ถูกปฏิเสธ วีซ่าท่องเที่ยวอเมริกา

เมื่อกี้พิมพ์มาเยอะมาก แต่เผอิญเมือไปกดปิด เลยต้องพิมพ์ใหม่
อาจจะไม่เหมือนเดิมนะคะ

ความคิดเห็นที่ 1
รอนึดนึงนะคะ กำลังพิมพ์อยู่ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
จขกท ไปสัมภาษณ์เมื่อวานค่ะ ช่วงเช้า ตอนนี้ทำใจได้แล้วก็เลย
อยากจะมาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังค่ะ ตอนคัดเอกสารใส่แฟ้มใส ๆ ของสถาฑูต
เขาเอาแค่ 1.ใบสมัคร 2.ใบรับรองงาน (จขกท ทำใบรับรองเงินเดือนใส่ไปด้วยค่ะ)3. จดหมายเชิญค่ะ 4.ใบสีฟ้า สำหรับให้เรากรอกชื่อ/ที่อยู่ เพื่อส่งพาร์สปอร์ตคืนค่ะและมีบัตรคิวด้วย ตอนรอเรียกคิวเข้าสัมภาษณ์แต่ละช่อง จขกท ภาวะนาว่า อย่าเรียกลูกช้างเข้าช่อง 11 เลยเจ้าค่ะ แต่ไม่เป็นดังที่ใจปรารถนา มีเจ้าหน้าที่เสียงตามสาย ประกาศด้วยไมค์ ว่า หมายเลยที่ 066-070 กรุณาเข้าคิวช่อง 11 ค่ะ ประกาศเป็นภาษาไทย และต่อท้ายด้วยภาษาอังกฤษ ข้อความเดียวกัน ดิฉันทำใจเลย หึ มาดามคนนี้แหล่ะที่โหดสุด ๆ (สวยแต่โหด) บทสัมภาษณ์ตามนี้นะคะ (สัมภาษณ์ประมาณ 8 นาที) สัมภาษณ์เป็นภาษาไทยค่ะ ทั้ง ๆ ที่ตอนกรอกใบสมัคร ขอสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ

มาดาม......สวัสดีค่ะ
จขกท......สวัสดีค่ะ
มาดาม......ไปทำอะไรคะ
จขกท......ไปเที่ยว และเยี่ยมครอบครัวแฟนค่ะ
มาดาม......ไปที่รัฐไหนคะ
จขกท......ไป MA ค่ะ
มาดาม......คุณทำงานที่ไหนคะ
จขกท.......ทำที่...........
มาดาม......ทำตำแหน่งอะไรคะ
จขกท.......เป็น Call Center ค่ะ
มาดาม......ไหนอธิบายลักษณะงานให้ฟังให้ค่ะ
จขกท......รับโทรศัพท์ รับเรื่องร้องเรียน จองห้องอาหาร จองนวด และอื่น ๆ
มาดาม......แฟนคุณออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดเลยเหรอคะ?
จขกท......ใช่ค่ะ
มาดาม......ไหนขอดูพาร์สปอร์ตของแฟนคุณหน่อยค่ะ
จขกท.......เอาให้ดูทั้งหน้าแรกและหน้าที่มีวีซ่าที่ไปเที่ยวด้วยกันค่ะ แต่มาดามเอาแค่หน้าแรก ส่งคืนหน้าอื่นๆ
มาดาม.......รู้จักกับแฟนได้ยังไงคะ?
จขกท.......รู้จักกันทางอินเตอร์เน็ตค่ะ
มาดาม.......Dating website เหรอคะ?
จขกท.......ใช่ค่ะ
มาดาม......รู้จักกันเมื่อไหร่
จขกท.......เดือนมีนาคม ปีที่แล้ว
มาดาม.......รู้จักกันมากี่เดือนแล้วคะ? (จขกท คิดในใจ เอ๊ะฝรั่งเขาถามกันเป็นเดือนหรือเปล่านะ?)
จขกท.......ปีกว่าค่ะ
มาดาม.......มาเจอกันเมื่อไหร่คะ
จขกท.......เจอกันเดือนมิถุนาปีที่แล้วที่เมืองไทย และเดือนมีนาคมปีนี้ที่ฮ่องกง เพราะแฟนมีโรงงานที่แถบชายแดนเมืองจีน เลยต้องไปเจอกันที่ฮ่องกง (ตอนอธิบายชีก็ไม่ค่อยตั้งใจฟังนะคะ พลิกดูเอกสารโน่นนี่นั้นค่ะ)
มาดาม.......แฟนคุณทำงานอะไรคะ
จขกท.......ขายรองเท้าหนังแกะ
มาดาม.......แล้วเขาอยู่ที่ไหนคะตอนนี้?
จขกท........อยู่นิวอิงแลนด์ แมชเชสซูเสสค่ะ
มาดาม........คุณเงินเดือนเท่าไหร่คะ?
จขกท........ประมาณ 2 หมื่นกว่า ๆ ค่ะ
มาดาม........จะไปเดือนไหนคะ? (จขกท แอบนึกดีใจ หรือว่าชีจะให้เรา)
จขกท........ 23 กันยาค่ะ
มาดาม........ไปกี่วันคะ?
จขกท........13 วันค่ะ แต่ลางาน 14 วัน เพราะต้องเตรียมบิน
ขณะที่ถามคำถามเกือบสุดท้าย มาดามก็ใช้มือทั้งสองข้างนั้นประทับ วัน/ด/ป พร้อมลายเซ็นต์กำกับ ทั้งสองด้าน ไทย/อังกฤษของกระดาษ A4 ยื่นให้จขกท และแล้วมาดาม ก็กล่าวว่า "ดิฉันต้องขอประทานโทษด้วยนะคะ ดิฉันไม่สามารถให้วีซ่าคุณได้ เนื่องจากขณะนี้มีผู้สมัครวีซ่าชั่วคราวจำนวนมากค่ะ" จากนั้น ไม่ต้องพูดถึง หวังว่าคนที่เคยโดนปฏิเสธคงจะนึกภาพออกนะคะว่ามันจะเป็นยังไง ดิฉันไม่โทษเขานะคะ เขาก็ทำตามหน้าที่ แต่แค่เสียใจว่า เราก็รักกันจริง ๆ ไม่ได้ที่จะไปแย่งงานเขา หรือทำอะไรเสีย ๆ หาย ๆ เลยตอนนี้ก็มานั่งคุยกะแฟนว่าเอาไงต่อ ขอความคิดเห็นจากเพื่อน ๆ และวิเคราะห์มาได้เลยว่าที่ไม่ผ่านเป็นเพราะอะไรค่ะ ส่วนตัวแล้วจขกทได้วิเคราะห์เองในใจว่าที่ไม่ผ่านเพราะ 1. มีแฟนที่โน่น และความสัมพันธ์ อาจจะไม่แน่นแฟ้นพอ 2. ตำแหน่งหน้าที่การงาน อาจจะทำให้คิดได้ว่าสามารถทอดทิ้งไปได้***** อาจจะยาวไปหน่อยนะคะ แต่ก็ละเอียดพอค่ะ***


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
เพราะว่าอะไรไม่ทราบค่ะ ทราบแต่ว่าถ้าคุณรับรองตัวเอง คุณจะผ่าน เงินเดือนไม่ขี้เหร่เลย รับรองตัวเองได้สบายมาก คราวหน้ามีโอกาส ลองยื่นใหม่โดยตัวเองเป็นสปอนเซอร์ตัวเองนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ลองสมัครอีกสักรอบสิค่ะ เผื่อได้คนสัมภาษณ์คนอื่นแล้วถ้าไม่ได้จริงๆ ค่อยขอวีซ่าคู่หมั้น เราก็เลยขอวีท่องเที่ยวมาเยี่ยมแฟนแล้วผ่านตอนนั้นสัมภาษณ์กับฝรั่่งผู้ชายใส่แว่น ในตอนนั้นเราบอกคนที่สัมภาษณ์ว่าแฟนเราอยากให้เราไปเห็นบ้านเค้าและเจอญาติพี่น้องแล้วให้เราตัดสินใจว่าจะใช้ชีวิตอยู่ที่นั้นได้ไหม ถ้าทุกอย่างโอเคเราจะกลับมาขอวีซ่าคู่หมั้น เค้าก็ให้เราวีท่องเที่ยว 10 ปี แล้วต่อมาเราขอวีคู่หมั้นเพื่อมาแต่งงานอีกทีหนึ่ง วีซ่าท่องเที่ยว 10 ปีที่ได้ก็ยกเลิกโดยอัตโนมัติ เราก็ทำตามนั้นจริงๆ ลองคุยกับแฟนดูน่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
ขอบคุณค่ะ คุณ Sunshine Sonata
ตอนแรกเรากะไม่บอกเขาค่ะว่ามีแฟน
แต่เรากับแฟนไม่อยากโกหกค่ะ
เพราะว่าคิดเผื่อ ในกรณีที่ไม่ผ่านครั้งนี้
และก็เป็นไปตามคาด
คราวหน้า ถ้าไปยื่นอีกแล้วรับรองตัวเอง
กลัวไม่ผ่านอีก เพราะเขารู้ว่าเรามีคนแฟนอยู่ที่โน่นค่ะ
ที่ไม่อยากทำวีซ่าอื่น เพราะเรากะแฟนวางแผนที่จะตั้งรกรากที่ไทยค่ะ
***อ้อตกไปคำถามนึงค่ะ มาดามก็ถามว่า วางแผนยังไงกับแฟน เราก็ตอบไปว่า ไม่ได้วางแผนแต่งเร็ว ๆ นี้ และจะมาตั้งรกรากที่ เชียงใหม่****ลืมเล่า ลืมสนิทเลยค่ะ***


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
เค้าคงกลัวคุณไปแต่งงานที่นั่นแน่เลย - -


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
คุณ Sunshine Sonata
ให้ข้อคิดที่ดีมากค่ะ
ขอบคุณจริง ๆ ลืมจุดนี้ไปเลย
อาจจะยื่นอีกครั้ง
หรือยังไงต้องลองปรึกษาแฟนดูก่อน
เพื่อรับรองตัวเอง เสี่ยงอีกที
แล้วถ้าโดนปฏิเสธอีกครั้ง จะมีผลเสียหรือเปล่าคะ?
และจะตัองเอาเงินเข้าประมาณเท่าไหร่คะ แสนนึงพอหรือเปล่าคะ?


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
คอมเม้นท์ของคุณ Boomsy เพิ่งจะขึ้น
ขอบคุณค่ะ ดีใจจัง อย่างน้อยก็มีทางออกอีกทางนึง
เป็นอันว่า จขกท คิดผิดตั้งแต่แรกที่ให้แฟนเป็นสปอร์นเซอร์ใช่มั้ยคะ?
แย่จังเลยค่ะ บวกกับโชคไม่ดีอีกด้วย
@ คุณ DoRaePeet อาจจะเป็นอย่างที่คุณว่าค่ะ ^0^


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
จริงๆ แล้วคุณไม่ควรอ้างแฟนเลย ไม่ควรพูดถึงด้วยซ้ำ เพราะสถานทูตฯพิจารณาตัวผู้ยื่นเป็นหลัก... คาดว่าที่คุณไม่ได้วีซ่าเพราะว่า...
1. คุณอ้างคนที่อเมริกา - แฟน
2. คุณเจอแฟนคุณแค่ 2 ครั้ง
3. เขากลัวว่าคุณจะมาแต่งงานที่อเมริกา


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
ค่ะคุณ Blackmagic W
พอดีก็เคยปรึกษาเพื่อนที่เคยได้มา
และเพื่อน ๆ ที่นี่ ว่าไม่ควรโกหกเขา
เพราะถ้าเขาทราบทีหลังมันก็จะมีผลกับการยื่นครั้งต่อไปค่ะ
เลยบอกไปตามตรงค่ะ ^0^


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
ถ้าคุณไม่บอกว่ามีแฟนที่นั่น ป่านนี้ผ่านแล้วค่ะ เขากลัวคุณไปแล้วไม่กลับมา


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
อย่าเสียใจไปเลยค่ะ คิดเสียว่าเจ้าหน้าที่ห่วงใยในสวัสดิภาพของคุณนะคะ เมื่อถึงเวลาไปขอใหม่ ก็ให้ไปขอตามปกติ ถ้ายังไม่คิดเรื่องแต่งงานจริงๆ ก็ขอวีซ่าท่องเที่ยว รับรองตัวเอง ทำแผนเที่ยวคร่าวๆ ว่าจะไปไหนบ้าง ไม่ต้องยื่นนะคะ ทำแล้วจำไว้ว่าคุณวางแผนไปเที่ยวตรงไหนบ้าง และสนใจอะไรในสถานที่นั้น ถ้าถาม ต้องตอบได้ไม่ตะกุกตะกัก

ในส่วนเอกสาร จะมีให้กรอกที่อยู่คนที่คนจะไปพักด้วย ใส่ที่อยู่แฟนได้นะคะ ใส่ชื่อ เบอร์โทรให้ครบ เวลาโดนถามค่อยบอกว่าเป็น significant other พยายามตอบสั้นๆ ไม่ต้องขยายความ เมื่อโดนถามถึงแผนการแต่งงาน ก็ตอบตามจริงแค่ว่ายังไม่มีแพลน คุณอาจโดนซักถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์มากหน่อย คุณอาจต้องรู้ว่าแฟนคุณอายุเท่าไหร่ เกิดวันที่เท่าไหร่ และอื่นๆ ระหว่างนี้ให้แฟนมาเที่ยวเมืองไทยก่อนสิคะ จะได้บอกได้ว่าเจอกันมาบ่อยแล้ว

ดิฉันเข้าใจเองเป็นส่วนตัวว่า ในวินาทีที่คุณบอกว่าคุณมีแฟนหรือให้แฟนอเมริกันเป็นสปอนเซอร์ เจ้าหน้าที่เค้าจะเช็คข้อมูลแฟนคุณด้วย เมื่อเช็คแล้วอาจจะมีบางอย่างที่ทำให้เคลือบแคลง และอย่างนั้นมันอาจไม่ได้มาจากตัวคุณ อย่างไรก็ดี สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ดีทุกอย่างนะคะ บางทีแบบนี้อาจดีกับคุณก็ได้

ถ้าขอรอบสองยังไม่ได้ ให้ถามเจ้าหน้าที่กงสุลเลยค่ะ ว่าคุณพลาดตรงไหน อย่ากลับมาเเบบงงๆ ส่วนเรื่องเงิน ถ้ามีเงินเดือนเข้าทุกเดือน และทำงานมานานพอควร บัญชีนั้นก็เพียงพอแล้วค่ะ เหลือติดบัญชีไว้บ้างตามประสามนุษย์เงินเดือนทั่วไปแหละค่ะ ถ้าเหลือน้อย หมายถึงว่าคุณได้ซื้อตั๋วและอื่นๆ เพื่อการเดินทางพร้อมแล้วนะคะ ยังไงก็เหลือให้พอค่าใช้จ่ายตลอดระยะเวลาการท่องเที่ยวแล้วกัน (แม้ว่าจริงๆ แฟนคุณจะดูแลในส่วนนี้ก็ตาม) นี่แหละค่ะเป็นที่มาของคำแนะนำว่าไม่ควรอ้างถึงแฟน เพราะมันยุ่งยากในการอธิบาย ในกรณีคุณ เมื่อบอกไปแล้ว ก็คงต้องเลยตามเลย เพราะข้อมูลของคุณถูกบันทึกไว้แล้ว ขอให้โชคดีค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ค่ะ
ไม่ใช่ญาติพี่น้อง แต่มีน้ำใจงามจริง ๆ
ซาบซึ้ง จขกท ทำงานที่นี่ได้ 8 ปี
จะเข้าปีที่ 9 แล้วค่ะ เสียใจที่ตัดสินใจผิด
เรื่องไปบอกเขาว่ามีแฟนที่นั่น แต่จะพยายาม
แก้ไขให้ดีที่สุด เพราะแฟนบอกว่า ยังไงก็จะเอาเรา
ไปเจอแม่ และญาติ ๆ เขาให้ได้


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
คหสต. ผมว่าคุณโชคไม่ดีตรงที่ได้สัมภาษณ์กะสาวสวยช่อง11ครับ
เพราะผมเห็นช่องนี้ขนาดแต่งชุดทหาร เค้ายังถามเยอะมากๆๆๆๆๆ
ผมได้ช่อง12 ผู้หญิงคนที่พูดไทยชัดๆอ่ะครับ 10กว่าคิวก่อนและหลังผม ผ่านทุกคนเลยครับ ใจดีมาก ถามน้อยมากครับ
ขนาดผมโพรไฟล์เน่ามาก ก็ผ่านนะครับ

จขกท. คราวหน้าลองใหม่นะครับ ผมว่ากรอกว่าเราสปอนเซอร์ตัวเองน่าจะดีที่สุดครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
คุณมีหลักฐานที่คุณติดต่อเกี่ยวข้องกับแฟนคุณมายาวนานแค่ไหน ใส่ไปให้หมด ยิ่งนานยิ่งดี

โชคดีนะ


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
คำว่า "โกหก" กับ "การไม่กล่าวถึง" นั้นต่างกันนะคะ...

โกหก = พูดดำให้เป็นขาว หรือขาวให้เป็นดำ

แต่การ "ไม่กล่าวถึง" หรือ "อ้างถึง" นั้นขอให้พิจารณาว่าพูดแล้วได้อะไรประโยชน์อะไรขึ้นมาบ้าง คนไทยส่วนใหญ่เวลาขอวีซ่ามักจะสับสนในเรื่องนี้...

ขอพูดอีกครั้งว่า... สถานทูตฯ เขาพิจารณาวีซ่าเป็นรายบุคคลและหลักๆ ก็คือ "ต้องแสดงให้เห็นว่าไม่มีเจตนาจะมาอยู่ถาวรที่นี่" ถ้าคนที่ขอวีซ่าสามารถแสดงให้สถานทูตฯเชื่อได้ก็ได้วีซ่าแน่นอน

การอ้าง "คนอื่น" หรือ "คนอเมริกัน" โดยการออกจดหมายเชิญนั้น ทาง DOS เขาบอกอยู่แล้วว่า "ไม่ได้การันตีว่าจะช่วยให้ได้วีซ่า เพราะไม่มีใครการันตีได้ว่าคุณจะมาอยู่ชั่วคราว"

การอ้างคนรู้จักนั้น...คนไทยนับญาติไปหมด แต่ในการกรอกเอกสารขอวีซ่านั้นเขาถามเพราะ "คนในครอบครัว" (immediate family) เขาต้องการรู้ว่ามีบุคคลในครอบครัวอยู่ที่อเมริกาหรือไม่และอยู่ด้วยสถานภาพอะไร?

หากจะไปพักบ้านคนอื่นในอเมริกา ก็ต้องสามารถระบุที่อยู่และชื่อเจ้าของบ้าน รวมทั้ง "ความสัมพันธ์" ด้วย เพื่อว่าหากเกิดอะไรขึ้น (โดดวีซ่า) เขาจะได้ตามไปถูกที่...

ถ้าคุณมีหน้าที่การงานมั่นคง โดยมีหนังสือรับรองจากหน่วยงานมาแสดง โอกาสที่จะได้วีซ่านั้นมีสูงอยู่แล้วค่ะ... ในเมื่อสถานทูตพิจารณา "ตัวผู้ยื่น" เป็นหลัก...ทำไมจึงต้องไป "อ้างถึง" คนอื่นให้เสียโอกาสนั้นไปล่ะคะ? ลองคิดกันดู...


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
เมื่อวาน 24 สค. ผมก็สัมภาษณ์กับกงศุลที่ช่อง 11 น่ะครับ รอบ 7.00 คิวที่ 5 ผมก็ผ่าน และ คิว 1-4 ก็ผ่านครับ ถามผมแค่ 5-6 คำถาม ประมาณ 3 นาที วีซ่าท่องเที่ยว B2

ผมมีกรอกใบ DS 160 ผิดหลายข้อด้วยซ้ำไป ตอนที่เจ้าหน้าที่คนไทยเช็คเอกสาร และ ข้อมูลในคอมฯ

ลองยื่นใหม่น่ะครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
เห็นด้วยกับคุณ BlackmagicW ค่ะ

การที่เราพูดเนื้อหาน้อยที่สุด ข้องเกี่ยวกับคนให้น้อยที่สุดยิ่งดีค่ะ จะได้ไม่ต้องถามมาก

มันผ่านมาแล้วค่ะ ตอนนี้ ต้องมาคิดว่า ถ้าขอใหม่ จะพูดอย่างไรดี จะมีการบันทึกการขอวีซ่าครั้งนี้มั้ย (เราก็อยากรู้) เพราะ รู้แค่ว่า เขาบันทึกตอนที่ขอวีซ่าด้วย สำหรับคนที่ผ่าน ตอนเข้าประเทศ เจอ ต.ม. ก็ต้องพูดให้ตรงกับตอนสัมภาษณ์ด้วย

การสัมภาษณ์ครั้งต่อไป จะไม่ได้รับการสัมภาษณ์กับ คนเดิมแน่ๆค่ะ เขาเขียนระบุเอาไว้ในเวปเลย เพื่อให้ความยุติธรรมกับผู้ขอวีซ่านั้นเองค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
เฮ้อ เจอเหมือนกัน ชีวิตนี้คงไม่คิดจะไปอเมริกาอีก สาปส่งประเทศนี้ไปเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
คุณเจ้าเหมียวท่องโลก อย่าเพิ่งท้อนะคะ
จขกท ก็ไม่ท้อ เพราะแฟนปลอบใจทุกวันว่า
เราต้องใช้เวลา คนอื่นก็ยากเหมือนกันค่ะ สู้ ๆ ค่ะ
แต่แฟนเราบอกว่าไม่ให้ยื่นวีท่องเที่ยวอีก เพราะ
ไม่อยากให้เราผิดหวังอีก ตอนนี้ก็รอเวลาอย่างเดียวค่ะ
ให้เขาเป็นฝ่ายจัดการเองว่าจะเอายังไง ชัวร์ ๆ อาจจะ
วีคู่หมั้น เพราะใช้เวลาเร็วสุดแล้ว


ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
ขอโทษค่ะ พิมพ์ชื่อผิด อิอิ :-)
Sinblebaby เป็น Singlebaby ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
ยื่นหลักฐานเงินในบัญชีหรือเปล่า
มีบ้านมีที่ดินไหม
ถ้ามีที่ดินมีบ้าน
ถึงจะให้แฟนเป็นสปอนเซอร์ก็ผ่านครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
เตรียมไปค่ะ แต่เขาไม่ขอดูเลยค่ะ
มีสเตทเม้น บุ๊คแบงก์ และโฉนดที่ดินค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 23
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 24
ไม่มีจดหมายเชิญ กลัวเหมือนกัน พรุ้งนี้สัมภาษณ์ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร


ตอบกลับความเห็นที่ 24