ต่อโทเมืองนอก จับต้นชนปลายอย่างไรดีคะ เริ่มไม่ถูก :'(

ตอนนี้เรียนจบมาได้ครึ่งปีแล้วค่ะ(จบเอกภาษาอังกฤษเกียรตินิยมอันดับ2 มหาลัยรัฐระดับปานกลางค่ะ)ทำงานเป็นฟร้อนเดสก์อยู่โรงแรมแห่งหนึ่ง อยากเรียนต่อโทที่อเมริกาด้านนิเทศน์ศาสตร์ แต่เริ่มต้นไม่ถูกจริงๆค่ะ เข้าเว็บมหาลัยแล้วพยายามอ่านและทำความเข้าใจแล้ว แต่ไม่สามารถจริงๆ ไม่เข้าใจระบบการศึกษาของเค้าอะค่ะ เพื่อนๆพี่ๆมีคำแนะนำ หรือรบกวนอธิบายระบบการศึกษาปริญญาโทของอเมริกาให้ฟังอย่างคร่าวๆได้ไหมคะ ขอบคุณมากๆค่ะ

อีกอย่างนึงคือกลัวเรียนไม่ไหวค่ะ ภาษาอังกฤษเราไม่ได้เทพขนาดนั้น การเข้าไปนั่งเรียนร่วมกับเจ้าของภาษามันจะเป็นเรื่องยากเกินไปมั๊ยคะ academic writing นี่ผ่านมาได้แบบเฉียดฉิวเลยอะค่ะ

เพื่อนๆพี่ๆคิดว่าควรจะเรียนอะไรที่เราชอบ หรือ เรียนอะไรที่ใช้ได้จริงมากกว่ากันคะ ค่าเรียนไม่ใช่น้อยๆเลย เงินเก็บของคุณพ่อคุณแม่ทั้งนั้น สงสารท่านค่ะ

ตอนนี้งง สับสน เหนื่อย ล้า จับต้นชนปลายไม่ถูกจริงๆค่ะ

ขอบคุณทุกๆความเห็นมากๆค่ะ

ความคิดเห็นที่ 1
ไม่เข้าใจตรงไหนอะคะ
คล้ายๆเมืองไทยอะค่ะ เรียนสองปี

1. Master's degree - Wikipedia
http://en.wikipedia.org/wiki/Master%27s_degree


2.
Structure of the U.S. Education System: Master's Degrees (MS W
www2.ed.gov/about/offices/list/ous/international/.../master.doc
File Format: Microsoft Word


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
สู้ๆนะคะ :)

ตอนนี้เราก็เตรียมตัวอยู่คะ แต่อย่าคิดว่าเงินที่เก็บไว้เรียนส่วนนี้เป็นแค่รายจ่ายก้อนมหึมาเลยคะ คิดว่ามันเป็นการลงทุน เรานำมันไปใช้เพื่อสร้างประโยชน์ให้งอกเงย แล้วกำไรที่เราจะได้มาก็เป็นความรู้และประสบการณ์ที่ใช้ทำงานเลี้ยงดูพ่อแม่ในอนาคตนะคะ ^^

(ความจริงผ่านมาส่องดูคอมเม้น เพราะรวบรวบรายระเอียดด้วยเหมืงนกัน5555 เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ)

ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
จบเอกอังกฤษ จะเรียนต่อนิเทศ แปลกจังครับ
ส่วนมากสายวารสาร นิเทศศาสตร์ การเรียนโทต่อไม่จำเป็นเลยครับ ยกเว้นจะเรียนเฉพาะทางจริงๆ

ถ้าเป็นเงินเก็บพ่อแม่ ผมไม่แนะนำให้ไปเลยครับ ทำไมไม่ทำงานไปก่อน จะได้เก็บเงินไปเรียนต่อเอง แบ่งเบาภาระพ่อแม่ด้วย
แล่้วยังไม่รู้ว่าอยากเรียนอะไรแน่ๆชัดๆ ก็ใช้ช่วงนี้ค้นหาตัวเองไปก่อนดีไหม ประสบการณ์จะบอกให้รู้เองว่าควรเรียนอะไรที่จะช่วยต่อยอดสายงานในอนาคตได้


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ตอนนี้เริ่มไปหาข้อสอบ TOEFL, IELTS มาลองศึกษาก่อนนะคะ ลองดูทำข้อสอบดูแล้วค่อยดูว่าได้คะแนนเท่าไหร่ เพราะถ้าได้คะแนนไม่ถึงตามที่มหาลัยกำหนดไว้ ไม่ว่าจะเลือกเรียนต่อสาขาไหนยังไงก็สมัครเรียนไม่ได้ค่ะ


ยกตัวอย่างสำหรับปริญญาโทของ University of Illinois at Chicago - UIC
- The minimum TOEFL score accepted by the Graduate College is 550 (paper-based test) or 213 (computer-based test). หรือ the new TOEFL iBT includes minima for the four subsections, as well as the total score. The required scores are: Reading 19, Speaking 20, Listening 17, Writing 21, and Total 80

- A minimum IELTS total score of 6.5 and minimum subscores of 6.0 for each of the four subsections.


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
เรียนที่ Kellog ครับ คุ้มค่าเรียนแน่ๆ

เราเคยจะเข้า แต่ตัดใจไปเรียน MBA ที่อื่นแทน

สานต่อให้ด้วยครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ถ้าไม่รู้เริ่มตรงไหน สอบ TOEFL ก่อนเลยเพราะเพิ่งจบ ไม่งั้นไม่ใช้ภาษานานๆเดี๋ยวลืม ผมพูดถูกไหม

พอได้้คะแนนแล้วปุ้บ
หาเมืองที่อยากไป หา U ดูค่าครองชีพจนเรียนจบ ค่าเรียน ไหวมั้ย ถ้าไหวผ่าน
สมัครเองหรือกับAgency ก็แล้วแต่สะดวก ถ้าเอเจนซี่ก็สบายแต่จ่ายเพิ่ม แต่บางยูก็ไม่มีเอเจนซี่ต้องสมัครเอง

หลังจากนั้นไม่รู้และถ้าตอบรับมา ต้องขอวีซ่ามั้ง ผมไม่เคยขออะเลยไม่ทราบ


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
เอาคะแนนโทเฟล แบบดีๆ มาให้ได้ก่อนครับ ตอนนี้ผมก็กำลังเขี้ยวกรำตัวเองอยู่ถ้ามุ่งมั่นและตั้งใจ ผมว่าทำได้แน่นอน
ถ้าเราตั้งใจจะไป เราต้องฝึกหาข้อมูลเก่งๆครับ ต้องช่วยเหลือตัวเองให้ได้มากที่สุดหรือจะหาข้อมูลจากเพื่อนๆในห้องนี้ก็ได้ครับ ผมก็ได้ข้อมูลไปเยอะเลย
ขอให้ทำสำเร็จอย่างตั้งใจนะครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
เพื่อนๆพี่น้องคนไหนเคยเรียน ielts กับทาง ielts institute แล้วพอลองให้เขาตรวจดูแล้วได้คะแนนน้อยมากเกินคาดป่าว เราจะบอกว่าเราเป็นคนนึงที่เจอเหตุการณ์นี้ เราได้ลงเรียนคอร์สกะที่นี่ไป เรียนได้ 2-3 วันก้ไปสอบ ielts เพราะลงสมัครสอบไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว พอสอบเสร็จระหว่างรอผลสอบก้ได้รับ feedback ของ writing ที่เขียนไปจากสถาบันอยู่หลายฉบับ ซึ่งพอเห็นก็รู้สึกช๊อคมาก เพราะคะแนนอยู่ที่ ประมาณ 5.0-5.5 เท่านั้น ไม่มีอันไหนสูงกว่านี้เลย แถมช่วง feedback ก้พูดแต่จุดแย่ๆของเราซึ่งบางอย่างไม่เป็นจริงเลยอย่างเช่น grammar เพราะเราชอบท่อง grammar มาตั้งแต่เด็ก บวกกับคะแนน tu-get กับ cu-tep ที่เคยได้มา (790,608)
เราก็นั่งหมดกำลังใจอยู่หลายวัน พอวันคะแนน ielts ประกาศ ความรู้สึกก้เปลี่ยนไปทันที เพราะเราได้ คะแนน พาร์ท writing 7.0 ซึ่งงงและตกใจอย่างมาก เราเลยอยากมาเขียนให้เปนคำแนะนำสำหรับคนที่เตรียมตัวสอบไอเอลว่า อย่าไปคิดมากกับ feedback ของสถาบันกวดวิชาที่มี มาตรฐานไม่ดี เพราะความสามารถเราวัดตอนไปสอบจริง ซึ่งตรวจโดย examiner


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
คห แปดคะ
เค้าติก็ดีแล้วนะ
อย่าไปคิดว่าไม่จริง
สถาบันพวกนี้เค้าก็ต้องกด ต้องเคี่ยวกว่าอยู่แล้วป่ะ ให้เค้าให้คะแนนคุณเยอะให้คุณดีใจแล้วพอถึงเวลาไปสอบจริงออกมาแย่คุณก็ว่าเค้าอีกอยู่ดีว่ามาตรฐานไม่ถึงข้อสอบ

ที่เราเคยเรียนwriting เราก็ได้วนแต่ 6.5-7 แต่เราต้องได้เจ็ดเพื่อที่จะเรียนได้ แต่ไม่ได้เรียนที่เดียวกับคุณนะ
คอมเม้นมาไม่แดงเลยนะ แกรมม่าผิดน้อยมาก
แต่การเขียนเราภาษายังไม่สูงพอที่จะได้เจ็ดเราก็เข้าใจ
เคี่ยวกับตัวเองมากเรื่อง writing สอบออกมาได้ writing 7.5 เลย

สกิลอื่นเค้าก็แนะแนวทางการทำข้อสอบ ซึ่งเราก็ชิว ๆ ไม่ได้อะไร reading ตัวอย่างข้อสอบยากมาก เราว่าเราอ่านเร็วแล้วยังเกือบอ่านไม่ทัน ยากกว่าโทเฟลเยอะ คะแนนสอบซ้อมออกมาที่ 8 ก็โอเคไม่ได้อะไร ชิวไป
สอบจริงได้ 8.5 listening 9 งี้

จะบอกว่าขอบคุณคนสอนเลยแหละ


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
นิเทศในอเมริกา เขาไม่ค่อยเรียนโทกันนะครับ

ถ้าอยากทำงานด้านนิเทศ ด้านไหน ก็ควรไปสมัครในเมืองหางานทำด้านนั้นไปเลย ไม่ต้องจบนิเทศก็ทำได้ แต่โอกาสอาจจะน้อยกว่า ถ้ายังไม่ได้งาน ค่อยหาที่เรียนโทนิเทศอินเตอร์ในไทยในไทย


ตอบกลับความเห็นที่ 10