อ่าน IELTS พร้อมกับ Revised GRE จะไหวไหมครับ ขอคำแนะนำด้วยครับ T__T

ขอคำแนะนำด้วยครับ เนื่องจากว่าสอบ GMAT มาแล้วคะแนนเงิบมาก 560 เอง ส่วนมหาลัยนั้นเค้า accept ทั้ง GRE/GMAT ครับ เลยอยากลองสอบ GRE ดู ตอนแรกจะ retake GMAT แต่ผมว่าคะแนนได้ไม่มากกว่านี้เท่าไหร่ เลยลองของใหม่ GRE เลยละกัน เพราะเรื่องคำนวณพอไหว (เคยทำ GRE ตัวเก่าแล้ว ผมว่าเลขมันง่ายกว่า GMAT แต่ Revised GRE นี่ยังไม่เคยแตะเลยครับ)

มาส่วนของ IELTS ก่อนนะครับ ผมจะต้องสอบ IELTS ในอีกประมาณ 30 วันข้างหน้า ตอนนี้พยายามทำ reading/listening ก่อน คะแนน คร่าวๆตามนี้ครับ (วัดจาก IELTS Cambridge 8 นะครับ ก่อนหน้านี้ลองทำ Barrons มาคะแนนออกเวอร์ๆไปหน่อย ผมว่ามันง่ายกว่าของ Cambridge เยอะเลย) ตอนนี้เพิ่งทำจาก IELTS Cambridge 8 ไปได้สอง test

=== คะแนน listening/reading ผมให้เว็บนี้คำนวณให้ครับ http://techwalls.com/news/calculate-ielts-test-score/ ===

Listening : test 1 ได้ 7, test 2 ได้ 7
Reading : test 1 ได้ 7, test 2 ได้ 7.5
Writing : task 1 ทำไม่เป็นครับ 555 เพราะยังไม่ได้เริ่มดูพวกการอธิบายกราฟต่างๆ ใครมีหนังสือเล่มไหนช่วยแนะนำหน่อยครับ ส่วน task 2 ผมพอไหว เนื่องจากเคยสอบ TOEFL มาก่อน มันคล้ายๆกัน (ตอนนั้นได้ writing 24)
Speaking : เงิบบบบแน่นอนครับ ไม่รู้จะฝึกยังไงจริงๆ รบกวนช่วยชี้แนะด้วยครับ ><

ผมคิดว่าผมจะพยายามอัพส่วน Listening/Reading ให้ได้ 7.5 - 8 ให้ได้ เพื่อมาช่วยไม่ให้ Speaking มันฉุดลงไป (อยากได้ speaking สัก 6up ไม่ทราบว่ายากไหม ผมพอคุยกับฝรั่งรู้เรื่อง แต่สำเนียงไทยมาก monotone สุดๆ เห็นบางคนสำเนียงดีๆ มีจังหวะการพูดช้าเร็ว แล้วอยากเป็นอย่างงั้นบ้างจัง) ส่วน Writing ผมหวังไว้ที่ 7 (ไม่รู้ว่าจะยากไปไหม T.T) และ overall จำเป็นต้องอยู่ที่ 7 ครับ

มาว่ากันที่ GRE ต่อนะครับ ผมวางแผนไว้ว่าจะอ่านควบคู่ไปกับ IELTS เลย คงให้ IELTS ครึ่งวัน (3 ชม) และ GRE อีกครึ่งวัน (2-3 ชม) ซึ่งภาษาผมอ่อนมาก คงเน้นไปที่ Verbal เป็นหลัก ทีนี้ ผมมีข้อมูลน้อยมากครับ เท่าที่ดูข้อมูลที่คุณ มุตตา ได้โพสไว้แล้ว ผมยังไม่ค่อยแน่ใจในเรื่อง Verbal เลยครับว่าสุดท้ายแล้วเราจะต้องมานั่งท่องศัพท์เป็นพันๆคำรึเปล่า (ตรงนี้ผมคงทุ่มให้มันได้มากสุดแค่ 500 ครับ ไม่ไหวจริงๆ ตอนเรียนสังคมหรือพวกวิชาท่องๆผมได้เกรด 2 ตลอด 555) เลยอยากจะรู้ว่าแค่ 500 คำมันเพียงพอต่อการสอบไหมครับ @_@

ตอนนี้ผมคิดว่าผมกะจะสอบ GRE ประมาณกลางเดือน มกรา 2013 น่ะครับ เพราะฉะนั้นผมจะมีเวลาอัดจริงๆ 1 เดือนหลังจากสอบ IELTS เสร็จแล้ว งานหนักเอาการเลย ไม่ทราบว่ามีใครเคยอ่านสองอย่างควบคู่กันไปไหมครับ ขอหาพวกหน่อย 555

กะเขียนนิดเดียว แต่นี่มาครบชุดเลย ยังไงก็อยากจะขอบคุณที่ทนอ่านนะครับ ^^!

อันนี้กระทู้คุณ มุตตา ครับ http://topicstock.pantip.com/klaibann/topicstock/2012/01/H11562342/H11562342.html

ความคิดเห็นที่ 1
เข้ามาเก็บข้อมูลครับ อยากรู้เหมือนกัน




ไม่ได้ช่วย จขกท เลย 5555


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
แนะนำได้เฉพาะส่วนของ IELTS นะคะ จากเทคนิคง่อยๆของเราเอง

Reading
ประเด็นสำคัญอยู่ที่การอ่านให้เร็วค่ะ เนื้อเรื่อง 3 เรื่อง ส่วนใหญ่เรื่องแรกจะง่ายและสั้นที่สุด
เรื่องหลังสุดจะยากและยาว ต้องบริหารเวลาให้ดี
อ่านคำถามก่อนคร่าวๆ จะได้รู้ว่าเราต้องหาคำตอบส่วนไหน
แล้วเราก็ไป Scan เอาเฉพาะใจความสำคัญจากเนื้อเรื่อง
เราเคยเจอให้ใส่ปีค.ศ. กับให้ใส่ชื่อคนให้สัมพันธ์กับเหตุการณ์ค่ะ
เลยหาเฉพาะปีกับชื่อคน แล้วค่อยอ่านเนื้อหาตรงนั้นเอา ประหยัดเวลาได้เยอะ

Listening
อันนี้ต้องตั้งสมาธิดีๆค่ะ เขียนตอบด้วยตัวใหญ่ทุกตัว ระวังเรื่องมี S ด้วย
แต่ถ้าพลาดแล้วห้ามเสียสมาธิเด็ดขาด ไม่ได้ต้องผ่านไปเลย ไม่งั้นจะรวนไปหลายข้อ

Writing Part 1
จขกท.ลองอ่านเฉลย ที่เป็นแนวทางการอธิบายกราฟรูปแบบต่างๆ แล้วจำศัพท์ที่ใช้อธิบาย trend พวกนี้
แล้วลองมาประยุกต์กับข้อสอบก็น่าจะโอเคนะคะ พูดง่ายๆคือจำ Pattern การตอบไว้คร่าวๆน่ะค่ะ

Speaking
เข้าเว็บ www.ielts-blog.com นะคะ จะมีคนจากทั่วโลกเข้ามาแชร์ข้อสอบที่เค้าเจอในประเทศต่างๆ
อ่านย้อนหลังไปสัก 1 เดือน แล้วเอาคำถาม Speaking พวกนั้นมาลองตอบเลยค่ะ
ว่าถ้าเราเจอเราจะตอบว่าอะไร พูดอะไรบ้าง list ไว้เป็นข้อๆเลย
คำถามมันจะวนๆกันนี่แหละค่ะ ถ้าเตรียมไว้ เราจะได้ไม่ต้องคิดนาน
ที่เราเคยสอบ เราก็เจอคำถามที่คนอื่นแชร์ไว้ในเว็บนะคะ หลายข้อเลยด้วย บางข้อก็ตรงเป๊ะ บางข้อก็เปลี่ยนนิดหน่อย

ในเว็บนี้ยังมี IELTS Tips ต่างๆอีกเยอะเลยนะคะ ลองอ่านดูค่ะ :)

ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
#1 ไม่เป็นไรครับ ถือว่ามาแชร์ๆกัน ;)

#2 คุณ SlowRock - ขอบคุณมากเลยนะครับ แนะนำได้ละเอียดมาก ^^


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
writing ต้องบริหารเวลาให้ดีครับ ผมก็ได้ Toefl 24 wrting เหมือนกัน แต่เจอ IELTS นี่ได้แค่ 5.5 เนื่องจากบริหารเวลาไม่ดี ประกอบกับ การให้คะแนน writing IELTS ค่อนข้างเข้มงวดกว่าครับ อย่าประมาณ part นี้ครับ เพราะถ้าเขียนไม่ทัน จบเลยครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
#4 ขอบคุณมากเลยครับ ยังไงคงอัดจุดนี้เต็มที่เหมือนกัน บางครั้งเจอหัวข้อที่ไม่ถนัดนี่ก็แอบเงิบบบ 555


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ว่าแต่ไม่มีใครเคยอ่านสองอย่างนี้ ielts+gre คู่กันไปเหรอครับ อยากขอคำปรึกษาจริงๆ

ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
เราอ่าน IELTS + GMAT ค่ะ
เคยลองถามเพื่อน เพื่อนเอา GRE มาให้ดู เราว่า GMAT ง่ายกว่า เพราะอังกฤษไม่ค่อยโหดมาก แล้วช๊อยก็แบบมีคำตอบเดียว

เวลาเตรียมตัว สามเดือนเต็มๆเลย เริ่มต้นๆสิงหาคมที่ผ่านมา
อ่าน GMAT ตลอด มีแทรก ietls ลองอ่านเล่ม barron ประมาณสามสี่วัน สอบไอเอล 27 ตุลา GMAT 1 พฤศจิกายน
รอคะแนน GMAT official อยู่
เรารู้สึกว่า มัน "ใช้เวลา" มากๆเลยค่ะในการอ่าน อย่าง GMAT ก็อ่านเฉลี่ย สามชม. ถ้าโหดๆก็ 5 ชม. ต่อวันค่ะ บางวันก็ไม่ได้อ่านก็มีนะคะ เราเรียนปีสี่อยู่ เรียนแค่สองวัน ค่อนข้างชิว เราคิดว่า สามเดือนขึ้นไป เป็นเวลาที่ใช้เตรียมตัวนะ... ตอนลอง test Princeton เราได้ 490 สอบจริงได้เยอะกว่าเดิมมากๆ เลยคิดว่า GMAT retake ก็น่าจะช่วย จขกท. ได้ค่ะ

ส่วน IELTS
speaking "เคยได้" 6.5 แต่รอบนี้ได้แค่ 6 - -" เหตุผลที่ลองคิดดูคือ ไม่ได้เตรียมตัวไปเลย เพราะทุ่มแต่จีแมท..
writing ได้ 6.5 ทั้งสองครั้งที่สอบ สิ่งสำคัญคือ "ทำไม่ทัน"
reading/listening เราค่อนข้างไม่มีปัญหา และเป็นตัวฉุดคะแนนรวมให้ขึ้นมาอย่างเยอะ เราชอบอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ(นิยาย) แล้วก็ดู series ต่างๆอ่ะค่ะ

เรื่อง Balance เวลา ควรโฟกัสตัว GRE/GMAT มากกว่า IELTS นะ เพราะว่า GRE/GMAT ยากกว่าเยอะมากๆ อย่างเรา ใช้เวลา IELTS น้อยกว่า 1/10 ของจีแมทอ่ะ เพราะไอเอลเป็นเหมือนพื้นฐานภาษาธรรมดา ส่วน GRE/GMAT นอกจากวัดภาษาแล้วยังจะวัด skill อีกด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
#7 คุณฉากสวยครับ ไม่ทราบว่าใช้ Barron เล่มไหนเหรอครับ ถ้าเป็นเล่มที่ขายเป็นกล่องๆผมรู้สึกว่า reading/listening มันง่ายกว่า Cambridge รึเปล่าครับ หรือของจริงอยู่ประมาณนั้น

ส่วนที่ผมสอบ GRE เพราะว่าผมอยากเพิ่มตัวเลือกในการสมัครยูด้วยน่ะครับ ผมตั้งใจจะเรียนทางด้าน MIS แต่เนื่องจากว่ามหาลัยมันน้อยเหลือเกิน คะแนนผมน้อยด้วย อาจจะเข้ายาก เลยสอบ GRE มาเพื่อเพิ่มช่องทางพวก MSIS ด้วยอ่ะครับ

GRE คงอ่านไม่เครียดมาก เพราะไม่อยากกดดันเท่าไหร่ แต่จะพยายามทำให้ดีที่สุดครับ อันดับแรกต้องมีวินัยเรื่องเวลาก่อน 555


ตอบกลับความเห็นที่ 8