ถ้าพูดถึงทั่วๆไป อเมริกากับอังกฤษที่ไหนน่าไปเรียนปริญญาโทมากกว่ากันครับ

พูดแบบมองแบบทั่วๆไปไม่เจาะจงสาขาน่ะครับ

รวมทุกๆเรื่องการอยู่การกินด้วยนะครับ

ความคิดเห็นที่ 1
อังกฤษสิครับ ปีเดียวจบ ประหยัดเงินและเวลา


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
อเมริกาครับ ^ ^


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
อยากเที่ยวยุโรปไปอังกฤษ อยากเที่ยวอยู่ในอเมริกาไปอเมริกา
ค่าครองชีพไม่ได่ไปเมกานานแล้วอะ ไม่รู้ว่าแพงเท่าลอนดอนหรือเปล่า แต่ถ้าเมืองบ้านๆ ที่อังกฤษก็ถูกดี
อากาศอังกฤษโดยทั่วไปค่อนข้างหดหู่ เวลาสดใสก็สดใสเว่อๆ
เมกาบางรัฐก็คงมีหดหู่บ้างแต่โดยทั่วไปคงไม่หดหู่ฟ้าเทาๆ เท่าอังกฤษ
ตัวประเทศอังกฤษเก่ากว่ามีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีอะไรเก่าๆ ให้เที่ยวเยอะดี ชอบ ข้ามไปยุโรปง่ายค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
อังกฤษจบเร็วกว่า และมีที่เที่ยวเยอะกว่า แถมเดินทางระหว่างเมืองไม่นานเท่าเมกา

ไอ้มืดก็ไม่เยอะมากด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
เห็นคนที่ไปอยู่หอที่อังกฤษชอบบ่นเรื่องน้ำในห้องน้ำ แต่จำไม่ได้แล้วว่าเป็นอะไร


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
คห ห้า
น้ำร้อนมีสารหรืออะไรเนี่ยแหละ
บางคนแพ้สิวขึ้น ให้ล้างหน้าด้วยน้ำดื่มแทน
แต่เราทนทานไม่เกิดอะไรขึ้นกับหน้าเลย ปกติ


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
โดยทั่วไป ถ้าพูดถึงเรียนโทที่อังกฤษ
คนส่วนใหญ่ มักคิดและหมายถึง การเรียนโทหลักสูตรปีเดียว
ส่วนการเรียนโทที่อเมริกา มักหมายถึง หลักสูตรสองปี
และผู้เรียนส่วนใหญ่ ก็จบตามหลักสูตรที่ว่า คือ มีทั้งปีเดียวและสองปี

ส่วนตัวสังเกตเห็น ว่า หน่วยงานที่เป็นผู้ว่าจ้าง โดยเฉพาะหน่วยงานด้านวิชาการ
เริ่มมีคำถาม ว่า ถ้าเอาความรู้เชิงวิชาการเป็นตัวตั้ง
ควรจะจ้างคนจบโท ที่เรียนปีเดียว หรือโทที่เรียนสองปี
แน่นอน ยังมีปัจจัยอีกมากมาย ที่มีผลต่อคุณภาพของบัณฑิต
ไม่ใช่การเรียนเพียงปีหรือสองปีเท่านั้น

แต่อยากตั้งเป็นข้อสังเกตว่า ขณะนี้หลายหน่วยงาน ที่เป็นผู้ว่าจ้าง
ได้ตระหนักและพิจารณาถึง ความแตกต่าง ด้านความรู้และความสามารถ
ของผู้เรียนโทปีเดียวหรือสองปี อยู่เช่นกัน
ย้ำ ผมยังไม่ได้บอกว่า ใครดีกว่าใคร เพียงเป็นข้อสังเกตนะครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
ส่วนตัวเราชอบเมกามากกว่านะคะ เนื่องด้วยระยะเวลาที่นานกว่า และ เราชอบการเรียนในแคมปัส ที่เป็นแคมปัสจริงๆ ได้ใช้ชีวิตกับเพื่อนๆ ทั้งต่างชาติและคนไทย ได้ขับรถไปทานข้าว ไปเที่ยวต่างรัฐกัน ได้ร่วมเทศกาลต่างๆ ที่มหาลัยจัดขึ้นเรื่อยๆ และเราชอบที่เรียนสองปี เราว่าเรียนปีเดียวมันสั้นไป

แต่ด้วยโปรแกรมที่เราอยากจะเรียน ต้องมาเรียนฝั่งอังกฤษค่ะ ก็ดีเหมือนกัน ถือว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ค่ะ :)


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
มหาวิทยาลัยที่อังกฤษไม่มีอะไรแบบนั้นหรอครับคห.8


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
เข้าง่ายจบยากไปอังกฤษ

เข้ายากจบง่ายไปอเมริกา

อันนี้หมายถึงมหาลัยกลางๆทั่วๆไปนะครับ ถ้าระดับท็อปๆ ก็เข้ายากจบยากทั้งคู่


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
อันที่จิงถ้าต้องการใช้ชีวิรตชาวแคมปัส ที่เมกาจะได้สัมผัสแบบนั้นมากกว่า ได้อยู่หอ ได้กินข้าวในคาเฟ
ทิเรีย ได้ใช้ชิวิตในไลบรารี่เวลาที่ไม่มีที่ไป หรือต้อง
การพบเพื่อนฝูง มีกิจกรรมมากมาย มีชมรมให้เข้า
และเย็นวันศุกร์เปนวันพิเศษที่ทุกคนเตรียมตัวไปเที่ยว
และการนั่งดูเอ็มทีวีคนเดียวถ้าไม่มีเพื่อน คิดถึงบ้าน
ดีแท้


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
แอบถาม คห.8 กับ 11

แล้วอังกฤษเค้าไม่ได้อยู่แบบนี้หรอ แล้วอยู่กันยังไงอะ(ไม่ได้กวนนะ อยากรู้เลยถามแทน จขกท)


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
สงสัยเหมือนคห.12 ด้วยครับ 555


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
มหาลัยในอังกฤษเข้าง่่ายกว่าอเมริกาครับ แค่ใช้ไอเอ้ลก็เข้าได้แล้ว แต่ที่อเมริกาคุณต้องสอบโทเฟิลแล้วก็จีอาร์อีอีก นอกจากนี้เท่าที่ผมดูๆมานะครับ มหาวิทยาลัยดังๆในอังกฤษเข้าไปเรียนง่ายกว่าไอวี่หลีกของอเมริกาครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
ง่าย สั้น ประหยัด ไปอังกฤษโลดค่ะ

(แต่ถ้าคุณไม่คิดประหยัดเวลาและทรัพย์สิน อิฉันว่าเลือกเรียนเมกาแบบสองสามปีน่าจะดีกว่า

เพราะการเรียนปีเดียวแม้จะเรียนหนักเรียนเยอะมากเนื้อหาวิชาพอๆกับเรียนสองปีสามปี

แต่ส่วนตัวแล้วดิฉันเชื่อว่าคนเรา บางที เวลามันช่วยทำให้ความคิดตกผลึก มันจะมีมุมมองและมีภาวะบางอย่างที่เราบรรลุขึ้นมาเฉยๆเมื่อเวลาผ่านไปนานๆ)


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
งงเหมือนกันที่อังกฤษก็มีหอนักเรียนนะ แต่ว่าเราไม่ได้อยู่แต่ไปเล่นหอเพื่อนบ่อย ก็มี common room มีทีวีดูมีเกมส์เล่น บางหอมีบาร์ด้วยไม่ต้องออกไปเมาข้างนอก มีห้องครัวไปทำกับเข้าวเล่นกับแฟลตเมทเพื่อนบ่อยๆ หลายๆ ชาติ ออกไปเที่ยวคลับบิ้งกันก็มี

โรงอาหารก็มีแบบที่ถือถาดไปตามทางหยิบๆ อะไรที่อยากกินไปจ่ายเงินตอนจบ แล้วออกมานั่งกินเป็นแถวๆ นั่นก็มีเพียงแต่เราไม่ค่อยชอบไป ไม่ค่อยอร่อย

บรรยากาศแคมปัสแบบวิทยาเขตนั่นในลอนดอนอาจจะไม่ค่อยมีเพราะว่าเมืองใหญ่ที่แพง มหาลัยก็เป็นตึกๆ ตามถนน ใครไม่รู้ก็มองไม่ออกเท่าไรไม่ได้รั้วรอบขอบชิดมีอาณาเขตแน่นอน เมืองอื่นไม่รู้

ชมรมก็มีให้เข้าแน่นอน อย่างน้อยก็ society ของนักศึกษาต่างชาติมีเกือบทุกชนชาติ แล้วยังมีชมรมอื่นๆ อีกแต่เราไม่ได้ไปเอง ฮ่าๆ อ่านหนังสือไม่ทัน
คอร์สที่เรียนทุกสองอาทิตย์ก็มีdrink ของคอร์สเปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ ก็ได้รู้จักเพื่อนที่ไม่เคยเรียนคลาสเดียวกันมาก่อน
ระหว่างคลาสหรือวันหยุดก็ออกมาอยู่ห้องสมุดกันเป็นกิจวัตร หายใจเข้าออกเป็นอ่านหนังสือเพราะว่าอ่านไม่ทันจริงๆ เยอะมาก ห้องสมุดมีคอมมีปรินเตอร์ให้ใช้ มีโซนให้คุยกันได้ มีห้องให้ทำงานกลุ่ม มีโซนเงียบห้ามเสียงดังไว้ให้อ่านแบบใช้สมาธิ ห้องน้ำทุกชั้น เครื่องกดน้ำ ขนม กาแฟ ห้องสมุดเปิด 24 ชม ช่วงใกล้สอบ
ชั้นใต้ดินมี bean bags ให้ไปแอบงีบด้วย ทุกโต๊ะมีปลั๊กให้เสียบคอม

ทำไมถึงคิดว่ามหาลัยที่อังกฤษไม่มีพวกนี้หรือเนี่ย งง


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
Russell Group เทียบกับ The Ivy league การเข้าและเรียนใน The Ivy League ยากกว่ามาก
สรุปถ้าเข้าได้ทั้ง 2 ประเทศในระดับเดียวกันไปอเมริกาก่อน เพราะเรียน 2 ปีน่าจะได้อะไรที่มากกว่า
แต่ถามว่าจบมาใครเก่งกว่ากัน ตอบเลยว่าไม่รู้ค่ะ คนจะเก่งหรือทำงานดีมันใช้อะไรมากกว่าการเรียนจบที่ดังๆ
เห็นด้วยกับคุณ newcomer



ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
อเมริการะบบ quarterทั้งหนักทั้งโหดเจอมาแล้ว เรียนโทจบ 2ปีแบบทำ thesisนี้สุดยอด ส่วนใหญ่จะไ่ม่ผ่านแก้โน้นแก้นี้ เครียดสุดๆค่ะ เสนอให้ไปอังกฤษโล้ด เพื่อนๆที่อังกฤษเรียน 3ปีได้เอกแล้ว เพื่อนหลายๆคนในเมกา ถ้าจบเอกได้ 5ปีนี้สุดยอดแบบฟลุ้คสุดๆ "ส่วนใหญ่"เกินทั้งนั้น ขอเตือนใครที่จะมาเรียนทางสายวิทย์นะจ้ะ จบมาได้แทบกระอัก งานหนักสุดๆ ขอบอก


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
เรื่องอื่นผมไม่ทราบนะครับ แต่เรื่องระยะเวลาผมว่าปีเดียวมันสั้นไป ผมอยู่มาจะ ห้าเดือนทีอเมริกาแล้วแม้จะพัฒนาขึ้นแต่ผมว่ายังไม่ใช่ระดับที่ต้องการครับและผมว่าคงต้องใช้มากกว่า 1 ปีแน่ๆ ก็แล้วแต่ครับบางท่านมีภาระต้องมาดูแลที่บ้าน หรือว่าชอบใช้ชีวิตในยุโรป มากกว่าก็แล้วแต่ ผมเองอยู่อเมริกาผมเรียน MBA จะเน้นอ่านเยอะ พูดเยอะ ครับ คือสอบอาจจะไม่ได้อะไรมากแต่คะแนน participate 20% ผมว่าก็เหมาะดีเพราะจุดอ่อนของเด็กเอเชียคือมักจะไม่ค่อยกล้าพูด กล้าแสดงออก อยู่ที่นี้สถานการณ์มันบังคับครับ ไม่พูดไม่ได้คะแนน 55+ จากการสอบถามน้องๆที่เรียนอังกฤษเห็นว่ารายงานจะเยอะ แต่ที่อเมริกาผมว่าจะ discussion เยอะมากกว่า ก็แล้วแต่จะชอบครับ ^^


ตอบกลับความเห็นที่ 19