มีความรู้สึกว่าอยากไปประเทศโมร็อกโกตั้งแต่เด็ก สักวันจะไป

ตอนเด็กๆ มีความผังใจว่าอยากไปประเทศโมร็อกโก ทั้งๆที่ไม่รู้จัก แต่ก็อยากไปจนตอนนี้โตแล้วยังอยากจะไปอยู่อีก สักวันมีโอกาสจะไป ไม่รู้เืพื่อนคนไหนไปมาแล้ว มาแชร์ประสบการณ์หน่อยครับ พื้นฐาน วัฒนธรรม นิสัย และข้อห้ามมีอะไรบ้างครับ ขอบคุณมากครับ

ความคิดเห็นที่ 1
## ความเห็นนี้ถูกลบ ##
ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
เมื่อชาติก่อน คุณ จขกท. คงอยู่แถวนั้นนะคะ

ถ้าอยากไปก็ไปสิคะ โมร็อคโค ไปจากเมืองไทยไม่ยากเลย ปัจจุบันนี้ยังไม่มีไฟล์ทบินตรงระหว่างเมืองไทย (กรุงเทพฯ)
และ โมร็อคโค (คาซาบลังก้า หรือ มาร์ราเก๊ช ที่เป็นเมืองหลักๆ ที่คนส่วนใหญ่บินไปลงที่ประเทศนี้กัน)

แต่คุณสามารถไปจากเมืองไทยได้กับหลายสายการบิน โดยไปแวะเปลี่ยนเครื่องในหลายๆ เมืองที่ตะวันออกกลาง
(เช่น ดูไบ, โดฮา) หรือ เปลี่ยนเครื่องในหลายๆ เมืองที่ยุโรป (เช่น ลอนดอน, ปารีส, แฟรงเฟิร์ท, มาดริด)
หรือ ที่เมืองอิสตันบูล ตุรกี

เราเคยไปโมร็อคโคมาหลายปีแล้ว ไปเดือนธันวา อากาศดีมากๆ ท้องฟ้าสวยมากๆ สมัยที่เราไปนั้นหย่อนสิบปีไปไม่เท่าไหร่
มีคนไทยไปขอวีซ่าไปเที่ยวโมร็อคโคแค่ปีละพันต้นๆ หรือ ราวๆ 1 พันคนต่อปีเท่านั้นเองค่ะ


มีหลายๆ ประเทศในโลกนี้ที่ดิฉันเคยไปแล้วไม่คิดจะกลับไปอีก ให้ไปฟรีๆ ก็ไม่อยากไป (เช่น สวิทเซอร์แลนด์, ออสเตรีย)
หรือ บางประเทศถ้าจะให้ไปเที่ยวอีกขอคิดดูก่อน เพราะไม่อยากไปให้เปลืองเงิน และ เสียเวลา แต่ถ้าให้ไปฟรี ไปค่ะ
(เช่น อีกหลายๆ ประเทศในยุโรป และ ประเทศภูฏาน)

ประเทศที่เคยรักเคยหลงมาช้านานดั่งต้องมนตร์สะกด แต่เมื่อเสื่อมมนตร์ขลังไปแล้วก็ไม่อยากไปเห็นอีก คือ พม่าค่ะ

แต่ประเทศที่เคยไปมาหลายครั้งแล้ว ไปแล้วไปเล่า และ สามารถกลับไปได้อีกเรื่อยๆ ไม่รู้จักเบื่อ ก็เช่น จีน ใต้หวัน อินเดีย
อินโดนีเซีย เนปาล ศรีลังกา ลาว เขมร เวียตนาม ฟิลิปปินส์ ตุรกี ญี่ปุ่น และ รวมไปถึงโมร็อคโคค่ะ

โมร็อคโค สำหรับดิฉันแล้ว เป็นประเทศที่มีเสน่ห์ และ มีสีสันมากที่สุดอีกประเทศหนึ่งค่ะ คนโมร็อคโคก็หน้าตาดี
ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เด็กๆ ในโมร็อคโคน่ารักมากๆ ผิวสีมะกอก ตาโตเท่าไข่ห่าน ขนตางอนดำขลับเป็นแผงๆ
เสื้อผ้าของคนที่นั่นก็น่ารีกดี บางครั้งถ้าเดินอยู่ในเขตเมดิน่า คุณอาจจะเผลอนึกไปว่า หลงเดินอยู่ในหนังเรื่อง
สตาร์วอร์สค่ะ เพราะคอสตูมคล้ายกันมากๆ

นี่ค่ะกระทู้โมร็อคโคจากคลังแสง

http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2012/07/E12413247/E12413247.html


______________________________________

ท่าน คห. 1 ข้างบน ชอบมีเรื่องแปลกๆ แหวกแนวไม่เหมือนใครมาเล่าให้คนในบอร์ดฟังเรื่อยเลยนะคะ อ่านเพลินดีค่ะ
คุณทำดิฉันน้ำตาร่วงไปเลยตอนที่อ่านเรื่องเกี่ยวกับ (อดีต) ภรรยาแหม่มของคุณ และ การที่คุณได้พบกับลูกชายของคุณค่ะ
_ชีวิตของบางคน มีการเดินทางอันยาวนานเช่นนี้เอง ขอแสดงความนับถือจากใจค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
อืม...ขอเล่ามั่ง

ครั้งแรกที่ไปเที่ยว Amish Country ที่ Landcaster, PA. รู้สึกชอบเมืองนี้มาก ไม่รู้เหตุผลเพราะอะไร รู้แต่ว่าชอบและผูกพันกับเมืองนี้ และจากนั้นก็ต้องกลับไปเที่ยวที่นั่นในหน้าซัมเมอร์เกือบทุกปี บางปีก็ไปค้าง บางปีก็แค่ไปขับรถเล่นแถวฟาร์มแล้วก็พากันกลับ แต่ไม่เคยเข้าไปในสวนสนุกแห่งนั้น

และในช่วงที่เกิดเรื่องลึกลับ ๆ ความรู้สึกย้อนไปอยู่ในภวังค์นั้น ช่วงต้นเดือน ก.ย. 53(เริ่มไปอยู่ในภวังค์คือ กลางเดือน ก.ค. 53) ก็พากันไปที่เมืองนี้อีก(เพราะความเคยชินของตัวเองว่าทุก ๆ ซัมเมอร์ยังไงก็ขอให้ได้ไปเมืองนี้บ้าง มันรู้สึกผูกพันแบบกลาย ๆ ที่อธิบายไม่ได้เช่นกัน) และปีนั้นได้พากันเข้าไปในสวนสนุกแห่งนั้น เห็นสถานที่นึงมันเกิดอาการเดจาวูถึงกับร้องบอกคนใกล้ตัวเลยว่า "I saw this place before, I dreamed about this place before." แต่เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปสถานที่แห่งนั้นไว้

และพอต่อมาเป็นช่วงที่อยู่ในภวังค์หนัก ถึงกับได้ยินเสียงคนบางคนในหัว(คือได้ยินเสียงกันและกันในหัวเลย) และเริ่มเห็นภาพเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ในหัว(ไม่ได้หลับ ยังตื่นปกติเพียงแค่หลับตาก็จะเห็นภาพเล่าเรื่องราว เป็นเรื่องเป็นราวเลย) ก็ได้รับรู้ว่าเค้าตายที่นั่น ที่จุดที่เราเกิดอาการเดจาวู ที่เพนซิลวาเนีย ส่วนเธอนั้นมาตายที่แมรี่แลนด์ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ (คือบ้านพวกเค้าอยู่เมือง Landcaster, PA. และเค้าเสียชีวิตก่อน ปล่อยให้เธอเป็นหม้าย) ที่ประหลาดและบังเอิญที่สุดคือ ก่อนที่จะเกิดเรื่องราวลึกลับ ๆ กลับไปอยู่ในภวังค์นั้น ประมาณเกือบปีก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องนั้น ตัวเองฝันว่าเห็นศพตัวเองที่ริมถนน ในฝันนั้นฝันว่ากำลังขับรถไปไหนซักแห่ง เป็นเส้นทางเก่า ๆ (แต่มันคล้ายเส้นทางที่ตัวเองขับรถไปโรงเรียนในชีวิตปัจจุบันมาก) กำลังขับรถไปแล้วเห็นคนกำลังมุงเก็บศพจากอุบัติเหตุอยู่ ไม่รู้ยังไงตัวเองก็เลยขับรถย้อนกลับมาที่เดิมอีกที พอมองดูศพที่เค้ากำลังจะห่ออยู่นั้นเป็นศพตัวเอง เป็นหน้าตัวเองชัด ๆ เลย ตอนนั้นนี่สะดุ้งตืนขึ้นมาเลย รู้สึกกลัวแบบจับใจ กลัวการขับรถไปเดือนกว่า ๆ ไม่กล้าขับรถไปโรงเรียนเอง ต้องให้คนใกล้ตัวขับรถไปส่งเป็นเดือน เพราะมันเป็นเส้นทางเดียวกันกับที่เราต้องขับรถไปเรียนก็เลยกลัว

และที่ประหลาดและบังเอิญหนักเข้าไปอีก(เมื่อนึกย้อนกลับ) ช่วงที่ความรู้สึกเริ่มย้อนกลับไปอยู่ในภวังค์แรก ๆ ต้องให้คนใกล้ตัวพาขับรถไปนั่นไปนี่เพื่อผ่อนคลายความรู้สึก และมีวันนึงไปเห็นโรงนาที่ฟาร์มแห่งนึง แต่เค้าเปิดเป็นที่ขายของเก่า ช่วงนั้นก็เรียกว่าเป็นบ้าสะสมของเก่า ก็เข้าไปซื้อของเก่ากลับบ้านซะเกือบเต็มรถ ไม่รู้ว่าจะซื้อมาทำไม รู้แต่ว่ามันอินอยากสะสมของเก่ามาก อารมณ์ก็ยังไม่ปกติ จำได้ว่าเห็นทะเบียนรถเก่า ๆ แผ่นนึง ไม่รู้นึกยังไงอยากได้ก็เลยซื้อมาด้วยร่วมกับของเก่าอื่น ๆ แต่ยังไม่ได้ดูรายละเอียดนะ พอช่วงเริ่มฟื้นจากภวังค์แล้วมานั่งดูรูปที่ถ่ายเก็บไว้(คือซื้อของเก่ามาแล้วก็ถ่ายรูปเขียนในบล็อกด้วย ตอนนั้นเขียนบล็อกด้วยอารมณ์ไม่ค่อยปกติ ยังอยู่ในภวังค์) คือดูรูปย้อนหลังเพราะตัวของเก่าจริง ๆ ทั้งหลายที่ซื้อไว้หลาย ๆ อย่างนั้นพอตัวเองเริ่มฟื้นจากภวังค์ เริ่มมีสติมากขึ้นก็มีการนำของเก่าหลาย ๆ ชิ้นไปบริจาคแล้ว มีบางชิ้นที่ยังเก็บไว้อยู่ และพอมานั่งดูรูปทะเบียนรถกลายเป็นว่าเป็นทะเบียนรถของรัฐเพนซิลวาเนีย (PA) ตังแต่ปี 1958 ก็ไม่รู้ว่ามันบังเอิญอะไร ไม่อยากคิดผูกเรื่องราวให้เกี่ยวกันนะ แต่บังเอิญหลาย ๆ อย่างประหลาด ๆ ทำให้มีเผลอคิดโยงใส่กันอยู่เรื่อย

และจะบังเอิญก็เหมือนบังเอิญ จะว่าไม่บังเอิญเพราะมีเรื่องภพชาติอยู่ก็ทำให้เผลอคิดได้เช่นกัน ว่าทำไมคนสองคนถึงต้องเกี่ยวข้องกับอเมริกา เค้ามาจบโทที่อเมริกาและก็กลับไทย(แล้วถึงเจอกันและก็พลัดพรากจากกัน) ส่วนตัวเราเมื่อก่อนไม่เคยชอบอเมริกา แต่ต่อมาชีวิตก็ผกผันให้ได้มาใช้ชีวิตอยู่อเมริกาและรู้สึกรักอเมริกาไปแล้วและคาดว่าคงได้ตายที่อมเริกา(ความรู้สึกตอนอยู่ในภวังค์นั้นเสียงในหัวนี่คุยกันเลยนะแบบว่าเธอกลับบ้านเกิดในชาติที่แล้ว)

ปล. ปัจจุบันนี้ก็ยังกลับไปที่ Lancaster, PA. ในช่วงซัมเมอร์อยู่ ขอแค่ให้ได้ไปขับรถเล่นกัน ถ่ายรูปเล่น ๆ ส่วนสายตาเราก็ยังพยายามมองหาบ้านหลังที่คล้าย ๆ ที่เห็นเป็นภาพเรื่องราวในหัวในช่วงที่อยู่ในภวังค์(คือเป็นภาพขาวดำเล่าเรื่องราวแบบชัดเจนมาก จำได้ทุกอย่าง ทุกรายละเอียด คือมองหาแค่ว่าจะมีบ้านหลังและเนื้อที่คล้าย ๆ ที่เราเห็นในหัวมั๊ยน๊า แต่ทุกสิ่งทุกอย่างคงเปลี่ยนไปแล้ว เพราะในภาพที่เห็นในหัวนั้นโบราณมาก สไตล์เก่า ๆ ถนนก็ยังเก่า ๆ ยังเป็นแบบทางรถม้า ทางเกวียนอยู่เลย และในภาพเค้าก็ยังใช้รถม้าอยู่ ถนนออกจากบ้านก็เป็นถนนสำหรับรถม้า และเห็นภาพที่เค้ากำลังนั่งขับรถม้าออกจากบ้านจะไปประชุมอะไรซักอย่างแล้วมาเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตก่อนอะไรประมาณนั้น) ส่วนโรงนาแห่งนั้นที่เราเคยซื้อของเก่าตอนอยู่ในภวังค์ซึ่งอยู่ในฟาร์มแถวเมือง Frederick, MD. นั้น หลังจากเราฟื้นจากภวังค์ก็ยังพากันย้อนกลับไปอยู่ แต่โรงนาแห่งนั้นกลับปิด ไม่ได้เปิดขายของเก่าอีกแล้ว ทั้ง ๆ ที่ไปหน้าซัมเมอร์เช่นกัน

ปล.(อีกที) อันนี้เล่าจากเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองโดยตรงนะคะ เรื่องบางเรื่องนี่ต้องเจอเอง(จริง ๆ เรื่องมันลึกลับยิ่งกกว่านี้ จิตวิญญาณของคนสองคนที่ผูกพันกัน ทั้ง ๆ ที่ตัวตนอยู่กันคนละซีกโลกนี่เค้าทำได้มากกว่านี้อีก รับรู้ความรู้สึกนึกคิดและสื่อสารกันได้จริง ๆ) และจะไม่บอกว่า "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" แต่จะพูดแค่ว่า "ไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ" คนที่เจอเองนี่ก็ยังได้แต่งงตัวเองเลยว่า "นี่ฉันกลับมาได้ยังไง ถ้าเป็นคนที่ใจไม่แข็งนี่เป็นบ้าไปจริง ๆ แล้ว"

**** ที่เล่ามาคือจะบอกว่าบางสถานที่เราก็รู้สึกผูกพันโดยไม่รู้ตัว มันอาจจะมีส่วนที่เคยเกี่ยวข้องกับตัวเราโดยที่เราไม่รู้ก็ได้(พยายามให้เข้ากับกระทู้)****

ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
อืมม เคยเป็นเหมือนกัน เป็นคนชอบวาดรูปตั้งแต่จำความได้ เห็นอะไรก็วาดรูป โตมาชอบเรียนศิลปะ สมัยก่อนหน้าปกสมุดวาดเขียนจะมีรูปปั้นวีนัส หรือ แม้กระทั่งกล่องสีต่างๆ ก็ไปถามคุณครูศิลปะว่าเธอเป็นใคร ครูบอกว่าเธอมีตัวตนจริงๆอยู่ที่ฝรั่งเศส โอวววว ตั้งแต่นั้นฝังใจ เป็นผลให้ชอบประวัติศาสตร์ ชอบดูสารคดีเรื่องจริงต่างๆ สมัยยุคนั้นนี้แม้กระทั่งการ์ตูนบางเรื่องอ้างอิงจากประวัติศาสตร์ด้วย

ปัจจุบันเราอยู่ "ฝรั่งเศส" ไปมาหาสู่กับแม่นาง "วีนัส" เป็นประจำเมื่อมีโอกาสบวกกับความชอบส่วนตัวในศิลปะมันทำให้เรารู้ว่าเรามาถูกทาง ถูกที่ค่ะ (หุหุหคิดไปเองป่าวไม่รู้)

เข้ามาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ มารอค (ชาวฝรั่งเศสเรียกันแบบนี้) อยู่ใก่ล้กับฝรั่งเศส และ เคยเป็นเมืองขึนที่นี่ ภาษาที่พูดก็ภาษาอาหรับ และ ฝรั่งเศส

ปัจจุบันมีเพื่อนเป็น่ชาวมารอคเคี่ยนเยอะ เพราะหลั่งไหลกันเข้ามาตั้งรกราก ทำงานในฝรั่งเศส ทำให้วัฒนธรรมระว่างสองประเทศผสมผสานกันได้อย่างดีทีเดียว

เคยไปเมืองหลวงของมารอคเหมือนกัน คือ มาราเก็ช สวยงามแต่แฝงไปด้วยอันตราย ฉะนั้นควรระวังตัวอย่างยิ่งเพราะโจรเยอะไม่ใช่เล่น การหลอกลวงนักท่องเที่ยวต่างๆ การก่อการร้าย เป็นต้น (แต่ที่ไหนก็มีเนอะ)แต่ถามว่าชอบไหม ชอบค่ะ ศิลปะสวยมาก ดีไซน์ต่างๆ สีสันโดนใจ

ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
มาช่วยให้ข้อมูลคุณ คห. 4 ข้างบน และ คุณ จขกท. นะคะ ว่า......

เมืองหลวงของประเทศโมร็อคโค คือ กรุงราบัตค่ะ ไม่ใช่มาร์ราเค๊ชนะคะ

เมืองท่องเที่ยวท่ี่สำคัญที่สุด คือ มาร์ราเค๊ช/มาร์ราเก๊ชค่ะ

เมืองที่ใหญ่ที่สุด คือ คาซาบลังก้าค่ะ (เมื่อพูดถึงโมร็อคโค โดยทั่วๆ ไปผู้คนมักรู้จักชื่อคาซาบลังก้ามากกว่า
ซึ่งมาจากภาพยนตร์เรื่อง คาซาบลังก้า แต่ทั้งนี้คาซาบลังก้าไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวหลัก)


ตอบกลับความเห็นที่ 5