ลักษณะภายนอกนี่สำคัญมากใช่ไหมครับโดยเฉพาะในประเทศแถบเอเชีย

ผมอยู่ในประเทศแถบเอเชียตะวันออกมาปีกว่าๆ ประเทศที่ผมกำลังศึกษาต่ออยู่นั้นมีคนไทยทำงานที่นี่กันหลายคนส่วนใหญ่ก็จะเป็นพนักงานฝ่ายการผลิตทำงานในโรงงานต่างๆ ทีนี้โดยลักษณะนิสัยของผมแล้วผมชอบแต่งตัวตามสบายรองเท้าแตะเสื้อยืดไว้ผมยาว แต่สิ่งที่ผมพบเห็นโดยทั่วไปก็คือเขาจะมองผมแปลกๆเวลาผมไปทำธุระซื้อของ ฯลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายนอกมหาวิทยาลัย ผิดกับคนอื่นๆที่แต่งตัวดีตามสมัยนิยมพูดอังกฤษเก่งๆ พวกนี้ดูออกจะเป็นที่นิยมมากกว่าเยอะ แล้วถ้ายิ่งคุณมีผมสีทองเมื่อไรแล้วละก็บางทีผญเป็นฝ่ายเข้าหาคุณเองเลยก็มี ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าผญที่นี่จะเป็นอย่างนั้นหมด

ืบางทีผมนั่งแท๊กซี่เขาก็จะถามผมว่า มาทำงานหรอ? อันที่จริงๆชีวิตผมน่าจะดีมากถ้าผมฟังภาษาพวกนี้ไม่รู้เรื่อง แต่ผมกลับเป็นพวกที่ฟังภาษาของพวกเขารู้เรื่องถึงแม้จะพูดออกมาได้ไม่ชัดก็ตาม แต่อย่างไรก็ดีที่นี่ยังไม่ถึงขั้นตะโกนใส่หรือทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด อย่างมากพวกเขาก็มองคุณแปลกๆเท่านั้น

แต่บางทีผมก็สงสัยนะว่าการแต่งตัวสบายๆเนี่ยรองเท้าแตะเสื้อยืดกางเกงยีนส์เนี่ยมันทำให้พวกเขามองว่าผมเป็นพลเมืองชั้นสองเลยหรือ ต่างจากพวกเพื่อนผมที่แต่งตัวตามสมัยนิยมพูดภาษาอังกฤษ

ความคิดเห็นที่ 1
ไม่น่าจะถึงขนาดนั้น เเต่อาจจะมองว่าเราเเต่งตัวถูกกาลเทศะหรือเปล่านะ


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
เท่าที่สังเกตนะครับ หนึ่งถ้าหน้าตาเหมือนหรือไม่แตกต่างจากพวกเขา
สองแต่งตัวดีตามสมัยนิยม
สามพูดภาษาอังกฤษ
ถ้ามีคุณสมบัติหนึ่งในสามนี้ก็จะไม่เป็นจุดสังเกตกับคนอื่นเท่าไรครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
คุณอยู่ประเทศไหนคะ?

ถ้าเป็นญี่ปุ่นดิฉันว่าคุณคิดไปเอง เพราะดิฉันเคยเป็นแบบนี้เหมือนกัน (ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่คนไม่ยินดียินร้ายกับชาวบ้าน

ไม่แคร์ไม่สนใจใคร เอาแต่ตัวเองให้รอดไปวันๆ ไม่มีใครใส่ใจจะมามองใครค่ะ ยกเว้นว่าเราจะเป็นดาราฮอลลีวู้ด)

สมัยเรียนที่มหาวิทยาลัยดิฉันใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์รองเท้าแตะไม่ก็ผ้าใบไปเรียนเป็นประจำ

แรกๆก็รู้สึกว่าถูกมองแบบแปลกๆ แต่อยู่ไปอยู่มาก็พบว่าคนที่แต่งตัวดีกว่าเราก็เยอะแต่แต่งตัวแย่กว่าเราก็มีไม่น้อย

(ทั้งคนประเทศเค้าและจากประเทศอื่น)

บางคนแต่งตัวเหมือนจะเดินเข้าส้วมหลังบ้านก็มี...

ความรู้สึกแปลกแยกที่เกิดขึ้นดิฉันมองว่าเป็นเพราะเรารู้สึกของเราเองมากกว่า

คนอื่นเค้าไม่ได้มาอะไรกับเราขนาดนั้นหรอกค่ะ ถึงเค้าจะมองก็เป็นการเผลอมองมากกว่า คนญี่ปุ่นไม่อินังขังขอบต่างชาติจริงๆค่ะ

(ซึ่งดิฉันว่าคนต่างชาติที่เป็นเอเชียอาศัยอยู่ญี่ปุ่นสบายกว่าไปอยู่เมืองฝรั่งนะคะ

อันนั้นหัวดำโดดเด่นกว่าเป็นไหนๆ ความรู้สึกแปลกแยกเยอะกว่าแน่นอน)

ส่วนเรื่องฝรั่งผมทอง อันนี้ต้องทำใจค่ะ อาการเห่อฝรั่งในประเทศเอเชียที่ไหนก็เป็น เมืองไทยก็เป็น

ไม่ต่างจากเรื่องอมตะประเภทสาวไทยผิวคล้ำไม่ว่าจะดูดีมีสกุลแค่ไหนถ้าไม่ขาวหมวยก็ไม่ค่อยมีชายไทยที่ไหนแลตามอง


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
เห็นด้วยกับ คห.3


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
ขอบคุณทุกๆความคิดเห็นครับ

ปล.ไม่ได้อยู่ในญี่ปุ่นอะครับ แต่อยู๋ในประเทศที่แรงงานไทยมีจำนวนมากรองจากอินโด และเวียดนาม


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
แล้วทำไมไม่แต่ตัวให้มันดีๆอะครับ หล่อจะตาย


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
ก็ตามกาละเทศะอะค่ะ

ส่วนเรื่องเห่อฝรั่ง เรากลับเมืองไทย เรามองว่าเป็นข้อดี ไปเดินข้าวสารเห็นฝรั่งโดนรุมขายของตลอดแนวถนน ไม่มีคนไทยมารุมขายของเรา + ทำให้เราไม่โดนหลอกเรื่องอื่นๆด้วย (ประตูน้ำ หน้า เวิร์ลเทรด ป้าย วินมอไซค์ จากหน้าเวิร์ดเทรดฝั่งขวาติด พระรูป ที่คนเอาดอกกุหลาบไปไหว้ ติดคลองแสนแสบ จากตรงนั้นไป แพลตินั่ม วิน ชาร์ท 50 บาท) ต่อของได้ พูดง่ายๆว่า ได้ของถูก และกลมกลืน รู้สึกปลอดภัย (แต่ไม่แน่เสมอไป)

แต่ประเทศฝรั่ง เว็บกระทรวงการต่างประเทศของประเทศนั้นๆ ข้อแนะนำพลเมืองเวลาไปต่างประเทศ มักมีบอกพลเมืองประเทศเค้าไว้เลยว่าเวลาไปประเทศต่างๆ ให้แต่งตัวไม่เป็นจุดสังเกต เพื่อความปลอดภัย


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
ประสบการณ์ส่วนตัวนะคะ

เคยโดนสาวญี่ปุ่นวัยประมาณสี่สิบนิดๆ ถามทำไมไม่แต่งหน้าแต่งตา

เราเลยตอบไปว่าไม่ชอบ ไม่อยากทำ

เธอสวนกลับทำนอง มันไม่เกี่ยวกับชอบหรือไม่ชอบ แต่เธอในฐานะส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อม ไม่ควรเอาหน้าโทรมๆ แต่งตัวหมองๆออกมานอกบ้าน เพราะมันทำให้บรรยากาศเสีย

พูดง่ายๆ เธอต่อว่าเราในฐานะที่ทำตัวเป็นมลพิษทางสายตา


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ทั้งหมดเหล่านั้นผมว่าอยู่กับกาลเทศะนะครับ.....ยกเว้นแต่ว่าคุณหาทางเลี่ยงแต่งตัวไปให้เป็นเรื่องของการกีฬา มันจะสามารถกลืมกลืนไปกับคนแต่งตัวชนิดอื่นได้......เอาง่ายๆก็แล้วกัน...เช่นคุณนุ่งกางเกงขาสั้น....ใส่เสื้อยืดคอกลม...แล้วก็หาผ้าขนหนูผืนเล็กมาพาดคอ....แล้วถือลูกเท็นนิสไว้หรือไม้ปิงปองสักอันหนึ่ง...ขึ้นรถไฟไปไหนต่อไหนได้ทั้งวันแหละ...ผมว่าจะมองดีไปได้อย่างไม่น่าเชื่อนะครับ.....เป็นความเห็นเฉยๆนะครับไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับใคร....ส่วนที่มีคนเดินมาต่อว่าเรานั้น......มันเหมือนเรามักง่ายไปน่ะ เนื่องจากสังคมของเขามันถูกตีกรอบมาอย่างนั้น.....สำหรับในเมืองไทยเรานั้น ในช่วงที่ผมยังเป็นเด็กๆอยู่การจะเดินกินไอศครีมหรือเดินกินอาหารอย่างใดอย่างหนึ่งเหมือนเดี๋ยวนี้จะถูกคนมองเอาแบบดูถูก เพราะนี่คือกริยาของกุ๊ยครับ(ขออภัยที่ใช้พูดแบบนี้......แต่มันคือความจริงครับ....แค่ผู้หญิงนุ่งกระโปรงระดับหัวเข่ายังไม่ได้เลย.....แต่ปัจจุบันอย่าว่าแต่นุ่งแค่เข่าเลยนะครับ....มันไปถึงระดับเห็นแก้มก้นแล้วยังเดินเข้าวัดกันเฉยเลย.....แสดงว่าตอนนี้สังคมโลกก็เริ่มจะถอยหลังกลับมาหาของเดิมอีกครั้งหนึ่งก็เป็นได้.....อย่าถือว่าเป็นคำบ่นของคนสูงวัยเลยนะครับ แต่สะท้อนให้คุณย้อนคิดกันบ้างเท่านั้นเอง


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
ประเด็นอยู่ที่ว่าคุณคิดจะแคร์สังคมหรือเปล่า ถ้าไม่แคร์ไม่สนใจ คุณจะแต่งอย่างไรก็แต่งไป ใครจะคิดว่าคุณเป็นโจร เป็นเทพ เป็นเศรษฐีหรือเป็นกระยาจก ก็ไม่ต้องสนใจ ทุกอย่างก็จบ แต่ถ้าคิดว่าสายตาของคนอื่นมีผลต่อจิตใจคุณอยู่บ้างล่ะก้อ ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งแรกที่คุณสื่อสารถึงคนอื่นผ่านการแต่งตัวของคุณมันบ่งบอกว่าคุณต้องการให้เขามองคุณเป็นคนอย่างไร ที่สำคัญมันเหมาะสมกับสถานะของสังคมตรงนั้นหรือเปล่า คิดดูเอาเองน่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
อย่าได้แคร์ ถ้าเราคิดว่า ไม่มีใครรุ้จักเราสักคน เราไม่ได้ทำผิด และทำให้ใครเดือดร้อนด้วย เราก็จะสบายใจขึ้นเองค่ะ จงเชื่อมั่นในตัวเอง

ส่วนต้วก็ชอบอะไรที่สบายๆ ชอบแต่งตัวแบบลุยๆ ช่างมันฉันไม่แคร์อะไรทำนองนี้ จะเน้นที่สะดวก สบาย สามารถนอนกลางดินกินกลางทรายได้เลยว่างั้น

การแต่งตัวตามบุคคลิก เราว่าดีซะอีก ได้เห็นมุมมองที่หลากหลาย ได้เห็นอะไรที่แปลกๆ ใหม่ๆทางสายตา มีคนสวย ก็ย่อมมีคนไม่สวย มีดอกไม้หอม ย่อมก็ต้องมีดอไม้เหม็น ดอกไม้สีสวยสะดุดตา ใช่ว่าจะหอมหวานชื่นใจไปซะทุกดอก คนเราก็เช่นกัน


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
นอกจากฝรั่งมาเมืองเอเชียแล้วโดนมองก็อย่าไปอิจฉาเขาเลย ฝรั่งเขาอาจอึดอัดมากกว่าดีใจนะ ยิ่งโดนมาตื๊อขายของด้วยแล้วคงไม่ชอบหรอกมั้ง อีกมุมหนึ่ง..ส่วนตัวแล้วเคยมีประสบการณ์เป็นเอเชียหัวดำไป"หลง"ในเมืองฝรั่งที่ไม่ค่อยมีเอเชียก็โดน"ฝรั่ง"มองนะ ไม่ได้มองแบบดูถูกอะไรหรอก มองแบบเห็นว่าแปลกและไม่คุ้นเคยมากกว่า ตอนแรกก็อึดอัดนะ คิดไปพลางว่าเราแต่งตัวตลกรึเปล่าหว่าหรือจะโดนดูถูกไหมหว่า แต่พอมีบางคนพยายามจะเข้ามาคุยด้วยหรือเข้ามาถามเองว่าจะไปเที่ยวที่ไหนมีอะไรให้ช่วยไหม ก็รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย ก็รู้สึกว่าคนเมืองนั้นน่ารักดี ^_^ เพียงแต่รู้สึกแปลกใจอย่างเดียวว่าส่วนใหญ่ที่เข้ามาคุยด้วยล้วนเป็น"ชายหนุ่ม" เนี่ยสิ...


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
เขาจะมาจีบหรือเปล่า???


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
^
^
^
คิดว่า..ไม่น่าใช่นะครับ คงอยากมีเพื่อนหน้าแปลกๆมั้ง อายุก็พอๆกับผมเนี่ยล่ะ ยังเป็นนักศึกษากัน แค่สงสัยเฉยๆเพราะเคยได้ยินคนพูดว่า เวลาไปต่างบ้านต่างเมืองเนี่ย เวลาทำธุรกรรมอะไร หรือแม้แต่สอบถามขอข้อมูล ซื้ออะไร ควรทำกับคนต่างเพศมักได้รับการอำนวยความสะดวกที่ดีกว่าน่ะครับ(เป็นความเชื่อของบางกลุ่มนะ แต่จริงเท็จอย่างไรไม่ทราบ) แต่ผมได้เจอคนที่มาช่วยอะไรนี่เป็นเพศเดียวกันซะมากกว่าแถมยื่นมือมาช่วยโดยที่เรายังไม่ได้ขอความช่วยเหลือเลย เคยแม้กระทั่งช่วยออกตั๋วขึ้นรถใต้ดินฟรีให้(นายสถานีผู้ชายทำให้) กำลังคิดอยู่ว่าสภาพเราตอนนั้นอาจดูน่าสมเพชมากเลยรึเปล่าหว่า

อีกพวกนึงก็พวกตะวันออกกลางอ่ะครับ ยิ่งกว่าฟากฝรั่งเสียอีก พวกผู้ชายจะ nice มากๆเวลาเห็นคนต่างชาติ หน้าตาไม่คุ้นเคย แต่อันนั้นเข้าใจว่าศาสนาเขาแยกชายหญิงชัดเจนครับ เวลาพวกเขาอยากจะสร้างมิตรภาพก็คงเน้นมาคุยกับผู้ชายด้วยกันมากกว่า friendly เสียจนผมลืมภาพสังคมที่ดูเข้าถึงยากแบบมุสลิมไปเลย เหมือนหนังคนละม้วนกับที่เราๆเคยชินกับภาพพจน์ในข่าวว่ามุสลิมดูน่ากลัวและรุนแรง พอได้มารู้จักจริงๆแล้ว พวกเค้าหลายคนก็เหมือนเราๆนี่แหละก็มีมุมน่ารัก ยิ้มง่าย อยากพูดอยากคุยอยากมีเพื่อนเป็นคนต่างชาติเหมือนกัน ส่วนกลุ่มหัวรุนแรงก็คนละกลุ่มไม่เกี่ยวกัน ก็ดีครับ ได้มีโอกาสสร้างความเข้าใจในตัวต่างชาติมากขึ้น


ส่วนของ จขกท. ผมมองว่าอย่าเพิ่งคิดมากเลยครับ คิดในแง่ดีว่าเค้าสนใจเรา แต่ส่วนตัวแล้วเค้าคงมองเพราะละแวกนั้นไม่ค่อยมีคนแต่งตัวแบบนั้นมากกว่า เซอร์ ไว้ผมยาว ...ไม่แน่ใจ แต่เหมือนคุ้นๆว่าสิงคโปร์อยู่ช่วงนึงก็ไม่ให้ผู้ชายไว้ผมยาวเลยรึเปล่านี่ล่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
เรื่องผู้ชายในตะวันออกกลาง (มุสลิม) แบบที่คุณ Ruud เล่ามา ก็เคยได้ยินมาแล้วจากเว็บอื่น ทำให้ภาพพจน์ที่เรามีไว้เปลี่ยนไปจริงๆ เพราะเคยได้ยินแต่ข่าวร้ายๆที่เกิดจากกลุ่มหัวรุนแรง เลยลืมไปว่า คนอื่นๆที่เป็นชาติเดียวกันนั้น และไม่ได้เป็นพวกชอบสร้างปัญหา ยังมีอีกมาก ทำให้อยากไปเที่ยวบ้าง แต่ก่อนไม่เคยคิดอยากไปบ้านเมืองที่เป็นมุสลิมเลย เพราะกลัว และดูหนังเกี่ยวกับประเทศเหล่านี้ มันไม่ค่อยมีด้านที่ดีๆเลย
ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
จขกท.อยู่ไต้หวันเหรอครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 16