Toggle navigation
หน้าหลัก
ตั้งกระทู้ใหม่
ติดต่อเรา
Login
Register
ชีวิตคนไทยในต่างแดน
จากนักเรียนภาษา สู่การเป็นคุณครูสอนภาษาในประเทศเยอรมนี !!!
จากนักเรียนภาษา สู่การเป็นคุณครูสอนภาษาในประเทศเยอรมนี !!!
หลังจากใช้เวลาในการสอบปากเปล่า 2 วิชา และเขียนวิทยานิพนธ์ฉบับย่อไปประมาณกว่าครึ่งปี จนในที่สุดได้รับสถานะการเป็น “นักเรียนด๊อกเตอร์” อย่างเต็มภาคภูมิแล้ว ก็ถึงเวลาเสียทีในการเรียนภาษาเยอรมัน !!!
การเรียนภาษาเยอรมัน ถือว่าเป็นการลงทุนที่ล้ำค่า เนื่องจากสังคมคนเยอรมันชอบที่จะให้คนต่างชาติพูดภาษาของเขาให้ได้ แม้ว่าพวกเขา โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่จะสามารถเข้าใจและสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีก็ตาม
จากประสบการณ์ของข้าพเจ้า แม้ว่าข้าพเจ้าจะเขียนวิทยานิพนธ์ของข้าพเจ้าเป็นภาษาอังกฤษ แต่ศาสตราจารย์ที่ปรึกษาของข้าพเจ้าก็คาดหวังให้ข้าพเจ้าเข้าร่วมสัมมนาที่ดำเนินการเป็นภาษาเยอรมันทั้งหมด และมอบหมายให้อ่านบทความหรือหนังสือทางวิชาการที่เขียนเป็นภาษาเยอรมันให้กับข้าพเจ้าเสมอ ทั้งนี้รวมถึง สังคมรอบตัวและครอบครัวของข้าพเจ้าซึ่งเป็นคนเยอรมันเสียส่วนใหญ่ก็ผลักดันให้ข้าพเจ้าควรจะเข้าใจภาษาของพวกเขาอย่างดี
สิ่งเหล่านี้ทำให้ข้าพเจ้าเกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเข้าใจและใช้ภาษาเยอรมันได้ ไม่เพียงอย่างดี แต่อย่างถูกต้องด้วย และขึ้นชื่อว่า ภาษาเยอรมัน เราก็คงรู้กันดีว่า มันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะไวยกรณ์ของมันมีความซับซ้อนมาก เหมือนลักษณะคนเยอรมันอย่างไรอย่างนั้นเลย
1. เริ่มจากการเป็นนักเรียนภาษาที่ดีเด่น ….
หากได้อ่านประสบการณ์ของข้าพเจ้าในเรื่องก่อนๆ ที่เกี่ยวกับการสอบเข้าเรียนในระดับปริญญาเอกกับมหาวิทยาลัยสตุ๊ทการ์ทและการได้รับทุนมาร่วมสัมมนากับองค์กรทางการเมืองของประเทศเยอรมนี “Friedrich Naumann Stiftung” เพื่อนๆ คงได้เห็นลักษณะหนึ่งที่โดดเด่นของข้าพเจ้า คือ ความมุ่งมั่นที่จะทำสิ่งที่ตั้งใจให้สำเร็จ ซึ่งในการเรียนภาษาเยอรมันนี้ ข้าพเจ้าก็มีความตั้งใจว่าจะทำอย่างดีเลิศเช่นเคย ด้วยการเตรียมตัวศึกษาคำศัพท์ล่วงหน้าก่อนบทเรียนที่คุณครูภาษาจะสอนทุกครั้ง ทำการบ้าน ท่องศัพท์ และพอถึงเวลาเรียน ข้าพเจ้าก็มีส่วนร่วมในการตอบคำถามและกิจกรรมต่างๆ ในห้องเรียนทุกครั้ง ด้วยความพากเพียรเหล่านี้ก็เป็นเหตุให้ข้าพเจ้าเรียนรู้ภาษาเยอรมันได้เร็ว ทั้งการฟัง พูด อ่าน และเขียน
ทั้งนี้คงต้องยกคำชมเชยให้สามีของข้าพเจ้าด้วย ที่เคี่ยวเข็ญที่จะพูดแต่ภาษาเยอรมันกับข้าพเจ้า แม้ว่าเขาจะพูดภาษาอังกฤษได้ดีก็ตาม
อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากความตั้งใจในการเรียนรู้ภาษาเยอรมันอย่างจริงจังแล้ว สิ่งที่ไม่เคยลืมที่จะทำในห้องเรียนเลยก็คือ การมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนๆ ร่วมชั้นคนอื่นๆ รวมถึงช่วยเหลือพวกเขาในยามที่เขาต้องการ ที่สำคัญที่จะยอมรับการช่วยเหลือจากพวกเขาด้วย เพราะจริงๆ แล้วห้องเรียนก็เป็นเหมือนกับสังคมเล็กๆ ที่มิตรภาพและน้ำใจก็เป็นสิ่งที่มีความสำคัญ และสิ่งที่น่าสนใจก็คือ ในห้องเรียนภาษาเล็กๆ นี้บรรจุคนที่หลากหลายเชื้อชาติไว้ด้วยกัน จนถึงทุกวันนี้ เราก็ยังรักษาความเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แม้ว่าสุดท้ายต่างคนต่างก็แยกย้ายไปตามเส้นทางและเป้าหมายของตนเองก็ตาม
จากลักษณะที่มุ่งมั่น ความโดดเด่นในการเรียนรู้ และการมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนๆ ในชั้นเรียน ก็เป็นเหตุให้ได้รับการยอมรับและความชื่นชม จำได้ว่า เคยเล่นเกมส์เกมส์หนึ่งกับเพื่อนๆ ในชั้นเรียน โดยเกมส์นี้แต่ละคนในชั้นเรียนจะต้องจับฉลากเพื่อให้ได้บทบาทสมมมติ เช่น เป็นพ่อ แม่ หรือ คนในชื่อต่างๆ ที่อยู่ในบ้านหลังเดียวกัน โดยแต่คนละคนจะต้องพูดภาษาเยอรมันเพื่อสนทนากันบนเป้าหมายที่ว่า จะต้องกล่อมให้สมาชิกในบ้านคนอื่นๆ ยอมให้ตนเองเป็นคนแรกของบ้านหลังจากการตื่นนอนที่จะได้ใช้ห้องน้ำ ความยากอยู่ที่ว่า แต่ละคนก็อยากเป็นคนแรกและอยากชนะในเกมส์นี้ ข้าพเจ้าจับฉลากได้บทบาทของ “แม่” ซึ่งแม้ว่าตอนแรกข้าพเจ้าจะพยายามบอกว่า แม่เนี่ยสำคัญนะ เพราะหากให้แม่ได้ใช้ห้องน้ำก่อน ทุกคนจะได้ทานอาหารเช้า ไม่งั้นอดกันหมดนะ แต่ทุกคนก็ยังคงไม่เห็นด้วย ต่างบอกเหตุผลของตนเองว่าสำคัญกว่า เช่น จะต้องไปทำงานนะ, ไม่งั้นจะไปสอบสายนะ ... ข้าพเจ้าก็ เฮ้อ ...จะชนะมั๊ยเนี่ย ก็ปล่อยให้เพื่อนๆ โต้เถียงกันไปก่อน จนกระทั่ง ทุกคนเริ่มงงกันเอง และเริ่มช้าลงในการสนทนา ข้าพเจ้าก็เสนอแทรกไปว่า อืมม จริงๆ ถ้าให้แม่เข้าห้องน้ำก่อน แค่ 5 นาที (เน้นนนน) เนื่องจากแม่เข้าห้องน้ำเร็ว ทุกคนก็จะได้กินอาหารเช้ากันหมดนะ และหลังจากนั้น ก็ควรเป็น …. บลา บลา เป็นอันว่า ข้าพเจ้าวางแผนให้เพื่อนๆ ทั้งห้องทั้งหมด ผลสรุปคือ ทุกคนยอมรับข้อเสนอนี้ หลังจากที่ถกเถียงกันเป็นเวลากว่า 30 นาที และข้าพเจ้ากลายเป็นผู้ชนะในเกมส์นี้ 55555 :D
ผลจากหลายๆ กิจกรรมที่ข้าพเจ้ามีความโดดเด่น ก็กลายเป็นเหตุให้ข้าพเจ้ามีประสบการณ์ใหม่อีกหนึ่งอย่างเพิ่มขึ้นในประเทศเยอรมนี นั่นก็คือ การเป็นคุณครูสอนภาษาไทยให้กับคนเยอรมัน (หัวกะทิด้วยนะ)
2. การเป็นครูสอนภาษาเนี่ยไม่ง่ายเลยนะ …
หลังจากที่เรียนจบคอร์สกันไปแล้ว เพื่อนๆ ก็แยกย้ายกันไปคนละทาง บางคนก็ได้ติดต่อกันบ้างเป็นครั้งคราว ข้าพเจ้าก็ดำเนินชีวิตตามปกติตามประสาคนต้องเขียนวิทยานิพนธ์ให้จบ จนกระทั่ง วันหนึ่ง มีสายเรียกเข้าหนึ่งเข้ามา จำได้คุ้นๆ ว่า มันเป็นเบอร์โทรศัพท์ของสถาบันสอนภาษา Inlingual ที่ข้าพเจ้าเพิ่งเรียนจบไปนี่นา ก็จัดการรับสาย ปรากฎว่าทางสถาบันต้องการติดต่อให้ข้าพเจ้าไปสอนภาษาไทยให้กับวิศวะกรจากบริษัท Bosch ที่ได้รับมอบหมายให้ไปดูงานในประเทศไทยเป็นเวลาหกเดือน ข้าพเจ้ารู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะนอกจากจะเป็นการสอนภาษาไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรกในชีวิต มันยังเป็นการทำงานครั้งแรกในประเทศเยอรมนีของข้าพเจ้าอีกด้วย !!!
… ว้าว !!! ... อย่างนี้ ไม่ลองไม่ได้แล้วววว !!!
ข้าพเจ้าก็ถามผู้จัดการของสถาบันว่า เพราะอะไรถึงเลือกข้าพเจ้าให้เป็นคุณครูสอนภาษาของสถาบันในครั้งนี้ คำตอบที่ได้รับก็คือ คุณครูสอนภาษาเยอรมันของข้าพเจ้า มักจะเล่าถึงข้าพเจ้าเสมอในเวลาพักงาน หรือ ประชุมงาน ว่า ข้าพเจ้าเป็นคนที่โดดเด่นมาก และมีโปรไฟล์ที่ดีมาก ดังนั้น เธอจึงแนะนำข้าพเจ้าในยามที่สถาบันได้รับคำถามจากบริษัท Bosch มาว่า มีคอร์ส ภาษาไทยไหม (ซึ่งปกติจะไม่มี)
ทางสถาบัน Inlingual ก็ถามข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้าจะสอนได้ไหม ข้าพเจ้าก็ตอบตกลงทันที :D
เนื่องจากถึงแม้ว่าจะไม่เคยสอนภาษาไทยมาก่อน แต่ก็มีประสบการณ์การสอนและการเตรียมคำสอนในเรื่องต่างๆมาอย่างมากมาย รวมถึงความอยากที่จะท้าทายตัวเองให้ทำสิ่งใหม่ๆ ในดินแดนที่ตนเองไม่รู้จักและคุ้นเคยมาก่อนด้วย
หลังจากทำสัญญาการทำงานกับสถาบันสอนภาษา ข้าพเจ้าก็วางแผนการสอนภาษาไทยจำนวนหนึ่งคอร์ส เป็นเวลา 12 ครั้ง ทางสถาบันส่งผู้เชี่ยวชาญด้านการสอนมาอบรมข้าพเจ้าเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง หนึ่งครั้ง การเริ่มสอนภาษาไทยของข้าพเจ้าในประเทศเยอรมนีก็เริ่มต้นขึ้น
จำได้ว่าตื่นเต้นมาก เพราะทางบริษัท Bosch ได้ส่งวิศวะหนุ่มไฟแรง ที่มีดีกรีเป็นถึงเด็กทุนของประเทศเยอรมนีมาก่อน มาเป็นนักเรียนของข้าพเจ้า เกร็งบ้างเหมือนกัน แต่ The show must go on! ก็พยายามสอนตามที่วางแผนไว้ลัด้วยจิตใจที่รักเมืองไทยด้วย คือ ทั้งอยากสอนภาษาไทยและแบ่งปันสิ่งดีๆ ที่เมืองไทยมีให้กับนักเรียนในชั้นเรียน
ผลของการสอนครั้งแรก ก็คือผู้เรียนมีความพึงพอใจและให้สอนต่อไปจนครบ 12 ครั้งได้ นี่เป็นผลที่ทางสถาบันร่วมประเมินกับผู้เรียนเกี่ยวกับศักยภาพและคุณภาพในการสอนของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ดีใจมากกกกก และดำเนินการสอนต่อไปจนคอร์สการสอนภาษาไทยของข้าพเจ้าสิ้นสุดลง
ก่อนที่วิศวะกรจาก Bosch จะเดินทางไปประเทศไทย ข้าพเจ้าก็ติดต่อเพื่อนของข้าพเจ้าที่ทำงานในเครือปูนซีเมนต์ให้ช่วยรับรองและช่วยเหลือนักเรียนภาษาชาวเยอรมันของข้าพเจ้าด้วยในระหว่างที่เขาทำงานอยู่ในประเทศไทย เพื่อนของข้าพเจ้าก็ทำหน้าที่อย่างดี เป็นตัวแทนคนไทยที่ทำให้ชาวต่างขาติอย่างนักเรียนของข้าพเจ้าซาบซึ้งในความมีน้ำใจแบบไทย และข้าพเจ้าก็เชื่อว่า พวกเขาก็จะบอกต่อถึงความน่าประทับใจนี้ อันจะเป็นประโยชน์ต่อชื่อเสียงของเมืองไทยต่อไป เย้! J
ความคิดเห็นที่ 1
ดีใจกับความสำเร็จก้าวแรกค่ะ ^______^
ตอบกลับความเห็นที่ 1
Font Name
Size
RadEditor hidden textarea
Design
HTML
Preview
RadEditor - please enable JavaScript to use the rich text editor.
Image Src
Alt Text
Width
px
Height
px
All Properties...
OK
Cancel
ส่งข้อความ
ความคิดเห็นที่ 2
ตอนก่อนที่เมือง Bad Honnef ไม่ไกลจากเมืองบอนน์ มีสถานสอนภาษาไทยแก่คนเยอรมันที่จะมาทำงานในเมืองไทย อาจารย์สอนภาษาไทยชื่อ อาจารย์หมู
ไม่รู้ปัจจุบันสถานสอนภาษาไทยข้างบนยังอยู่หรือเปล่า
ตอบกลับความเห็นที่ 2
Font Name
Size
RadEditor hidden textarea
Design
HTML
Preview
RadEditor - please enable JavaScript to use the rich text editor.
Image Src
Alt Text
Width
px
Height
px
All Properties...
OK
Cancel
ส่งข้อความ
ความคิดเห็นที่ 3
เยี่ยมไปเลยค่ะ ^^
ตอบกลับความเห็นที่ 3
Font Name
Size
RadEditor hidden textarea
Design
HTML
Preview
RadEditor - please enable JavaScript to use the rich text editor.
Image Src
Alt Text
Width
px
Height
px
All Properties...
OK
Cancel
ส่งข้อความ
Font Name
Size
RadEditor hidden textarea
Design
HTML
Preview
RadEditor - please enable JavaScript to use the rich text editor.
Image Src
Alt Text
Width
px
Height
px
All Properties...
OK
Cancel
ส่งข้อความ
Copyright 2024 by pai-nok.com