ย้ายไปอยู่+ทำงานที่ออสเตรเลีย เพื่อการศึกษาลูกในอนาคต คุ้มหรือไม่ครับ

ย้ายไปอยู่+ทำงานที่ออสเตรเลีย เพื่อการศึกษาลูกในอนาคต คุ้มหรือไม่ครับ

ทุกวันนี้เห็นระบบการศึกษาในไทยแล้วไม่ค่อยชอบเลย โดยเฉพาะเรื่องแปะเจี๊ยะ ค่าเทอมที่แพงเกินมาตรฐานของรร.Inter และเอกชนอีกหลายๆ แห่ง ตอนนี้ลูกชายอายุขวบกว่าแล้วครับ อยากให้เขาได้เรียนดีๆ พูดอังกฤษได้คล่องๆเหมือนเจ้าของภาษา ได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมดีๆ ไม่ต้องฝ่ารถติดไปเรียนทุกวันเหมือนในกทม.ทุกวันนี้ รวมถึงตัวเองและภรรยาก็จะได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ที่ดีกว่าเดิม(หรือเปล่า)

เลยมีความคิดมาสักปีสองปีแล้วว่าจะอยากจะย้ายไปอยู่ที่ประเทศที่ไม่ไกลมากเกินไป อย่างออสเตรเลีย โดยส่วนตัวแล้วผมยังไม่เคยไปเรียนหรือเที่ยวที่ออส แต่เคยเป็น expat ทำงานที่ยุโรปในหลายๆ ประเทศ รวมถึงประเทศแถบเอเชียอย่าง ฮ่องกง และสิงคโปร์แล้วไม่ค่อยชอบเนื่องจากประเทศเล็ก ไม่ค่อยมีสถานที่ท่องเที่ยว อยู่กันแต่ในอพาร์ตเมนท์หรือคอนโดแคบๆ สำเนียงอังกฤษไม่เพราะ(ไม่ชอบส่วนตัว ^_^) เลยคิด(เอาเอง)ว่าออสเตรเลียน่าจะเป็นประเทศที่ลงตัวสุดในทุกๆเรื่อง ปีหน้าวางแผนจะไปเที่ยวกันสัก 10-20 วัน เลยอยากได้ความเห็นจากผู้มีประสบการณ์หน่อยครับ ว่าสถานการณ์แบบผม ณ ตอนนี้คุ้มเสี่ยงหรือไม่ที่จะต้องทิ้งทุกอย่างที่นี่แล้วไปเริ่มต้นใหม่


- งาน : ปัจจุบันทำงานเฉพาะด้าน (IT/SAP) ประสบการณ์เกือบ 10 ปี ตอนนี้อายุ 31 เงินเดือนแสนกลางๆ กับตำแหน่งผู้จัดการที่งานสบายเลิกงานเร็วในบริษัทต่างชาติขนาดใหญ่ยักษ์แห่งนึง

ก่อนหน้านี้ พอจะหางานที่ Sponsor working visa ในออสให้ได้ครับ (ปีก่อนเคยได้รับการติดต่อหลายที่แต่ไม่ได้คุยต่อเพราะติดงานปัจจุบันอยู่) แต่ปัจจุบันนี้น่าจะยากขึ้น หรือถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะสมัคร PR เองครับผ่าน Skill Select เพราะจะหางานที่เป็น contract ได้ รายได้ดีกว่ามากๆ (วันละ 700-1000 AUD) แต่ตอนนี้การขอ PR เองดูเหมือนจะยากขึ้นเยอะ (เมื่อวานลองประเมินจากในเวบ immigrant แล้วคะแนนยังพอยื่น Express of Interest ได้หลายแบบ) ส่วนงานประจำที่ Aus เคยเสนอมา รายได้ปีละประมาณ 120,000 AUD + super, etc. รายได้เท่านี้ถ้าหักภาษีแล้วอยู่กัน 3 คนพ่อแม่ ลูก จะเหลือเก็บประมาณไหนครับสำหรับเมืองหลักๆ อย่าง Melbourn หรือ Sydney ทุกวันนี้อยู่ไทย รายได้หักคชจ. ในแต่ละเดือนแล้วยังเหลือเงินเก็บหลักแสนครับ


- ชีวิตส่วนตัว : ผมและภรรยามีไลฟ์สไตล์เหมือนกัน ชอบท่องเที่ยวธรรมชาติ ไม่นิยมเดินห้างเท่าไหร่ ไม่ค่อยแต่งตัว สามารถใช้ชีวิตกับเมืองที่สงบเงียบได้สบายๆ แฟนผมจบจากอังกฤษส่วนผมจบอินเตอร์ในไทยไม่มีปัญหาเรื่องภาษาเท่าไหร่นัก


- การศึกษาของลูก : หลักสูตร โรงเรียนต่างๆ ในออสสำหรับเด็กเล็กนี่ถือว่าดีกว่าที่ไทยมากมั๊ยครับถ้าเทียบกับพวก รร.inter, EP programme ทั้งหลาย ใครมีประสบการณ์รบกวนแชร์ด้วยนะครับ ผมให้น้ำหนักกับเรื่องนี้มากกว่าครึ่งเลยครับ ขอบคุณมากครับ :-)

ความคิดเห็นที่ 1
ภาษี ค่ากิน ค่าเช่าบ้าน มันแพงนะคับ
ถ้าไม่ทำกับข้าวกินเอง มื้อนึง 14-18AUD*3 มื้อ ต่อคน
ภาษีขั้นบันได
ค่าเน็ตค่าไฟค่าโทรศัพท์มหาโหด

ถ้าไม่มีทุนซื้อบ้านอยู่ (ซึ่งก็ 25-60 ล้านบาท+ สำหรับทาวเฮ้าส์ บ้านเดี่ยวในโซนดีๆ) ไม่น่าเวิคนะคับ

ผมเคยเรียนปริญญาโท อยู่ 2 ปีคับ คุยกับเพื่อนที่โน่นเขาบอกว่าถึงได้ PR ตอนนี้ก็ได้ citizen ยากมากกว่า PR เสียอีกนะคับ (ประมาณว่ากฎเยอะซับซ้อนมาก)

สรุปคือ ถ้ามีทุนสัก 20 ล้านบาท + ก็น่าไปคับ
ถ้าไม่มี ต้องไปทำงานหาเอาดาบหน้า ก็ไม่น่าไปคับ
เพราะวัฒนธรรมต่างประเทศ ไม่การันตีได้ว่าคุณจะอยู่ทำงานได้นานแค่ไหน
อาจตกงานเปนพักๆ เปนต้นคับ

ผมว่าประเทศที่น่าอพยพตอนนี้คือ จีน คับ
ถ้าพูดภาษาจีนไม่ได้ ก็น่าจะเป็น แคนาดา ใช้ทุนตั้งตัว และได้โอกาสมากกว่าเยอะ

ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ขอตอบเป็นบางข้อนะครับ (ผมทำงาน IT ที่ซิดนีย์ รายได้ประมาณ 100k + super พอจะเปรียบเทียบได้บ้างพอสมควร)

>> รายได้ปีละประมาณ 120,000 AUD + super, etc. รายได้เท่านี้ถ้าหักภาษีแล้วอยู่กัน 3 คนพ่อแม่ ลูก จะเหลือเก็บประมาณไหนครับสำหรับเมืองหลักๆ อย่าง Melbourn หรือ Sydney

ตอบ ตัวผมเหลือเงินหลังหักค่าใช้จ่าย ค่าบ้าน ค่ากิน และค่าเดินทางแล้ว เหลือเก็บประมาณเดือนละแสนบาท (สำหรับการใช้ชีวิตคนเดียว) ถ้าครอบครัวสามคนก็ค่าที่พัก ค่าอาหาร และค่าใช้จ่ายของลูก คงมีมากกว่าผมครับ

ส่วนการขอวีซ่า ถ้าขอแบบ Sponsor ค่อนข้างจะได้รวดเร็วกว่ามากครับ (ไม่น่าจะนานเกินสามสัปดาห์)เทียบกับการทำ skill select ที่หลายขั้นตอนซึ่งต้องส่ง expression of interest ไปก่อน น่าจะรวดเร็วกว่ามาก สมัยผมขอ PR ยังเป็นแบบ Offshore skilled migrant ต้องรอประมาณสี่เดือนกว่าจะได้วีซ่า อนึ่งถ้าไม่เร่งรีบมาก ก็อาจขอวีซ่าเองเพื่อเงินที่มากกว่าในกรณีที่รับงานเป็น contract

การซื้อบ้านที่นี่ ทุกคนผ่อนหมดครับ ถ้ามีรายได้ระดับ > $60,000 AUD นี่ไปติดต่อธนาคารทีไรพนักงานธนาคารแทบไม่อยากให้กลับเร็ว ต้องชวนคุยเชียร์เรื่องกู้เงินซื้อบ้านตลอด

สังคมคนที่นี่ด้วยตัวระบบ Superannuation ทำให้มั่นใจได้ว่ามีเงินเหลือใช้ตอนแก่แน่ๆ ทำให้ไม่ต้องนั่งประหยัดเก็บเงินไว้ใช้ตอนแก่ มีเท่าไหร่ก็ใช้กันไปเท่านั้น กู้ซื้อบ้าน หรือใช้จ่ายอะไร ก็ตามกำลังทรัพย์จะเอื้ออำนวยเลยครับ

ขอติง #2 นิดนึงครับ การขอ citizen ก็ยังไม่เปลี่ยนอะไรนะครับ เพื่อนผมเพิ่งได้เป็น citizen เมื่อไม่กี่เดือนก่อน หลักๆก็คือเป็น PR อย่างน้อย 1 ปี และก็อยู่ออสเป็นระยะเวลา 4 ปี (การขอ citizen นี่ผมก็เล็งๆอยู่)

ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ที่เมลเบิร์น หากซื้อบ้านในโซนที่ค่อนข้างดี. เป็นแบบยูนิต. ไม่ใช่บ้านเดี่ยวราคาประมาณ $ 700,000 - 800,000 หากบ้านเดี่ยวราคาจะแพงขึ้นไปอีก. กู้ธนาคารก็ต้องมีเงินดาวน์บางส่วนประมาณ เกือบ $200,000 เพราะมีค่าใช้จ่ายลาวงหน้าหลายอย่าง. ผ่อนบ้านประมาณเดือนละ $3,000 ระยะเวลาประมาณ 30 - 40 ปี
ค่าเล่าเรียนลูกหากเป็น รร.เอกชน ก็ปีละประมาณ $20,000 กว่า หาก รร.รัฐบาลก็ถูกกว่ามาก
ค่าเช่าบ้านขนาด 3 - 4 ห้องนอนประมาณเดือนละ $2,500 - 3,000. อันนี้หมายถึงโซนใกล้เมือง ใกล้เส้นทางรถสาธารณะ ที่คนส่วนใหญ่ว่าดี ส่วนไกลออกไปคงราคาถูกลงกว่านี้ค่ะ. ค่าน้ำ ไฟ แกส โทรศัพท์ อินเตอร์เน็ตใช้แบบสบายๆตกประมาณเดือนละ $ 250. - 300


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ต่ออีกนิดค่ะ. เรื่อง รร.ลูกนี่ดิฉันคิดว่าที่ออสเตรเลียค่อนข้างน่าพอใจมาก เพราะตอนลูกเล็กๆก็เคยอยู่ รร.อินเตอร์ที่เมืองไทย ตอนแรกมาเรียน รร.รัฐบาล ที่ออสเตรเลีย ( เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว) ราคาก็พอประมาณกับ รร.อินเตอร์ที่เมืองไทย. อีกอย่างเด็กๆที่ออสเตรเลียจะไม่ค่อยมีแหล่งบันเทิงเริงรมย์เหมือนเมืองไทยมาก. จะหนักไปทางเล่นกีฬา เรียนพิเศษด้านอื่นๆกัน สำหรับลูกแล้ว. คิดว่าออสเตรเลียดีทีเดียว วัฒนธรรมของออสเตรเลียยังมีเอื้อเฟื้อกันอยู่ค่ะ ไม่ตัวใครตัวมันมากนัก


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
งาน contract อย่าลืม contribute to superannuation ด้วยล่ะจะได้มีเงินไว้ใช้ตอนเกษียณ
ภาษีรายได้เกินแสนแปดหมื่นต่อปีจ่าย 45%

อยากให้ลูกเข้าโรงเรียนดีๆ ซิดนีย์ก็แถวฝั่งนอร์ท แถบนั้นโรงเรียนรัฐก็เลิศแล้วค่ะ
แต่ค่าเช่าบ้านแถบนั้นก็จะแพงด้วย
ถ้าชอบให้ลูกเรียนแบบแข่งขันเข้มข้นเหมือนเด็กบ้านเรา คะแนนดีๆให้ต่อด้วย selective school

ทุกอย่างแพงค่ะ หลักๆ: ภาษี, ค่าเช่าบ้าน หรือผ่อนบ้าน, ค่าเดินทาง รวมทั้งประกันสุขภาพด้วย
ถ้ามีใครในครอบครัวมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ให้หาข้อมูลระบบสาธารณสุขของที่นี่ดู;
หมอขาดแคลน หาหมอเฉพาะทางต้องผ่านจีำีพี อย่าคาดหวังว่าจะเหมือนรพ.เอกชนเมืองไทย
นอกเสียจากว่าคุณจะจ่ายพรีเมียมสูงๆ อันนั้นคงอีกเรื่องนึง
รายได้คุณสองทางไม่น่ามีปัญหา แต่คงไม่สะดวกสบายเหมือนเมืองไทย

เกณฑ์เข้าคินดี้ รับครบ 5 ขวบเต็ม ก่อน 31 ก.ค.
ถ้ามาตอนเด็กเล็ก และไม่มีคนดูแลเวลาคุณไปทำงาน
ต้องฝาก child care ฝั่งนั้นน่าจะประมาณวันละ 100 เหรียญขึ้้น
รายได้คุณไม่น่าเข้าเกณฑ์ได้รับการช่วยเหลือจากรัฐ

สภาพแวดล้อมสำหรับเด็กโดยรวมดีกว่าเมืองไทย


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
สามีรายได้ประมาณนี้ค่ะ อยู่กันแค่สองคน + ผ่อนบ้าน + ผ่อนรถ ยังรู้สึกว่าไม่ค่อยมีเงินเหลือเก็บซักเท่าไหร่ ทานข้าวนอกบ้านได้อาทิตย์ละวัน ที่เหลือก็ต้องทำกินกันเอง เงินแสนของที่นี่ก็แค่เงินพันเงินหมื่นเองค่ะ เราลองเปรียบเทียบให้ดูนะ คุณมีรายได้ 120,000 ต่อปี คิดเป็นอาทิตย์นะคะ ได้รับอาทิตย์ละ 2,500 หักภาษีแล้วเหลือประมาณ 1,800 ค่าใช้จ่ายเช่าบ้าน 650 ผ่อนรถ 150 จ่ายค่าซื้อของกินของใช้ 300 ค่าน้ำค่าไฟ 50 ค่าโทรศัพท์อินเตอร์เนต 50 คุณจะเหลือเงินประมาณ 600 ต่ออาทิตย์ หากไปทานข้าวนอกบ้านตามร้านอาหารก็ต้องจ่ายเพิ่มอีก อย่างน้อยมื้อละ 50 สำหรับ 2 คน หรือหากคุณซื้อประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพก็มีค่าใช้จ่ายอีก ที่นี่เหมือนเงินหาง่ายและออกไปง่ายเหลือเกิน หากต้องการความสะดวกสบายก็อยู่เมืองไทยดีกว่า หากินง่าย ไม่แพงด้วย แต่คุณภาพชีวิตที่นี่คงดีกว่า ความเท่าเทียมของผู้คนมีมากกว่า แต่หากคุณเคยชินกับการได้รับการบริการที่ดีเพราะคุณมีเงิน มีหน้ามีตา แต่ที่นี่คุณจะได้รับการบริการแบบมาตรฐานทั่วไป และเห็นด้วยกับคุณ motherhood ที่บอกว่าไม่ค่อยมีแหล่งบันเทิงเริงรมย์เหมือนเมืองไทย เสาร์อาทิตย์เด็กๆจะทำกิจกรรมเล่นกีฬา เล่นดนตรี ไม่ค่อยไปเดินห้างช้อปปิ้งหลังเลิกเรียนพิเศษเหมือนเด็กไทย


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
สาเหตุที่เราอพยพมาอยู่ที่ออสฯ ก็เพราะตอนเอาลูกเข้าโรงเรียนใกล้บ้านที่เมืองไทยนั่นแหละ เจอเรื่องแป๊ะเจี๊ยะเข้า ผู้ปกครองด้วยกันบอกว่า ต้องเสียกันเป็นแสนๆ อย่างร้านขายของแถวนั้นเอาลูกเข้า ก็จ่ายห้าแสนบาท เพื่อนๆ เราก็บอกว่ามันต้องจ่ายนะ (ยิ่งปีที่แล้ว เห็นข่าวแล้วน่าทุเรศมาก ผู้ปกครองพาลูกไปเข้ามอหนึ่งกับมอสี่ แต่ละคนต้องเอาพวงมาลัยไป แล้วพาลูกไปบนบานที่ศาลพระภูมิในโรงเรียนที่จะสอบเข้านั่นแหละ เออหนอ จะเอาลูกเข้าโรงเรียนนี่ต้องถึงขั้นพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เชียวหรือ)

ถ้าคุณ จขกท ตัดสินใจจะพาลูกมา แล้วอยู่ซิดนีย์ ก็เลือกอยู่ทางเหนือๆ นะคะ แถว Artarmon โรงเรียนดีมาก แม้จะเป็นของรัฐบาล เขามีคลาสตอนประถมสี่หรือห้า เป็นคลาสสำหรับเด็กเก่งเพื่อเตรียมตัวเข้า selective school (ถ้ายังไม่เปลี่ยนนะคะ) เลือกอยู่ถิ่นที่ดี โรงเรียนก็จะดีตามไปด้วยค่ะ

ยังไงทำใจอยู่อย่างนะ ถ้าจะพาลูกมาอยู่ที่นี่ เขาก็จะเป็นคนที่นี่ มีสิ่งแวดล้อม มีสังคมที่นี่ ยากที่จะกลับไปอยู่เมืองไทยทีหลังน่ะค่ะ

แต่ถ้ามาแบบพวก expat นี่ เราเห็นหรูอยู่สบายกันเสียส่วนใหญ่นะ อย่างเพื่อนญี่ปุ่นบริษัทเช่าอพาร์ทเม้นท์ย่านหรูให้ ลูกก็ส่งให้เข้าโรงเรียนเอกชนฟรี


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
รายได้ปีละ $100k นี่ถือว่าเลยระดับรายได้เฉลี่ยของคนที่นี่เยอะแล้วครับ (รายได้ต่อคน) ซึ่งต้องเป็นสายงานเฉพาะจริงๆถึงจะมีรายได้ระดับนี้ ซึ่งถือว่าควรมีชีวิตความเป็นอยู่ดีกว่าคนทั่วไปที่ออสเตรเลียโดยเฉลี่ยแล้ว

ลองดูสถิติรายได้เฉลี่ยของคนที่นี่ดู http://www.abs.gov.au/ausstats/[email protected]/mf/6302.0/

หลายๆคนหาเงินได้แค่ $40k ต่อปีก็มีบ้านอยู่ มีรถขับมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีแล้ว

ส่วนการกู้เงินซื้อบ้านนั้น ถ้ารายได้เรามั่นคง และค่อนข้างสูง การกู้เงินไม่จำเป็นต้องมีเงินก้อนที่เยอะมาก ผมเองเคยคุยกับธนาคาร แค่มี $20k-$40k ก็กู้ซื้อบ้านระดับ $400-$500k ได้แล้ว แต่ถ้ามีเงินต้นน้อย ก็ต้องเสียเบี้ยประกันเพิ่มแพงหน่อย สำหรับคุ้มครองธนาคารกรณีที่เราไม่มีเงินจ่ายหนี้(ผมเองไม่สนใจจะรู้เท่าไหร่แต่พอดีพนักงานธนาคารพยายามหว่านล้อมให้กู้)


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ขอบคุณทุกความคิดเห็นมากๆครับ ฟังดูแล้วผมอาจจะขอ PR เองที่นี่ แล้วไปทำเป็น contract ดีกว่า ลองคุยกับบริษัทลูกค้าเก่าดูบ้างแล้ว เรทที่ได้ 7-800 AUD up ต่อวัน คงจะพออยู่แบบสบายๆ + มีเงินเหลือเก็บไม่น้อยไปกว่าที่เมืองไทย ก่อนหน้านี้ที่เมืองไทยก็ทำงานแบบ contract มาตลอด ก่อนที่จะมาเลือกทำงานประจำเหมือนปัจจุบัน ใจจริงอยากจะไปอยู่เมืองเล็กๆ หน่อยอย่าง Brisbane หรือเล็กกว่านั้น เมืองที่แบบใกล้ชิดธรรมชาติ มีป่าเขา ลำธารสวยๆ แต่ไม่รู้จะมีงานดีๆ ให้ทำหรือเปล่า พอดีผมกับแฟนมีงานอดิเรกที่ชอบมากๆ คือ เดินป่า ดูนก ถ่ายรูป(นก+macro) ปกติอยู่ที่ไทยก่อนที่จะมีลูกก็เที่ยวป่าเขาอย่างเดียวช่วงวันหยุด ^_^' มีเมืองไหนที่มีงานดีๆ + สิ่งแวดล้อมลักษณะนี้แนะนำอีกมั๊ยครับ


ถ้างาน contract ที่นั่น เราต้องเลือกหักเข้า superannuation เองใช่มั๊ยครับ ปกติแล้วเขาให้เลือกได้กี่เปอร์เซ็นต์อะครับ มีผลประโยชน์ทางด้านลดหย่อนภาษีเหมือนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่เมืองไทยมั๊ยครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
สำหรับเรามาไปเรียนตอนเข้ามหาลัยแล้ว แต่เท่าที่ดูเด็กไทยที่โตที่นั่น โตมาแบบครอบครัวธรรมดา ไม่ได้รวยเว่อร์ๆ แล้วส่งลูกมาเรียนนะ (ถ้าคุณจะรวยระดับนั้นให้ลูกคุณโตเมืองไทยก็ได้ค่ะ) เด็กพวกนี้อาจจะมีเป๋ไปบ้าง ตรงไปตรงมาไปนิด แต่ไม่ได้เลวร้ายอะไร เด็กพวกนี้จะไม่ขี้เกียดตัวเป็นขน กลิ้งไปมากดมือถือ อย่างเด็กบางคนไทยสมัยนี้ ทั้งที่เค้าก็อยากขี้เกียด มีเงินพอเที่ยวเตร่บ้าง แต่สิ่งที่เค้าจะได้จากสังคมที่นี่คือ เค้าจะมีความรับผิดชอบ เพราะสังคมรอบตัวเป็นแม่แบบๆ นั้น เค้าจะเริ่มทำงานพิเศษ เพราะสังคมเด็กที่นั่นว่างก็จะทำงานพิเศษถึงตัวเด็กไม่ได้มีความจำเป็นอะไรต้องทำ แต่ถ้าเพื่อนส่วนใหญ่ทำเค้าก็จะทำโดยไม่รู้สึกต้อยตำอะไร เด็กที่ไทยนี่ถ้าว่างแล้วไปทำงานรายชั่วโมงที่ Mc นี่อาจจะโดนเพื่อนล้อได้

เชื่อเถอะค่ะจากที่เราอยู่ออสฯ สี่ปี สังคมมันจะสอนเด็กเอง โตมากับกฎหมาย มันต้องดีกว่า โตมากับกฎหมู่ อยู่แล้วค่ะ ที่ออส คุณสามารถมีชีวิตที่ดี สังคมที่ดี โดยไม่ต้องจ่ายแพงเหมือนเมืองไทยแน่นอนค่ะ เด็กที่นี่เค้าไม่ได้ดูกันหรอกค่ะว่าบ้านคนนี้ใหญ่เท่านี้ หรูเท่าโน่น ซื้อของลดราคาหรือเปล่า คนรวยที่นี่เยอะค่ะ คนรวย คนจน ที่นี่ใช้รถสาธารณะเหมือนกัน พักผ่อนตามสวนสาธารณะเดียวกัน อย่าเพิ่งตีกรอบว่าจะมีบ้านมีรถมีโน่นนี่เลยค่ะ บ้านเช่าดีๆ มีเยอะ รถแทรม รถไฟที่โน่นก็ไม่ได้แย่ จขกท เริ่มต้นใหม่แบบมีต้นทุนไปดีกว่าพวกไปตายดาบหน้าเยอะ เงินแสนเงินล้านที่นี่หาไม่ยากหรอกค่ะ ตอนเราเรียนทำงานเยอะวีคนึง 10-11 shift ได้เดือนละ 3 พันแล้ว อย่างที่บอกอยู่บ้านเพื่อนก็ทำงานกันหมดเลยบ้าพลังทำไปด้วย เราอยู่ 4 ปี ค่าเรียนค่ากินที่บ้านส่งตลอด ทำงานได้เราเก็บหมด ตอนกลับไทยเรามีเงินกลับมาหลักหลายล้านค่ะ ไม่คิดตั้งตัวที่โน่นค่ะจะกลับมาตั้งตัวเมืองไทย ใช้ชีวิตให้มันบาลานซ์ดีกว่าค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
เท่าที่อ่าน ใจคุณมาอยู่ที่ออสเตรเลียแล้วล่ะ

อยู่ที่นี่มีทั้งดีและไม่ดี มันก็ทุกที่ละนะคุณ คุณชั่งใจเองดีๆแล้วกัน
กม ที่นี่ห้ามบุพการีลงโทษบุตรด้วยการตี ทางโรงเรียนจะสอนลูกคุณ
ว่าถ้าพ่อแม่ตีลูกสามารถแจ้งตำรวจจับได้ มีหลายกรณีแล้วที่เด็กแจ้ง
ตำรวจจับพ่อแม่ตัวเอง
ที่นี่มีหลายอย่างที่ฉันชอบ แต่ก็เยอะมากที่ไม่ชอบ
ตอนนี้รอลูกเกิด ตั้งใจกับสามีว่าจะให้อยู่นี่สักพักแล้วกลับไปเรียน
โรงเรียนที่ไทยถาวร เพราะยังไงความเป็นไทยสำหรับดิฉันมันดีกว่า
ที่นี่เป็นไหนๆ เด็กๆที่นี่สมัยนี้แย่ลงกว่าเมื่อก่อนมาก
เดินๆอยู่โดนวัยรุ่นอีกคนทำร้าย บางรายสาหัส บางราย
เสียชีวิต

อีกอย่างถ้าคุณไม่ชอยสำเนียงอังกฤษ แล้วคุณจะรับสำเนียงออสซี่ไหวเหรอ

ท่าทางคุณน่าจะเหมาะกับอเมริกามากกว่านะ

ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ ถูกบ้างเกือบถูกบ้างคงไม่่ว่ากัน พูดจากประสบการณ์ล้วนๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
เมืองน่าอยู่ เพริ์ธติดอันดับค่ะ อากาศดี ทะเลสวย ไม่เคยไปเดินป่าชายหาดเยอะซะมากกว่า


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
คุณสามารถลงทุน management funds อื่นไม่จำเป็นต้องหักเงินเข้าซุปเปอร์ก็ได้
เราไม่แน่ใจเรื่องภาษีซุปเปอร์ ลองศึกษา

http://www.ato.gov.au/individuals/content.aspx?menuid=0&doc=/content/00250233.htm&page=15#P422_31087 ดูก่อน

และปรึกษานักบัญชีน่าจะดีกว่า
เมื่อก่อนรัฐสมทบให้เท่ากับที่เราส่งเข้าซุปเปอร์ไม่ต่ำกว่าหนึ่งพัน??--ไม่แน่ใจ

งาน SAP เงินดีบวกกับประสบการณ์อย่างคุณ น่าจะหางานได้ไ่ม่ยาก อยู่ที่ไหนก็ได้
ซิดนีย์ไม่ได้เป็นเมืองใหญ่เหมือนกรุงเทพนะคะ ห้างปิดห้าโมง ห้างไม่ได้ใหญ่โตเหมือนกรุงเทพ
ถ้่าอยู่ซิดนีย์ให้เลือก ฝั่งนอร์ธ หรืออีสท์ โรงเรียนดีสภาพแวดล้อมดีเหมาะกับเด็กด้วย
ย่านที่อยู่อาศัย กับธุรกิจแยกกัน ไม่วุ่นวายค่ะ
กิจกรรมเดินป่า ดูนก น่าจะหาได้ไม่ยาก เมืองอื่นไม่รู้เป็นอย่างไร ส่วนตัวชอบเมลเบิร์น...

อันนี้เอามาฝาก
http://www.smh.com.au/business/australia-the-worlds-secondbest-place-to-be-born-study-20121128-2adk0.html


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
ขอบคุณคุณ cc อีกครั้งครับ ข้อมูลมีประโยชน์มากๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 14