อเมริกันชนฟุ่มเฟือยหรือไม่

ไม่เอาแบบคนเร่รอนนะ อันนั้นต้องประหยัดแน่ เราหมายถึงคนชั้นกลาง

ความคิดเห็นที่ 1
ก็แล้วแต่คน เพราะ คนชั้นกลาง บางคนก็ขยัน และประหยัด ไม่ฟุมเฟือย จากจน เป็น ชั้นกลาง แล้วก็เป็น เศรษฐี
บางคน เป็นชั้นกลาง ฟุมเฟือย ก็กลายเป็นคนจน ไม่ได้เป็นเศรษฐี นะ


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
แล้วแต่สังคม บางคนก็ติดหรูใช้brand name กินร้านแพงๆขับรถแพงๆอยู่aptหรูๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
เท่าที่รู้จักนะคะ
คนรุ่นสงครามโลกครั้งที่สอง จะคิดเยอะ มีเงินใช้ ใช้ตามฐานะ
หลังจากนั้นก็ผสมๆปนเป เหมือนคนไทยนี่แหละค่ะ หลายคนใช้เงินไม่ค่อยคิด ซื้อแบบไม่คิดว่าจำเป็นมั้ย เป็นเหยื่อบริโภคนิยม คนที่คิดได้ก็มีแต่ไม่ค่อยเยอะ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
เราคิดว่าค่อนข้างฟุ่มเฟือยนะคะ สังเกตได้ว่าเค้าจะมีสิ่งของพวกใช้แล้วทิ้งเยอะ เช่น
แทนที่จะใช้ผ้าขี้ริ้วเช็ดถูนิดๆหน่อยๆ เค้าก็จะมีทิชชู่เปียกเช็ดสำเร็จ
เคยเห็นเด็กในร้านฟาสฟู้ดเค้าทำซอสมะเขือเทศเลอะถุงเลย์นิดเดียว แทนที่จะเช็ด เค้าก็โยนถุงเลย์ทิ้งไปเลย
พวกถุงมือใช้แล้วทิ้ง แบบถุงมือหมอฟันอย่างนั้นน่ะค่ะ บางทีหยิบมาใส่ หยิบของอย่างนึง ถอด โยนทิ้ง แล้วหยิบใหม่ ดูเปลืองมากๆ ยังไม่ทันจะสกปรกเลย
มีอีกเยอะอ่ะค่ะ คิดไม่ออก แต่ให้ความรู้สึกเพิ่มโลกร้อนมากๆเลย -*-


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
ระบายหน่อย กำลังประสบปัญหาเรื้อรังที่แก้ไม่ตก... เป็นคนหนึ่งที่ฟุ่มเฟือย เริ่มมาประหยัดได้หลายปี แต่ไม่เขียมนะ... รู้สึกว่ามันสายไปแล้วกับของใช้เริ่มคุกคามพื้นที่อาศัย มันเยอะมาก

จากในชีวิตประจำวัน... คนส่วนมาก ฟุ่มเฟือย และดูเหมือนจะเป็นประเทศเดียวในโลกที่ฟุ่มเฟือยที่สุด ใช้ของเปลือง อาหารมีกินสมบูรณ์ กินทิ้งกินขว้างเยอะ... และอื่นๆ

ของใช้จำเป็น ไม่จำเป็นมันค่อยๆงอกมาจากซื้อเข้าบ้านจุกจิก พอหลายปีเข้า เอาไม่อยู่ มึนไม่รู้จะไปเก็บไว้ที่ไหน... ลงประกาศแจกให้คนแปลกหน้าไปก็เยอะ ก็ยังมีของที่มีค่าราคาอีกเยอะ


เสื้อผ้านี่เหลือเฟือมาก มีคนนำไปวางขายมือสองแบกะดินตามตลาดนัด และเปิดร้านขายเสื้อผ้ามือสองเยอะมากขึ้น

สินค้านำเข้าราคาถูก จากจีนมาดั๊มพ์ขายในอเมริกาเยอะมาก ในนิวยอร์คมีร้าน ๙๙ เซนต์ทุกอย่างในร้านผลิตจากจีน... บางบ้านซื้อของใช้ทุกอย่าง แม้แต่อาหารนำเข้าจากจีน

ลำพังของใช้ที่บ้านดิฉันเยอะมาก จนเพลีย... บริจาคไปส่วนหนหึ่ง อีกส่วนสวยๆดีๆ อยากจะนำกลับไปไทยไปแจกๆให้ใครก็ได้ แต่ติดที่น้ำหนักกระเป๋า แบบนี้ต้องเดินทางหลายรอบ


สังเกตได้ว่า... ใช้คำว่า "มาก" บ่อย มันเป็นแบบนั้นจริงๆกับชีวิตประจำวันที่เห็นในเมืองนิวยอร์ค


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ดิฉันว่าฟุ่มเฟือยค่ะ คนอเมริกันมักมีเครดิตการ์ดใช้กัน แถมตามร้านค้ามักให้เครดิตซื้อก่อนผ่อนทีหลัง บ้างก็มี layaway โปรโมชั่นกันสุดฤทธิ์ขอให้ซื้อเหอะ

ของใช้แล้วทิ้งเยอะจริงๆ พวกเฟอนิเจอร์ก็เห็นคนใช้แล้วทิ้งกัน โซฟา ผ้าห่ม เครื่องครัว
เครื่องใช้ไฟฟ้าพังแล้วซื้อใหม่เลย เค้าไม่ซ่อมกัน เพราะค่าซ่อมไม่คุ้ม

ตอนดิฉันไปเรียนอเมริกา แทบไม่ต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์ เพราะคนเอามาทิ้งหน้าบ้าน
หน้าอพาทเมนท์ แจกฟรี ขอให้มาขนไปเหอะ เราก็ไปขนมาใช้ ใช้เสร็จก็ขนไปไว้หน้า
บ้าน รอคนอื่นมารับช่วงต่อ อันนี้สำหรับคนจนจริงๆ คนส่วนใหญ่มีเงินเค้ามักซื้อใหม่กัน
เลย แต่มันก็ดีสำหรับคนจนนะคะ ดิฉันว่า เพราะคนจนสามารถหาของใช้แล้วๆฟรีๆ ได้ง่าย
บางอย่างก็สภาพดีมากๆ อย่างรถยนต์นี่ถ้าเป็นคนซ่อมรถเองเป็นสามารถหาอะไหล่ถูกๆ
มาใส่เอง ซ่อมเองรถวิ่งได้ตลอดปีตลอดชาติ(ถ้าสม็อคผ่าน) เพราะมันมีร้าน pick and pull ขายอะไหล่รถยนต์เก่าด้วย

ส่วนอาหารก็ขายกันทีละเยอะๆ แพ็คใหญ่ๆ กินไม่หมดก็ต้องทิ้งเพราะหมดอายุ
พวกขนมปังแถว เบเกอรี่นี่กินไม่หมดประจำต้องทิ้ง เอาไปแจกใครก็ไม่ได้
ยิ่งตอนช่วงเทศกาลยิ่งเปลืองมาก วันฮัลโลวีนแจกขนมเด็ก เด็กกินไม่หมดก็ทิ้ง
ขนมกันเป็นประจำ พวกของตกแต่งช่วงเทศกาลต่างๆ เช่นคริสมาส ฮัลโลวีน thanksgiving ก็ซื้อกันแทบทุกปี ไม่อยากแต่งเหมือนกันทุกปี เบื่อแล้วก็ทิ้งซื้อใหม่
เคยดูรายการนึงๆ ชื่อ Hoarders มั้ง เค้าไปถ่ายทำบ้านที่ม้ันรกมาก เพราะซื้อของมาเยอะมาก
เก็บของไว้ในบ้านจนไม่มีที่เดิน จนรายการต้องช่วยขนไปทิ้งให้ อะไรทำนองนี้


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
คงตอบไม่ได้อ่ะค่ะว่า ทุกคนที่เป็นอเมริกัน ฟุ่มเฟือยรึเปล่า เพราะของอย่างนี้ยังไงๆมันก็เป็นนิสัยส่วนตัวอ่ะค่ะ
เหมือนให้มาเหวี่ยงแหถามว่า คนไทยชนชั้นกลางฟุ่มเฟือยรึเปล่า คนไม่ฟุ่มเฟือยและฟุ่มเฟือยมันก็มีทั้งคู่ ไปเหมาเอาซะทั้งเชื้อชาติคงไม่ได้มั้งคะ

ตอบนะคะ สังคมอเมริกันที่อยู่เป็นสังคมคนชั้นกลางพอดี เคยเห็นทั้งสองแบบค่ะ แล้วแต่คน แล้วแต่ครอบครัว
คนใกล้ตัวมีทั้งสองแบบ บ้านนึงใช้จ่ายปกติ ไม่ซื้อของสุรุ่ยสุร่าย อีกบ้านใกล้ๆกัน เงินเดือนพอกัน แต่ชอบซื้อของใหม่ โละของเก่าทิ้ง เสื้อผ้า เครื่องประดับ ซื้อใหม่ตลอด

สรุป อย่าเหมารวมเลย เพราะเราเห็นคนไม่ฟุ่มเฟือยเยอะกว่าคนฟุ่ยเฟือย แต่ความเห็นบนๆเค้าก็เห็นคนฟุ่มเฟือยซะมากกว่าคนไม่ฟุ่มเฟือย รู้สึกมันไม่แฟร์กับคนชาติเค้า
เหมือนต่างชาติมาถามเราว่าผู้หญิงไทยนิสัยดีรึเปล่า แล้วไอคนต่างชาติที่มาเจอหญิงไทยหลอกลวงประจำๆ เค้าจะเอาคำตอบอื่นไปตอบได้ยังไง

แก้คำผิดไปคำนึง

ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
คุณ Chilla เราว่าแม่สามีอ่ะเป็นHoardersเริ่มต้น เขามีของเยอะแยะในกล่อง เรียงเต็มโรงเก็บรถ เป็นของสัพเพเหระ แต่ไม่ยอมทิ้งหรือบริจาค บางทีก็ขนเสื้อมาให้เราเป็นกล่องๆ แต่มันไม่ใช่ไซส์เรา แกซื้อมาจากyard sale เราใส่ไม่ได้ต้องแอบไปบริจาค ของแต่งบ้านก็มีเยอะแต่ไม่ได้แต่งแล้ว บ้านแทบไม่มีที่เก็บของแล้ว ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัวเก่าๆก็เก็บไว้ในกล่อง เราว่าต้องตัดใจบริจาคเหมือน คุณจิ๊ดนิด ไม่งั้นจะเป็น Hoarders

ขนมฮัลโลวีนนี่ทิ้้งทุกปี เพราะคุณแม่สามีซื้อให้หลานเป็นแพคใหญ่ ค่าขนมถูก ค่าทำฟันแพง ค่าลดนน ก็แพง ทิ้งดีกว่า

ของจุกจิก เสื้อผ้าเนี่ยะต้องพยายามตัดใจ ชั่งใจ ไม่งั้นเต็มบ้าน เพราะบางทีมันถูกมากๆ ไม่ได้รวยนะแต่อเมริกาเวลาเสื้อมันลดราคา ลดกันจริงจัง แต่อาหารดีๆไม่ลด แพงตลอด

พวก gudgets ก็มีขายเยอะมาก บางส่วนก็ ขยะดีๆนี่เอง ซื้อมาแล้วใช้ไม่ได้

สรุปคือฟุ้มเฟือยนะ แต่เครื่องทุ่นแรงหลายอย่างจำเป็นเพราะ ค่าแรง ค่าซ่อมแพง ต้องทำเอง ก็ต้องมีไว้ที่บ้าน


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
คนอเมริกันนี่ฟุ่มเฟือยที่สุดในโลกนะคะ มีจำนวนประชากรแค่ 10% ของโลกเท่านั้น
แต่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติมากกว่าคนทั้งโลกรวมกันอีกนะ
ถึงได้เป็นหนี้ชาติอื่น ตั้ง 3 trillions ไม่ใช่หรือ

ยกตัวอย่างแค่รถราสิ คันใหญ่โตมโหราฬ กินน้ำมันเฮือกๆ
แต่ละบ้านมีรถตั้งไม่รู่กี่คัน
แถมไม่ส่งเสริมการขนส่งมวลชนด้วย

บ้านเรืิอนแต่ละหลังก็ใหญ่เหลือหลายเปลืองทั้งค่าทะนุบำรุงรักษา
เปลืองค่าน้ำค่าไฟ ค่าทำความร้อน บ้านหลังโตๆ อยู่กัน คนสองคน
ตามถนนหนทาง ตึกราม บ้านช่อง เปิดไฟส่องสว่างทิ้งไว้
แม้แต่น้ำก็ใช้กันทิ้งๆขว้างๆ

คนจำนวนมาก ไม่มีเงิน ก็ใช้บัตรเครดิทเอา ซื้อๆๆ ที่ล้มละลาย ไม่มีเงินจ่ายค่าบ้านเป็นแถวนี่ไง
ค่าเงินดอลล่าร์ลดฮวบๆ เดือดร้อนกันไปทั่วก็เพราะความฟุ่มเฟือยของคนทั้งประเทศนี่แหละ
คนที่เขาอยู่อย่างประหยัดมัธยัสถ์ก็พลอย เดือดร้อนไปด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
เห็นด้วย อเมริกันใช้พลังงานสิ้นเปลืองมาก ยกตัวอย่างตึกสำนักงาน กลางคืน จะต้องเปิดไฟทิ้งไว้ทั้งตึกเลย เหตุผลก็คือ เพื่อความปลอดภัย ตำรวจสามารถมองเห็นข้างในได้ถ้าเกิดอะไรขึ้น


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
ขอยืนยัน นั่งยันค่ะ เรารับแพ็คของอยู่กับบ้าน ของส่งมาถึงเราแต่ละกล่องด้านในมีกระดาษยัดมาเยอะมากกกกก ขนาดพวกรองเท้าซึ่งเป็นของที่ไม่แตกหักเสียหาย รองเท้า 2 คู่ ใส่กล่องมาอย่างใหญ่โต ด้านในยัดกระดาษมาเต็มกล่องไม่เข้าใจมันจะยัดอะไรมาหนักหนา บางทีลูกค้าสั่งลิปสติกมา 2 แท่ง ใส่กล่องมาไซด์กล่องรองเท้า แถมห่อกระดาษแยกแต่ละแท่ง พ่วงด้วยกระดาษขยำหนา ๆ ยาวอีกเป็นเมตร ๆ แกะกล่องของทีไรโมโหอยากโทรไปด่าคนห่อทุกที บอกตามตรงอเมริกาเป็นประเทศที่เผาผลาญทรัพยากรธรรมชาติคิดว่าเป็นอันดับหนึ่งของโลกมั้งเนี่ย


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
เมกาอย่างแถวบ้านนี้ คนต่อต้าน ขนส่งมวลชนนะ เขากลัวว่าุ้าเดินทางไปไหนมาไหนง่าย พวกคนรายได้น้อยจะมาอยู่ ใครว่าฝรั่งไม่แยกชนชั้น เพราะฉะนั้น เลยต้องมีรถไว้ผลาญน้ำมันกัน ครบสมาชิกในบ้าน


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
คุณ : ก ครับ ฝรั่งนั้นแหละที่เขาแยกชนชั้นมากกว่าไทย แต่เขาใช้วิธีการทางเศรษฐกิจ อย่างเช่นในเขตทางเหนือของเวอร์จิเนียใกล้วอชิงตันดีซี บางแห่งราคาบ้านจะแพงมากเป็นกำแพงที่คนจนจะเข้าไปอยู่ไม่ได้และจะเป็นมากขึ้น ไปอย่างไม่เร็วนัก คนจนต้องอพยพไปอยู่ข้างนอกเข้ามาทำงานแล้วกลับออกไป ที่มอสโควและเมืองอื่นๆทั่วโลกก็จะเป็นแนวเดียวกัน และจะเป็นมากขึ้น ลองสังเกตซิครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
ผมอยากใช้คำว่า "ไม่มีวินัยในการใช้เงิน" มากกว่า ... เห็นเด็กวัยรุ่น/เด็กโต มาจากครอบครัวชนชั้นกลางหลายคน กินเหล้า สูบบุหรี่
เลยทำให้ทำงานไม่ค่อยจะดี โดนให้ออก เงินก็เลยไม่ค่อยจะมี ยิ่งมีครอบครัวก็ยิ่งจน ... ทำงานได้ตังค์มา
ก็เอาไปกินเหล้า เที่ยว ซื้อ video เกมส์มาเล่น ... วนเวียนอยู่ในวิถีชีวิตแบบนี้!




ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
ไม่ได้ว่าอเมริกันคนไหนหรอกนะ คืออยากว่าตัวเราเองไม่รู้เราเริ่มชีวิตที่ฟุ่มเฟื่อยเมื่อไหร่ เมื่อก่อนอยู่เมืองไทยเสื้อผ้าซื้อปีละสองสามตัว มาอยู่อเมริกาทั้งๆที่ไม่ได้ทำงานทำอะไร เดินห้างบ่อยมากแทบทุกสัปดาห์ เสื้อผ้าจากDillards,Dressbarn,Posh Pealและอื่นๆแล้วแต่โอกาส ซื้อได้ซื้อดี บางทีรูดบัตรไปทีละ$500-$800 ซึ่งไม่รวมของลูก

ซื้อแล้วไม่มีปัญญาใส่ ไม่รู้จะใส่ไปไหน ในที่สุดไม่มีที่เก็บก็ต้องโล๊ะออกขายGarage Sale ขายได้ตัวละ เหรียญสองเหรียญ บางทีก็ให้แม็กซิกันไปหลายกระบุง ขายไปเมื่อสัปดาห์แล้วร้อยกว่าตัว(รวมของลูกสาว) ไม่เงินร้อยกว่าๆ

ตอนนี้มานั่งคิดดู รู้สึกมันสายเกิน เกือบสิบปีที่อยู่ที่นี่ถ้าไม่ฟุ่มเฟือยไปกับของพวกนี้ป่านนี้คงมีเงินเก็บเหมือนคนอื่นๆ

ส่วนสามีเรื่องฟุ่มเฟือย เรื่องอาหาร เข้าไปโกรเซรี่ทีได้ เห็นอะไรน่ากินน่าทำก็ซื้อๆๆๆๆ แล้วเอาเก็บไว้ในตู้เย็น หรือเอาไว้ในตู้เก็บพอหมดอายุก็โยนทิ้งไป

มาคิดตอนนี้มันสายจริงๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
กะจะเข้ามาอ่านเฉยๆค่ะ ไม่ได้อยู่อเมริกา
พออ่านมาเจอคห.คุณอิสวาสุ เลยจะมาบอกว่า
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ที่เยอรมันก็เป็น และไม่จำเป็น
ต้องเป็นเมืองใหญ่ด้วย ถ้าสังคม สวัสดิการดี คนตก
งานในเขตเมืองนั้นๆน้อย ราคาที่ดิน บ้าน อพาร์ตเมนท์
จะถีบตัวสูงปรี๊ดๆ ขนาดบางเมือง เล็กมาก ไม่มีอะไร มี
แค่ซุปเปอร์ ไม่มีห้างเลยแม้แต่ห้างเดียว ราคาที่อยู่อาศัย
กลับแพงพอๆกะเมืองใหญ่ เห็นราคาแล้วตกใจเลยเชียวล่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
แล้วแต่คนนะเราว่า


ตอบกลับความเห็นที่ 17