ถามท่านที่ชอบดื่มชาหน่อยค่ะ

ช่วงนี้ซุปเปอร์มาร์เก็ตแถวบ้าน เอาชา Twinings มาลดครึ่งราคาค่ะ

ปกติ เราดื่มแต่ชาตรามือ หอบหิ้วมาจากเมืองไทยหลายห่ออยู่ แต่อยากลองชาของอังกฤษดูบ้าง (กลัวชาตรามือจะหมด)

ปัญหาอยุ่ที่ว่า Twinings มีหลากหลายรสมาก ไม่รู้จะเลือกดื่มรสไหนดี ไม่ทราบว่าแตกต่างกันยังไง ระหว่าง English breakfast, Earl Grey, Lady Grey, Prince of Wales, Darjeeling, Chai

ขอถามท่านที่ชื่นชอบการดื่มชาหน่อยค่ะว่าควรซื้อรสไหนดี (เราไม่ชอบชารสจัดมากๆ เพราะดื่มแล้วนอนไม่หลับ)

ความคิดเห็นที่ 1
ถ้ากลัวดื่มแล้วนอนไม่หลับไม่ควรดื่มชาในกลุ่มนี้อันไหนทั้งสิ้น เพราะชากลิ่นที่เบลนด์ตามลิสท์ ที่คุณข้าวปั้น
เขียนมาทั้งหมดนี้เป็นชาที่ใช้ดื่มระหว่างวันในช่วงเช้า และ ช่วงบ่าย เท่านั้น เป็นชาที่มีคาเฟอีนทุกตัว

ถ้าจะดื่มชาตอนบ่ายแก่ๆ หรือ ค่ำๆ และ ไม่ต้องกลัวเรื่องนอนไม่หลับ ควรดื่มชาเหล่านี้ ที่ไม่มีคาเฟอีน เช่น

ชาแดง (Rooibos Tea) ของอาฟริกา ชาพุ่มไม้ ช่วยผ่อนคลาย มีสารแอนตี้อ็อกซิแด๊นท์

ชาคาโมไมล์ (Chamomile Tea) อันนี้เป็นชาสำหรับดื่มก่อนนอน ช่วยให้หลับง่าย ดื่มแล้วผ่อนคลาย

ชาสะระแหน่ (Peppermint Tea) อันนี้เป็นชาหลังอาหาร ช่วยในการย่อย ขับลม


//ชาทไวนิ่งส์เนี่ย หอม นุ่ม ทุกตัวนะคะ เขาเบลนด์เก่งมากๆ ดิฉันชอบ English Breakfast และ Earl Grey
ของ Twinings ค่ะ แต่ไม่ได้ดื่มชายี่ห้อนี้อย่างเดียว ที่บ้านทั้งที่กรุงเทพฯ และ สิงคโปร์ มีชาหลายแบบ หลายยี่ห้อมาก
ดิฉันดื่มทั้งชา และ กาแฟค่ะ และ ชิมมาทั่วแล้ว

หลักๆ คือมีของ Starbucks (ชาสตาร์บั๊คส์เนี่ย ถ้าใครไม่เชื่อแต่ก็อย่าลบหลู่ เพราะเห็นว่าเป็นสตาร์บั๊คส์นะคะ แต่ชา
ของเขาดีจริงๆ เขาใช้ยอดใบชา ชาเป็นใบๆ ไม่ใช่เศษๆ ที่แตกๆ หรือ ผงๆ และ เบลนด์ได้นุ่มนวลดี)

ชาของ Mariage Freres (ทีซาลอนเก่าแก่ชื่อดังของฝรั่งเศส),

ชา TWG (ของสิงคโปร์ ที่พยายามทำตัวเป็นมาร์ริยาร์จ แฟร์ส แห่งเอเชีย_แต่ยังไม่เหมือนต้นตำรับเท่าไหร่นัก
เพราะความคลาสสิค และ ความโก้ ยังห่างชั้นกันอยู่มาก ระหว่างของเก่า (มาร์ริยาร์จ แฟร์ส) และ ของที่พยายามทำให้
เหมือนของเก่า (ทีดับเบิ้ลยูจี)

ชาของ Dean and Deluca นิวยอร์ค ที่มาเปิดสาขาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เริ่มจากกรุงเทพฯ ที่เปิดมาหลายปีแล้ว และ เพิ่งมาเปิดที่สิงคโปร์ได้ไม่กี่เดือนมานี่เอง

ชาของ Le Pain Quotidien ร้านดังของเบลเยี่ยม เพิ่งจะมีชาวางขายปีนี้ หลายกลิ่น หลายรส

และ อีกเยอะแยะค่ะ ลองดู

แต่ถ้าคุณข้าวปั้นอยากลองดื่มชาของ Twinings ดิฉันแนะนำ Earl Grey หรือ Lady Grey ค่ะ เพราะคุณข้าวปั้น
ดูท่าทางจะเป็นคนเรียบร้อย คุณชอบทำการฝีมือ ชอบอ่านหนังสือ คงไม่ชอบชาแรงๆ เข้มๆ ของ Twinings
แบบ English Breakfast หรือ Darjeeling หรือ ตัวอื่นๆ แต่ดิฉันว่าเอิร์ล เกรย์ หรือ เลดี้ เกรย์ เนี่ยแหละค่ะ
เหมาะกับคุณมากๆ เพราะจะทำให้ชื่นใจ ชาตระกูลเกรย์ทั้งหลาย จะเบลนด์ด้วยกลิ่นมะกรูด กลิ่นจำพวก Citrus
เป็นหลักค่ะ

ส่วน Chai เนี่ย คือชาอินเดีย "ไจ" "ไช" หน่ะค่ะ ส่วนผสมหลักๆ คือ กานพลู กระวาน อาจจะมีเจือขิงบ้าง
ถ้าเป็น Chai แบบไม่ได้ต้มเองเนี่ย ต้องของ Fortnum and Maison อีกทีเฮ้าส์เก่าแก่ชื่อดังของลอนดอนค่ะ
หรือ Chai ของ Tipu's ของอเมริกาค่ะ ไจของ Tipu's เริ่ดมากๆ ค่ะ เหมือนทำเองกับมือสดๆ อิฉันให้ดาว 5 ดวงเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
Twinings ชอบรสผลไม้มากกว่า อย่างอื่น

Loose Leaf ชนิดกระป๋อง แฟนซื้อติดมือจากอังกฤษ
English Breakfast VS Ceylon ส่วนตัวแยกไม่ออก
แต่ Earl Grey ได้รสและกลิ่นแตกต่างชัดเจน
เพราะน่าจะมีส่วนผสมของกานพลู? (ไม่แน่ใจ)


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
I like Prince of Wales with a heaped teaspoon of honey, smooth and slightly sweet. You might not like plain PoW, but with honey, it is a great cup of tea.
I don't like Earl Grey, the flavor is too strong for me. Never tried English Breakfast, Lady Gray, Darjeeling, and Chai.
If you don't like caffeine, try something like green tea, white tea, or rooibos.


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
Fortnum and Mason ค่ะ ไม่ใช่ Maison

_________________________

ที่บนชั้นในซุปเปอร์มาร์เก็ตในออสเตรเลียที่คุณข้าวปั้นอยู่ ชาส่วนใหญ่ทั่วๆ ไปที่ดิฉันเห็น คือ Lipton และ PG Tips
และ พวกชาพื้นๆ ทั่วๆ ไป ที่ออสเตรเลียคนยังไม่ค่อยนิยมดื่มชาแบบชาประเภทชาของทีซาลอน หรือ ทีเฮ้าส์
อย่างในฝรั่งเศส หรือ ในอังกฤษ

คนออสเตรเลียนิยมดื่มกาแฟมากกว่า และ สำหรับดิฉันแล้วหน่ะ ยกให้คนออสเตรเลียเลย
ว่าเป็นหนึ่งในชาติที่ Brew กาแฟเก่งมากๆ คนออสเตรเลีย ดื่มกาแฟเป็น ชงกาแฟเป็น นั่งร้านไหน ร้านนั้น ไม่เคยผิดหวัง
ถ้าไปออสเตรเลียแล้วสั่งกาแฟมาดื่ม ไม่ว่าจะ Long Black, Flat White, Skinny Cap และ การสั่งกาแฟแบบนี้
สั่งได้ที่ออสเตรเลียที่เดียว หรือ ตามร้านกาแฟสัญชาติออสซี่นอกประเทศออสเตรเลีย ตั้งชื่อได้เก๋ ตามแบบฉบับ
ดาวน์ อันเดอร์ ได้ใจมากค่ะ

หรือ ที่ออสเตรเลีย บางครั้งจะเห็นพวกชาสมุนไพร เพื่อสุขภาพ ตามร้านขายสินค้าออร์แกนิคมากกว่าบนชั้นในซุปเปอร์ฯ
นะคะ ลองไปหาชา Rooibos ชา Chamomile ดีๆ ได้ตามร้านพวกนี้เลยค่ะ หรือ ตามชั้นบนซุปเปอร์ฯ ก็มี แต่บางครั้ง
ของจะไม่ดีเท่าจากตามร้านขายของเพื่อสุขภาพ หรือ ตามร้านผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค

เสียดายนะคะ ที่ออสเตรเลียไม่มี มาร์ค แอนด์ สเปนเซ่อร์ (M&S) ของอังกฤษ เพราะที่มาร์คฯ ก็มีชาดีๆ หลายตัว
ทั้งแบบมีคาเฟอีน และ ไม่มีคาเฟอีน

ไว้คุณข้าวปั้นมาเมืองไทยหนหน้า ลองชาไทย ประเภทชาใบเตย, ตะไคร้, ขิง และ อื่นๆ สิคะ แต่ชาตะไคร้ ชาใบเตย
คุณก็สามารถทำเองได้ที่บ้าน หรือ ถ้าอยากดื่มชามิ้นท์แบบโมร็อคโค ก็ชงชาดำธรรมดาใส่กา แล้วเอาใบสะระแหน่
ใส่ลงไปสักกำนึงค่ะ ก็จะได้ชาโมร็อคโคมาดื่มแล้ว


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
อ้อ ลืมเม้าท์ให้ฟังไปว่า ชาในตู้ที่บ้านดิฉันทั้งสองบ้านเนี่ยมีเกิน 20 ชนิดค่ะ และ ที่ขาดไม่ได้คือ ชาตรามือของไทยค่ะ
กระป๋องแดงๆ เอาไว้ชงชาเย็นใส่นมข้น ราดนมสดค่ะ

ถ้าคิดจะรักชา ชอบชา ต้องไปมาร์ริยาร์จ แฟร์สค่ะ มีชาให้เลือกเป็นพันๆ ชนิดเลย พักนี้ดิฉันกำลังบ้าชาจากนิวซีแลนด์ค่ะ
เป็นชาของพวกเมารี แต่ก็ไม่ลืมชารมควันใส่ใบเตยของพม่า และ ชาซากุระของญี่ปุ่น


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
อ้อ คุณข้าวปั้น คุณไปญี่ปุ่นบ่อยนี่คะ ใช่หรือไม่เอ่ย ที่ญี่ปุ่นมีร้านชามาร์ริยาร์จ แฟร์ส จากปารีส ในหลายเมือง
หลายสาขานะคะ _ถ้าไปญี่ปุ่นหน้าอย่าพลาดค่ะ ไปนั่งดื่มชาดีๆ กินขนมอร่อยๆ และ ซื้อชาดีๆ กาสวยๆ
อุปกรณ์ชงชาน่ารักๆ กลับบ้านด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
แถมอีกนิด _ชาอีกตัวที่อร่อยมาก เบลนด์ได้ดี คือชาเบอร์ 16 ชาซีลอน ของห้างแฮร์ร็อดส์ ของอังกฤษค่ะ (ที่จริงจากที่เคย
ตกเป็นของอียิปต์ และ ตอนนี้ได้ตกมาเป็นของการ์ต้าแล้วต่างหาก ห้างแฮร์ร็อดส์เนี่ย )

ที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่สิงคโปร์สามารถหาซื้อได้ที่ร้านแฮร์ร็อดส์ที่ชั้นใต้ดินห้างทาคาชิมาย่า และ ที่สนามบินชางงี
ส่วนที่มาเลเซีย สามารถหาซื้อได้ที่ร้านแฮร์ร็อดตึก KLCC และ ที่สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์

ส่วนใครที่อยู่อังกฤษ แต่ไม่สะดวกไปแฮร์ร็อดส์ที่ลอนดอน สามารถหาซื้อได้ที่ขาออกสนามบินฮีทโธร์ว และ สนามบินแก็ตวิค

_____________________________

ชาของ Muji ร้านญี่ปุ่นมูจิ ที่ขายเสื้อผ้า ของแต่งบ้าน ของใช้ในครัว ในบ้าน ข้าวของกระจุกกระจิกเกี่ยวกับการเดินทาง
เครื่องสำอาง ของกิน ฯลฯ

ที่มูจิก็มีชาดีๆ ขาย โดยเฉพาะชาสับปะรด+แอ๊ปเปิ้ล ชงกับน้ำเย็น ดื่มตอนอากาศร้อนๆ ชื่นใจมาก
และ ชาจำพวกชาดอกไม้ที่ใส่ในน้ำร้อนแล้วดอกไม้บาน ของมูจิรสชาดดีทุกตัว โดยเฉพาะชามะลิ


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
เข้ามาผิด ผมชอบดื่มชาจีนครับ อู่หลง ทิกวนอิม จุยเซียง อะไรเทือกนั้นอ่ะ แหะๆ แต่เคยกินระหว่าง English breakfast กับ Earl Grey ผมชอบ Earl Grey มากกว่าครับ ได้รสชาดแปลกใหม่ดี ส่วนรสที่เป็นเบอรี่รวมๆ ก็แปลกดีครับ แต่เหมือนกลิ่นสังเคราะห์เบย สรุปผมว่าชาจีนรสชาดดีที่สุด


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ส่วนตัวชาฝรั่งชอบ Earl Grey ค่ะหอมมาก แต่เราชอบของ Dilmah นะคะ ยังไม่เคยลอง Twinnings

ส่วนชาจีน เราว่าทิกวนอิมหอมมากๆค่ะ แต่ทุกวันนี้ก็กินอูหลงเพราะมันถูกดี 555


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
ตามลิสที่คุณให้แนะนำ English breakfast เพราะที่อังกฤษนี่เขาก็นิยมดื่มชานี้กันทั้งวัน ก็ชงธรรมดาผสมนมกับน้ำตาล ส่วน Earl Grey และ Lady Grey กลิ่นและรสจะออกคล้ายๆกลิ่นควันไม้ผสมกลิ่นใบมะกรูดคล้ายๆแบบนั้น ปรกติคนอังกฤษจะดื่มโดยไม่ผสมนม บางคนก็ฝานมเะนาวลงไปหนึ่งแว่นหรือผสมน้ำผึ้งหรือน้ำตาลไปด้วย

Prince of Wales ทำมาจากใบชาจีนดำหลายๆชนิดปนกัน คนอังกฤษจะดื่มพร้อมกับขนม scones เป็น Afternoon tea ดิฉันไม่ชอบดื่มชานี้เลยไม่รู้จะแนะนำอย่างไร

ส่วน Darjeeling และ Chai รสชาจะอ่อนๆเวลาชงก็ต้องทิ้งไว้มัน brew สักสองนาที แล้วค่อยผสมนมหรือน้ำตาล ส่วนตัวไม่ชอบชาผสมน้ำตาลหรือมะนาว ชอบดื่มแบบนั้นเลยค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
เข้ามาอีกครั้งพึ่งเหลือบไปเห็นว่าคุณไม่ชอบรสชาจัดๆ ดิฉันก็ไม่ชอบชาแก่ๆเหมือนกัน ชา English breakfast ค่อนข้างจะจัดไปหน่อย แต่ก็ดื่มได้ถ้าไม่ทิ้งชาไว้ ให้ brew มากเกินไปค่ะ ปรกติเทน้ำร้อนลงแล้วตักถุงชาออกเลยทันทีค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
สำหรับผมซึ่งดื่มชาเป็นหลักจะเอามาผสมกันระหว่าง 3 ชนิดคือ Assam, Earl Grey และ Darjeeling และจะใช้เฉพาะชาที่เป็น loose-leaf เท่านั้น ก่อนจะมาลงตัวกับส่วนผสมทั้ง 3 ชนิดนี้ก็ลองมาเรื่อยๆ แต่ก็ชอบชาธรรมชาติประเภท black tea มากที่สุด ไม่ชอบชาประเภทปรุงแต่งรสหลากหลายที่เกิดขึ้นเป็นแฟชั่นอยู่ทั่วไป หรือแม้แต่ชาเขียวที่กำลังฮิตกันอยู่ในปัจจุบัน

สำหรับคนที่ชอบชารสชาติเป็นกลางและสีไม่เข้มมากและดื่มประจำ ผมคิดว่าที่เหมาะสมน่าจะเป็น Darjeeling สำหรับ Earl Grey ซึ่งเป็นชาผสมกลิ่นผิวจากผลส้ม Bergamot orange นั้นเห็นด้วยว่ากลิ่นจะแรงจนกลบรสชาติที่แท้จริงของชาไป สำหรับชาอัสสัมจะเป็นชาดำที่รสชาติของชาแท้ๆ ผมถึงได้เอามาผสมกันทั้ง 3 ชนิดออกมาได้ทุกรสชาติ และ กลิ่นหอมกำลังพอดีจาก Earl Grey

เผอิญว่าเพื่อนชาวเบลเยี่ยมพร้อมสามีชาวออสเตรียมาเยี่ยมวันนี้พอดี ระหว่างเดินทางผ่านจะไม่เยี่ยมบ้านที่บรัสเซลเลยจัดชาต้อนรับ เพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนไม่ชอบดื่มชาแต่พอได้ดื่มชาที่ผสมเองนี้ก็ติดใจเอาสูตรกลับไปบ้านเหมือนกัน


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
ชนิดของชาที่ใช้


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
ลักษณะของใบชา


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
ชุดน้ำชาและผ้าปูโต๊ะสวยเชียวค่ะคุณ Bagheera

ที่บ้านไม่ค่อยจะได้ดื่มชาเท่าไหร่ แต่มีมากเหลือเกิน ใครไปใครมาก็เอามาฝาก ที่หนาตาหน่อยก็เป็นชาเขียวญี่ปุ่น ชอบอันที่มีข้าวคั่วผสม หอมดี


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
ถ้าไม่ชอบรสจัด ตามคุณบีนแด โลดค่ะ

"ชาคาโมไมล์ (Chamomile Tea) อันนี้เป็นชาสำหรับดื่มก่อนนอน ช่วยให้หลับง่าย ดื่มแล้วผ่อนคลาย"


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
คุณข้าวปั้นหายไปเลย สงสัยออกไปซื้อชาอยู่ ฮิๆ ถ้าคุณข้าวปั้นอยากเห็นคลังแสงชาที่บ้านดิฉัน (รวมทั้งคลังแสงข้าวสาร
ที่คุณตั้งกระทู้คุยเรื่องข้าวสารเมื่อกระทู้ก่อนด้วย) ขอให้คุณไปลงทะเบียนอีเมลใหม่มา โดยที่ไม่ต้องใช้ชื่อจริงไม่ต้องใช้ข้อมูล
จริง แล้วเอามาแปะบอก แล้วดิฉันจะถ่ายรูปสดๆ ส่งมาให้คุณข้าวปั้นชมค่ะ

เฉพาะชา Earl Grey ในคลังแสงเนี่ย ดิฉันมีอยู่อย่างน้อยๆ 6-7 อย่างได้กระมังคะ เช่น เอิร์ล เกรย์ ของ
Mariage Freres, ของ Twinings, ของ Starbucks, ของ Le Pain Quotidien และ ของ Marks and
Spencer, ของ TWG, ของ LADUREE เป็นต้น ซึ่งแต่ละเจ้า แต่ละยี่ห้อ แต่ละทีเฮ้าส์เนี่ย เขาเบลนด์ไม่เหมือนกันเลย
ถึงแม้ว่าจะเป็นเอิร์ล เกรย์เหมือนกัน

หรือ อย่างชาเขียวญี่ปุ่น ดิฉันก็มีหลายตัวมากๆ เพราะเมื่อไม่กี่เดือนที่แล้วเพิ่งจะไปเกียวโตมา เกียวโต เมืองอูจิ เนี่ย
ถือเป็นบ้านของชาเขียว และ ชาเขียวมัชฉะของญี่ปุ่นไม่ใช่ของเล่นๆ แต่เขามีเขาทำกันมาอย่างน้อยๆ 700-800 ปีแล้ว

และ ทั้งที่กรุงเทพฯ และ ที่สิงคโปร์ สองเมืองที่ดิฉันอาศัยอยู่นี้ มีซุปเปอร์มาร์เก็ตญี่ปุ่น ทำให้ซื้อหาผลิตภัณฑ์ชาเขียวง่าย
มากๆ โดยเฉพาะที่สิงคโปร์

หรือ เกาหลีใต้ที่เพิ่งไปมา คนเกาหลีหน่ะดูเผินๆ เหมือนจะดุเหมือนจะไม่นุ่มนวล แต่จริงๆ แล้วคนเกาหลีหน่ะ เป็นคนอีก
ชาตินึงเลยที่มีความเป็นศิลปินอยู่ในตัวสูงไม่น้อยหน้าไปกว่าชาติไหนๆ และ ลึกๆ แล้วหน่ะ พวกเขาไม่ร้ายเลย แต่
อากาศ ประเพณี และ ความจำเป็นในสังคมต่างหากที่ทำให้เขาดูเหมือนจะร้ายๆ แข็งๆ _ชาเกาหลีเนี่ย ดิฉันชอบ
ของ OSULLOC เขาเบลนด์ชาได้ดี โดยเฉพาะถ้าไปดื่มที่ร้านเนี่ย อร่อยจนลืมโลกไปเลย และ เขาช่างสรรหา
ชารสชาดต่างๆ มานำเสนอลูกค้าได้ดีจริงๆ ไม่ใช่แต่หน้าตาน่าดื่ม เพรเซนเทชั่นสวย แต่ดื่มอร่อยจริงๆ ด้วยอีกต่างหากค่ะ
ถ้าคุณข้าวปั้นไปเกาหลีใต้เมื่อไหร่ ขอให้จำชื่อนี้เอาไว้ให้ดี และ อีกร้านหนึ่งคือร้านชื่ออินซาดอง ในอินซาดอง มีชาพุทราแห้ง
ต้มกับน้ำตาลทรายแดง และ ชาซินนาม่อนใส่ขิงของเกาหลี อร่อยมากๆ

ถ้าคุณข้าวปั้นสนใจที่จะดื่มชาจริงๆ ก็ขอให้ศึกษานิดหน่อยด้วย และ เมื่อคุณหลงรักชา หลงรักกาแฟไปแล้ว
คุณจะสามารถดื่มได้ทุกๆ อย่าง ทุกชนิด โดยที่ไม่เกี่ยงงอนใดๆ และ จะรักชานั้นๆ อย่างที่เขาเป็น หรืออย่างที่ทีเฮ้าส์
หรือ ทีซาลอน หรือ ตามร้านทั้งหลายเขาเบลนด์มานำเสนอลูกค้าแล้ว

ดิฉันเนี่ยไม่ได้มีแต่ชาหลายอย่าง แต่มีกา มีอุปกรณ์ชงชา มีถ้วยชา เก็บสะสมอยู่เป็นตู้ๆ ค่ะ สะสมด้วยและใช้จริงๆ ด้วย
และ ซื้อหาของพวกนี้มาจากหลายมุมโลกในเวลาเดินทาง หรือ บางครั้งก็เจอของดีๆ ในเมืองไทยนี่แหละค่ะ
และที่เมืองไทยเนี่ย ดิฉันมีคนปั้นถ้วยชา ถ้วยกาแฟ กาน้ำชา กากาแฟ ให้ใช้ แบบที่ไม่ซ้ำแบบใครด้วย
อิฉันหน่ะ เป็นคนมือเติบค่ะ ก็เลยมีของเยอะแยะแบบนี้แหละ (หมายถึงชา (และ กาแฟ) และ ถ้วย และ กา นะคะ)




//ไว้คุณข้าวปั้น กลับเมืองไทยหนหน้าจากออสเตรเลีย บินกับสิงคโปร์แอร์ไลน์สิคะ แล้วมาแวะที่สิงคโปร์ ไปซุปเปอร์ฯญี่ปุ่น
ไป Dean and Deluca และ ไป TWG ค่ะ คือ ที่เมืองไทยก็มีร้าน Dean & Deluca และ มี TWG ในกรุงเทพฯ
แต่ที่สิงคโปร์ของเยอะกว่าค่ะ และ บรรยากาศท่่สิงคโปร์สบายๆ กว่า ส่วนที่เมืองไทยจะออกแนวไฮโซไปนิด


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
คุณ Been there Done that รู้เรื่องชามากจริงๆ ไปซื้อมาแล้วค่ะ Lady Grey,English Breakfast และชา Berries Mixed แบบกล่องเล็กๆ 10 ซองน่ะค่ะ คิดว่า Earl Grey คงเป็นที่นิยมมากกว่า เพราะหมดเกลี้ยงชั้นเลย ลองดื่ม Lady Grey แล้วพบว่ามันมีกลิ่นหอมของ citrus จริงๆ อร่อยไปอีกแบบ (แต่สีไม่จัดจ้านแบบชาตรามือบ้านเรา)

เราไปญี่ปุ่นแค่ครั้งเดียวค่ะ หอบชาเขียวกลับมาหลายห่อ ป่านนี้ยังไม่หมดเลย เพราะค่อยๆ ชง กลัวหมด ทีแรกว่าจะกลับไปเที่ยวอีกครั้ง วางแผนดิบดี เกือบจองตั๋วแล้วเพราะมีตั๋วโปรออกมา เบิกเงินเตรียมจะไปจ่ายแล้ว แต่ตั๋วเต็มเสียก่อน ตัดสินใจช้าไปหน่อย แต่หลังจากนั้นไม่กี่อาทิตย์ ที่ญี่ปุ่นก็เกิดทสึนามิถล่ม นับว่าโชคดีที่ไม่ได้ตั๋ว แต่ก็มีแผนจะกลับไปเที่ยวอีก ถ้าได้ไป จะไปหาร้านตามที่แนะนำค่ะ (แต่กาชงชาเข้าชุดกับถ้วยชาที่เราเห็นที่เกียวโต และเกือบซื้อ ดีว่าพลิกดู แล้วเจอคำว่าเมดอินไชน่าเสียก่อน เลยไม่ได้ซื้อ)

คุณ newcomer (gpvtu2009) เราซื้อชาผลไม้เบอรี่หลายรสมาหนึ่งห่อ เอาไว้พรุ่งนี้จะลองดู แต่เขาทำแพ็คเก็จน่ารักมากเลย ทำให้อยากลอง

คุณ crazyfantasy ชา Prince of Wales ใส่น้ำผึ้ง น่าสนใจมาก (ปกติ เวลาชงชา เราใส่น้ำตาลกับนมสด)

คุณกองทหารทาโม เราดื่มชาจีนแล้วนอนไม่หลับน่ะ รู้สึกว่าชามันแรงกว่าชาเขียวของญี่ปุ่น อย่างชาเขียวเราดื่มแล้วหลับได้ตามปกติ ไม่ตาแข็งเหมือนชาจีน

คุณ fm@co ดิลม่าห์ของศรีลังกาใช่มั้ยเอ่ย ยังไม่เคยลองเลย ถ้าใช่ศรีลังกา ชาซีลอนของเขาน่าจะขึ้นชื่อนะคะ

คุณ Rinta Chai นี่เราสงสัยว่าเป็นชาแขกหรือเปล่า เพราะเห็นบางยี่ห้อมีรูปซินนาม่อนอยู่ แต่คงเป็นที่นิยมเหมือนกัน เพราะเห็นแต่ละยี่ห้อก็มีรสนี้ออกมาจำหน่าย

เห็นโต๊ะชาของคุณ Bagheera แล้ว น่าลงไปนั่งจิบชา แล้ว relax จริงๆ เราจดสูตรชาเอาไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ

ชาข้าวคั่วคือ Genmai Cha ค่ะ คุณ PatPDX เวลาดื่มหอมข้าวคั่วดี ราคาก็ถูกกว่าชาเขียว Sencha ด้วย ที่บ้านเราก็ชอบดื่มค่ะ เวลาไปเที่ยวญี่ปุ่น เขาจะซื้อกันเบิกบานเลย แต่เราจะหอบหิ้วแต่ Sencha กลับมา จนเพื่อนญี่ปุ่นแซวว่า แหม เอามาชงดื่มเองเลยหรือ ปกติ คนญี่ปุ่นเขาจะเก็บ Sencha เอาไว้ชงตอนมีแขกมาเยี่ยม ถ้าชงดื่มกันเองในครอบครัว เขาดื่ม Bancha ที่ราคาถูกกว่า Sencha กัน

คุณอ่าวโตเกียว ชาคาโมไมล์ เราเห็นรูปที่ข้างกล่องเหมือนเก็กฮวยเลย เลยไม่ได้ซื้อ ไม่รู้ว่ารสจะใกล้เคียงกันหรือเปล่า

ขอขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างมากค่ะที่เข้ามาให้คำแนะนำ


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
คุณข้าวปั้น เกี่ยวกับชาสมุนไพรอินเดีย Chai "ไจ" หรือ "ไช" ดิฉันเขียนเอาไว้แล้วที่ข้างท้ายของ คห. 1 ค่ะ

หลักๆ เลยส่วนผสมของ Chai คือ กระวาน กานพลู ซินนาม่อน

พริกไท และ ขิง ก็เป็นอีกส่วนผสมหลักของ Chai ส่วนผสมคือ เครื่องเทศ เครื่องสมุนไพรทั้งหลายที่ช่วยในการขับลมหน่ะ
ค่ะ บางสูตรจะใส่ตะใคร้ลงไปด้วยก็ได้

ชื่อเต็มๆ คือ Garam Chai ค่ะ หรือ จะเรียกว่า Masala Chai ก็ได้ค่ะ ที่อินเดียสามารถหาดื่มได้ทั่วไป
คนอินเดียดื่ม Chai กันทั้งวัน หรือ ต้องหาดื่มตามร้านอินเดียดีๆ ค่ะ แต่บางร้านลักไก่ ใช้ชาถุง ซึ่งไม่เหมือน
กับต้มเอง Chai ที่ดีที่สุดอร่อยที่สุด คือ ต้องบดเครื่องเทศสดๆ ต้มสดๆ และ กรองสดๆ ค่ะ

ดิฉันทำ Chai ดื่มเองที่บ้านด้วย จะมีครกบดเครื่องเทศสำหรับทำ Chai โดยเฉพาะ หม้อต้ม Chai จะใช้ต่างหาก
หรือ ถ้าขี้เกียจต้มเอง ก็จะใช้ Chai ของ Fornum and Mason ของอังกฤษ หรือ Chai ของ Tipu's
ของอเมริกาค่ะ

เวลาไปอินเดียถ้าดิฉันไม่พักตามโรงแรม ดิฉันชอบไปพักตาม Homestay ค่ะ ไปอยู่กับครอบครัวอินเดีย
ดื่มชา Chai และ สนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันระหว่างจิบ Chai ค่ะ หรือ ตื่นมาก็ดื่ม Chai กันแล้ว


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
คุณข้าวปั้น _กาชาของญี่ปุ่น ต้องกาเหล็กค่ะ ดิฉันมีกาเหล็กของญี่ปุ่นอยู่หลายใบ แต่ดิฉันไม่ซื้อตามร้านขายของ
ที่ระลึกทั่วๆ ไปค่ะ เพราะสินค้าตามร้านขายของที่ระลึกโดยเฉพาะตามย่านท่องเที่ยวคุณภาพมักจะไม่ดี เน้นขายไว
ขายราคาไม่สูง สำหรับนักท่องเที่ยว

เวลาไปญี่ปุ่น ดิฉันมักจะซื้อกาเหล็กของศิลปินญี่ปุ่นท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นปรมจารย์ทางด้านงานเหล็ก ผลงานของอาจารย์
เคยได้ไปแสดงที่ MOMA นิวยอร์ค และ ที่ V&A ลอนดอน ดิฉันจะซื้องานของ อจ.ท่านนี้เวลาไปโตเกียว

หรือ กาเหล็กญี่ปุ่นเนี่ย ต้องซื้อที่ร้าน Mariage Freres เลยค่ะ เป็นกาญี่ปุ่นที่มาร์ริยาร์จ แฟร์ส สั่งทำพิเศษ
สีจะไม่ซ้ำแบบใครเลย และ มีหลายแบบหลายขนาด

ทั้งกาของอาจารย์ และ กาของมาร์ริยาร์จ แฟร์ เป็นกาที่สวย และ ไม่ซ้ำแบบใครจริงๆ ค่ะ

ส่วนพวกถ้วยเซอรามิคญี่ปุ่นงามๆ ต้องไปร้านดีๆ ในโตเกียว และ เกียวโตค่ะ อย่าไปเลือกตามร้านขายของที่ระลึก
หรือ ตามตลาดขายส่ง

หรือ ที่เกาหลีใต้เนี่ย ถ้วยชางามๆ ถ้วยกาแฟงามๆ อุปกรณ์ชงชาก็เยอะมากๆ ค่ะ โดยเฉพาะที่อินซาดอง


ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
ชอบดื่มชาอะ แต่ไม่รู้จักทไวนิ่งอะ
ปกติดื่มทาโซ่
หรือ เอา ไช ของทาโซ่ มาละลายในนมร้อนอะ
หรือไม่ก็กรีนทีปกติอะ บางทีก็ใส่เฟลเวอร์


ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
จากส่วนผสมที่คุณ BT DT บรรยายมา สงสัยจะไม่กล้าดื่ม Chai ค่ะ

คุณ lovelypriest จากที่ซื้อทไวนิ่งมาดื่ม เลดี้เกรย์หอมดีค่ะ ปกติ เราก็ดื่มชาตรามือที่หอบหิ้วมาจากเมืองไทย ตอนนี้ซื้อทไวนิ่งมาขัดตาทัพ (ไม่งั้น เดี๋ยวชาตรามือหมด)

พอเปิดกล่องมาดู ถึงรู้ว่าเขามีบอกระดับความแรงที่ซองด้วย ของเลดี้เกรย์ถือว่าเป็นระดับ mild ชา Assam ที่คุณ Bagheera ดื่ม ดูจากข้างกล่องแล้วเป็นชาแรงสุดๆ เลยนี่คะ เราคงไม่ไหว ขืนดื่มเข้าไป มีหวังตาค้าง ไม่ต้องนอนแน่

ขอบคุณทุกความเห็นอีกครั้งค่ะ

ท่านใดมีคำแนะนำเพิ่มเติม กรุณาแนะนำด้วยนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
สำหรับดิฉันไม่มีอะไรแนะนำคุณข้าวปั้นเพิ่มเติมค่ะ แต่ถ้าอยากทราบอะไรอีกก็ถามมาก็ละกันค่ะ ถ้าตอบได้ หรือ มีข้อมูล
จะมาตอบให้ค่ะ

นอกนั้นมีความคิดเห็นว่า ที่ออสเตรเลีย ไม่เอื้ออำนวยให้ลิ้มลองชาค่ะ เพราะเนื่องด้วยที่ออสเตรเลีย วัฒนธรรมการดื่มชา
ยังไม่กว้างขวางยังไม่ดีเท่าวัฒนธรรมการดื่มกาแฟ ตัวเลือกน้อย ทีซาลอน หรือ ทีเฮ้าส์ไม่แพร่หลาย หรือ ไม่มี
ไม่เฟื่องฟูเท่าร้านกาแฟ คอฟฟี่สโตร์ หรือ คอฟฟี่เฮ้าส์

เมืองที่เอื้ออำนวยให้ลองเป็นเซียนชา คือ ลอนดอน ปารีส โตเกียว นิวยอร์ค สิงคโปร์ เกียวโต โซล เดลี มุมไบ
ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และ กรุงเทพฯ อะไรทำนองนี้นะคะ

โดยเฉพาะ ลอนดอน ปารีส นิวยอร์ค โตเกียว เกียวโต สิงคโปร์ กรุงเทพฯ ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 23
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 24
ดิฉันชอบ Earl grey ที่สุด

แบบไม่มีคาเฟอีนก็มีนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 24