ปริญญาจากไทยแทบไม่มีความหมายเลยเหลอคับถ้าคิดจะมาหางานบริษัทฝรั่งที่เมืองนอก

คือผมสงสัยว่าเวลาเค้าเห็นในresumeเราว่าเราจบจากไทยมีประสบการณ์ทำงานที่ไทยมาบ้างแล้ว มันไม่ได้เป็นตัวช่วยประกอบการตัดสินใจของเค้าที่จะรับเราเข้าทำงานบ้างเลยเหลอคับ ผมสมัครงาน20กว่าที่แล้วบ้างที่ก็เป็นการฝึกงาน โดนปฏิเสธหมดแม้แต่เรียกไปสัมภาษยังไม่มีบริษัทไหนเรียกไปเลย การเรียนผมที่เมืองไทยรวมทั้งงานก็ไม่ได้แย่เลย หรือว่าผมต้องมาเริ่มเรียนเอาปริญญาที่นี้ใหม่คับ ใครเคยมีประสบการณ์ทางด้านนี้บ้างไมคับ

ความคิดเห็นที่ 1
อย่าท้อนะคะ เรื่องหางานนี่อยู่ที่เวลาและโอกาสด้วยนะเราว่า เราหางานประมาณ 6 เดือน ส่งใบสมัครไปเกือบ 100 ที่ ก็ได้เป็นพนักงานชั่วคราวทำอยู่สามเดือนกว่าตอนนี้ก็ได้บรรจุเป็นพนักงานประจำมีสวัสดิการแล้ว

ถ้ามีเวลาและการเงินเอื้ออำนวยก็หาเรียนอะไรเสริมก็ได้ค่ะจะได้ไม่เบื่อ และจะได้มีสังคมเพิ่มแล้วก็ได้ความรู้เพิ่มด้วย

สู้ๆนะคะ

ป.ล. เราอยู่อเมริกาค่ะ
ป.ล.2 เรามีแต่ใบปริญญาจากเมืองไทยเหมือน จขกท ค่ะ

ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ที่อเมริกา เวลานี้ Health Care กำลังมาแรงครับ เพราะกำลังอยู่ในวัยของ
baby boomer ใครเรียนมาทาง nurse มักจะไม่ตกงาน และได้เงินพอดู

หากว่าเรียนไปทาง nursing ไม่ไหว เป็น home care ก็ยังได้งาน ที่มีแยะในอเมริกา


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ถ้าเป็นแบบว่ามาจากไทย มีแต่ปริญญามาจากไทย ส่วนใหญ่ฝรั่งมักจะไม่ค่อยสนใจ แต่ถ้าคุณมีมาเรียนอย่างน้อยเป็น Certificate อะไรบ้าง นิดๆ หน่อยๆ จากมหาลัยที่เมกา มักจะมีสิทธิ์ที่เค้าจะเรียกมากกว่า

อย่างน้อย มันเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า คุณฟังภาษาของเค้าเข้าใจมากพอ ที่จะเรียนหนังสือได้

ถ้ามีเวลาและเงิน ลองไปลงสมัครเรียนอะไรที่มันสามารถส่งเสริมในด้านที่คุณกำลังหางานอยู่จะดีมาก

โชคดีค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ประเด็นไม่ได้อยู่ทีว่าคุณจบจากไทยหรอกครับ สมมติคุณจบ Engineering จากไทย คุณก็สามารถประกอบวิชาชีพของคุณที่ประเทศนั้น ๆ ได้ ถ้าตำแหน่งนั้น ๆ ไม่ต้องการใบประกอบวิชาชีพ

มันอยู่ทีว่าคุณไม่มีประสบการณ์ในประเทศนั้น ๆ มากกว่า อาจต้องมองหางานไปเรื่อย ๆ ระหว่างนั้นก็หาคอร์สสั้น ๆ เรียนไปด้วยประดับ resume ครับ ถ้าอยากได้งานจริง ๆ อาจจะต้องยอมทำงานที่ qualification ต่ำกว่าที่คุณจบครับ เพื่อให้ได้ประสบการณ์ติดมาใน resume แล้วค่อยหางานอื่นที่ดีกว่า หลังจากนั้น


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
อย่าว่าแต่ปริญญาจากไทยเลยคุณ ปริญญาเมืองฝรั่งเองอย่างที่เมกานี่หลายคนยังต้องเดินเตะฝุ่นอยู่เลย หรือไม่ก็ได้งานที่ไม่ตรงกับสายงาน แต่หลายๆคนนี่คิดว่าได้อะไรคว้าได้ก็คว้าเอาไว้ก่อน เพราะดีกว่าหายใจทิ้ง

ถ้าคุณบอกเขาว่าจบมาจากจุฬาฯธรรมศาสตร์จากไทยนี่ คนที่เมกาที่ไม่ได้อยู่ในแวดวง กศ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณเก่งไม่เก่งขนาดไหน

การรับคนเข้าทำงาน บางทีก็ขึ้นอยู่กับจังหวะด้วย ถ้าคุณบังเอิญไปได้ช่วงที่งานแห่งนั้นกำลังต้องการคน แล้วคุณมี qualifications ที่ครบตามที่เขาต้องการ เรียกมาคุยกันแล้วถูกใจ คุณก็จะได้งานไป

หลังจากนั้น จะขึ้นเขาลงห้วยอย่างไรนี่ก็อีกเรื่อง


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
เพื่อนบ้านผมอายุ30กว่าแล้ว จบ Law จาก UCLA ตกงานไปตั้งหลายรอบ ทุกวันนี้ก็ยังเห็นเตะฝุ่นอยู่
สมัยนี้มันไม่มีอะไรง่ายๆหรอกนะครับ เช่น Personal Banker ของ WellFargo สาขาที่ผมเปิดบัญชีจบ High School เอง ไม่จบ College ด้วยซ้ำ แต่พอผมย้ายบ้านผมมาเจอ Personal Banker อีกคนเป็นคนเกาหลี Amercain Born จบ Economics จาก UC Irvine ตำแหน่งเดียวกัน ปริญญามันไม่การันตีหรอกครับ มันอยู่ที่บุคคลและประสบการณ์


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
American Born*


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
จากประสบการณ์ของเรา คือโฮสเราเค้าบอกประมาณว่า ปริญญาที่เราได้มาจากไทย เค้าก็อาจจะไม่ได้สนใจมาก เพราะว่าเค้าไม่รู้ว่ามหาลัยเราเป็นยังไง แล้วก็มีหลายๆคนที่ปลอมวุติการศึกษานะคะ

เค้าเคยแนะนำเราว่า ให้เราได้วุติที่นี่ซักใบก็จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้ เป็นอนุปริญญาหรือว่า Certificate ก็ได้

ยังไงก็สู้ๆนะคะ เราเข้าใจคะ

บางครั้งก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจนะคะ ว่าอังกฤษเราด้อยกว่าคนอื่น แต่ทำไงได้ละคะ เราก็ไม่ได้เกิดเมกาซะหน่อย ทำอะไรไม่ได้นอกจากพยายามต่อไปคะ

มันอาจจะต้องใช้เวลาเรื่องภาษา แต่เชื่อว่าถ้าได้ใช้ทุกๆวัน พยายามใช้ ก็จะเป็นได้มากขึ้นเองคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ตอนนี้คนตกงานมากนะ
จบทางด้านไหนมาล่ะ่
เรียนพยาบาลหรือmedical technicianหางานได้ไปแล้วนะ


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
ตอนที่สมัครงานอเมริกาก็ใช้ปริญญาของไทยนะ เค้าต้องจ้างคนเทียบว่ามหาวิทยาลัยที่เราจบมาเป็นยังไงด้วย แถมตอนเรียนโทไม่มี course work มีแค่ thesis ตัวเดียว เค้าก็งงว่าหลักสูตรอะไรเนี่ย(เลยต้องจ้างนักสืบ)

อย่างที่หลายๆคนว่า ไม่มันจริงหรอกที่ว่า ปริญญาไทยไม่มีความหมาย มันอยู่ที่โอกาสมากกว่า


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
ที่ยุโรปก็เป็นค่ะ เขาไม่สนหรอกค่ะ เรายังโดนเลย แต่เราลงเรียนภาษาดัชน์เพิ่ม เสียเวลาหลายปีเลย แต่งานก็งั้นๆ ตอนนี้เรากะจะฮึดสู้อีกครั้ง แล้วว่าจะหางานแถบเอเชียเอา เอาความรู้ทางนี้ไปทางเอเชียดีกว่า ไม่รู้จะหวังมากไปหรือเปล่า แต่สู้ค่ะ เพราะมีลูกลิงต้องดูแลค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
ขอบคุณทุกคนมากคับ จิงๆผมไม่ท้อน่ะคับตอนนี้ตามแผมที่วางไว้คือหางานมินิจ๊อบทำ แล้วก็เก็บเงินเท็คคอร์สสั้นๆเรียนเพิ่ม ฟึกงานไปเรื่อยๆ มีคนหลายคนบอกว่าคนไทยที่นี้(เยอรมัน) มีโอกาสน้อยมากที่จะได้ทำงานกับบริษัทฝรั่ง แต่ผมไม่เชื่อเลยคับ ยังไงผมก็ต้องชนะ อิอิอิอิอิ ถึงจะใช้เวลานานหน่อยก็เถอะ


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
บางทีเค้าต้องเลือกคนของเค้าก่อนค่ะ เพราะเค้าไม่ต้องจ่ายค่าวีซ่า บลา ๆ ๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
เรื่องภาษาสำคัญที่สุด ยิ่งคุณบอกว่าเป็นเยอรมันด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
ก่อนจะตอบ คงต้องขอถามก่อนว่า แล้ว จขกท. จบสายไหน ที่ไหนที่ไทยมาครับ? แล้วคิดว่า จะมาทำสายอะไรที่เยอรมันครับ? จะทำงานแบบไหน? แล้วความรู้ภาษาเยอรมันอยู่ขั้นไหน? แล้วมี work permit หรือว่ายังไงครับ? รอ จขกท มาตอบเพิ่มเติม ถึงจะตอบได้ถูกครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
เค้าไม่เคยได้ยินชื่อ ไม่รุ้มาตรฐาน แถมไม่เคยเจอคนที่จบมา
แถมพอไปเช็คอันดับ อยู่อันดับแบบ 800 ของโลก

มันก็ไม่น่าแปลกใจหรอกครับ ที่จะไม่โดนเรียกอะนะ

-------------

ถ้าเป็นด้าน Software Engineer ก็อาจจะพอมีหวัง เพราะคุณสามารถสร้าง Side Project เองได้

เช่นบอกว่า คุณช่วยพัฒนา Open Source Project ที่ดัง ๆ

(ยังงี้ เรียกสัมภาษณ์แน่นอนทันที)


คุณมี Side Project ไหม ที่ทำแล้วได้รับความสำเร็จระดับนึง ?


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
ตอบคุณPrudence :: ผมจบทางด้่านกราฟิกดีไซล์มาคับ จากม.กรุงเทพ มีประสบการณ์ทำงานที่ไทยประมาณ2ปี แล้วก็บินมาเยอรมัน ผมหางานเกี่ยวกับบริษัทมีเดีย พวกนิตยสาร มีหลายอย่างมากคับที่เค้ารับสมัครพวกกราฟิก บริษัทเสื้อผ้า เครื่องประดับ แต่ภาษาผมยังอยู่แค่ B2 ยอมรับคับว่ายังไม่ดีมาก แต่ก็อยู่ในระดับที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไม่มีปัญหา บางที่ผมก็สมัครแบบฝึกงานน่ะคับ(แบบระยะ6เดือน) แต่ก็ไม่เคยได้เหมือนกัน


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
ลืมบอกอีกเรื่องคับ ผมมี Deutsch Passแล้วคับ


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
โอเคครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูล เผอิญว่า ผมไม่ได้อยู่ในสายนี้ แต่พอจะได้ยินเรื่องการมีปัญหาด้านการหางานแบบนี้จากหลายๆคนที่อยู่ที่เยอรมัน ผมขอตอบโดยรวมๆแล้วกันนะครับ แต่ความเห็นผมอาจจะไม่ค่อยถูกใจ จขกท. เท่าไหร่นัก ก็ต้องขออภัยล่วงหน้านะครับ ผมไม่ได้มีเจตนาจะบั่นทอนกำลังใจ จขกท นะครับ

โดนทั่วๆไปการจะทำงานในเยอรมัน เรื่องที่สำคัญที่สุด ไม่พ้นเรื่องภาษาครับ B2 ไม่พอครับ แม้แต่ C1 เองก็ยังลำบากในการทำงาน จริงๆเรื่องภาษา เรื่องการอ่าน การเขียน ก็สำคัญ แต่ที่สำคัญที่สุดไม่พ้นเรื่องการพูด ก็คือการสื่อสารนั่นเอง เพราะฉะนั้นต่อให้คนเรียนจบ C1 ก็ใช่ว่าจะพูดได้คล่อง มันต้องอาศัยการปรับตัว แล้วก็หาโอกาสในการฝึกเยอะๆครับ อันนี้จุดเรื่องภาษาก่อนนะครับ อย่างที่คุณทราบว่า สายนี้จริงๆแล้วมีการทำเป็นอาชีพด้าน Ausbildung แล้วก็มีการเรียนจบแบบปริญญาตรี สายนี้คุณก็ต้องเข้าใจว่า ชาติแต่ละชาติมีเอกลักษณ์ หรือความชอบทางด้านศิลปะไม่เหมือนกัน งานที่คุณทำที่ไทย ถ้าให้ผมเดา ทุกครั้งที่คุณสมัครงาน คงต้องส่ง Portfolio ไปให้เค้าดูด้วย ซึ่งอาจจะไม่เข้าตาเค้าก็เพราะรสนิยมต่างกัน อันนี้ก็ต้องทำใจครับ บวกกับว่า ภาษาคุณเองก็ยังไม่อยู่ในขั้นที่จะสามารถเข้าใจในการสั่งงานได้ ไม่ว่าจะศัพท์เฉพาะทางในสายนี้ ที่ไม่สามารถหาเรียนได้ในคอร์สภาษา หรือแม้แต่การสั่งงานทั่วๆไป ด้วยความรู้ระดับ B2 ยังน้อยไปครับ หรือแม้แต่หากคุณโดนเรียกไปสัมภาษณ์จริงๆ ด้วยความรู้ระดับ B2 นั้นก็ยากที่จะผ่านการสัมภาษณ์ได้ครับ ระดับภาษาที่ใช้ในการสัมภาษณ์นั้น คนละเรื่องกับที่ใช้ในชีวิตประจำวันเลยครับ ของแบบนี้ก็ฝึกกันได้ครับ แต่ใช้เวลานานพอสมควรเหมือนกัน

คราวนี้เรามาพูดถึงเรื่อง degree กัน ส่วนนึงตรงนี้ไม่ใช่ความผิดคุณ แต่ก็ต้องโทษที่การปฏิรูปการศึกษาในเยอรมันด้วย ผมไม่ทราบว่า จชกท. พอจะรู้เกี่ยวกับระบบ Diplom ของเยอรมันในสมัยก่อนหรือไม่ เอาสั้นๆว่า เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เยอรมันได้มีการปฏิรูปการศึกษาจาก Diplom หรือ Diplom (FH) เป็น Bachelor และ Master จนถึงทุกวันนี้เยอรมันเองก็ยังมีปัญหาเรื่องนี้อยู่ เนื่องด้วย Diplom ของ Universität สมัยก่อนนั้น คือ เรียนทีเดียว 10 เทอม จบแล้วได้ Diplom เทียบเท่ากับ Master ในปัจจุบัน หรือแม้แต่ Diplom(FH) ก็เรียน 8 เทอม ก็ยังสูงกว่า Bachelor ของเยอรมันปัจจุดบันอยู่ดี การที่ปฏิรูปการศึกษา หรือที่เรียกว่า Bologna Process นี้ ก็เพื่อที่จะเปิดโอกาสให้นักเรียนเยอรมันออกไปศึกษานอกประเทศ หรือนักศึกษาต่างชาติเข้ามาศึกษาต่อในประเทศเยอรมันได้ง่ายขึ้น แต่ผลที่ออกมาจนถึงทุกวันนี้ คือ บริษัทไม่พอใจกับเด็กจบปริญญาตรี และมักจะไม่ไว้ใจในเรื่องการทำงาน เนื่องด้วยเวลาเรียนที่สั้นลง รวมถึงการตัดเทอม internship ออก ซึ่งทำให้ขาดประสบการณ์การทำงานไปอีก หลายๆบริษัทก็มักจะ prefer เด็กจบโทครับ นอกจากนี้ 2/3 ของจำนวนเด็กทั้งหมดทีจบปริญญาตรี มักจะเรียนต่อโทเลยทันที ก็เพราะปัญหาที่ผมกล่าวมาข้างต้น ปัญญาตรงนี้ประเทศเยอรมันก็ยังต้องทำการแก้ไขกันต่อไป ทีนี้มาที่ปริญญาของคุณที่ได้มาจากที่ไทย ซึ่งก็คือ "แค่" (แค่เพราะเหมือนที่ผมอธิบายข้างต้นไป ไม่ใช่ว่าจะดูถูกหรืออะไรนะครับ) ปริญญาตรีซึ่งได้มาจากประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งถ้าพูดกันตรงๆคุณภาพการศึกษาก็ยังแตกต่างจากที่นี่อยู่ไม่น้อย แม้แต่ปริญญาตรีเอง หากเทียบกันระหว่างที่เยอรมันกับที่ไทย ไม่เพียงแค่เนื้อหา แต่ยังเป็นระบบและตัวเรียนทั้งหมดที่ต่างจากที่ไทยพอสมควร ซึ่งแน่นอนว่า สำหรับบริษัทที่นี่ยิ่งทำให้เป็นข้อลบลงไปอีก

มาถึงจุดสุดท้าย คือ เรื่องประสบการณ์ ผมเข้าใจว่า ตัว จขกท คิดว่า ตัวเองมีประสบการณ์การทำงานมาแล้ว 2 ปี น่าจะมี credit อะไรบ้าง แต่ในความเป็นจริง ก็คือ หากไม่ใช่ว่า คุณทำงานในบริษัทใหญ่ระดับ international ที่ใครๆก็รู้จัก หรือผลงานได้รางวัลอะไรที่บริษัทที่นี่รู้จัก ประสบกาณ์การทำงานที่ทำมาก็เป็นศูนย์ครับ ในเมื่อบริษัทที่นี่ไม่รู้จักบริษัทที่ จขกท. เคยทำงานมาก่อน เค้าก็ไม่รู้จะประเมินผลงาน หรืองานที่คุณทำยังไง

ทางที่ดีที่สุด คือ พยายามหา Internship/ Praktikum ทำที่นี่ แต่โดยทั่วๆไปการจะทำ intern ที่เยอรมัน คุณจะต้อง enroll เป็นนักศึกษามหาลัยที่นี่ หรือไม่งั้นก็พยายามหาตำแหน่ง Ausbildung ในสายนี้ทำอีกที เพราะยังไงคุณก็พอมีประสบการณ์ อาจจะสามารถนำไปลดเวลาทำ Ausbildung ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นคุณก็ยังจะมีโอกาสในการทำงานที่นี่ครับ แต่ลำพังประวัติคุณตอนนี้ ผมคงไม่พูดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่บอกได้เลยว่าลำบากจริงๆครับกับการหางานที่นี่ เพราะคู่แข่งในตลาดก็มีไม่น้อย ไม่ว่าจะด้านประสบการณ์ หรือการศึกษา ถ้าคิดจะเริ่มต้นที่เยอรมันจริงๆ ยังไงก็ต้องใจเย็นๆ แล้วค่อยๆเดินไปตามทางแบบ step by step ครับ ยังไงซะต่อให้เยอรมันพยายามเปิดประเทศให้ต่างชาติยังไง ความจริงก็คือ ต่างชาติมีโอกาสในการทำงานดีๆน้อยครับ ถ้าไม่ใช่คนที่เรียนที่นี่ (แน่นอนว่า ภาษาต้องคล่องนะครับ ไม่ใช่จบโทแล้วภาษาไม่ได้ ก็หางานไม่ได้เหมือนกันครับ) หรืออยู่ที่นี่แต่เด็ก ก็ลำบากจริงๆครับ ไม่ว่าชาติไหน อย่างที่บอกครับ หากจะอยากทำงานด้านนี้ที่นี่จริงๆ คุณหนีไม่พ้นที่จะต้องเข้าระบบของเยอรมันครับ ไม่ว่าจะศึกษาต่อ (ซึ่งก็ต้องเรียนภาษาอยู่ดี แล้วค่าใช้จ่ายก็ไม่น้อยซะด้วย) หรือทำ Ausbildung ต่อ

เจตนาของผมที่บรรยายมาทั้งหมดนั้น เพียงเพื่อให้ จขกท ได้รู้ถึงสภาพสังคมของเยอรมัน หรืออาจจะเพื่อที่จะได้คิดวางแผนที่เหมาะสมกับตัวเองต่อไปครับ เช่น เรียนภาษาเพิ่ม หรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่ได้ต้องการจะบั่นทอนกำลังใจแต่อย่างไร แต่มันคือ ความจริงที่ต้องยอมรับครับ ยังไงก็ทำให้เต็มที่ พยายามให้ถึงที่สุด แต่ก็ต้องยอมรับความจริง อย่ามองโลกในแง่ดีจนเกินไป อาจจะทำให้เสียเวลาชีวิตของตัวเองโดยใช่เหตุในบางครั้งครับ ยังไงผมก็ขอให้ จขกท โชคดีครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
อ่อ ผมลืมบอกไปอีกอย่าง เดี๋ยวนี้ข้อเสียอีกอย่างของระบบการศึกษา และบริษัทในเยอรมันต่างๆนั้น คือ ในภาษาเยอรมันที่เรียกว่า Lebenslauf verschönern คือ การที่ผู้สมัคร มักจะต้องเขียน Lebenslauf - CV ให้ดูดี (เกินจริง)นั้น ก็มักจะคาดหวังจากคนที่มาสมัครงาน ให้ผ่านการฝึกงาน / Praktikum (2-3 บริษัทด้วยซ้ำ ไม่ใช่ครั้งเดียว) หรือการทำงาน Part-time ระหว่างเรียนในมหาวิทยาลัย แบบเป็น Werkstudent หรือ Aushilfe ในสายที่ตนเรียนครับ ว่าง่ายๆว่า มีประสบการณ์ (ในประเทศนะครับ) ไม่เหมือนสมัยก่อนที่เรียนให้ดี ให้จบ ฝึกงานเมื่อจำเป็น มันไม่ใช่แล้วครับ ในทุกๆสายนะครับ ไม่ว่าจะวิศวะ economics หรือสายไหนก็แล้วแต่ กลายเป็น standard ของบริษัทที่นี่ไปแล้ว หวังว่า พอจะทำให้เห็นภาพสังคมการทำงาน หรือการเลือกคนเข้าทำงานของเยอรมันนะครับ อาจจะทำให้เข้าใจมากขึ้นว่า ทำไมสมัครเท่าไหร่ๆก็ไม่ได้ซะที แม้กระทั่งคนเยอรมัน หรือจริงๆแล้วพูดให้ถูก เด็กเยอรมันรุ่นใหม่เองก็ต้องพยายามทำ CV ตัวเองให้ดูดีตั้งแต่สมัยเรียนด้วยซ้ำ การแข่งขันในตลาดมันสูงครับ แม้คุณมี Deutscher Pass แต่ภาษาเยอรมันค่อนข้างอ่อนนั้น สัญชาติ Deutsch ก็ไม่ได้เป็นจุดบวกในการสมัครงานเลยครับ จะช่วยก็ตรงบริษัทรับไปแล้ว แต่ไม่ต้องดำเนินเรื่องมากก็เท่านั้น ในทางกลับกัน แม้คุณจะเป็นนักเรียนสัญชาติไทย แต่ผ่านการสัมภาษณ์ เอาง่ายๆว่า qualified ตามที่เค้าต้องการนั้น การจะฝึกงานนั้นก็ไม่ใชปัญหาครับ

ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
ขอบคุณมากคับคุณPrudence เห็นภาพมากๆๆ คุณไม่ได้บั่นทอนอะไรเลยคับ จิงๆสิ่งที่คุณพูดมาทั้งหมด ลึกๆในใจผมก็พอรู้ แต่พยายาม(หลอก)บอกกันตัวเองว่า เอาน่ะเพื่อฟรุค อาจจะโชคดีก็ได้ แต่ถ้ามานั่งคิดกลับกัน อย่างในประเทศไทยถ้ามีนักศึกษาพม่า ลาวหรืออะไรก็แล้วแต่ที่เราคิดว่าประเทศเค้ายังไม่ได้รับพัฒนาที่ดีพอ เราก็คงไม่รับเค้าอย่างแน่นอนต่อให้เค้ามีสัญชาติไทยก็ตาม(อันนี้ผมป่าวดูถูกประเทศเพื่อนบ้านเราน่ะะ555) เวลานี้ผมคงต้องหาที่ฝึกงานไปเรื่อยๆแล้วตั้งใจว่าปีหน้าจะสมัครAusbildung ตอนนี้เหมือนAusbildungเป็นสิ่งนึงที่เด็กเยอรมันทุกคนต้องทำแล้วเนอะ(หรือเป็นมานานแล้วก็ไม่ทราบเหมือนกัน55)เพราะเพื่อนเยอรมันผมทุกคนบอกว่าถ้าไม่ทำโอกาสการได้งานก็ยิ่งยากขึ้นมากๆๆๆตอนนี้ก็คงหางานMinijobทำไปพลางๆ แต่ขอถามความเห็นหน่อยน่ะคับ คุณPrudenceว่าการสมัครAusbildungสำหรับต่างชาติอย่างผมมันจะยากพอๆกับหางานไมคับ


ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
คือ จริงๆถ้าคุณคิดจะสมัครปีหน้า แล้วสามารถพยายามปรับปรุงภาษาตัวเองให้ดีได้ ในระดับที่สื่อสารรู้เรื่องได้ดี คุณจะลองสมัครทำ Ausbildung หรือจะลองสมัครแบบ Duales Studium ดูก็ได้ครับ ซึ่งแบบหลังจริงๆแล้วก็ได้ทั้งทำงานแล้วก็เรียน อาจจะหนักกว่าหน่อย แต่ผมว่า ก็น่าสนใจเหมือนกัน ยังไงก็แล้วแต่ทั้งคู่คุณก็จะมีโอกาสได้ทำงาน แล้วก็ได้หาเงินไปพร้อมกันทั้งคู่ นอกจากนี้หลังทำ Ausbildung หากยังไปทำ Geselle/ Meister ต่อก็หางานทำได้ในเยอรมันได้ดี หรืออาจจะเปิดบริษัททำแนวนั้นเองก็สามารถทำได้ การศึกษาในเยอรมันมีหลายทางครับ ถามว่ายากพอๆกับหางานมั้ย คงจะตอบว่า อาจจะไม่ครับ แต่ก็ไม่ง่ายแน่ๆ เพราะการหางาน full-time เหมือนเป็น step ต่อไปหลังจากเรียนจบ หรือทำ Ausbildung แล้ว แล้วด้วยสถานการณ์ ณ ปัจจุบันที่ใครๆก็เฮกันไปเรียนมหาลัยกันหมด Trend กลายเป็นว่า ทำ abitur แล้วก็เรียนมหาวิทยาลัยก็มามากขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นว่า Ausbildungsstelle เองก็ว่างมากขึ้น (แต่ก็ยังมีบางคนบ่นว่าหาไม่ได้อยู่ดี มันขึ้นอยู่กับคน อาชีพ แล้วก็ตลาด+จังหวะ ณ ขณะนั้นด้วยล่ะครับ) ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณทั้งสิ้นครับว่า จะขวนขวายแค่ไหน เพราะทางที่เดินไปไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบแน่นอนครับ ที่คิดว่าจะลองพยายามหาที่ฝึกงานไปเรื่อยๆน่ะ ดีแล้วครับ เพราะถ้าโชคดีทำ Praktikum เสร็จ อาจจะได้ทำ Ausbildung ต่อเลยด้วยซ้ำ ขั้นแรกเอาภาษาให้ดีที่สุดครับ แต่ผมคงให้คำปรึกษาด้านการสมัคร Ausbildung ได้ไม่ดีนัก เพราะผมไม่มีประสบการณ์ตรงครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นมันขึ้นอยู่กับ Lebenslauf & Anschreiben ที่คุณเขียนในการสมัครงานด้วยครับ หากเขียนดีเป็นที่ถูกตา ซึ่งก็มีข้อต้องระวังหลายอย่างให้เขียนถูกหลัก Grammar etc. เอาง่ายๆว่า ไม่ง่ายกว่าจะผ่านข้ามไปถึงมีโอกาสได้สัมภาษณ์ ถ้าสัมภาษณ์แล้วก็ต้อง present ตัวเองให้ดี คุณถึงจะมีโอกาสมากขึ้นครับ สุดท้ายก็ไม่พ้นที่จะต้องเอาภาษาให้ดีเสียก่อนอยู่ดีนั่นล่ะครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
ขอบคุณอีกครั่งคับ ไอ้การเขียนAnschreibenเป็นอะไรที่ผมเกรียจมากเลย การที่จะเขียนให้ถูกและใช้ภาษาที่เหมาะสมดูเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับผม แต่ยังดีที่พอมีเพื่อนๆเยอรมันค่อยช่วย ยังไงก็จะสู้ๆต่อไป อิอิมาถึงจุดนี้ผมคงไม่ถอยแหละ


ตอบกลับความเห็นที่ 23
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 24
ถ้าต้องทำงานร่วมกับคนชาติที่จะไปทำงาน ภาษาเราต้องดีถึงขั้นดีมากครับ ยกเว้นพวกงานที่ใช้แรงเป็นหลัก หรืองานในบริษัทปิโตรเลียม

การศึกษามีผลครับ ถ้าจบประเทศที่เจริญแล้ว โอกาสได้งานก็สูงตามไปด้วย ยกเว้นคุณจะมีประสบการณ์การทำงานในด้านนั้นมาเป็นเวลายาวนาน หรือเคยทำงานบริษัทดังๆมาก่อน อันนี้เค้าจะมองข้ามใบปริญญาไปได้


ตอบกลับความเห็นที่ 24
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 25
คิดว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนโยบายช่วยเพื่อนร่วมชาติด้วยมั่งคะ ที่ไหน ๆ ก็มีแต่คนตกงานคะ ปริญญาเหมือนกัน แต่คนหนึ่งเป็นคนของประเทศเขา อีกคนหนึ่งเป็นคุณ ก็คงไม่ต้องบอกหรอกนะคะว่า ผลจะออกมายังไง


ตอบกลับความเห็นที่ 25
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 26
From my experience first job i got here, i had to tweak my CV and resume many times to fit each position i applied for.

So recommend, revise your resume and letter that you introduce yourself on what qualifications you can bring in to help the company. And if you have opportunity to get interview, prepare, prepare and prepare !

Good Luck


ตอบกลับความเห็นที่ 26
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 27
เรียนกราฟฟิคดีไซน์มาน่าจะดูว่าพอร์ทเป็นยัง ใช้โปรแกรมอะไรได้บ้างนะคะ

แต่ความเข้าใจด้านภาษาก้น่าจะสำคัญเพราะเค้าก้ต้องแน่ใจว่าคุณจะสื่อสารกับคนที่ทำงานด้วยกันได้อย่างถูกต้อง ไม่งั้นเวลาทำงานแล้วมีเรื่องผิดพลาดมันไม่คุ้มค่าแรงที่เค้าต้องจ่ายต่อชั่วโมงนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 27