่ในซอย


ตอบกลับความเห็นที่ 35
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 36
โต๊ะที่เค้าตั้งไว้หน้าบ้าน บางบ้านก็มีคนมานั่งกินน้ำชา และเดินเข้าไปบางซอย ก็มีที่เค้ากำลังตั้งวงไพ่นกกระจอก แต่ไม่ได้ถ่ายมา


ตอบกลับความเห็นที่ 36
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 37
หลังจากเที่ยวที่ ฉงชิ่งแล้ววันรุ่งขึ้นก็เดินทางกลับ ดอนเมืองโดย หางแดงครับ ขากลับได้เจอพี่อ้อกับพี่เจี๊ยบอีก กลับไฟล์ทเดียวกัน พีก็ยังถามว่าเป็นไงบ้าง เทียวสนุกไหม ก็เล่าเรื่องตื่นเต้นให้พี่ทั้งสองฟัง


เรื่องที่เล่าอาจจะยาวไปนิด แต่ก็ขอบคุณที่ดูจนจบ แต่เดียวจะทำแยกออกไปอีกเรื่องตั่วรถ รถไฟ การเดินทาง ต่างๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 37
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 38
ขอบคุณที่แบ่งปันประสบการณ์ค่ะ จะไปตามรอยปีหน้าบ้าง ไปกัน 3 คน พ่อแม่ลูกเหมือนกัน


ตอบกลับความเห็นที่ 38
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 39
บ้านโบราณ ที่ Ciqikou เสียค่าเข้าชมบ้าน 5 Y


ตอบกลับความเห็นที่ 39
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 40
ตั๋วที่เข้าบ้านโบราณ


ตอบกลับความเห็นที่ 40
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 41
ภายในบ้านครับ เก่าๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 41
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 42
เตียงนอน ภายในห้องนอน จะมีหลายห้องมาก ห้องลูกผู้ชายจะห้องใหญ่ ห้องลูกผู้หญิงจะเล็กกว่ามาก


ตอบกลับความเห็นที่ 42
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 43
ลานบ้าน ห้องจะอยู่รอบๆ ลาน บ้าน


ตอบกลับความเห็นที่ 43
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 44
เป็นแฟนของ จขกท ค่ะ ขอเล่าอาการแพ้ความสูงที่ไปเป็นที่หวงหลง เพิ่มเติม ตอนแรกที่มีอาการเหมือนจะมึนหัว แต่ไม่ปวดหัวก็พยายามหายใจลึกๆ และเป่าลมออกทางปาก ช่วงที่รีบเดินลงมาก็ไม่ดีขึ้น พอได้นั่งแขนขาก็เริ่มชาและชาไปทั้งตัวเลยค่ะ ยิ่งกว่าเป็นเหน็บชาอีก หายใจแรงและเร็วหายใจเท่าไหร่ก็ไม่เต็มปอด แล้วมือก็จะเกร็งแข็งมาก ชีวิตเหมือนใกล้ความตายมากๆค่ะ
ดีที่ได้คนจีนใจดีที่เข้ามาช่วย ทั้งคนที่ให้ออกซิเจน ,กลุ่มคนที่เข้ามาช่วยกดจุดให้ และน้องสามคนที่ช่วยปฐมพยาบาลและติดต่อรถให้และอยู่ด้วยกันจนถึงจิ่วฯ ,สองสามีภรรยาชาวฮ่องกงที่ช่วยดูแลลูกให้ และคนบนรถพอรู้ว่าเราไม่สบายก็เอาช็อกโกแลต,แอปเปิ้ล และเกลือแร่มาให้ทาน ต้องขอบคุณทุกๆคนที่ได้ช่วยเหลือและหยิบยื่นสิ่งต่างๆมาให้ โดยที่เขาไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน ซึ้งในน้ำใจของชาวจีนมากๆค่ะ ต้องขอขอบคุณทุกๆคนไว้ ณที่นี้ ด้วย และคงต้องกลับไปอีกแน่ๆ หลงรักประเทศจีนเข้าให้แล้ว


ตอบกลับความเห็นที่ 44
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 45
ยินดีที่ผ่านไปได้ด้วยดีครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 45
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 46
โชคดีมากๆเลยที่เจอคนมีน้ำใจ อย่างนี้เรียกว่ามิตรภาพไร้พรมแดนจริงๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 46
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 47
ขอเสริมหน่อยจ้า Ciqikou = ฉือฉี้เข่า จ้า


ตอบกลับความเห็นที่ 47
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 48
- คุณจขกท.กับแฟนโชคดีมากเลยค่ะที่ได้เจอคนจีนดีๆ มีน้ำใจงาม รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
- ขอบคุณมากๆ ค่ะที่แบ่งปันข้อมูลและประสบการณ์ให้ฟังค่ะ อยากไปจิ่วไจ้โกวและหวงหลงมากๆ เลยค่ะ แต่ติดที่ไม่รู้ภาษาจีนนี่แหล่ะค่ะ -__-'' ถ้าได้ไปแล้วเจอคนจีนดีๆ อย่างคุณคงจะดีเลยค่ะ
- ห้องพักแย่ๆ ที่คุณเล่าให้ฟัง มันน่ากลัวมากเลยค่ะ >_<'' ส่วนโรงแรมสุดท้าย ดูน่าพักดีจังค่ะ
- จะรอฟังเรื่องอื่นๆ อีกนะคะ ขอบคุณค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 48
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 49
ตามมาด้วยคนค่ะ
ปีหน้าต้องขอไปซ่อมใหม่อีกรอบ


ตอบกลับความเห็นที่ 49
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 50
ขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจ ครับ อันนี้เป็นรีวิวแรกของเรา ครับ

และขออภัยเรื่อง ภาษา จีน ที่บางที่ก็ออกเสียงไม่ถูก ขอบคุณครับที่แนะนำ จะปรับปรุงในครั้งต่อๆไป

ความเห็นที่ 48 ถ้าไม่รู้ภาษาจีนก็ไปเที่ยวจีนได้ครับ ไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่แบบที่เราไปมา แต่ต้องหาข้อมูลให้ครบ ผมพกหนังสือเที่ยวจีนที่เป็นประโยคไปด้วย ชื่อหนังสือจำไม่ได้เดียวถ่ายรูปมาให้ดู และข้อมูลก็ทำเป็นรูปและ PDF ใส่ใน IPAD จะไปไหนก็เปิดรูปให้เค้าดู จะกินอะไรก็เปิดหนังสือ แล้วบอกเค้า คนจีนเห็นหนังสือเล่มนี้แล้ว ก็ขอดูกันแทบทุกคน อย่างร้านอาหารที่ไปกินที่จิ่วไจ้โกว เค้ายังขอดูเลยครับ แล้วยังมีคนที่กินอาหารอยู่ในร้านก็ขอเอากล้องถ่ายหนังสือไปบางหน้าด้วย ครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 50
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 51
มานั่งลุ้นกับเจ้าของกระทู้ โชคดีไม่ได้มีใครเป็นอะไรมาก

ของผมไปช่วงเดียวกับเจ้าของกระทู้ ก่อนขึ้นกินหงจิ่งเทียนแบบน้ำไป ผมกับเพื่อนยังรุ้สึกหัวใจเต้นแรงน่าดูจึงเดิน ๆ พักๆ แต่ตอนอยู่จงเตี้ยนไม่รู้สึกเลย

ที่พักผมพักบ้าน home stay local ไกลจาก อช. หน่อยครับ แต่ไม่น่าเชื่อผมว่าสะอาดใช้ได้เลย ถ้าเทียบกับภาพ Zhouma ที่ จขกท โพสให้ดูนะคับ แล้วก็เจ้าของนิสัยดี เสียแต่พูดอังกฤษไม่ได้ แต่ที่พักแย่หน่อยเป็นย่านหาของกินยาก ผมฝากท้องกับมาม่าแทบตลอด มี 2 วันมื้อดึกที่ตลกรับประทานเดิน ๆ คุยๆ กับเค้า ๆ ก็ให้ผมไปกินข้าวด้วย บะหมี่ธรรมดาแต่ก็ดีกว่าทนกินมาม่าทุกมื้อครับ

ไว้เดี๋ยวจะโพสนามบัตรให้ดูครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 51
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 52
หนังสือที่พกไปด้วย ครับ สามารถหาได้ที่ซีเอ็ดหรือนายอินทร์ ผมก็เปิดหนังสือจิ้มๆ เอาครับว่าจะเอาอะไรเช่นเวลากินอาหาร ก็เปิดหาแล้วก็ชี้ ช่วยได้เยอะครับ

ภาพประกอบเอามาจากเวปซีเอ็ด

ตอบกลับความเห็นที่ 52
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 53
ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆนะครับ เป็นประโยชน์มากเลยครับ ในเมืองจีนก็ยังมีคนมีน้ำใจอยู่นะครับ

ไปเที่ยวช่วงเดียวกันเลยครับ แต่ผมไปกับทัวร์ แพงมากมาย และไม่ได้ขึ้นกระเช้าที่หวงหลงด้วย เดินขึ้นไปเอา โอกาสหน้าจะตามรอยไปเที่ยวเองแบบเจ้าของกระทู้นะครับ รอที่จิ่วจ้ายโกวสร้างทางด่วนเสร็จก่อน คงไปถึงที่นั่นได้เร็วขึ้น


ตอบกลับความเห็นที่ 53