[CR] เปิดอัลบั้มตุรกี ...อิสตัลบูล >> ปามุคคาเล่ >> คับปาโดเกีย

ดองทริปนี้ไว้เกือบครึ่งปี ลังเลอยู่ว่าควรจะเขียนรีวิวดีรึเปล่า

ส่วนหนึ่งเพราะทริปนี้เดินทางไปกับทัวร์บวกกับปิดหูปิดตาไม่รับรู้เรื่องค่าใช้จ่าย 555 จึงอาจไม่มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับคนอื่นมากนัก

แต่ด้วยสเน่ห์บางอย่างของประเทศนี้ทำให้เราประทับใจ จนอดจะรวบรวมเอามาแบ่งปันไม่ได้ ...

ดังนั้นใครที่บังเอิญแวะผ่านเข้ามาก็นึกซะว่ามานั่งเปิดอัลบัมรูปดูไปพร้อมๆกันนะคะ

ปล. รูปที่ถ่ายก็จะมีทั้งจากกล้องและก็โทรศัพท์ปนๆกันไปค่ะ

ความคิดเห็นที่ 1
โดยเส้นทางการท่องเที่ยวในครั้งนี้ จะเริ่มจาก อิสตัลบูล >> ปามุคคาเล่ >> คับปาโดเกีย แล้วกลับมาที่ อิสตันบูล อีกครั้ง

เราเดินทางจากกรุงเทพฯไปยังอิสตัลบูลด้วยสายการบิน Turkish airlines

ใช้เวลาประมาณ 10.15 ชั่วโมง โดยเครื่องออกห้าทุ่มครึ่ง ไปถึงที่อิสตัลบูลก็ประมาณเกือบหกโมงเช้าพอดี

ซึ่งเวลาของตุรกีจะช้ากว่าบ้านเราอยู่ 4 ชั่วโมงค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
และเนื่องจากไปถึงเช้ามากๆ จึงยังไม่สามารถเข้าไปเช็คอินที่โรงแรมได้

คุณไกด์ใจดีก็เลยพาไปเดินเล่นค่าเวลากันที่ “จตุรัสตักซิม” [Taksim square]

อ่านมาจากอากู๋เขาบอกว่าที่นี่จะเป็นจุดที่คนพลุกพล่านมาก มีร้านค้าให้ช๊อปปิ้งมากมาย

แต่เพราะความที่เราไปถึงเช้าเกิ๊น!! มันก็เลย..........เงียบกริบ!!!


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
แต่ข้อดีอย่างหนึ่งของการมาที่ตักซิมแต่เช้าแบบนี้คือเราสามารถเดินจากต้นถนนจนสุดปลายถนนได้อย่างสบาย

โดยใช้เวลาเพียงสั้นๆ แถมยังไม่ค่อยต้องระมัดระวังตัวเองมากเท่ากับตอนกลับมาเดินอีกครั้งในช่วงเย็น

เพราะอย่าลืมว่าตุรกีเป็นประเทศหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องมิจฉาชีพ … อันนี้คอนเฟิร์มได้พร้อมภาพเหตุการณ์ 555

ร้านค้าแถวนี้ก็ไม่ต่างจากสยามบ้านเรา ที่มีมากมายหลากหลายแบรนด์ให้เลือกซื้อ

แต่ถ้าขาแบรนด์เนมก็ต้องบอกว่าที่นี่ยังไม่ใช่ที่ของคุณค่ะ 555


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
อันนี้ที่เห็นคนเยอะๆนี่ พวกเราทั้งนั้นเลย อิอิ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
ซึ่งเดินมาจนสุดถนนก็จะเจอวิวสวยๆของบ้านเรือนฝั่งกระโน้น

เลยอดจะกดมาสักแชะไม่ได้ ... ตรงเหนือสักกะสีไปนั่นคืออีกฝั่งของทะเลนะคะ ไม่ได้เป็นภาพแปะสังกะสี ^ ^


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ถ้าเดินต่อไปอีกหน่อยก็จะถึงหอกาลาตา ซึ่งเรา....เดินไปไม่ถึงค่ะ

ก็แอ๊บถ่ายเอาแถวๆนี้ละกันเนอะ แต่ด้วยจรรยาบรรณแล้วเราจึงไม่อาจเปิดเผยหน้าตาได้

[กลัวคนหนีออกจากทู้ไปหมด 55]


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
สมควรแก่เวลาแถมก็ง่วงตาจะปิดกันเต็มทีแล้วเราจึงเดินทางต่อไปยังโรงแรมค่ะ

โดยวันแรกนี้เราพักที่ Hilton Istanbul ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตักซิมเท่าไหร่นัก

เดินกลับก็ใช้เวลาประมาณ 20 นาที นั่งรถเช้าๆแบบนี้ก็แค่ 10 นาทีเท่านั้น

แต่ถ้าเป็นในช่วงเวลาเลิกงานในตอนเย็นแล้วละก็ มีถึง 45 นาทีกันเลยทีเดียว

ตั้งใจว่าถึงห้องเมื่อไหร่จะกระโจนลงเตียงงีบเอาแรงสักหน่อย

แต่พอเปิดประตูมาเจอกับ bosphorus view แบบนี้แล้วก็อดที่จะถลาออกไปนอกระเบียงให้ลมเย็นๆตีหน้าเล่นไม่ได้


**ขออภัยในการต่อรูปแบบกากๆ -*-


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
ตึกสูงทางขวามีคือโรงแรมริสคาร์ตันที่สุดแสนจะไฮโซววว ส่วนกลมๆขาวๆที่ติดกันคือสนามฟุตบอลของทีมเบซิคตัส หนึ่งในสองทีมใหญ่ของอิสตัลบูลค่ะ

คุณไกด์เราบอกว่าเป็นอีกสถานที่ที่อันตรายยิ่งในวันที่มีการแข่งขันด้วยแล้วละก็...


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ในส่วนของห้องนอนก็ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ออกจะธรรมดาซะด้วยซ้ำ แต่ในเรื่องความสะดวกสบายนี่ต้องบอกว่าสุดยอดค่ะ

เพราะสำหรับห้องพักในชั้น Executive floor นั้นจะมีล๊อบบี้แยกออกมาต่างหาก

ตั้งแต่หกโมงเช้ายันเที่ยงคืน มีอินเตอร์เนตให้เล่น มีอาหารเสริฟครบทุกมื้อ ทั้งเช้า กลางวัน อาหารว่างและอาหารเย็น โดยที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม


**โปรดอภัยในความรก -*-


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
เวลาที่เหลือของวันนี้เราเทให้กับการช๊อปปิ้งที่ “Istinye Park” ห้างเปิดใหม่ใหญ่บึ้ม!!


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
สาวนักช๊อปและผู้รักแบรนด์เนมทั้งหลายไม่ควรพลาดที่นี่เป็นอย่างยิ่งค่ะ

เพราะไม่ว่าอยากจะช๊อปแบรนด์ไหน นึกมาเถอะ ที่นี่มีหมด ช๊อปเสร็จก็สามารถทำเรื่องรีฟันภาษีกันได้ทันทีอีกด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
สำหรับคุณสุภาพบุรุษทั้งหลายที่ไม่ได้ปลื้มปริ่มกับการจับจ่ายใช้สอย และต้องการให้การ์ดตัวเองปลอดภัย

สามารถมานั่งจิบกาแฟชมบรรยากาศรับลมเย็นๆกันได้บนดาดฟ้าชั้น 3 ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
หรือว่าต้องการแบบอิ่มท้องราคาประหยัดก็ต้องที่ฟู๊ดคอร์ทชั้นล่าง แต่จะถูกปากรึป่าวอันนี้ก็ต้องลอง

แต่แอบเตือนสำหรับอาหารหน้าตาแบบจานขวามือนี้นะคะ มันคือมักกะโรนีราดชีสเปรี้ยวๆ ซึ่งเปรี้ยวมากถึงเปรี้ยวที่สุด!!! T T … ไม่ถูกจริตเราเลยจริงๆ คำเดียวลาขาด

แต่ไก่อย่างกับมันบดทางซ้ายที่ซัดเรียบ 555 แถมด้วยพิซซ่าจากคนข้างๆอีกชิ้น....พุงกางเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
โซนซุปเปอร์มาร์เกตของที่นี่ก็ละลานตาไม่น้อย ทั้งผลไม้ขนาดใหญ่ยักษ์...อ้อ!! แตงโมนี่แทบจะเรียกว่าเป็นไฮไลท์สำหรับทริปนี้เลยทีเดียว มีทุกมื้อ

ที่สำคัญมันหวานแล้วก็อร่อยมากๆด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
แต่ผลไม้ขึ้นห้างนี่อย่าไปจับเลยทีเดียว แพงหูฉี่


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือไอ้ขนมหวานประจำชาตินี้ที่เค้าเรียกกันว่า Turkish delight นี่แหละค่ะ

บอกใครว่าจะมาตุรกีเค้าก็มักจะบอกว่าให้ถือมาฝาก แต่อร่อยมั้ยนั่นก็อีกเรื่องนะ 555

แต่นี่พึ่งจะวันแรก ยังไม่ซื้อหรอกเพราะเรายังเหลือการเดินทางอีกหลายวัน หลายพันกิโล

เอาไว้จะกลับค่อยมาเลือกๆดูอีกที แต่ที่แน่ไม่ใช่ที่อิสตันเย่ค่ะ....เพราะมันแพ๊งงงงงงง


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
เราจบวันแรกกันด้วยการไปนั่งเชียร์บอลยูโรคู่อิตาลีกับเยอรมันกันที่ร้านอาหารใกล้ๆโรงแรม

ก่อนจะเดินกลับไปพักเอาแรง เพราะการเดินทางที่แท้จริงรอเราอยู่พรุ่งนี้ค่ะ

ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
ลืมรูป...ท่าทางจะง่วง แปะไว้ก่อนแล้วพรุ่งนี้จะพาขึ้นเครื่องข้ามจังหวัดค่ะ ^ ^


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
รูปสวยมากค้าบบบ....


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
รูปสวยค่ะ รออ่านต่อนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
สวยมากเลยครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
รอติดตามชมตอนต่อไปนะครับ

..........................


ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
กำลังสนุกเลยค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 23
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 24
มารอไปเที่ยวตุรกีด้วยครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 24
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 25
ติดตามๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 25
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 26


แวะมาชมครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 26
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 27
กลับมาต่อแล้วคร่า....แฮ่~

เช้าวันนี้เราจะเดินทางออกจากอิสตัลบูลไปยังอิสเมียร์ ด้วยสายการบิน Turkish Airline [สะสมไมล์กับ star alliance ได้นะคะ]

บินด้วยโบอิ้ง 320-200 ใช้เวลาบินประมาณ 1.05 ชั่วโมงค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 27
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 28
ตะกร้าอาหารบนเครื่องหน้าตาน่ารักเชียวค่ะ ประกอบไปด้วย ชีสแซนวิช , ถั่วขาวในน้ำมันมะกอก และอัลมอนเค้ก

ส่วนเรื่องรสชาติขอผ่านค่ะ แฮ่~


ตอบกลับความเห็นที่ 28
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 29
พอถึงที่อิชเมียร์เราก็นั่งรถต่อไปยังเมืองเซลจูค

โดยจุดหมายแรกของเราจะอยู่ที่ HOUSE OF VERGIN MARY ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่สุดท้ายที่พระแม่มารีมาอาศัยอยู่และสิ้นพระชนม์ในบ้านหลังนี้ค่ะ

ซึ่งบ้านหลังนี้จะอยู่บนเขา ต้องยกนิ้วให้คุณลุงคนขับมากเพราะมีโค้งน่ากลัวอยู่หลายโค้งทีเดียว

อันนั้นเป็นภาพที่ถ่ายจากในรถมองลงไปจากเขาค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 29
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 30
ถึงแล้วค่ะทางเข้า HOUSE OF VERGIN MARY


ตอบกลับความเห็นที่ 30
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 31
บ้านหลังนิ๊ดเดียวเองค่ะ ก่อด้วยหินด้านในกว้างสักสามสี่เมตรได้

พี่ไกด์ของเราเล่าให้ฟังว่ามีแม่ชีจากเยอรมันนิมิตรเห็นที่นี่ แล้วก็บอกเล่าให้แพทย์ที่ทำการรักษาฟังก่อนที่เธอจะเสียชีวิต

เธอสามารถบอกเล่ารายละเอียดได้อย่างครบถ้วนแม้ว่าไม่เคยเดินทางมาที่นี่มาก่อน จึงนำมาสู่การค้นพบบ้านหลังนี้ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 31
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 32
ด้านในมีรูปปั้นพระแม่มารีและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆซึ่งไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปค่ะ

แต่ที่ด้านนอกจะมีรูปจำลองอยู่ ซึ่งถ้าสังเกตุดีๆจะเห็นว่าส่วนมือของพระแม่มารีได้หายไป

ซึ่งเกิดจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวทำให้รูปปั้นของพระแม่มารีหล่นลงมาค่ะ รูปจำลองก็เลยไม่มีเหมือนกับของจริง


ตอบกลับความเห็นที่ 32
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 33
ที่เห็นคนเข้าคิวรอกันอยู่นี่ก็เพื่อนรับน้ำศักดิ์สิทธิ์ ก็ประมาณเดียวกับน้ำมนต์บ้านเรา แต่ที่นี่เปิดก๊อกเลยค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 33
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 34
ส่วนตรงนี้ทั้งผนังจะเต็มไปด้วยกระดาษที่เขียนคำอธิษฐานต่างๆมาผูกไว้ค่ะ เต็มแน่นเชียว


ตอบกลับความเห็นที่ 34
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 35
ออกจากบ้านพระแม่มารีมาเราก็ลงจากเขามุ่งหน้าไปรับประทานอาหาร แต่ระหว่างทางก็มีอีกหนึ่งสถานที่ให้ได้แวะชม “วิหารอาร์ทิมิส”


ตอบกลับความเห็นที่ 35
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 36
ขึ้นชื่อว่าวิหาร ก็น่าจะยิ่งใหญ่ตระการตา แต่สำหรับวิหารอาร์ทิมิสในปัจจุบันหลงเหลืออยู่เพียงเท่านี้!!!!!!

วิหารอาร์ทิมิสถูกสร้างแล้วก็ถูกทำลายวนไปวนมาเป็นวัฏจักรประมาณสามครั้ง แต่ครั้งที่ไร้สาระที่สุดแต่คนทำก็ประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจคือการเผาทำลายวิหารครั้งที่ 2

โดย ฮีโรสตราตัส (Herotratus) เนื่องจากฮีโรสตราตัสต้องการให้ชื่อตัวเองถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์ จึงทำการลงมือเผาวิหารซะ -*-

ซึ่งต่อมาพระเจ้าอเล็กซ์ซานเดอร์ก็มาทำการบูรณะ แต่ก็ถูกทำลายลงอีกครั้ง และก็ถูกปล่อยปะละเลย จนเหลือเพียงซากในปัจจุบัน


ตอบกลับความเห็นที่ 36
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 37
ภาพจินตนาการของนักโบราณคดีถึงวิหารอาร์ทิมิส ....

cr. wiki


ตอบกลับความเห็นที่ 37
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 38
เข้ามาชมภาพสวยๆๆของตุรกีครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 38