ฝันอยากให้ลูกเข้ามหาวิทยาลัยระดับเอเชียของสิงคโปร์ มีทางไหนประหยัดๆ ทำได้บ้าง

ตอนนี้อยู่อนุบาล3 ครับ อยากให้โตขึ้นเรียนปริญญาตรีสายวิทย์ เช่น แพทย์ วิศวะ คณิตศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยชื่อดังระดับเอเซีย โดยเฉพาะสิงคโปร์

แต่จะให้ส่งเรียนอินเตอร์สิงคโปร์แต่เด็กก็แพงเทอมละสามแสน อยากจะจ่ายตังให้คุ้มค่าโดยการจ่ายแพงแบบระดับนั้นเฉพาะตอนเรียน ป ตรี ซึ่งจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด

เราจะมีวิธีไหน ทำได้บ้าง หรือสามารถหาข้อมูลจากที่ไหนครับ (อยากได้คำตอบประมาณ สอบ SAT กี่คะแนนๆ แล้วเข้าได้เลยไม้ยังงัย)

ข้อมูล ลูก ไม่มี PR, citizen ของสิงคโปร์ สัญชาติไทย ลูกสาว อ3 ลูกชาย Nursery
ภาษาอังกฤษแทบไม่ได้เลย (ณ ตอนนี้)

ความคิดเห็นที่ 1
ดูระดับสติปัญญา และความชอบของเด็ก ก่อนดีไหมค่ะ
เพิ่งจะอนุบาล 3 เองค่ะ

ขออภัยที่ตอบไม่ตรงคำถามนะค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ขอทุนค่ะ ถ้าน้องเก่ง รู้สึกจะมีทุนตั้งแต่ประถมเลย รุ่นน้องดิฉันไปตั้งแต่ ป.2 เริ่มได้ทุนตอน ป.3 และมีอีกหลายคนที่ได้ทุนตอนเรียนมหาลัย คือไปเรียนตรีที่นั่นเลยค่ะ มีทั้งเด็กที่จบอินเตอร์ที่ไทยและเด็กจบโรงเรียนมัธยมจากต่างจังหวัดคละๆกัน


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
คุณวางแผนชีวิตลูกเร็วไปมั๊ย น้องแค่อนุบาล 3 แล้วคุณทราบล่วงหน้าได้อย่างไรว่าโตขึ้นเค้าจะชอบเรียนสายวิทย์ หรืออยากจะเป็นแพทย์ วิศวะ ????


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
อ่านหัวข้อ คลิกเข้ามาว่าจะตอบ เห็น 3 คอมเม้นท์บนแล้ว ต้องอมยิ้ม

นี่ฉันก็คิดเหมือนเค้าเหมือนกันหรือนี่

จขกท. ระวังอย่าเป็นพ่อที่ขีดเส้นทางชีวิตให้ลูกเดินตามใจเรานะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
ทุนรัฐบาลสิงคโปร์ ให้นักเรียนไทยไปเรียนที่สิงคโปร์ มีชั้นม.3 ม.4 ม.5 และปริญญาตรี

เด็กต้องเก่งภาษาอังกฤษ และ คณิตศาสตร์ (สอบสองวิชา)


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ไม่แปลกใจเลยค่ะ คนรอบข้างที่มีลูกก็มีฝันสารพัด ชื่นชมในความรักอันยิ่งใหญ่ที่คนเป็นพ่อแม่มีเสมอ

แต่อย่าคิดว่าเมืองนอกดีเสมอไปนะคะ หากเราไม่ปลูกฝังลูกให้ดี เหมือนดาบสองคม ต่อให้ไปเรียนยุโรป อเมริกา แต่กลับมาลืมคุณคน เห็นแก่ตัว เหยียดหยามความจน เพราะการถูกสังคมที่มีการแข่งขันสูงหล่อหลอม ยอมให้ลูกเรียนบ้านเราแล้วได้เป็นคนดีแบบไทยๆของเราสบายใจกว่า อย่างน้อยก็ไม่มาทำตัวนิสัยฝรั่งกับเราจนตกใจเกินรับไหว แบบหน้ามือเป็นหลังมือ(อันนี้แล้วแต่ดวงค่ะ)

เห็นด้วยกับคห.บนๆรอให้เด็กแสดงความถนัดชัดเจนแล้วส่งเสริมไม่ยากค่ะ แต่การอยากให้ลูกเรียนต่อเมืองนอก โรงเรียนนานาชาติค่อนข้างเป็นตัวเลือกที่ดีเพราะหลักสูตรเขาเอื้อ และภาษาจะดีค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
ที่เห็นส่งไปเรียนสิงคโปร์ อายุน้อยที่สุดก็ ม. 2
เรียนจนจบไฮสคูล แล้วไปต่อ ออสเตรเลีย และอเมริกา

เรื่องวางแผนอนาคตลูก เป็นเรื่องธรรมดา
พ่อแม่ที่มีอันจะกินหลายคน จัดแพ็คเกจไว้ให้ลูก
แบบต้องตะลึงว่า เขาเตรียมกันอย่างนี้เลยหรือ

ซื้อตึกแถวอาคารพานิชย์ เตรียมไว้ล่วงหน้าเป็นสิบปี
ช่วงที่ลูกยังเรียนอยู่ เตี่ยเปิดขายน้ำชา กาแฟ
มีตู้เย็นแช่เครื่องดื่มชูกำลังนานาชนิด ขายไปพลางๆก่อน

เผลอแป๊บเดียว ผ่านไปอีกที ร้านเหล่านั้น
กลายเป็นคลินิกหมอคน หมอฟัน หรือร้านขายยา
ในย่านการค้าดีๆแพงๆไปแล้ว
เพราะลูกสาวลูกชาย จบ แพทย์ ทันตะ หรือเภสัชกันมา

หนุ่มสาวพวกนี้ มีแต่สะบายกับสะบาย
ไม่ต้องวิ่งหาที่ทำกินให้เหนื่อย
เห็นมาอย่างนี้ ผิดถูกอย่างไร ขออภัย


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
วิชาการเป็นเลิศ ภาษาดี จะเป็นหลักสูตรไทย หรือ อินเตอร์ก็ได้ เส้นทางเข้าเรียนมีทั้งสองแบบ
เห็นด้วยกับข้างบนว่า วางแผนเร็วจัง ชีวิตวัยเด็กมีค่ามากนะ
ตอบในฐานะที่ลูกเข้า NUS ได้ ให้ลูกผ่านวัยประถมก่อนก็ได้นะ


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ป.3-4 ก็ไปได้แล้วปีละล้าน หาเอเจนซี่ดีดีแนะนำให้ไปดูด้วยตัวเองหรือญาติแนะนำ ถ้าดีก็จะมีแป๊ะเจี๊ยะ มีคนคอยดูแลบังคับ ให้กินให้นอนให้เล่นเกม


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
คุณฝันให้ลูก แต่อย่าลืมว่าความฝันของลูกอาจจะไม่เหมือนคุณ และถ้าเป็นอย่างนั้น ฝันของลูกคุณจะทำอย่างไร?


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
ถามกันเยอะจัง คำถามลักษณะฝันให้ลูก

ภาษาคอมเรียก default choice ครับ คือถ้าลูกไม่เลือก ก็อันนี้แหละ

พ่อแม่มันก็ต้องวางแผนให้ลูกครับ ใครไม่วางเรื่องของใคร ผมจะวาง


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
คห. 11 คนอื่นๆ เค้าก็บอกว่าวางแผนก็ดี แต่เร็วไปไหม
ถ้าจะรอให้ลูกคุณโตแล้วเลือกทางเดินชีวิตหาข้อมูลตอนนี้ไม่
outdate เมื่อถึงตอนนั้นเหรอครับ

เรียนที่ไหนผมว่าเหมือนกันนะครับอยู่ที่ตัวเด็ก
ดูอย่างนักเรียนที่ไปแข่งวิชาการแล้วได้เหรียญทองกลับไทยซิครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
ตอบในฐานะที่เป็นวางแผนให้ลูกเช่นกัน ตอนนี้เขาได้ทุนรัฐบาลเรียน ตรี-เอกที่อเมริกาแล้ว กำลังทำเอกอยู่
ถ้าเฉพาะเจาะจงที่สิงค์โปร์ ผมเองยังมองว่าการจะเข้าสายวิทย์ที่นั่น
อันแรกคือทุนรัฐบาลสิงค์โปร์ครับ การสอบก็จะสอบคล้ายสอบทุนทั่วไป คือ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษา การเตรียมตัวก็คงตามวิชาที่สอบ แข่งกันเองในเด็กไทยและประเทศรอบๆบ้านเรา แต่มักเป็นเด็กเวียตนามที่ได้ทุนมากกว่าเรา
การสอบเข้ามหาลัยสิงคโปร์โดยตรง อันแรกเด็กสิงคโปร์นี่เก่งคณิตศาสตร์มากนะครับ ค่าเฉลี่ยสูงเป็นอันดับต้นๆของโลกเลย ชนะญี่ปุ่น อเมริกา เกาหลีอีก นี่เป็นข้อมูลเมื่อหลายปีก่อน ไม่เอาแบบสอบแล้วแจกเหรียญเป็นเข่งนะครับ
ดังนั้นหลักสูตรคณิตศาสตร์ที่ดีหากเรียนในไทยก็คือหลักสูตรของโรงเรียนปกติที่เน้นคณิตศาสตร์ครับ โรงเรียนอินเตอร์มองข้ามได้เลย แต่ถ้าภาษาแน่นอนจะกลับกัน
มีอีกหลักสูตรที่น่าสนใจคือ EP ในโรงเรียนดังๆคือคล้ายกัน แต่เน้นอังกฤษเพิ่ม เช่นสาธิตปทุมวัน สาธิตเกษตร และอีกหลายแห่ง
สำหรับเด็กนั้นเราเริ่มเห็นแววชัดขึ้นตอนอายุราวๆแปดขวบครับ ตอนนีก็คงดูๆไปก่อน

สำหรับคำถามเรื่องคะแนน เขาใช้ a-level ครับ สำหรับ NUS เข้าไปดูได้ที่นี่ครับ
http://www.nus.edu.sg/oam/gradeprofile/sprogramme-igp.html


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
คุณ ป ครับ ถ้า SISB พอไหวไม้ อินเตอร์ของสิงคโปร์


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
พูดเหมือนลูกเป็นคอมพิวเตอร์เลย มี default ซะด้วย

ลูกหลายๆคนไม่กล้าเอ่ยปากบอกสิ่งที่เลือกก็เพราะแบบนี้ล่ะน้า


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
The best plan for the future of your kids is planning how to get them to think by themselves, and they will achieve even more than what you're trying to force them into.


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
เด็กเล็กๆอย่างลูกคุณตอนนี้คงไม่ได้อยากได้อะไรมากไปกว่าได้กินอิ่มนอนหลับ มีพ่อมีแม่ที่รักเขาอยู่ใกล้ๆคอยเช็ดน้ำตา คอยโอ๋เวลาเขาหกล้มหกลุกมา คอยอ่านหนังสือก่อนนอนให้

เลี้ยงดูใกล้ชิดกันไปก่อนเถิดคุณ พอสักมัธยมให้ได้รู้ทิศทางว่าเขาอยากเรียนอะไรตอนนั้นค่อยว่ากันใหม่อีกที

คุณจะมีโอกาสได้กอดลูกตัวน้อยได้อย่างเต็มอ้อมกอดก็ตอนนี้เท่านั้น

Enjoy them.


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
555 เหนพ่อแม่ใส่ใจลูกอย่างคุณ ก้อรู้สึกดีนะค่ะ
แต่ เราว่า ควรให้เค้าได้กำหนดชะตาชีวิตเค้าเองดีกว่าค่ะ
เราเอง เรียนพอใช้ได้นะ พ่อก้อบังคับเลย ให้เราเรียนวิดวะ เปนไงล่ะ
เรียนจบมา ไม่ได้ใช้ เพราะไม่เก่ง ไม่ชอบ.. เรียนฟรี ขอฝากไว้ให้คุณพ่อคุณแม่ด้วยค่ะ
แต่ยังไง อย่าลืมอบรมให้ลูกรักชาติ รักบ้านเมือง มาพัฒนาประเทศนะค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 18