สืบเนื่องจากกระทู้ศุลกากร จนท สามารถทำแบบนี้ได้ด้วยหรือ

เราว่ากลับเมืองไทยคราวหน้าจะซื้อวิตะมินไปฝากพ่อสักหกขวด (supply ปีนึง เพราะกลับบ้านปีละครั้ง)

ทีนี้เจอกระทู้นี้เข้า http://www.atriumtech.com/cgi-bin/hilightcgi?Home=/home/InterWeb2000&File=/home2/searchdata/Forums2/http/www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H5600917/H5600917.html (ขออภัยทำลิ้งค์ไม่เป็น)

ความคิดเห็นที่ 72
เพื่อนเราเคยซื้อวิตามินมา 6 ขวด ค่ะจากออสเตรเลีย ศุลกากรถามว่าทำไมซื้อมาหลายขวด เพื่อนเราบอกซื้อมาฝากญาติ เพราะที่นั่นราคาไม่แพงเขาหยิบไป 2 ขวด แบบหน้าตาเฉย แล้วบอกว่า ขอเอาไปทดลองกินบ้าง เพื่อนโมโหมากบอกว่าผมมีของฝากมาเท่านี้แล้วจะเอาอะไรไปฝาก เขาถามว่าอยากเสียค่าปรับไหม เพื่อนเลยต้องเดินออกมา

คือเขามีสิทธิ์หยิบของเราไปดื้อๆ ด้วยหรือ

สงสัยค่ะ

ความคิดเห็นที่ 1
เราทำผิดกฏหมายเอาของเข้ามาเกินกำหนดก็เอาไปเสียภาษี แบบนี้มันเข้าข่าย กรรโชกทรัพย์ เพราะมีการข่มขู่แล้วเอาทรัพย์เราไป จริงๆแค่6 ขวดทานคนเดียวก็ยังได้เลยนะ ไม่ได้เอามาเป็นกล่องเป็นโหล ข้าราชการที่ดีไม่ควรปฎิบัติแบบนี้


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
เลว


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
เรื่องจริงหรอเนี่ย ไม่เชื่ออะ มันมีกล้องจับอยู่นะ ตำรวจสนามบินเยอะแยะจะตาย


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
คนเลวมีอยู่ทุกที่ครับ ไอพวกนี้ลักเล็กขโมยน้อยโกงได้นิดหน่อยก็ยังจะเอา ทำอะไรไม่ได้ครับ ให้มันหยิบไปเถอะสองขวด ต่อให้ไม่โดนปรับก็ต้องเสียเวลาเถียงกับมันครับ บางคนดีก็ดีไป แต่เจอแบบนี้เพลีย ถ้ามีโอกาสโทรไป complain ได้เลย


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
เราอ่านในกระทู้นั้นค่ะ มีคนคอมเพลนมาแบบนี้ ก็ไม่รู้เท็จจริงเป็นยังไง แต่ชักกลัว

อย่างเพื่อนเราที่กลับไปเยี่ยมบ้านเล่าว่าเอาลูกพลับไปฝากพ่อ เพราะเป็นผลไม้ที่พ่อชอบมาก เอาไปกล่องนึง เป็นลูกพลับลูกใหญ่จากนิวซีแลนด์ ที่เยาวราชขายลูกละร้อยกว่าบาท ก็โดนเล่นแง่ ทำท่าจะยึด เขาต้องขอร้อง แล้วก็ต้องแบ่งลูกพลับไปให้ ถึงจะผ่านได้ แต่เสียดายว่าพอหยิบออกไป มันก็ไม่เต็มกล่อง คือที่เขาซื้อมันเป็นถาดหลุมรองแต่ละลูกพอดี พอหยิบออกไป มันก็เลยโบ๋ไปเป็นบางจุด ดูไม่สวยน่ะ แต่ทำยังไงได้ ดีกว่าโดนยึดไปทั้งกล่อง

พอกลับมาออสฯ ก็บ่นให้ฟัง เราก็นึกไม่ถึง เพราะไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น

วิตะมินที่เราจะเอากลับ หมอเป็นคนแนะนำให้พ่อเรากินน่ะเพื่อบำรุงหัวใจ ถ้าเรามีใบรับรองจากหมอ จะโดนยึดหรือเปล่าก็ไม่รู้ (หกขวด ไม่เกินสองหมื่นบาทแน่นอน เข้าใจว่ามีลิมิตว่าของที่เอาเข้าต้องไม่เกินสองหมื่นบาท)


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
คุณข้าวปั้น ถ้าเวลากลับมีกระเป๋าหลายใบ และ กลับกันทั้งครอบครัว ให้แพ็คของแบบดาวกระจายค่ะ
อย่าแพ็คของอย่างเดียวกันรวมกันทั้งหมดเอาไว้ในที่เดียวกัน

ถ้ามี 6 ขวด สมมติว่าเดินทางกันทั้งครอบครัว ให้เอา 2 ขวดใส่ในแฮนด์ลักเก็จ หรือ ใส่เป้เอาไว้ ขวดละใบ
ที่เหลืออีก 4 ให้เก็บแบบดาวกระจาย แยกย้ายไปตามกระเป๋าเดินทางค่ะ

กระเป๋าก็ใช้แบบธรรมดา หีบห่อข้าวของอย่าให้แปลกตา

แล้วแต่งตัวให้ธรรมดาเข้าไว้ อย่าให้สะดุดตา นั่งเครื่องมาไกลๆ แต่งตัวง่ายๆ กางเกงผ้ายืด เสื้อยืด รองเท้าที่สวมสบาย
ทำหน้าง่วงๆ เหนื่อยๆ มึนๆ หน้าตาแบบว่าอยากกลับถึงบ้านไวๆ กลับไปนอนต่อหน่ะค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
ถ้าเป็นจริงอย่างที่เล่าผมว่าว่าทางเขาทางเดียวก็ไม่ถูกนะเพราะคนเอามาก็เลี่ยงภาษีโกงประเทศเหมือนกัน เขาให้เลือกแล้วก็ยังไปสนับสนุนให้เขาทำผิดอีก บางทีจนทเขาอาจอลุ่มอร่วยปล่อยมาก็ได้ แต่ถ้าต้องเสียภาษีเขาก็ยังได้ของครบเอาไปไม่ได้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ เหมือนกับทำผิดกฏจราจร ให้เงินตำรวจเพื่อจะได้ไม่เสียเวลาและค่าปรับมาก แล้วยังไปว่าเขาอีกทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนสนับสนุนทางอ้อม
คนมีดีและไม่ดีทุกอาชีพครับ เคยเจอที่ประเทศอื่นยึดเหล้าไปหลายขวดเล็กๆ แทนที่จะทิ้งไปก็เห็นมันคุยกันแล้วว่าจะแบ่งกันยังไง ของบางอย่างเขาก็บอกอยู่แล้วว่าอันไหนเอาเข้าไม่ได้บ้างแต่ก็พยายามลักลอบเอาเข้า แต่คนไม่รู้ก็มี อีกอย่างจนทเขาก็ไม่รู้ว่าซื้อมาขายหรือแจกญาติๆจริงๆ

ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
แฮะ แฮะ เราทำเหมือนคุณ BDTD แนะนำเลย
เรากลับทุกครั้ง 2 ใบ บวกเป้หลัง บวกกระเป๋าถือ (รวมทั้งหมด 4 ใบ)
โหลดก็ 40 กก แล้วอะ (25+15) แต่งตัวโคตรจะธรรมดา ทำหน้ามึนทุกครั้ง ก็มันเพลียนี่ 5555 เก็บของกระจัดกระจายเสมอ เอาไว้หลาย ๆ ที่ จะเข้าช่องเขียวทุกครั้ง แต่บางทีก็โดนเรียกให้เอากระเป๋าไปสแกน ถ้าจะนับราคาของฝากรวม ๆ ก็ไม่น่าจะเกิน 2 หมื่น ที่เตะตาสุด ๆ เคยเอารองเท้ากลับพร้อมกล่อง 3 คู่ (เป็นของฝาก กินที่กระเป๋าน่าดู) ที่จริงมีอย่างอื่นอีกเยอะมากพวกโลชั่น คสอ แต่เก็บกระจัดกระจายมาก ก็ไม่เคยโดนเรียกตรวจอะไรเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
คุณ BDTD พักหลังเรากลับเมืองไทยคนเดียวทุกทีค่ะ เพราะลูกๆ ปิดเทอมไม่ตรงกัน แต่เราก็แต่งตัวอย่างคุณว่า ของฝากส่วนใหญ่คือของกิน พวกช็อคโกแลต ขนม ฯลฯ ซึ่งยังไงก็ไม่มีทางถึงสองหมื่นบาทแน่นอน ไม่น่าจะถึงหมื่นด้วยซ้ำ กระทั่งเสื้อผ้าที่เอาไปเต็มกระเป๋าก็คือพวกเสื้อหนาว เสื้อผ้าเด็กที่เราไม่ใช้แล้วหรือเด็กๆ ใส่ไม่ได้แล้ว แต่ยังสภาพดีอยู่ เพราะจะหิ้วไปบริจาคที่เมืองไทยทุกปี ส่วนเสื้อผ้าเรามีแค่ชุดที่แต่งไป นอกนั้นไปอาศัยพี่ๆ น้องๆ ใส่ เพราะตัวพอๆ กัน

คุณ pittnrk เราว่าคนที่เขาโพสท์ เอาวิตะมินเข้าหกขวด ยังไงก็ไม่มีทางเกินสองหมื่นบาท ซึ่งส่วนที่ไม่เกินสองหมื่น เขาไม่คิดภาษีนี่คะ จะไปว่าเขาหลีกเลี่ยงภาษีก็ไม่ถูกนะ

ถ้าเขาเอาเข้าเป็นจำนวนมาก เกินสองหมื่นบาทแน่นอน นั่นถึงจะเรียกว่าเจตนาหลบเลี่ยงภาษีไม่ใช่หรือคะ?

หรือว่าเราเข้าใจผิด


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
ฮ่าๆๆ คุณ Freedom of Life ดีใจที่มาเจอ ทำเหมือนกันเลย

ตั้งแต่เราเดินทางเข้า-ออก เมืองไทยมาเป็นร้อยๆ รอบ ในราวๆ 20 ถึง 20 ปีเศษๆ เราเคยโดนศุลกากรไทยเรียกสุ่มตรวจ
ไม่เกิน 5 ครั้งค่ะ และ แต่ละครั้งเนี่ยเราทำให้ศุลกากรไทยผิดหวังมากถึงมากที่สุดค่ะ บางครั้งเนี่ยพอกระเป๋าเราเข้าเครื่อง
แสกนไป ศุลกากรก็แทบจะรีบไล่เราให้รีบๆ ออกไปด่วนเลยค่ะ เพราะเจอตะกร้าหวายงี้ เสื่องี้ จาน ชาม ถ้วยกาแฟ พรมงี้
ผ้าพันคอประเภทสินค้าโอท็อปอินเดียงี้ โคมไฟเก่าๆ ผ้าขี้ริ้วเก่าๆ (แต่สามารถแพงได้กว่ากระเป๋าแบรนด์เนมนะเออ_ฮิๆ)

หรือ ศุลกากรอังกฤษเนี่ย เราเข้าอังกฤษมาเกิน 20 ครั้งแล้ว ไม่เคยโดนเรียกสักครั้งเดียวค่ะ ทั้งๆ ที่เวลาไปอังกฤษบางครั้ง
เนี่ยสัมภาระเยอะมากๆ กระเป๋าเดินทาง 5 ใบ ไม่รวมแฮนด์ลักเก็จอีกสองอะไรงี้ และบางครั้งขนของกินเข้าไปเพียบค่ะ
เคยขนแม้กระทั่งไข่เค็มแบบที่ยังไม่ได้ต้มเข้าไปด้วย

ศุลกากรสิงคโปร์ก็ชิวๆ (ชิลล์ ชิลล์) ค่ะ เขาไม่ยุ่งเรื่องของกินเลย เพราะคนสิงคโปร์เองก็โหลดกันเพียบอยู่แล้ว
โดยเฉพาะพวกผลไม้ไทย พวกผลิตภัณฑ์จากหมูทั้งหลาย เช่น หมูแผ่น กุนเชียง หมูหยอง หมูสวรรค์ คนสิงคโปร์โหลดกัน
เพียบจากไฟล์ทกลับเข้าสิงคโปร์จากเมืองไทยเนี่ย

หรือเคยเข้ามาเลเซีย เข้าเยอรมัน กับกระเป๋าเดินทาง 7 ใบ+2 แฮนด์ลักเก็จ ก็ไม่โดนเรียกนะคะ

ปกติเวลาเดินทางเราไม่แต่งตัวค่ะ จะเน้นความสบายเป็นหลัก และ ไม่ได้ใช้ของแบรนด์เนมจึงไม่สะดุดตามั๊งคะ
และกระเป๋าเราที่โหลดขึ้นเครื่องจะมีป้าย Priority Tag สีส้มของกลุ่มสตาร์อัลลายอั้นซ์ติดอยู่ทุกใบ เราสังเกตนะคะ
ศุลกากรไทยไม่เรียกเราเลย _ครั้งสุดท้ายที่เราโดนศุลกากรไทยเรียกสุ่มตรวจคือเมื่อราวๆ 4 ปีที่แล้วค่ะ เผอิญกลับมาจาก
อินเดียแล้วกระเป๋างอกออกลูกมา จึงมีกระเป๋าแปลกๆ อีกสองใบเขาก็เรียกตรวจ ฮ่าๆๆ พอแสกนกระเป๋า พบว่าเป็น
ผ้านวม ผ้าคลุมเตียง ศุลกากรก็ปล่อยให้เราไปได้เลยค่ะ คิดดู 4 ปีผ่านไป เราเข้า-ออกเมืองไทยไปแล้วอีก
อย่างน้อยๆ เฉลี่ยเลยคือ ประมานเกือบๆ 100 ครั้ง หรืออย่างน้อยๆ ก็ 70-80 ครั้งเห็นจะได้มั๊งคะ (ตรงนี้แค่จะมาสื่อ
ให้ฟังนะคะว่าเข้าออกหลายครั้งขนาดนี้ ยังไม่โดนเรียกเลยค่ะ ทั้งๆ ที่น่าจะโดนมากๆ เมื่อเทียบจากสถิติของการเข้า-ออก
ผ่านศุลกากรไทยที่สนามบินสุวรรณภูมิเนี่ย)

เมื่อวันก่อนก็เพิ่งกลับเข้าเมืองไทยมา ก็ไม่โดนเรียกค่ะ มีสัมภาระทั้งหมด 4 ชิ้น

แต่วิธีเก็บของแบบดาวกระจายเนี่ยได้ผลมาก และ ของที่ซื้อใหม่ให้หมกไว้กับเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ซักค่ะ ไม่มีใครอยาก
ดมเสื้อผ้า หรือชุดชั้นในที่ยังไม่ได้ซัก และ พับเก็บไม่เรียบร้อยหรอกนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
รับทราบค่าคุณข้าวปั้น


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
ทำงานอะไรเนี่ย เข้าออกไทยเป็นร้อยรอบ
นักการเมืองยังทำไม่ได้เลย
ขอเดาว่า.....ถ้าไม่ใช่ไกด์ทัวร์ ก็ซีไอเอ อ่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
ผมเอาวิตามินเข้าไทยครั้งละ 20-30 ขวดทุกครั้งเพราะฝากแม่ น้อง ญาติๆ เขากักตุนไว้ชนิดละสามสี่ขวด ก็ไม่เคยเห็นมันยึด แต่ถ้าโดนคงต้องจดชื่อมันไว้แล้วไปร้องกรมศุล หรือไปรายงานต่อนสพ.ดังๆสักสองสามฉบับ ถ้ายอมปล่อยพวกหมาไนพวกนี้ทำต่อไป ก็เท่ากับเราสนับสนุนพฤติกรรมเลวๆอย่างนี้ครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
คุณน้องจุ่น คห. 12 คะ คุณถามพี่หรือเปล่าคะ? ถ้าใช่ ขอบอกว่าแค่นี้หน่ะเด็กๆ ค่ะ เพราะยังมีคนไทยอีกมากมาย
ที่เขาเดินทางเยอะกว่าพี่อีกค่ะ น้องจุ่นอาจจะไม่รู้จักเอง จึงคิดว่าแค่นี้เยอะแล้ว _พี่ไม่ได้มากวนนะคะ แต่มาเล่าให้น้องจุ่น
ฟังจริงๆ ค่ะ บางคนเขาก็เดินทางแบบนี้แหละค่ะ อย่าให้พี่เอ่ยชื่อล็อกอินเลย
เดี๋ยวจะเป็นการไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของคนอื่นเขา แต่ให้น้องจุ่นเข้าไปตามๆ อ่านตามกระทู้เอาเองดีกว่านะคะ

พี่จะสมติให้น้องจุ่นฟังนะคะ ว่าเช่น มีคนไทยเยอะแยะค่ะ ที่เขาเดินทางออกจากประเทศเดือนละอย่างน้อยๆ 2-3 ทริป
น้องจุ่นก็เอาจำนวน 2 หรือ จำนวน 3 ไปคูณ กับ 12 เดือนนะคะ, 12x2 จะได้เป็นจำนวนที่เดินทางออกนอกประเทศ
24 ทริปต่อปี หรือ ถ้าเอา 12X3 ก็จะได้เป็นจำนวน 36 ทริปต่อปี

เมื่อเอาจำนวนทริปต่อปี ไม่ว่าจะ 24 หรือ 36 ทริปต่อปี ไปคูณจำนวนปี เช่นว่า เดินทางไปต่่งประเทศ
เดือนละอย่างน้อยๆ 2 ทริปต่อปี ไปคูณจำนวน 4 ปี ก็จะได้เกือบ 100 ทริปแล้วนะคะ ไม่ใช่เรื่องเหลือเชื่อ และ มีคนไทย
ที่ใช้ชีวิตแบบนี้มากมายค่ะ หรือ คนต่างชาติที่อยู่อาศัยในเมืองไทยทำแบบนี้มากมายค่ะ โดยเฉพาะคนที่ต้องทำงาน
ในหลายๆ ประเทศ หรือ เดินทางเพราะเรื่องส่วนตัว _มีเยอะค่ะ

หรือ พวกคนอินเดีย แขกขนทีวี โดยเฉพาะพวกที่บินไฟล์ทระหว่างกรุงเทพฯ และ กัลกัตตา คนพวกนี้ เข้าเมืองไทย
เดือนๆ นึงอย่างน้อยๆ 20 ทริปเห็นจะได้กระมังคะ น้องจุ่นลองเอา 20 ทริป ไปคูณ 12 เดือนนะคะ จะได้ออกมา
เป็นจำนวนทริปที่คนอินเดียพวกแขกขนทีวีเดินทางออกนอกประเทศของตัวเอง และ จำนวนทริปที่เขาเดินทางเข้าเมืองไทย
ในแต่ละปีค่ะ ได้ถึงปีละ 240 ทริปเชียวนะคะน้องจุ่น ไม่ต้องเป็นซีไอเอ หรือ ไม่ต้องเป็นทัวร์ไกด์หรอกค่ะ
ชาวบ้านธรรมดาๆ ก็สามารถทำแบบนี้ได้ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
อ้อ น้องจุ่นคะ พวกนักการเมืองโดยเฉพาะพวก ส.ส. หลายๆ ท่านที่อยู่ตามจังหวัดที่มีไฟล์ทไปถึง เขาก็บินกันบ่อยๆ
นะคะ บินกันทุกสัปดาห์ค่ะ โดยเฉพาะไฟล์ทภายในประเทศ ตามเส้นทางหัวเมืองหลักๆ ทั้งหลายแหล่เนี่ยค่ะ

พวกเซเล็บ พวกดาราเขาก็บินกันบ่อยๆ ค่ะ สามารถเจอตามไฟล์ท หรือ ตามเลาน์จในสนามบินได้ค่ะ ไม่ว่าจะนักการเมือง
ดารา เซเล็บ


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
ถ้าน้องจุ่นไม่เชื่อพี่ พี่แนะนำให้น้องจุ่นไปตั้งกระทู้ถามได้คะ ว่าภายใน 4 ปี มีคนไทยท่านไหนบ้าง
ที่ออก-เข้า ประเทศไทยมาอย่างน้อยๆ 50-70 ครั้งบ้าง ถ้าคุณๆ เขามาตอบกัน น้องจุ่นก็จะทราบเองนะคะ
ว่าพี่ไม่ได้มาให้ข้อมูลผิดๆ หรือ ไม่ได้เอาเรื่องเหลือเชื่อมาเล่าให้คุณฟัง และ ขอให้ระบุบอกไปเลยค่ะ ว่าห้ามคนที่มี
อาชีพเป็นไกด์เอ้าท์เบาน์ดมาตอบ ห้ามคนที่มีอาชีพเป็นลูกเรือสายการบิน กัปตัน นักบิน ของสายการบินต่างๆ มาตอบค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
ขออภัยคุณข้าวปั้นนะคะที่เข้ามาบ่อยๆ เพราะแก้ไขเพิ่มเติมใน คห. เดิมไม่ได้นะคะ คือจะแวะมาบอกน้องจุ่นว่า
เรื่องไฟล์ท เรื่องสายการบิน เรื่องเส้นทางบิน ในกระทู้หนึ่ง ล็อกอินท่่านนั้นระบุว่าเป็นสมาชิกสะสมไมล์ของสายการบินหนึ่ง
ซึ่งมีไมล์สะสมเป็นล้านๆ ไมล์ โดยที่มี อีก คห. หนึ่งมาให้ความรู้กับผู้อ่านว่า คนที่จะเป็นสมาชิกได้ในระดับนั้นเนี่ย
ต้องมีไมล์สะสมราวๆ 4 ล้านไมล์เป็นอย่างน้อยค่ะ สรุปว่าพี่ คห. 10 ไม่ใช่ซีไอเอนะคะ เพราะมีไมล์สะสมอยู่แค่หลักแสน
เองค่ะ ฮิฮิ

น้องจุ่นไปหาอ่านเองนะคะ ว่าล็อกอินท่านไหนที่บินขนาดนั้น แล้วมีหลายล้านไมล์เนี่ย _บอกให้ก็ได้ค่ะ ว่าระยะทางบิน
จากกรุงเทพฯ ไปยุโรป ไป-กลับ ผู้โดยสารที่สะสมไมล์ได้จะสะสมได้ขั้นต่ำจากการบินในชั้นประหยีด ไม่ถึงหนึ่งหมื่นไมล์ดีค่ะ
ส่วนชั้นบิสซิเนสจะได้หมื่นกว่าไมล์ น้องจุ่นลองเอาไปคำนวนดูนะคะ ว่าล็อกอินท่านที่มีไมล์สะสมหลายล้านไมล์เนี่ย
จะต้องเดินทางมากแค่ไหน พี่คิดว่าแบบนั้นหน่ะ เหมาะที่จะเป็นซีไอเอมากกว่านะคะ ฮิฮิ


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
ตอบคุณ จขกทครับ ผมไม่ทราบว่าต้องเสียภาษีเมื่อเกิน2หมื่นบาท จนททำไม่ถุกอยู่แล้วครับทีหยิบของๆเขาไป เหมือนกับขโมยกันซึ่งๆหน้า ถ้าไม่ต้องเสียจริงๆก็ไปให้เขาทำไมตอนแรก หรือถ้าไม่รู้ว่าเสียหรือไม่ในตอนนั้นผมว่าเสียเงินให้รัฐเสียดายน้อยกว่าเสียเงินหรือของให้จนทนะครับ น่าจะร้องเรียนเรื่องความประพฤติด้วย เขาคนนั้นโชคไม่ดีที่เจอจนทแบบนั้น ผมก็เคยโดนสุ่มตรวจครั้งเดียวว่าซื้อของมามาก ไม่รู้เพราะเป็นครั้งแรก ถ้าเขาให้ไปจ่ายค่าปรับก็คงจะไป แต่เขาก็พูดดีเตือนว่าอย่าทำอีกแล้วก็ปล่อยมา ก็ไม่เอามาขายอะไรแต่ก็ไม่เอาแล้วหนักกระเป๋าด้วย สรุปแล้วผมหมายถึงยอมเสียค่าปรับดีกว่าไปสนับสนุนพฤติกรรมไม่ดีของจนทน่ะครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
จะไปยอมเสียค่าปรับทำไม... ในเมื่อของที่นำเข้า ไม่ถึงสองหมื่นบาท และจำนวนที่นำไปเป็นของฝาก เช่นช้อคโคแลทหลายสิบบาร์ ราคารวมแล้วไม่ถึงสองหมื่นบาท หรือไวตามินเมือ่รวมแล้วไม่ถึงสองหมื่นบาท ไม่ควรไปยอมแบบงง.. เว่อๆ ให้จนท. หยิบเอาไปใช้เฉยๆแบบนั้น (หมายถึงผดส. คนที่ตั้งกระทู้เก่าน่ะค่ะ)

และไม่ควรไปกลัวไม่เข้าท่าเมื่อจนท. ขู่ว่า หรือจะยอมให้ปรับ... จะปรับได้ยังไงเมือ่ของที่นำไปรวมกันแล้วไม่ถึงสองหมื่นบาท... ก็ต้อง "รู้จัก" ยืนยันในความถูกต้องสิ.. ไม่ใช่ปล่อยให้จนท.เคยตัว เลยใช้อิทธิพลในทางผิดๆ


ไม่เคยโดนเรียกตรวจ และถึงถ้าโดน ก็จะให้เปิดดู เพราะไม่เคยซื้อของใหม่ค่าเกินกว่าสองหมื่นบาท


เที่ยวหน้าจะนำติดตัวไป ส้วมแมวธรรมดาๆขนาดใหญ่ไปสามใบราคารวมแล้ว สองพันบาท... ท่านที่ช่วยเหลือดูแลแมวข้างถนนฝากซื้อส้วมแมว ในไทยไม่มีขายขนาดใหญ่เบ้งๆ... กล่องเบ้อเร่อเลย แต่ของในนั้นมูลค่าสองพันบาท

เพิ่มเติม... ดิฉันนำใบเสร็จติดตัวไปด้วย

ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
คุณ บีนคะ
คือหนูทราบค่ะว่ามันสามารถทำได้
แต่คุณทราบมั้ยว่า คนได้ที่ทำได้แบบนั้นอ่ะ มีจำนวนกี่คน
ของคนไทยทั้งหมด หนูว่ามันน้อยอ่ะค่ะ เผลอๆมีไม่ถึงหมื่นคนด้วยมั้ง
กับคนไทย70ล้านกว่าคน

คนที่บินเข้าออกไทยเป็นว่าเล่น
มันต้องมีอาชีพที่เอื้ออำนวยให้บินได้ด้วยนะคะ
เช่น คุณทำงานที่ต้องติดต่อกับต่างประเทศอยู่ตลอดเวลา(จะมีซักกี่คนกัน)
ที่เห็นๆนะก็พวก ไกด์ทัวร์ ทำงานทัวร์เกี่ยวกับต่างประเทศ
ทำงานเป็นนักการทูต
ทำงานยูเอ็น ทำงานกงศุลต่างๆที่ต้องบิน
ขับเครื่องบิน ต้อนรับบนเครื่องบิน
คนทำอาชีพอิสระ
นักธุรกิจ
นักการเมืองบางคน(ย้ำว่าบางคน)

อดีตเจ้านายเก่าหนูนะคะ ทำธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับนำเข้าส่งออก
ต้องไปออกงานแฟร์ต่างประเทศรอบโลก(มิลาน มาดริด เบลเยี่ยม อังกฤษ ปารีส จีน ฮ่องกง)
ยังบินไม่ได้เท่าคุณเลยนะคะขอบอกธุรกิจระดับร้อยล้าน ไม่ได้เยอะมากมาย

ถ้าให้เดานะ คุณคงเป็นแอร์ แต่ถ้าบอกว่าบินมา20ปี ดาว่า
อดีตแอร์ การบินไทยละกัน


ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
คนที่บินอย่างต่อเนื่องรอบโลกได้ 20ปี ก็น่าจะเป็นแอร์ กัปตันอะนะ
ชาวบ้านทั่วไปให้ตายก็คงไม่มีเวลาไปบินสม่ำเสมอต่อเนื่องแบบนี้หรอก ตั้ง20ปีแน่ะ

ถ้าใช่ ว่างๆรบกวนบอกการบินไทยให้หน่อยนะ ลดราคาค่าตั๋วซะบ้าง
แพงจะตาย เอาสวัสดิการที่โปะให้พวกกัปตัน บอร์ดบริหาร กระจายให้ประชาชนซะบ้าง สวัสดิการที่ให้กัปตันกับครอบครัวบินฟรีเนี่ย เลิกซะทีเถอะ แค่คนขับเครื่องบิน ทำไมต้องไปทีทอะไรมากมาย เงินเดือนก็ได้คุ้มตค่าอยู่แล้ว โอเคนะ

ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
ขอเรียนถามคุณโกรธ #13 หน่อยนะคะ หมายถึงว่าคุณเอาของสำแดงแล้วไม่โดนยึดใช่มั้ยคะ?

ถ้าใช่ ก็ใจชื้นขึ้นหน่อย บางทีคนที่โพสต์ในกระทู้แนะนำนั้นคงจะโชคไม่ดี เจอ จนท เล่นแง่เข้า คืออ่านกระทู้นั้นแล้วเครียด เพราะหลายความเห็นเข้ามาโพสต์ถึงประสบการณ์ที่มีต่อศุลกากรในแง่ไม่ดีเท่าไหร่นัก

คุณ pittnrk เราก็เพิ่งทราบเหมือนกันว่ามีลิมิตให้ไม่เกินสองหมื่นบาทค่ะ เพราะกระทู้ที่ว่านั่นแหละ ถึงยังไง ของที่เราเอากลับเมืองไทยทุกครั้งก็ไม่ถึงสองหมื่่นหรอกค่ะ ของกินเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะที่บ้านเล็ก คับแคบ ถ้าซื้อของอื่นๆ ไป ญาติพี่น้องบอกว่ารกบ้าน ของกิน กินแล้วหมด ไม่รกบ้าน ส่วนตัว ไม่มีปัญญาใช้ของแบรนด์เนมด้วย แพ้ของแพง 5555

แต่เพื่อความปลอดภัย จะทำอย่างคุณ JidNince ดีกว่า คือเอาใบเสร็จติดตัวไปด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
อืมม...ชอบเข้าห้องนี้ อ่านเอาความรู้ แต่ก็เบื่อบางคนจริงๆ ที่ เยอะเหลือเกิน

.


ตอบกลับความเห็นที่ 23
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 24
น้องจุ่นฮะ ไม่ได้บอกว่าบินมายี่สิบปีนะฮะ แต่บอกว่าเดินทางมาแล้วอย่างน้อยๆ ก็ยี่สิบปีค่ะ หมายความว่า
เคยออกไปเปิดหูเปิดตานอกประเทศมาแล้วไม่ต่ำไปกว่าจำนวนปีที่กล่าวมา บางช่วงก็มีที่ไม่ได้เดินทางมากค่ะ

อาจจะไม่ได้ไปไหนเป็นเดือนๆ ก็มี หรือ ถ้าเดือนไหนช่วงไหนมีเดินทาง ก็อาจจะบินแบบทุกสัปดาห์ หรือ สัปดาห์เว้น
สัปดาห์อะไรแบบนี้นะฮะ หรืออย่างในช่วงราวๆ 3 ปีที่ผ่านมานี้ ช่วงที่ไม่ได้เดินทางที่นานที่สุดเลย คือ ไม่ได้ไปไหนเลย
ก็ราวๆ 1 เดือน หรือราวๆ 4 สัปดาห์ค่ะ _ชีวิตหน่ะ มันสั้นค่ะน้องจุ่น และ โลกนี้ก็กว้างใหญ่เหลือเกิน


ตอบกลับความเห็นที่ 24
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 25
แหะๆ และ น้องจุ่นคะ พี่อาจจะมีอาชีพรับจ๊อบขนทีวี แบบพวกแขกขนทีวีก็ได้นะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 25
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 26
ชัวร์เลย คุณบีน แอร์เก่าแน่นอน
ตอนนี้อาจจะผันตัวเองมาทำ บริษัททัวร์ ฟันธง
ถ้าเป็นพวกร่ำรวย มีเงินถุงเงินถังแบบเสี่ยบุญชัยคงไม่ว่างมานั่งเป็นแน่แท้


ตอบกลับความเห็นที่ 26
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 27
ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 27
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 28
ถ้าหยิบไปเฉยๆก็ร้องเรียนได้เลยครับ เจ้าหน้าที่จะมาง้อแทบกราบคุณเลย

ต้องร้องเรียนโดยใช้ชื่อนามสกุลจริงนะครับ ไม่งั้นก็จะเป็นแค่บัตรสนเท่ห์

แต่ถ้าเรื่องที่เค้ามั่นใจว่าไม่ผิด ก็ต้องสู้กันแหละครับ

สมมุติว่าคุณขนวิตามินหรืออาหารเสริมมาซักสี่สิบขวดแล้วบอกว่าไม่เกินสองหมื่น

เจ้าหน้าที่ก็จะทำบันทึกการจับกุมถ้ายอมให้ยึดของก็เซ็นยอมความแล้วกลับบ้านได้

ถ้าจะสู้เค้าก็จะควบคุมตัวคุณไว้ ถ้ามีเงินประกันตัวก็ประกันตัวออกไป ถ้าไม่มีเงินประกันตัว

ก็จะถุกส่งให้ตำรวจขังไว้ แล้วรอพนักงานสอบสวนเสนอแฟ้มคดีให้อัยการยื่นฟ้องต่อศาล

แล้วก็รอศาลพิจารณาคดี ถ้าชนะคดีก็ได้ของคืน ถ้าแพ้คดีก็โดนยึดของกับเสียค่าปรับ

ถ้าไม่มีตังจ่ายค่าปรับก็ถูกขังแทนค่าปรับ

ถ้าเจ้าหน้าที่ขู่เรียกรับเงินหรือของ อย่ายอมครับอย่าให้เจ้าหน้าที่ได้ใจ


ตอบกลับความเห็นที่ 28
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 29
ฟันเฟิมว่ามีคนบินทุกสองอาทิตย์ จริง เป็นเจ้าของร้านอาหารที่อังกฤษหลายร้าน และลูกสาวแต่งงานไปอยู่อเมริกาด้วยค่ะ

ร้านที่อังกฤษก็ให้ลูกอีกคนดูแลอยู่ เวลาลูกสาวที่อเมริกาโทรมาให้ไปช่วยเลี้ยงลูกให้ แกก็บินไปเมกาค่ะ มาอยู่เมืองไทยแปีปเดียว เดี๋ยวบินอีกละ สบายๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 29
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 30
ตอนนี้ ที่มีการเข้มงวดการนำวิตามิน และอาหารเสริมเข้าประเทศมากขึ้น

ศุลกากรยอมให้นำเข้ามาจำนวนไม่มาก ให้เอาเข้ามาบริโภคเองได้

แต่ถ้าเอาเข้ามาเยอะ แม้มูลค่าไม่เกินสองหมื่นบาท

(ไม่ทราบว่า แหล่งข้อมูลที่ว่าสามารถนำของเข้ามามูลค่าไม่เกินสองหมื่นบาท แล้วไม่เสียภาษีนี่ ได้มาจากไหน เพราะไม่เคยไม่ได้ยิน)

เป็นการส่อว่าอาจเอาเข้ามาเพื่อการค้า จะไปขัดกับกฏหมายการควบคุมการนำเข้าอาหารและยา อะไรทำนองนี้หรือเปล่าคะ เพราะถ้าเป็นการนำมาขาย ก็ต้องผ่านการตรวจสอบ ขึ้นทะเบียนโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาก่อน

เดาเอา


ตอบกลับความเห็นที่ 30
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 31
คุณกบใต้กะลา เรื่องที่ว่านำของเข้ามูลค่าไม่เกินสองหมื่นบาท เรื่องที่น้องคนไทยโดนยึดกระเป๋าแบรนด์เนมที่ใช้แล้วไป แล้วมีหลายท่านเข้ามาตอบให้รายละเอียด เราก็เพิ่งทราบเหมือนกันค่ะ
ขอขอบคุณทุกความเห็นอีกครั้งค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 31