ใครมีเรื่องตื่นเต้นในการเดินทางในต่างแดนบ้างครับ แชร์กัน

ใครมีเรื่องเล่าที่ตื่นเต้นในการเดินทางในทางแดนบ้างครับ แบ่งปันเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ เรื่องนี้เป็นการเดินทางไป อินโดฯ

เรื่องมีอยู่ว่า....

วันนี้เมฆหมอกเหนือน่านฟ้าบาลิกปาปันปกคลุมค่อนข้างหนาแน่น โดยตลอดระยะทางจากสิงค์โปร์ก็เช่นเดียวกัน ก่อนนำเครื่องลงจอดที่บาลิกปาปัน
กัปตันร่อนซ้าย ร่อนขวา หาทางแหวกเมฆ มวลอากาศที่แปรปรวนลงมา
สักพักเริ่มเห็นผิวน้ำ (ทะเลบาลิกปาปัน) รู้สึกถึงความปลอดภัยเป็นที่สุด
เมื่อเครื่องใกล้ถึงพื้น พลันสังเกตไปที่ป้าย PALMHILL เช่นเคย
แต่ครั้งนี้รู้สึกแปลกๆ
เมื่อเครื่องใกล้แตะถึงพื้นยิ่งเอะใจ
ทำไมเครื่องมันแตะพื้นไกลจุงเบย (เลยโรงจอดเครื่องบินเก่า)
พอล้อกระแทกพื้นเท่านั้นแหละ
.
.
.
.

อกอีแป้นจะแตก เฮี้ัy!! เฮี้y!! เฮี้y!! ทำไมหัวเครื่องมันยังเชิดวะ
พอล้อกระทบพื้น เครื่องก็กระเด้งลอยสูงไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
.
.
.
.

อีกเสี้ยววินาทีเท่านั้น กัปตันเหยียบครันเร่งสุดตรีน พาเครื่องเชิดหัวกลับสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนเทกออฟปกติ คล้ายกลับลูกบอลกระทบพื้นหนึ่งครั้ง แล้วกองหลังก็เตะสาดโด่งไปข้างหน้า เครื่องสั่นแทบช็อค คุณฝรั่งเริ่มโวย ไรวะสาด ฟั_ ๆๆๆ
แต่คนทั้งเครื่องเงียบกริบ

กัปตันร่อนซ้าย ร่อนขวา บอกลูกเรือว่าเราจะลองอีกครั้ง
เมื่อกี๊อั๊วเบรกมะทัง (ไม่ทัน) (แ_่ง ฉี่กูแทบราด สาด)
แล้วสุดท้ายก็ลงได้แบบทุกครั้ง
โอยโคตรโล่งอกเลย
.
.
.
.

เฮี้yเอ้ยเกือบไม่ได้กินหมี่โกเร็งซะแล้วมั๊ยล่ะ
.
.
ปอลิง. ขอให้ทุกท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพนะครับ
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้อะดรีนนาลีนพุ่งปรี้ดเลยทีเดียว


(เครดิต Bobby Brown)

ความคิดเห็นที่ 1
ตอนไปฮ่องกง ตุลา ปี 2010 (ไม่แน่ใจว่าจำปีผิดมั๊ย) เจอ 2 เหตุการณ์ในทริปเดียว

วันที่ 2. ที่สถานีรถไฟใต้ดิน คนวิ่งกันเพียบ เจ้าหน้าที่ตำรวจพรึบ เราก็งง ตอนนั้นคิดว่า คนฮ่องกงใช้รถใต้ดินเยอะแฮะ วิ่งกันควักไขว่ มีตะโกนด่ากันด้วย สงสัยขึ้นรถไม่ทันเลยด่าเจ้าหน้าที่ สงสัยไปไลฟ์สไตล์ของคนที่นี่ ที่ไหนได้ รถไฟใต้ดินชนกัน มีคนเจ็บ

วันที่ 3. ตลาดหุ้นปิด ที่ทำการต่างๆ ปิด ถนนไม่ค่อยมีคนเดิน อากาศขมุกขมัว ไอ้เราก็งง ทำไมมันไม่เห็นฮ่องกงมันคึกคักเลย สงสัยเข้าตึกทำงานกันหมดแล้ว มารู้ข่าวอีกทีตอนกลางคืน เปิด TV ดูถึงรู้เรื่อง ว่า ไต้ฝุ่นเข้า รุนแรงมากสุดเป็นประวัติการณ์ แต่ก็สลายตัวไป ไม่ขึ้นเกาะ


ส่วนของพ่อกับแม่ เที่ยวบินในประเทศที่อเมริกา เหตุการณ์เกิดบนเครื่อง มีคนอาการโคม่า เครื่องต้องลงจอดฉุกเฉิน ซักพัก คนป่วยถูกหามใส่เปล พร้อมเครื่องช่วยหายใจ ตำรวจ รถพยาบาลเพียบ ตอนแรกคิดว่าถ่ายหนัง


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
อ้อ มีอีกเรื่อง

โดนจับหน้าอกที่สิงคโปร์ เราแจ้งตำรวจ เรื่องถึงขึ้นศาล (เรื่องราวใช้เวลาประมาณ 5-6 เดือน)

เลยได้ประสบการณ์ขึ้นศาลที่สิงคโปร์มาแล้ว บรรยากาศอย่างอลังการ ห้องใหญ่มาก คณะลูกขุน ทีมทนาย อัยการ นั่งกันเพียบ ผู้ต้องหาที่นั่งในห้องขัง ตำรวจ (ห้องพิจารณาใหญ่มาก เพราะพิจารณาที ประมาณ 10 คดีในคราวเดียว)

เราเตรียมตัวอย่างดี ศึกษากฏหมาย มาตราของสิงคโปร์ ศัพท์ทางกฏหมาย ทางคดี แล้วยังพาสามีไปด้วย เพื่อเป็นล่ามในกรณีที่เราฟังไม่รู้เรื่อง

ที่ไหนได้ ไปถึง หน้าบรรลังก์ พูด yes 2 คำ จบ


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
สกีอยู่ดีดี มีประกาศเป็นภาษาญี่ปุ่น ฟังไม่ออก

สักพักโลกทั้งใบหยุดหมุน มีเพียงสองลิงชาวไทยยังสกีลั๊ลลาอยู่ คนอื่นหยุดหมดแล้ว กอนโดลาหยุด แชร์ลิฟท์ทั้งหมดหยุด แต่เราไม่หยุด55555

สกีลงมาจนถึงตีนเขา เข้าไปถามจึงทราบว่าแผ่นดินไว สึนามิถล่ม สักพัก ski mobile ก็ลากคนเจ็บลงมาจากเขาเพี๊ยบ!!

ปล.มีอีกหลายเรื่อง อิอิ มันเย๊อะ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ขอแชร์บ้างค่ะ

เรื่องเกิดที่ ตม. สิงคโปร์

เจ้าหน้าที่ถามคุณชื่ออะไร เราก็ตอบ

เจ้าหน้าที่ถามกลับ คุณแน่ใจนะว่าคุณชื่อ.....

คุณปลอมตัวมาหรือเปล่า

เคยมีคนชื่อนี่มาสิงคโปร์แต่เค้าไม่ได้หน้าตาแบบคุณ

เรา ?????????????????

ยืนยันว่าชั้นชื่อนี้จริงๆๆๆๆ

กว่าจะเชื่อก็คุยกันนานเลย

สาเหตุมาจากเราน้ำหนักเพิ่มจากตอนที่ไปครั้งแรกประมาณ 10 กิโล ดัดฟัน หน้าเลยเปลี่ยนมากเกินไป


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
เหตุเกิด ณ ฮ่องกง เดินๆ อยู่ ไม่ได้มองสัญญาณไฟข้ามถนน เพราะก้มหน้าก้มตา กำลังเซ็ง

ก็เดินตามคนข้างหน้า มันก็เดินข้ามไป เราก็ไม่ได้มอง จะเดินตามมัน มาชะงักตอนกำลังจะก้าว

รถวิ่งมาอย่างไว เฉียดไปนิดเดียว เกือบตายที่ต่างแดนซะแล้ว


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
นั่งรถบัสจากโกตาร์บาห์รูไปกลันตันเพื่อจะไปต่อเรือไป Perhentian ไปถึงจุดรถบัสจอดเพื่อต่อแท็กซี่ไปท่าเรือแต่เช้ามืด เราแจ้งคนขับไว้ว่าจะขอลงตรงจุดต่อแท็กซี่ แล้วก็เลือกนั่งแถวหน้าสุดเลยคนขับจะได้ไม่ลืม พอถึงลุงคนขับ (ที่เปลี่ยนกะให้อีกคนมาขับแล้ว) ก็ปลุกให้เราตื่นบอกว่าถึงแล้ว ด้วยความงัวเงียคว้าผ้าห่มยัดใส่กระเป๋าแล้วก็ลงรถไปเลยแบบง่วงๆ ระหว่างที่กำลังยกกระเป๋าลงจากที่เก็บลุงคนขับก็มาสะกิดพร้อมยื่นกระเป๋าสะพายใบเล็กของเราที่วางลืมไว้บนเบาะให้ (ตอนเข้านอนแรกๆ ก็สะพายติดตัวไว้ แต่นอนๆ ไปมันเกะกะเลยถอดออกแล้ววางไว้ข้างๆ แทน) เท่านั้นแหละหายง่วงรีบขอบอกขอบใจลุงเป็นการใหญ่ เพราะในนั้นมีเงินสดทั้งหมด + พาสปอร์ต + iphone เรียกได้ว่าถ้าทำหายทริปนี้ก็จบกันเพราะไม่เหลืออะไรติดตัวเลย

นอกจากน้ำใจของคุณลุงคนขับรถแล้ว หลังจากทริปนั้นผ่านไปได้เห็นน้ำใจของคนกลันตันอีกมากมายก่ายกอง ทุกคนที่เข้ามาพูดคุยแล้วรู้ว่าเรามาจากเมืองไทยถ้าเป็นคนกลันตันจะพยายามพูดไทยด้วย ยิ่งเห็นว่าเรามาคนเดียวพนักงานทุกคนที่รีสอร์ทก็คอยดูแลตลอด แม่ครัวที่เป็นคนไทยมาจากยะลาก็ทำน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรพิเศษให้เรากิน (แซ่บมากกกกก เผ็ดมากกกก อร่อยมากกกก) ปกติเราจะนอนอาบแดดอยู่ที่หาดแล้วสั่งน้ำผลไม้กับผลไม้รวมมากิน แต่หลังๆ ไม่ต้องสั่งแล้วจะมีน้องๆ มาถามว่าเอาเหมือนเดิมมั้ย กระเป๋าเราหนักแค่ไหนก็มีคนเต็มใจช่วยยกขึ้นเขาและลงเขา (ห้องพักอยู่บนเขาและกระเป๋าเราใหญ่และหนักจริงๆ เพราะทริปนั้นไปสิงคโปร์ + มาเลเซีย 1 อาทิตย์เต็ม) ยกไปท่าเรือ เราจะทิปก็ไม่ยอมรับทิปอีกต่างหาก ต้องยัดใส่มือ

ถ้าใครไป Perhentian แนะนำเลยสำหรับที่พักที่นี่ ไม่ได้พิเศษอะไร แต่สะอาด กว้างขวาง และบริการสุดประทับใจ ที่พักแบ่งเป็น 2 ที่แต่ติดกัน New Cocohut จะอยู่ที่หาดไม่ต้องปีนเขา (ตอนแรกจะพักที่นี่แต่มันเต็ม) ส่วน Cozy Chalet อยู่บนเขา ห้องใหญ่กว่า ถ้าได้ห้องที่เห็นวิวทะเลจะได้นั่งชมพระอาทิตย์ตกดิน สุดจะชิลล์

http://www.perhentianislandcocohut.com/

แล้วทะเลที่ Perhentian ก็สวยมากกกกกกกกกกกกกกกกก ตอนไปทริปดำน้ำเราเป็นพวกหายใจทางปากไม่เป็นเลย snorkel ได้ลำบากลำบนมาก เพราะจะใส่แต่แว่นตาอย่างเดียว แถมยังว่ายน้ำไม่แข็ง เราก็เลยได้แต่อยู่แถวน้ำตื้นๆ เรือที่เราไปไม่มีไกด์ที่ลงไปดำด้วย แค่พาไปเฉยๆ แต่ไกด์ของเรือข้างๆ เห็นเรากล้าๆ กลัวก็เลยอาสาพาเราไปโดยให้เกาะแขนแล้วพาไปช้าๆ ถ้าเราต้องการหยุดพักเงยหน้าขึ้นมาหายใจก็หยุดรอ คืออดทนกับอีป้าคนนี้มากๆ ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นลูกค้าของเค้า ชี้ให้ดูตลอดว่าปลาอะไรอยู่ตรงไหน เจอกระเบนซ่อนอยู่ก็ไปแหย่ให้มันออกมาปรากฏตัวให้เราดู แล้วอย่างที่รู้ว่าเส้นทางการดำน้ำตื้นมันคล้ายๆ กันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเรือของน้องคนนี้ก็จะไปจอดใกล้เคียงกับเรือของพวกเรา แล้วน้องเค้าก็จะคอยพาเราไปดำตลอดจนเราเกรงใจ จุดสุดท้ายที่เป็นการดูเต่าเราเลยบอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวเราลอยคอดูอยู่ใกล้ๆ เรือเห็นไกลๆ ก็พอ แล้วพอจะให้เงินก็ไม่เอาอีก ตอนเย็นเจอกันบนฝั่งเลยบอกว่าเดี๋ยวเราเลี้ยงเบียร์ก็ไม่เอา อีป้าประทับใจหนุ่มกลันตันมากทริปนี้ 55555

จากประสบการณ์ระทึกขวัญกลายเป็นความประทับใจครั้งยิ่งใหญ่ไปซะได้นิ ^___^

ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
ตอนไปกัวลาลัมเปอร์ครั้งแรก
โดนมิจฉาชีพสอยเงินไป รวมกับเพื่อนแล้วเป็นเงินประมาณ 1 หมื่นบาท

ตอนไปกุ้ยหลิน
โดนกักตัว (กับเพื่อนคนเดิม) ที่สนามบิน
โดนจับแยกห้องสอบกันเลยทีเดียว ต้องเทของออกจากกระเป๋า
เจ้าหน้าที่สงสัยเรื่องการค้ายา...งงเงิบกันทีเดียว
สุดท้ายก็ออกมามาได้


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
ลังกาวี... ฉัีนจะจำตลอดไป..

ขับมอไซค์จากเมืองกั๊วห์ จะไปพิพิธภัณณ์ที่เก็บของขวัญที่มหาเธร์ได้รับ .. ถนนแคบมาก สองเลนสวนกันแบบพอดีคัน ริมถนนเป็นคูปูนลึกประมาณครึ่งเมตร ผมขับชิดซ้ายไปเรื่อยๆช้าๆ เพราะไม่คุ้นถนน+ทางแคบ โดนรถยนต์กระป๋องโดยก๊ะแก่ๆชนด้านท้ายรถ แล้วก็เบียดชิดรถมอไซค์ผมเลย เบียดคู่กันอยู่หลายวินาที..ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนเวลาช้ามาก เรามองเห็นแบบภาพสโลโมชั่นเลย.. ประคองรถอย่างสุดความสามารถเพราะถ้าล้มคือโดนรถเหยียบ+ตกคูอาจเจ็บหนักหรือถึงตาย ... พยายามดึงรถให้ช้าพร้อมประคองรถจนหลุดจากที่รถวิ่งตีคูสีกันไป... เป็นวินาทีชีวิตจริงๆ..


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
หลงป่าที่มาเก๊าค่ะ
ขึ้นไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมบนเขา แล้วเดินลงอีกทาง
ปรากฏว่าเดินข้ามไปลงด้านที่ติดหาดตอนเย็น ๆ จะมืดแล้ว
แต่ก็ไม่ตื่นเต้นมาก เพราะเข้าใจว่าเกาะมันเล็ก น่าจะเดินทะลุ
แต่ก็แอบเมื่อย


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
ในเซี่ยงไฮ้ เกือบโดนสกู๊ตเตอร์เจ้าถิ่นชนบนฟุตบาท

ในอิตาลีเกือบตายกลางถนน เพราะรถเก๋งเจ้าถิ่น ทุกวันนี้นึกถึงทีไร เสียววาบ


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
เพื่อนเราท้องเสียบนรถบัสที่ญี่ปุ่น เส้นทางณ ตอนนั้นเป็นทางด่วนน ไม่มีจุดจอด แต่เพื่อนปวดมาก ทนไม่ไหว เลยขอจอดระหว่างทาง โดย พนง. ขับรถก็ประกาศบอกผู้โดยสาร ขอจอดรถชั่วคราว ตอนนั้นเราไม่ค่อยตื้นเต้น แต่เราเขิล เลยแกล้งทำเป็นไม่รุ้จักมันนน ฮ่าๆ เลวเนอะะ><


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
เป็นคนป้ำๆเป๋อๆ
จะไปเที่ยวฮอกไกโด แต่ต้องแวะเปลี่ยนเครื่อง+ค้างคืนที่ไต้หวันก่อนจะไปฮอกไกโดเป็นจุดหมายต่อไป ทุกอย่างเรียบร้อยโอเคดีเมื่อถึงสนามบินที่ฮอกไกโด แต่พอตอนเข้าด่านตรวจฯ ปรากฎว่าพาสปอร์ตหาย ตอนนั้นกลัวมาก น้ำตาจะไหล กลัวไม่ได้เที่ยว กลัวต้องถูกส่งกลับไต้หวันไปอยู่โรงแรมที่อาหารไม่ได้อร่อยเลยสักนิด กลัวโดนกักตัวอยู่ที่สนามบินคนเดียว กลัวอดกิน Shiroi Koibito และปูยักษ์
แต่โชคดีมากกกก ที่แอร์โฮสเตสเจอพาสปอร์ตบนเครื่องค่ะ โล่งมากกก
(หลังจากนั้นก็ฝากพาสปอร์ตไว้ที่พ่อตลอดเลย = =" กลัวหายอีกจริงๆ)

พอออกมามีเรื่องแย่ๆ เพราะกระเป๋าเดินทางโดนตัดห่วงซิบที่ล็อคเอาไว้ แถมที่ลากพังยับเยิน สันนิษฐานว่าคงมีคนจะพยายามขโมยของจากในกระเป๋า แต่เจอแต่เสื้อผ้า หนังสือนิยาย ที่ใส่ลวกๆไว้ในกระเป๋าแล้วโมโหเลยพังที่ลากกระเป๋าซะ (เคลมแล้วเรียบร้อย)


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
เจอพายุ เฮอริเคน Sandy


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
ไปฟลอริด้า เมกา คุณแฟนขับรถเร็วมากเกิน 160 กิโล / ชม. (แต่แฟนไม่รู้ตัว ทั้ง ๆ ที่เค้าเป็นคนไทย สัญชาติแคนาเดี่ยน ปกติเค้าห้ามขับรถเร็วอยู่แล้ว โดนตำรวจขับไล่มา
แบบไม่เปิดสัญญาณสักพัก เราก็มองกระจกข้างเห็นตำรวจขับตามสักพักใหญ่ หลังจากนั้น ตำรวจเปิดสัญญาณ แล้วขับรถไล่เรามาปาดข้างหน้า ราวกับว่าเราทำผิดร้ายแรง
สรุปโดนปรับไปเกือบ 300 เหรียญ จนกันเลยทีเดียว


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
มีอีกไหมคะ? ชอบอ่านจัง
ของเราไม่เด็ด แค่วิ่งหน้าตั้ง หน้าเชิด หน้าเริ่ด (แบบนั้นจริงๆ)ไปขึ้นเครื่อง ที่ฮ่องกง
เลยเวลาออกไป10นาที แต่เขารอเรา6คนทั้งเด็กและคนเกือบแก่ มัวไปหลงหากัน เช็คอินเคาร์เตอร์แล้วซิ แต่เข้าตม.ไม่ได้ เข็ดเลย คราวนี้พาสปอร์ตต้องแยกเก็บของใครของมัน


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
สมัยก่อนนานนนน มาแล้ว ร้านขายยาเมืองไทยจะมีชื่อภาษาอังกฤษว่า drug store ทำให้เราคุ้นชินว่า drug หมายถึงยา ทีนี้ตอนเราไปเรียนต่อ พ่อให้เราบินไปคนเดียวแล้วจะมีคนจากโรงเรียนมารับที่สนามบิน(ตอนนั้นยังเป็นเด็กน้อยภาษาไม่แข็งแรง) เราขนพวกยาสามัญประจำบ้านไปด้วย พอจะผ่านcustom เราก็เข้าช่องสีแดงเพื่อแสดงสิ่งของเนื่องจากกฎหมายที่ออสเตรเลียมันเข้มมากเราเลยเข้าช่องสีแดง เผื่อมีอะไรที่เขาไม่ให้เข้า จะได้แค่ถูกยึดไม่ต้องจ่ายตังค์ อีทีนี้มีเจ้าหน้าที่เดินมาถามเราว่าเอาอะไรมาถึงเข้าช่องนี้ เราก็ตอบด้วยความมั่นใจเสียงดังฟังชัดว่า "I have drug". (จำประโยคนี้ได้แม่นเพราะอารมณ์ขณะนั้นภูมิใจมากกกก ว่าตูฟังสำเนียงออสซี่ออกน้าขนาดยังไม่เริ่มเรียนเลย) ผลปรากฎว่ามีเจ้าหน้าที่มามุงรื้อกระเป๋าถามโน่นถามนี่เราใหญ่ เราก็ได้แต่ยิ้มสยามเพราะฟังไม่ค่อยออก ตอบได้แค่ประมาณว่า I am a student แล้วเอาเอกสารของโรงเรียนให้ดู ทั้งค้นทั้งถามอยู่ซักพักเจ้าหน้าที่คนนึงหยิบซองพาราเราขึ้นมาแล้วถามว่า เราหมายถึง medicine ใช่ไหม เราก็งงๆแล้วบอกว่า yes medicine (สมัยนั้นเราคิดว่า drug. และ medicine แปลว่ายาเหมือนกัน แต่drug มันเรียกง่ายกว่าน่ะ) เล่นเอาเจ้าหน้าที่ยืนขำกัน แล้วก็ปล่อยตัวเรา


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
เยอรมันผมเดินทางมาโดยเช่ารถขับคนเดียว มาคืนที่สนามบิน Frankfurt เพื่อจะต่อรถไฟไปฝรั่งเศส ขนกระเป๋าเดินทางสองใบ ปวดท้องต้องเข้าห้องน้ำก่อน ไม่รู้ทำอย่างไรก็เอากระเป๋าไปแอยไว้ที่ข้างประชาสัมพันธ์ ตอนนั้น 7 โมงเช้าและลงไปห้องน้ำซึ่งอญุ่ชั้นใต้ดินต้องลงบันใดเลื่อนไป ห่างจากจุดกระเป๋าไปเกิน 20 เมตรพอขึ้นมาอีกที งงเลย ............. มีคนมามุงเต็มเลย และมีเทปเหลืองล้อมเอาไว้ ตำรวจเต็มเลย มีกระเป๋าผมอยู่ตรงกลาง เยอรมันมุงเพียบเลย ผมเดินไปบอกตำรวจว่ากระเป๋าผม ตำรวจพาไปกลางวง ให้เปิดกระเป๋าดู ไม่มีอะไรนอกจากเสื้อผ้ายับๆ ตำรวจถามว่าทำไมเอากระเป๋ามาวางไว้
ผมตอบว่า ก็มาคนเดียว และเกิดท้องเสีย ไปเข้าห้องน้ำ เท่านั้นเอง ตำรวจวิทยุบอกกัน แล้วบ่นพึมพำๆ และจากไป เยอรมันมุงสลายตัว

ตอบกลับความเห็นที่ 17