เรียนเมืองนอกจบง่ายกว่าเมืองไทยจริงหรือเปล่าครับ

คุยกับเพื่อนที่เรียน ป.โท เห็นเพื่อนบอกว่าถ้าจะเรียนต่อเอกก็จะไปเรียนต่อนอกเพราะว่าจบง่ายกว่าเมืองไทยและใช้เวลาเรียนน้อยกว่า
มันจริงไหมครับ

ความคิดเห็นที่ 1
เรียนเมืองไทยกี่ปีอะคะ
เมืองนอกเค้าก็เรียนกันสามถึงห้าปีแล้วแต่คน
ถ้าภาษาไม่ดี จบนอกไม่ได้ง่่ายนะ ภาษาดีจบนอกก็ไม่ง่าย
เพราะว่า academic English มันยากกว่าภาษาพูดเขียนอ่านนิยายเขียนอีเมล์ตอบงานทั่วไป
ระยะเวลาในการอ่านหนังสือก็ช้าลงด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
แล้วแต่สถาบันแล้วแต่หลักสูตรค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
แล้วแต่วิชาและสถาบัน แต่โดยรวมแล้ว เท่าที่เห็นไม่ว่าจะลงเรียนโปรแกรมอะไรก็สามปีขึ้นไป ส่วนมากคอร์สเวิร์สจะจบเร็วแต่จะไปติดที่ธีซีส เห็นหลายคนค้างข้ามปีเลย

อย่างไรก็ตามเรียนที่ต่างชาติ อย่างหนึ่งที่จะต้องเรียนก่อนคือภาษา ถ้านับเวลาที่จะเรียนภาษาด้วยแล้ว อาจจะนาน และบางสถาบันจะให้ลงเรียนวิชาพื้นฐานทั้งๆที่เรียนมาแล้วก่อน เผื่อเป็นการปรับความรู้ก่อนจะเข้าโปรแกรมจริง

แม้จะไม่ได้เรียน ป โท แต่ขอบอกว่าไม่ง่ายอย่างที่ใครๆ เค้าพูดกันทั้งหมด ความยากมีอยู่ทุกรายวิชา ภาษาเป็นปัญหาใหญ่อันดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเก่งภาษาจากไทยขนาดไหน ก็จะมีปัญหา


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
In the UK, even though masters degree ใช้เวลาเรียนน้อยกว่า but pact full of everything that needed to be done within a year. There are seminar classes after lectures and loads of research, course-works and presentations. Then exams.

After that you have to complete your research method as pre dissertation project then proceed to complete your dissertation if your research method has been approved. All that within 1 year, keep in mind that all of the above have to done in English academically.


I've seen a Thai student struggling to present his work in front of a whole class in English as other students kept interrupting him, complaining that they find it difficult to understand his English.


Now, if you think all of these are easy then Master degree abroad is probably easier than in Thailand.


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
ทำไมเด็กไทยจบช้าหรือไม่จบ : ข้อสังเกตบางประการ

มีนักศึกษา ป. เอก ชายหญิงทั้งหมด 4 คน
จาก อิธากา รัฐนิวยอร์ก, โคลัมเบีย รัฐมิสซูรี่ และจาก ฝรั่งเศส และอินโดนีเซีย
มาทำงานที่คณะหนึ่ง ของมหาวิทยาลัยของรัฐในไทย
ภายใต้โครงการความร่วมมือทางวิชาการ

ทั้งสี่คน มาต่างปีกัน แต่มีพันธะกิจหลักเหมือนกัน คือ
เก็บข้อมูลเบื้องต้น เพื่อทำวิทยานิพนธ์ ซึ่งมีหัวข้อวิจัยที่ต่างกัน

พบว่า นักศึกษาจากต่างประเทศทั้ง 4 คน
สามารถ Conceptualize ประเด็นปัญหาการวิจัย ได้เร็วกว่าเด็กไทย
ซึ่งมีผลต่อขั้นตอนอื่นๆในการวิจัย
และท้ายที่สุดส่งผลต่อการจบช้าหรือเร็วของผู้เรียนด้วย

สาเหตุหนึ่งจากหลายสาเหตุ คือ
เด็กไทยกลุ่มนี้ขาด Analytical และ Synthetic Skills
ที่ส่งผลต่อการ Conceptualize ประเด็นปัญหาการวิจัย อย่างรัดกุมและรวดเร็ว
และ Skills นี้ ยังมีผลต่อ การทบทวนวรรณกรรม
ที่จะนำไปสู่การสร้าง Conceptual Frame Work สำหรับการวิจัย
และ การ Formulate สมมติฐาน
ตลอดถึงการเขียน รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์

ส่วนตัวเชื่อว่า นักศึกษาไทยส่วนใหญ่แต่ไม่ทุกคน
ขาดทักษะด้านนี้จริง และมีผลต่อการจบและไม่จบครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
เห็นด้วยกับคุณ newcomer มากๆค่ะ
ขอเล่าถึงประสบการณ์ตัวเองนะคะ
เพราะกำลังเรียนโทหลักสูตร Internationalแบบ1ปีจบของสถาบันในไทยแห่งหนึ่ง
ทั้งหลักสูตรมีนักเรียนไทย 2 คน อีกสิบกว่าคนเป็นเพื่อนต่างชาติหมดค่ะ

เมื่อลองประเมินตัวเองกับเพื่อนต่างชาติแล้ว คนไทยไม่เก่งเรื่อง Analytic กับ Synthetic skill จริงๆ
เพราะตัวเราเองและพี่คนไทยเหนื่อยมากกับการเรียนและการตอบข้อสอบแบบนี้ เราชินกับถูกผิดมากกว่า (ฮ่าๆ)

พอลองถามเพื่อนต่างชาติดู เค้ากลับบอกว่า ข้อสอบง่ายนะ เขียนได้เรื่อยๆถ้ามีเวลา ไม่มีถูกไม่มีผิด100%หรอก
ในขณะที่เราไม่รู้จะเขียนอะไร และEnglishแบบAcademicก็ไม่อาจเทียบเคียงเพื่อนในclassได้เลยค่ะ

ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าให้ไปเรียนเมืองนอกคงเครียดกว่านี้เพราะอาจารย์คงอ่านภาษาอังกฤษแบบไทยๆเราไม่รู้เรื่องค่ะ
ดังนั้นจะอยู่ในไทยหรือนอก จบช้าหรือเร็วขึ้นอยู่ความสามารถของแต่ละบุคคลมากกว่าค่ะ

ปล.แก้ไขคำผิด

ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
เรียนเมืองนอกจบง่ายกว่าเมืองไทยจริงหรือเปล่าครับ //แล้วแต่แรงส์ของยู


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
PhD ที่ Netherlands ของสายวิทย์ โหดมากนะคะ require
minimum 4 papers ใน 4 ปี เพราะที่นี่ Phd เป็น employee
ไม่ใช่ student คือมหาลัยให้เงินเดือน เลยใช้ซะคุ้มเลย
เพราะมีงานสอนอีก 10 credit
ปกติเมื่อก่อนจะเรียนกันเกิน เป็น 5-6 ปี แต่เดี๋ยวนี้เศรษกิจไม่ดี
เค้าเลยไม่ให้เงินเดือน ไม่มีการต่อสัญญาแล้วเมื่อครบ 4 ปี

การจบได้ Doctorate degree นั้น เรียกว่า Promotion นึก
สภาพแล้วกันว่าจบง่ายมั้ย แค่ได้ตีพิมพ์ซัก paper นี่สำหรับเรา
ก็ยากแล้วนะ 4 นี่ยังคิดอยู่เลยว่าจะไหวมั้ย เพราะเดี๋ยวนี้เค้า
กำลังพยายามเปลี่ยนระบบจะให้ไปเป็น นร แทน แบบประเทศอื่น
หลักสูตรเลยให้มีไปลงเรียนเก็บหน่วยด้วย 30 credits

ปล. ภาษากับการคิดวิเคราะห์มีผลมากจริง ๆ ค่ะ เพราะ academic
writing มันเป็นภาษาอีกระดับ แล้วข้อสอบยากอ่ะค่ะ เราก็ถนัดท่องจำ
มากกว่าคิดวิเคราะห์ ตกมาหลายวิชามาก

ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
Mai jing ka.


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
ผมเห็นด้วยครับ ที่ว่าหลักสูตรการสอนทางตะวันตกเน้นเรื่อง Analytic กับ Synthetic skill แต่หลักสูตรที่เรียนที่ไทย(เท่าที่ถามเพื่อนคนเอเซียประเทศอื่นก็คล้ายๆกัน)จะเน้นให้อาจารย์เป็นคนสอนแล้วนักเรียนก็จำแล้วไปทำข้อสอบ ผมก็สรุปไม่ได้หรอกครับว่าแบบไหนมันดีกว่ากัน แต่เท่าที่เจอกับตัวผมว่าเรียนนอกเหนื่อยกว่าค่อนข้างมาก และ ต้องรับผิดชอบตัวเองสูง ..แล้วก็ตอบโดยความเห็นส่วนตัวผมว่าเรียนแบบตะวันตกมันเอาไป apply กับการทำงานจริงได้เยอะกว่ามาก ............ สรุปอยากรู้ว่าเรียนนอกง่ายกว่าหรือยากกว่าต้องลองมาเรียนเองครับ ยิ่งถ้าเรียนมหาลัยท๊อปๆ เหอๆ ผมเห็นร้องไห้มาหลายคนแล้ว


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
จบง่ายกว่าหรือยากกว่า ?
อันนี้ตอบไม่ได้
เพราะไม่เคยเรียน ป.โท ที่ไทย
แต่บอกได้เลยว่า
การเรียน ป.โทในต่างประเทศนั้น
ทำให้เราได้ประสบการณ์ที่สูงกว่า
มีวิสัยทัศน์กว้างกว่า
และเปลี่ยนกระบวนการทางความคิด
ให้เรามีระเบียบมากขึ้น

ป.โท ไม่ควรเรียนในไทย !


ตอบกลับความเห็นที่ 11