สอบถามข้อมูลการเริ่มต้นใช้ชีวิตที่อเมริกา (เช่น ซื้อซิม/มือถือ, ทำบัตรเครดิต, อื่นๆ)

สวัสดีค่ะ เราจะไปใช้ชีวิตที่อเมริกาสักพักน่ะค่ะ อยากทราบว่า..

1) ตอนนี้เราใช้ iPhone4s เครื่อง Dtac เราควรเอาเครื่องไปใช้ที่นู่นแล้วซื้อซิมใหม่ก็เพียงพอ หรือว่าซื้อเครื่องใหม่ซิมใหม่เลยจะดีกว่าคะ? เราใช้อะไรก็ได้ค่ะ iPhone, Samsung, etc. แต่ไม่แน่ใจว่า promotion smartphone ที่นู่นจะแพงมากมั้ย แล้วก็ contract ยาวนานมากมั้ย ใครพอทราบ promotion มือถือของที่นู่นรบกวนบอกรายละเอียดเรานิดนึงนะคะ ไม่มีข้อมูลเลย แล้วถ้า promotion smartphone แพงกว่ามาก หรือเราใช้มือถือธรรมดา+iPad จะดีกว่าอะคะ

2) การทำบัตรเครดิต บัตรATM ต้องใช้อะไรบ้างคะ หลักฐาน เอกสาร ต้องมีสลิปเงินเดือนอะไรประมาณนี้แบบบ้านเราหรือเปล่า มีแบงค์ไหนแนะนำมั้ยคะ อยากไว้รูดค่าใช้จ่ายสารพันต่างๆตอนอยู่ที่นั่น เรามีใบเขียว+SSN เราสามารถทำกับแบงค์ที่นู่นได้เลยมั้ยคะ ถ้าเป็นของไทยปัจจุบันที่ถืออยู่ จะเป็น Visa ของ SCB กับ Amex ค่ะ ควรใช้ของปัจจุบันหรือว่าสมัครใหม่แบงค์ที่นู่นดี บางกรณีเผื่ออยากให้ทางบ้านโอนเงินมาให้เพิ่มเติมด้วยน่ะค่ะ

3) กรณีที่เราสามารถทำบัตรเครดิตกับแบงค์ที่นู่นได้ ช่องทางการชำระเงินเหมือนบ้านเรามั้ยคะ เช่น หักเงินเลยผ่านบัญชี, ทำผ่าน iBanking ?

4) มีอะไรอื่นๆอีกที่ควรทำเมื่อไปถึงนอกเหนือจากนี้ รบกวนแนะนำด้วยค่ะ

5) อันนี้นอกเรื่อง ถ้่าเราืำทำงานร้านอาหารและเราโดนหักภาษี (เนื่องจากมีใบเขียว) ทางร้านจะเป็นฝ่ายทำเรื่องหักภาษีให้เราเองใช่มั้ยคะ?

ขอบคุณมากๆๆๆๆค่ะ

ความคิดเห็นที่ 1
ก่อนอื่นขอถามก่อนว่า จขกท ได้ใบเขียวจากการใด ? ไม่ได้ละลาบละล้วงถาม ที่ถามเพราะถ้าได้ใบเขียวจากการแต่งงาน ก็ถามแฟนได้ เขาย่อมรู้ดีตามข้ที่ถาม แต่ถ้าไม่ใช่ก็ควรจะทราบว่า

การมาใช้ชีวิตอยู่ในเมกานี่ เริ่มต้นให้ดีที่สุดเลย ก็คือพยายามปรับตัวเองให้เข้ากับหลักปฏิบัติการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนที่นี่ เช่น เขาดูหนัง ดูข่าวภาษาท้องถิ่นเป็นอังกฤษกัน เราก็พยายามทำ ของที่ใช้ในเมืองไทย เมื่อมาอยู่ที่นี่แล้วก็ใช้ของที่นี่ดีกว่า เช่นเรื่องโทรศัพท์มือถือ เดินเข้าไปในร้าน AT & T เขาจะมีโปรแกรมฟรีโฟชำระเหมาต่อเดือน ไม่จำกัดนาทีโทร 24 ชั่วโมง การทำบัตรเครดิตก็ต้องมีเครดิตก่อน คือต้องมี Credit score ที่ขึ้นที่เครดิตบูโร (ที่ไม่เหมือนเครดิตบูโรเมืองไทย ที่สักแต่รับแจ้งลงพวกเครดิตเสียๆเท่านั้น แต่นี่เขามี Credit rating ให้เป็น Risk score ด้วย) หากแม้นผู้ที่ไม่มีเครดิตเลย จะเริ่มขอได้กับบัตรเครดิตที่เขาให้ต่อเมื่อสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีงานทำเป็นหลักแหล่ง มีรายได้ที่แน่นอนต่อเดือน การชำระเงินค่าบัตรก็สามารถชำระทั้งออนไลน์ ชำระโดยทางไปรษณีย์ ส่วนเรื่องการทำงานรับค่าจ้างถูกหักภาษี ณ.ที่จ่าย นายจ้างต้องเป็นธุระจัดการให้อยู่แล้ว มันเป็นกฏหมาย แต่ จขกท กล่าวแต่ทำงานร้านอาหาร แสดงว่ายังมาตามรอยเดิมๆของผู้ที่มาก่อน คือตั้งหน้าตั้งตาทำแต่ร้านอาหาร คนที่มีใบเขียวเป็นผู้ที่มีสิทธิ์ในการหางานทำเกือบจะทุกงานที่เมกันชนทำ ดังนั้น ผู้ที่ถือใบเขียวเขาจะไม่ (เน้นคำว่าไม่) พยายามหางานจากร้านอาหาร เขาจะหางานอื่นๆที่มีหาได้ก่อนเป็นอันดับต้นๆ ร้านอาหารคงเป็นแหล่งงานสุดท้ายที่เข้าตาจนจริงๆเขาจึงจะทำกัน


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
1. ไม่แน่ใจ รอผู้รู้ท่านอื่นมาตอบนะคะ

2. บัตร ATM คุณลองคุยกับธนาคารแถวบ้านคุณดู
ว่าเปิดบัญชีแบบไหนถึงจะดีที่สุด
บัญชีจะมี ATM มาด้วยเกือบหมด (ถ้าไม่หมด)
แต่ถามเรื่องค่าธรรมเนียมอะไรต่างๆ on-line banking ได้มั้ย ยังไง ให้เข้าใจนะคะ

เปิดบัญชีรู้สึกจะต้องใช้ picture ID (จะเป็นใบขับขี่ หรือ state ID ก็ได้), SSN (แค่เบอร์ ไม่ใช่ตัวการ์ด), บางที่ก็จะเอาบิลอะไรถึงคุณ เพื่อยืนยันที่อยู่คุณนะคะ
แต่ แต่ละธนาคารก็อาจจะต่างกันออกไป
ยังไงเช็คที่ธนาคารจะแน่นอนสุดนะคะ

บัตรเครดิตตอนแรกๆจะทำยากนิดนึง เพราะไม่มีประวัติ
แนะนำให้เริ่มจากธนาคารนี่แหละค่ะ ถ้าเค้ามีบัตรเครดิต ลองสมัครดู

ถ้ัาคุณจะลงเรียนอะไรช่วงแรกๆ ตอนเปิดเทอมจะมีบริษัทบัตรเครดิตไปตั้งโต๊ะรับสมัครบัตรเครดิตนักเรียน สมัครเลยค่ะ (คุณคงเกิน 21 แล้ว ถ้ายังไม่เกินต้องมีผู้ใหญ่เซ็นต์ด้วย)

นอกนั้น บัตรนึงที่อนุมัติคนไม่มีประวัติง่ายคือ Capital One นะคะ คุณจะลองสมัครดูก็ได้ (เราไม่ได้ทำงานให้ หรือมีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับ cap one ทั้งสิ้น)

ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณต้องทำใจว่า มีบัตรเครดิตรใหม่ๆ
คุณจะได้วงเงินน้อย และอาจจะมีค่าธรรมเนียมอะไรเยอะ
ถ้าคุณจ่ายตรงเวลา ไม่เป็นหนี้ ไม่จ่ายเลท ไม่กี่ปีก็มีประวัตินะคะ

3. ธนาคารส่วนมากมีบริการ on-line banking ค่ะ
บัตรเครดิต ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ส่วนมากก็จ่าย on-line ได้ จะจ่ายจากบัญชีธนาคาร หรือบัตรเครดิตก็ได้
แต่ค่าเช่าบ้านนี่แล้วแต่ หลายปีก่อนตอนเราเช่าอยู่ ยังต้องเขียนเชคจ่าย
จะให้ดี คุณก็จ่าย ค่าใช้จ่ายทั้งหลายด้วยบัตรเครดิต แล้วก็จ่ายบัตรเครดิตจากบัญชีธนาคาร

4. ไม่ทราบเหมือนกัน

5. จะทำงานที่ใหนก็ตาม นายจ้างจะหักภาษีไว้ส่วนนึง
แต่ปลายปี (ต้นปีถัดไป) คุณก็ต้องทำภาษีเองอีกทีนะคะ
คุณอาจจะได้เงินคืน หรือ ต้องจ่ายเพิ่ม ไม่ว่าจะกรณีใหนก็ควรต้องทำเรื่องยื่นภาษีทุกปีนะคะ

โชคดี มีความสุขกับสิ่งที่คุณทำนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
1) ตอนนี้เราใช้ iPhone4s เครื่อง Dtac เราควรเอาเครื่องไปใช้ที่นู่นแล้วซื้อซิมใหม่ก็เพียงพอ หรือว่าซื้อเครื่องใหม่ซิมใหม่เลยจะดีกว่าคะ? เราใช้อะไรก็ได้ค่ะ iPhone, Samsung, etc. แต่ไม่แน่ใจว่า promotion smartphone ที่นู่นจะแพงมากมั้ย แล้วก็ contract ยาวนานมากมั้ย ใครพอทราบ promotion มือถือของที่นู่นรบกวนบอกรายละเอียดเรานิดนึงนะคะ ไม่มีข้อมูลเลย แล้วถ้า promotion smartphone แพงกว่ามาก หรือเราใช้มือถือธรรมดา+iPad จะดีกว่าอะคะ

- มือถือมีให้เลือกหลายแบบค่ะ เป็น pre-paid ก็ได้ เป็น Contract ก็มี 1-2 ปี ถ้าเป็น sim สำหรับ iPhone ต้องดู AT&T พอดีเราไม่เคยใช้แบบซื้อ sim อย่างเดียว ส่วน plan ก็แตกต่างกันไป ลองเข้าไปดูในเวปเค้าแล้วกันนะคะ https://www.att.com/

2) การทำบัตรเครดิต บัตรATM ต้องใช้อะไรบ้างคะ หลักฐาน เอกสาร ต้องมีสลิปเงินเดือนอะไรประมาณนี้แบบบ้านเราหรือเปล่า มีแบงค์ไหนแนะนำมั้ยคะ อยากไว้รูดค่าใช้จ่ายสารพันต่างๆตอนอยู่ที่นั่น เรามีใบเขียว+SSN เราสามารถทำกับแบงค์ที่นู่นได้เลยมั้ยคะ ถ้าเป็นของไทยปัจจุบันที่ถืออยู่ จะเป็น Visa ของ SCB กับ Amex ค่ะ ควรใช้ของปัจจุบันหรือว่าสมัครใหม่แบงค์ที่นู่นดี บางกรณีเผื่ออยากให้ทางบ้านโอนเงินมาให้เพิ่มเติมด้วยน่ะค่ะ

- ทำบัตร ATM กับแบงค์ ต้องอยู่ที่ว่าอยู่เมืองอะไร แถวนั้นมีแบงค์ไหนสะดวกบ้าง ถ้าเปิด Checking Account ธรรมดา ก็ต้องใช้ ID (passport), เลข SSN, บางแห่งอาจของดู Green Card ก็ขึ้นกับแบงค์อีกเช่นกันค่ะ เอาบัตรเมืองไทยมาด้วยก็ได้ เอาไว้ยามฉุกเฉิน แต่ต้องดูค่า fee ดีๆ อาจแพงได้ เปิดแบงค์ สมัคร ATM ประมาณอาทิตย์ก็ได้บัตรแล้วค่ะ แต่บางแบงค์ก็จะให้บัตรสำรองมาใช้ก่อนได้เลย

3) กรณีที่เราสามารถทำบัตรเครดิตกับแบงค์ที่นู่นได้ ช่องทางการชำระเงินเหมือนบ้านเรามั้ยคะ เช่น หักเงินเลยผ่านบัญชี, ทำผ่าน iBanking ?

- การเปิด credit card ที่นี่ ต้องมี credit line ก่อน ซึ่งถ้าเพิ่งมาก็ต้องใช้ debit card ไปก่อน แล้วพอประวัติดีพอก็จะสามารถทำ credit card ได้ บางแบงค์จะมีการให้ทำ credit card เพื่อสร้าง credit score ให้กับเรา แล้วก็เพิ่มวงเงินทีหลัง ส่วนมาจะการ์ดประเภทนี้จะให้วงเงินเริ่มที่ $250 - $500 ส่วนการชำระเงินก็ชำระได้ทั้งทางเวป หักบัญชี ส่ง check

4) มีอะไรอื่นๆอีกที่ควรทำเมื่อไปถึงนอกเหนือจากนี้ รบกวนแนะนำด้วยค่ะ

- อันนี้ไม่ทราบเหมือนกันแหะ :) เอาเป็นว่าถามๆมาในนี้แล้วกันคะ

5) อันนี้นอกเรื่อง ถ้่าเราืำทำงานร้านอาหารและเราโดนหักภาษี (เนื่องจากมีใบเขียว) ทางร้านจะเป็นฝ่ายทำเรื่องหักภาษีให้เราเองใช่มั้ยคะ?

- เราไม่เคยทำงานร้านอาหาร แต่นายจ้างที่เค้าจ้่างถูกกม. ร้านจะเป็นคนหักภาษีส่วนหนึ่งตามอัตราที่ทางรัฐกำหนด แล้วทุกปีนายจ้างจะให้ statement มาเพื่อประกอบการยื่นภาษี ซึ่งคุณต้องยื่นเรื่องภาษีเองค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ขอตอบแค่ข้อ 1 นะครับ ผมไป BestBuy บ่อย

ตอนนี้มี Virgin Wireless กับ Cricket Wireless ที่ให้บริการ iPhone แบบ non-contract

แต่ยังไงผมก็ไม่เลือกที่จะใช้ เพราะคิดว่าค่าบริการรายเดือนก็แพงไปอยู่ดี

เริ่มต้นกันที่ประมาณเดือนละ ๘๐ เหรียญ บวกภาษีอีก (ถ้ารัฐที่ผมอยู่ก็ตอนเดือนนึงค่อนๆ ๓,๐๐๐ บาท)

ใช้แค่ basic phone หรือ enhanced phone ดีกว่าครับ ประหยัดได้มาก

ผมไม่คิดจะใช้ smart phone ที่นี่เลย ค่าบริการสูงจริงๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
การเริ่มต้นชีวิตที่อเมริกา ที่คุณเริ่มคำถามมา แน่ใจหรือว่า เป็นสิ่งสำคัญในการเริ่มต้น?
เหมือนกับเริ่มต้นหาค่าใช้จ่าย และจะตามมาด้วยปัญหาของหนี้สิน วนเวียนเป็นวัฏจักร
คนที่คิดจะมาเริ่มต้นชีวิต ควรค้นหาลู่ทาง ทำมาหากิน ถามหาปัจจัยสี่ ที่จะใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่หาสิ่งฟุ้งเฟ้อ และฟุ่มเฟือย ในยามที่ต้องการ "เริ่มต้นชีวิต"

ขออภัยถ้าตอบคำถามไม่ตรงที่ต้องการ


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ตอบคุณ Rapier คห1 - ขอบคุณมากๆเลยค่ะ เราได้จากการที่ญาติที่นู่นทำเรื่องให้อะค่ะ ส่วนเรื่องงาน โดยส่วนตัวเราอยากหางานอย่างอื่นทำมากกว่าร้านอาหาร เพราะเราสามารถทำได้อย่างถูกกฎหมาย แต่ที่ลองเริ่มจากร้านอาหารก่อนเผื่อในกรณีที่เราหางานไม่ได้จริงๆน่ะค่ะ เพราะช่วงนี้ก็เห็นที่นู่นคนตกงานกันเยอะด้วย จริงๆเราอยากทำงานบริษัทค่ะ แต่คิดว่าเริ่มต้นคงยังไม่ง่าย ^^" ออกแนวถ้ามีอะไรให้ทำก็คงทำไปก่อนน่ะค่ะ

ตอบคุณ 2 cents คห2 - ขอบคุณมากๆนะคะ ถามเพิ่มนิดนึงค่ะ บัตรเครดิตนักเรียนนี่สามารถใช้ได้จนถึงระยะเวลาแค่เป็นนักเรียนป่าวอะคะ แล้วจะมีเปิดรับที่ไหนบ้างอะคะ College, University, Language School?

คุณ junn คห3 และคุณสามีนุ่น คห4 ขอบคุณมากๆเลยต่ะ ^^

ตอบคุณแม่ไข่หก คห5 - พอดีเราอาจจะใช้คำไม่ถูก ขอโทษทีค่ะ คือหลักๆนี่ก็อยากทราบว่าจะทำธุรกรรมการเงิน เช่น ฝากเงิน จ่ายเงิน โอนเงิน เราสามารถทำบัตรเครดิต บัตร ATM ได้มั้ย ส่วนเรื่องมือถือก็เผื่อในกรณีติดต่อกับเพื่อนและญาติที่นู่นน่ะค่ะ ^^" ส่วนลู่ทางทำมาหากินหาแน่นอนค่ะ ^^ เพราะถ้าอยู่เฉยๆเราคงไม่มีรายได้มาดำรงชีพ T_T ส่วนปัจจัยสี่ต่างๆเราพอหาข้อมูลจากกระทู้เก่าๆมาบ้าง เลยไม่ได้ถามในที่นี้ค่ะ ขอบคุณสำหรับข้อคิดมากๆนะคะ ^^


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
1. เท่าที่ทราบมีAT&T และT-mobileที่ขายโทรศัพท์แบบใส่ซิมการ์ด ถ้าจะใช้เครื่องเดิมที่เอามาจากไทย ให้ลองติดต่อสองบริษัทนี้ค่ะ

2. ตอนที่มาอเมริกาใหม่ ๆ ยังไม่มีCredit history จะยังเปิดบัตรเครดิตเองไม่ได้ อาจต้องขอเปิดบัตรเสริมกับญาติ หรือถ้าต้องการสร้างเครดิตของตัวเอง ลองติดต่อธนาคารที่ตัวเองมีบัญชีอยู่ ขอเปิดSecured credit card ซึ่งเครดิตการ์ดแบบนี้ ธนาคารมักไม่ลงประกาศโฆษณา ต้องสอบถามจากธนาคารโดยตรง และเจ้าของบัตรเครดิต ต้องวางเงินมัดจำ โดยเอาเงินเข้าบัญชีไว้ แล้วก็รูดใช้บัตรตามปกติ(คล้าย ๆ กับเป็นการสร้างเครดิตโดยใช้เงินของเราเองน่ะค่ะ) เมื่อใช้บัตรไปเรื่อย ๆ ประมาณหนึ่งปี จนเริ่มมีเครดิตสกอร์เป็นของตัวเอง ก็ค่อยเปลี่ยนไปสมัครบัตรอื่นที่เงื่อนไขดีขึ้น วงเงินดีขึ้น

ส่วนการเปิดบัญชีธนาคาร ต้องใช้SSN, ID cardหรือDriver's license และจดหมายที่มีชื่อที่อยู่ของเราอีกสองฉบับ ซึ่งบัญชีแบบที่กดเอทีเอ็มใช้ได้ จะเป็นแบบChecking account เมื่อเปิดบัญชีจะได้บัตรเอทีเอ็มและสมุดเช็คที่มีชื่อของเราในนั้น เอาไว้เขียนชำระหนี้ต่าง ๆ ได้ ส่วนบัญชีแบบSaving เอาไว้สำหรับเก็บเงินอย่างเดียว ไม่มีบัตรเอทีเอ็มให้ (เมื่อตอนมาอเมริกาใหม่ ๆ งงมากกับประเภทของบัญชีธนาคาร ของบ้านเราบัญชีออมทรัพย์จะมีบัตรเอทีเอ็มให้ด้วย แต่ที่นี่ถ้าต้องการกดเงินออกมาใช้ ต้องเปิดบัญชีCheckingค่ะ) สิ่งสำคัญอีกอย่างในการเลือกธนาคาร คือ เลือกที่มีสาขาและมีตู้เอทีเอ็มใกล้บ้าน เพราะถ้าไปกดเงินจากตู้ที่ไม่ใช่ธนาคารของเรา จะต้องเสียค่าธรรมเนียมอีก $2-3, เลือกธนาคารไม่มีกำหนดจำนวนเงินขัันต่ำในการรักษาบัญชีหรือกำหนดไว้ไม่สูงมาก ธนาคารที่มีกำหนดเงินขั้นต่ำ ถ้าหากยอดเงินเรามีไม่ถึง เขาจะหักเงินค่ารักษาบัญชีออกจากบัญชีของเรา

3.ธุรกรรมการเงินที่นี่ ทำออนไลน์ได้สะดวกมากค่ะ เปิดบัญชีธนาคารก็ไม่ต้องมีสมุดบัญชี ไม่ต้องคอยอัพเดทยอดบัญชีในสมุดเหมือนของไทย ชำระหนี้บัตรเครดิตก็ทำออนไลน์ได้ค่ะ

4. แนะนำเพิ่มเติม สิ่งที่ควรทำเมื่อได้รับSSNและกรีนการ์ดแล้ว ให้ไปทำID card หรือDriver's license เมื่อได้มาแล้ว ค่อยไปทำเรื่องเปิดบัญชีธนาคารและจัดการเรื่องโทรศัพท์

5.การหางาน ให้เตรียมเรซูเม่ ฝึกเทคนิคการสัมภาษณ์งาน ลองเข้าเวบ www.indeed.com ค้นหาตำแหน่งงานโดยใส่ชื่อตำแหน่งที่เราต้องการและZip code


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
เราขอตอบเรื่องมือถือนะคะ

iphone ถ้าของ AT&T จะต้องใช้แบบทำสัญญาจ่ายรายเดือนคะ จะใช้ pre-paid ไม่ได้ สำหรับค่าใช้จ่ายเหมาจ่ายรายเดือนก็จะโทร ส่งเมสเสจ และเล่นเน็ทได้ไม่จำกัด ซึ่งมันก็แพงมาก และเจ้าของกระทู้เพิ่งมาอยู่อาจจะทำสัญญารายเดือนกับเขาไม่ได้เพราะยังไม่มี credit score นั่นเอง คือ เค้าดูตรงนี้ด้วยนะคะ ถ้าไม่มีก็ให้ญาติทำสัญญาให้ก็ได้ (คือถ้าอยากใช้จริงๆ แต่ค่าบริการมันแพง) ที่เราจะแนะนำก็คือ เราใช้ Android Smartphone แต่เราใช้ของ AT&T Pre-paid ใช้แบบวันละ $2 คือวันไหนใช้ก็จ่ายสองเหรียญ ทั้งโทรและส่งเมสเสจไม่จำกัด วันไหนไม่ใช้ก็ไม่ต้องจ่ายคะ (คือเราไม่ได้ใช้มือถือโทรทุกวันอยู่แล้ว เราโทรน้อยอะคะ แต่วันไหนโทรก็โทรกระหน่ำ อีกอย่าง AT&T มันมีแพคเกจให้ซื้อโทรต่างประเทศเพิ่มได้ด้วย จะโทรกลับไทยราคาถูกจากมือถือก็ซื้อแพคเกจได้คะ)

เรื่องต่อไปก็คือเวลาเราจะเข้าเน็ทออนไลน์ผ่านมือถือ ถ้าเจ้าของกระทู้อยู่โซนที่เจริญหน่อย ที่อเมริกาจะมี Wifi free ให้เกี่ยวใช้ได้เยอะแยะคะ ตามร้านแมคโดนัลด์หรือสตาร์บัคก็มีเยอะ อีกอย่างเวลาใช้ซิม AT&T go phone มันจะล๊อกอินต่อไวไฟของ AT&T ให้เล่นเน็ทฟรีอัตโนมัติคะ เราใช้แบบนี้เอา หรืออย่างไอเดียที่เจ้าของกระทู้มีคือใช้มือถือธรรมดา แล้วใช้ ipad ก็ได้คะ เวลาจะเล่นเน็ทก็ใช้ ipad ต่อ wifi เอา จะเอา iphone มาด้วยก็ได้คะ เพราะเวลาพกพาถึงมันโทรไม่ได้ก็เอาไว้เล่นเน็ทจาก wifi ได้

ข้ออื่นๆ เพื่อนๆ คนอื่นก็ตอบไว้เยอะแล้ว เราขอเสริมแค่เรื่องนี้ไว้เป็นไอเดียนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
มาช่วยตอบให้ตามที่ประสบการณ์ของตัวเองเคยมี และก็ไม่ต้องห่วงว่าจะเทศน์ให้ฟังนะครับ เรื่องการขอบัตรเครดิต ไปตอนแรกจะยังไม่มี credit history พวกแบงค์อาจจะไม่ให้ แต่เราเริ่มสร้างเครดิตได้ด้วยการไปสมัครบัตรเครดิตกับห้างร้านต่างๆก่อน อย่างเช่น Sears, Best Buy, Target เพราะเค้าให้ง่ายกว่า ใหม่ๆเค้าก็คงให้ credit limet นิดหน่อย ก็ใช้ซื้อของไปเรื่อยๆ จ่ายให้หมดตามกำหนด อย่า late ซักพักก็เริ่มมีเครดิตแล้ว แล้วค่อยไปขอกับแบงค์ต่างๆ เวลาไปเปิดบัญชี Savings, Checking เค้าก็มี ATM card ให้อยู่แล้ว ไม่มีค่ารายปีเหมือนเมืองไทย แต่ค่า fee ต่างๆ ค่อนข้างเยอะ ต้องดูดีๆว่าแบงค์ไหน ชาร์ทค่าอะไรบ้าง แบงค์ที่อเมริกาส่วนมากมี online banking อยู่แล้ว ใช้จ่ายบิลต่างๆได้ ไม่เสียค่าบริการเลยด้วยซ้ำ เรื่องมือถือ ไปเปิดเบอร์ใหม่ เซ็นต์สัญญาสองปี เรามีสิทธิ์ซื้อมือถือได้ในราคาลดพิเศษ ถ้าโทรศัพท์ที่ตกรุ่นไปแล้ว เค้าก็ให้ฟรีเลย แต่ต้องอยู่กับเค้าจนหมดสัญญา ไม่งั้นถูกปรับ ระบบมือถือมีทั้งใช้ซิมการ์ด (AT&T, T-Mobile) และไม่ใช้ซิมการ์ด (ระบบ CDMA-Sprint, Verizon) การทำงานที่อเมริกา เรื่องหักภาษีเป็นหน้าที่ของนายจ้าง ที่จะต้องหักภาษีเงินได้ต่างๆ ก่อนที่จะจ้างเงินเดือนให้เรา พอสิ้นปีเราก็ได้ statement มาว่า ถูกหักไปเท่าไหร่ เงินเดือนทั้งปีได้เท่าไหร่ แล้วก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องยื่นเรื่องเสียภาษี (Tax return) ว่าที่เราทำงานมา ได้เงินแค่นี้เนี่ย เราถูกหักภาษีมากหรือน้อยเกินไป ถ้าเราถูกหักมากเกินไป เราก็ได้เงินคืน ถ้าน้อยเกินไป ก็ต้องเสียเพิ่ม ส่วนเรื่องที่จะแนะนำก็คือ อย่าคบแต่คนไทย เพราะจะไม่ได้ฝึกภาษา หรือได้ภาษามาแบบผิดๆ ถ้ามีกรีนการ์ด ทำงานบริษัทได้ ไม่จำเป็นต้องทำงานร้านอาหารอย่างเดียว แต่ข้อเสียของคนต่างชาติคือภาษาไม่ดีเท่าคนของเค้าเอง ถ้าได้ภาษาแล้ว (ถึงจะมี accent ก็ไม่เป็นไร) สมัครงานตามความรู้เลย ขอให้โชคดีนะครับ
ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
เราตอบได้ไม่กี่ข้อนะคะ เราเองก็พึ่งมา
เราใช้ straight talk เราใช้ ไอโฟน เอามาจากไทยค่ะ ไม่ต้องซื้อเครื่องใหม่ ซื้อแต่ซิม เดือนละ 45 USD สัญญาณดีค่ะ ... รายละเอียดอยู่ในนี้นะคะ แนะนำค่ะ http://www.straighttalk.com/ShopPhones

ให้เครดิตคุณThanik215 และคุณbeen there, done that เป็นคนแนะนำมา

เรื่องทำร้านอาหาร เราเข้าใจความคิดคุณค่ะ เราเห็นด้วย เพราะ เราคิดว่า พอคุณไปทำ คุณก็จะได้รู้จักคนมากขึ้น ได้ฝึกภาษา ถ้าโชคดีก็อาจเป็นก้าวแรกสำหรับการหาข้อมูลในเรื่องการทำงาน และอีกอย่างคุณทำงานอย่างถูกกฎหมาย จะทำร้านอาหารไหนก็ได้ ร้านญี่ปุ่น เกาหลี etc ได้เงินดีกว่าร้านอาหารไทยแน่ๆ มันคือความคิดธรรมดา เหมือนเด็กวัยรุ่นอเมริกันทำเพื่อหาค่าขนมอะค่ะ

ทั้งนี้ เราเห็นด้วยกับคุณนิดหน่อย ลองเข้าเวปสมัครงานเรื่อยๆ จะได้รู้ว่าต้องเตรียมอะไรมาบ้าง หรือ แนวทาง คุณสมัครมันเป็นอย่างไรค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
1) ตอนนี้เราใช้ iPhone4s เครื่อง Dtac เราควรเอาเครื่องไปใช้ที่นู่นแล้วซื้อซิมใหม่ก็เพียงพอ หรือว่าซื้อเครื่องใหม่ซิมใหม่เลยจะดีกว่าคะ? เราใช้อะไรก็ได้ค่ะ iPhone, Samsung, etc. แต่ไม่แน่ใจว่า promotion smartphone ที่นู่นจะแพงมากมั้ย แล้วก็ contract ยาวนานมากมั้ย ใครพอทราบ promotion มือถือของที่นู่นรบกวนบอกรายละเอียดเรานิดนึงนะคะ ไม่มีข้อมูลเลย แล้วถ้า promotion smartphone แพงกว่ามาก หรือเราใช้มือถือธรรมดา+iPad จะดีกว่าอะคะ

- Contract ปกติ 2 ปีทุกเจ้าครับ ถ้าทำสัญญารายเดือนก็จะสามารถเลือกซื้อโทรศัพท์ได้ในราคา subsidize คือถูกกว่าราคาเครื่องเปล่าค่อนข้างมาก (ex: iPhone 4S 16GB $199 vs $649) บางรุ่นก็ได้เครื่องฟรีเลย เช่น iPhone 4 ตอนนี้ ข้อดีคือเครื่องถูก ข้อเสียคือเครื่องติดล็อคกับเครื่อข่ายนั้นๆ ย้ายไปใช้ค่ายอื่นไม่ได้ ต้องขอปลดล็อคก่อน รวมถึงหากจะยกเลิกสัญญาก็ต้องเสียค่าปรับอีกด้วย

- AT&T ต้องทำสัญญารายเดือนเท่านั้นครับ เจ้านี้ไม่ขายซิมเปล่า ถ้าจะใช้ prepaid เขาจะไล่ให้ไปใช้ GoPhone ซึ่งก็คือเครื่องโทรศัพท์(แบบเบสิกมากๆ)ที่ล็อคเข้ากับเครือข่ายแล้ว ขายเป็นกล่องสำเร็จรูปเลย โปรโมชั่นพรีเพด(ที่นี่เรียกแพลน)มีแค่แบบเดียวคือ วันละ $2 โทร+ข้อความไม่จำกัดไม่มีเน็ท จ่ายเฉพาะวันที่ใช้
แพลนรายเดือนของเจ่านี้ (รวมถึง Verizon และ Sprint) จะมีลักษณะใกล้เคียงกันคือ 1.เลือกปริมาณนาที(บังคับ) 2.เลือกปริมาณข้อมูลเน็ท(บังคับเฉพาะสมาร์ทโฟน) 3.เลือกปริมาณข้อความ(ไม่บังคับ) ซึ่งพอรวมๆกันแล้วของ AT&T ต่ำสุดเริ่มที่ $55 (450 นาที/200 MB/no sms) ไม่รวมภาษีครับ

- T-Mobile ซื้อซิมเปล่าที่ร้านหรือสั่งออนไลน์ได้เลย แพลนตามลิงค์ครับ (http://prepaid-phones.t-mobile.com/monthly-4g-plans) เจ้านี้เมื่อก่อนจะไม่สามารถใช้ 3G กับ iPhone ได้ เพราะคลื่นไม่รองรับกัน แต่ตอนนี้กำลังเริ่มทดลองให้บริการ 3G/4G/LTE กับ iPhone เป็นบางบริเวณในเมืองใหญ่ๆอยู่ ดังนั้นถ้าต้องการใช้ 3G ก็น่าจะข้ามเจ้านี้ไปก่อนช่วงนี้ รายเดือนสูงสุดไม่เกิน $70 (โทรไม่จำกัด/ข้อความไม่จำกัด/เน็ทไม่จำกัด)

- Verizon และ Sprint สองเจ้านี้ให้บริการเครือข่ายแบบ CDMA (ไม่มีซิม) ดังนั้นต้องซื้อเครื่องของเขาใช้+ทำสัญญารายเดือนเท่านั้นครับ สำหรับ Sprint มีแพลนไม่จำกัดทุกอย่าง อยู่ที่เดือนละ $99

- นอกจากเจ้าใหญ่ๆข้างต้น ยังมีรายย่อยที่เช่าคลื่นของ AT&T มาให้บริการต่ออยู่หลายเจ้า สัญญานดีเท่า AT&T แต่เป็น prepaid อย่างเดียว และถูกกว่าหรือคุ้มกว่ารายเดือนของ AT&T มากเช่น
+ Straight Talk (http://www.straighttalksim.com/)
ค่าซิม $15 ค่ารายเดือน $45 มีแพลนเดียว โทรไม่จำกัด/ข้อความไม่จำกัด/เน็ทไม่จำกัด (แต่เหมือนจะลดความเร็วลงเมื่อเกิน 2-3GB)
+ H2O Wireless (https://www.h2owirelessnow.com/pageControl.php?page=index)
ค่าซิม $10 แพลนมีสองแบบ คือเหมาเป็นเดือนหรือคิดเป็นนาที ดูที่ลิงค์ (https://www.h2owirelessnow.com/pageControl.php?page=plans&category=W)
+ Red Pocket (http://goredpocket.com/) รายเดือนสูงสุดไม่เกิน $60 (โทรไม่จำกัด/ข้อความไม่จำกัด/เน็ท 2GB)
ค่าซิมปกติ $20 ตอนนี้ลดเหลือ $10 แพลนตามลิงค์ (http://goredpocket.com/plans/) รายเดือนสูงสุดไม่เกิน $55 (โทรไม่จำกัด/ข้อความไม่จำกัด/เน็ท 1GB)

2) การทำบัตรเครดิต บัตรATM ต้องใช้อะไรบ้างคะ หลักฐาน เอกสาร ต้องมีสลิปเงินเดือนอะไรประมาณนี้แบบบ้านเราหรือเปล่า มีแบงค์ไหนแนะนำมั้ยคะ อยากไว้รูดค่าใช้จ่ายสารพันต่างๆตอนอยู่ที่นั่น เรามีใบเขียว+SSN เราสามารถทำกับแบงค์ที่นู่นได้เลยมั้ยคะ ถ้าเป็นของไทยปัจจุบันที่ถืออยู่ จะเป็น Visa ของ SCB กับ Amex ค่ะ ควรใช้ของปัจจุบันหรือว่าสมัครใหม่แบงค์ที่นู่นดี บางกรณีเผื่ออยากให้ทางบ้านโอนเงินมาให้เพิ่มเติมด้วยน่ะค่ะ

- บัตรเครดิตไม่ทราบ แต่การเปิดบัญชีและทำบัตรเดบิทนั้นง่ายมาก ใช้แค่ ID เท่านั้น (ถ้าต่างชาติก็พาสปอร์ต) รายละเอียดนอกเหนือจากนี้ไม่ทราบแล้วครับ

3) กรณีที่เราสามารถทำบัตรเครดิตกับแบงค์ที่นู่นได้ ช่องทางการชำระเงินเหมือนบ้านเรามั้ยคะ เช่น หักเงินเลยผ่านบัญชี, ทำผ่าน iBanking ?

- ไม่มีความรู้ครับ

4) มีอะไรอื่นๆอีกที่ควรทำเมื่อไปถึงนอกเหนือจากนี้ รบกวนแนะนำด้วยค่ะ

- ออกตัวก่อนว่าผมมาเรียน ถือวีซ่านักเรียน ดังนั้นรู้นิดเดียว ผมคิดว่าควรจะทำ Driver License เป็นอันดับแรกๆ เพราะมันใช้เป็น ID proof กันโดยทั่วไป และถ้าจะซื้อรถก็ต้องมีใบนี้

5) อันนี้นอกเรื่อง ถ้่าเราืำทำงานร้านอาหารและเราโดนหักภาษี (เนื่องจากมีใบเขียว) ทางร้านจะเป็นฝ่ายทำเรื่องหักภาษีให้เราเองใช่มั้ยคะ?

- ไม่มีความรู้ครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 11