ประสบการณ์ผ่านตม.และ Custom LAX

สวัสดีค่ะ

วันนี้จะมาขอเหล้าและโซดา อ่ะม่ะช่าย....วันนี้จะมาขอเล่าประสบกาณ์ที่เพิ่งผ่านมาสดๆ ร้อนๆ เลยค่ะ เราบินมาอเมริกาจากเชียงใหม่มาลงที่ LAX เมื่อวานนี้ค่ะ พอเครื่อง landing ปุ๊บ ก็เดินๆ ตามเค้ามาเลยค่ะ ก็จะมาตามทางที่เค้ากำหนดอยู่แล้วไม่ยากเลยค่ะ แต่รีบๆ หน่อยก็ดีนะคะ เพราะหากเดินช้าเอื่อยๆ แล้วพอจะมาต่อคิวที่ตม.คนก็จะเยอะอีกค่ะ แนะนำว่าให้รีบๆ เลยเผื่อจะได้มาต่อคิวที่ ตม.แรกๆ เลยค่ะ

ของเราได้ตม. ช่องเป็นจนท.ผู้หญิง สังเกตว่าตม.ที่นี้จะเป็นพวกหลากเชื้อชาติมากๆ เลยค่ะ เห็นเยอะๆ ก็หน้าตาออกจีนๆ และเม็กซิกันเยอะเลยค่ะ ของเราเจอ จนท.ผู้หญิงเค้าก็ถามเราประมาณว่า มาทำไม , มากี่วัน , พักที่ไหน , มากับใคร คือถามเหมือนประมาณเราขอวีซ่าเลย แต่ตรงจุดนี้เค้าค่อนข้างจะเก็บรายละเอียดเรานะคะ เพราะสังเกตเค้าถามไปก็ดูที่หน้าจอคอมพ์ด้วย คงจะดูประมาณว่าข้อมูลตอนที่เราสัมภาษณ์ตรงกันหรือเปล่าประมาณนี้นะค่ะ ขณะเดียวกันก็ดูพาสปอร์ตเราด้วย และเราก็ยื่นเอกสารใบโรงแรมและเอกสารที่เราซื้อตั๋วไปกลับไว้ด้วยนะค่ะ เค้าก็พิจารณาค่อนข้างละเอียดเหมือนกัน

ขอข้ามช๊อตแบบไวๆ เลยนะคะ พอจนท. ถามเราจนเค้าพอใจ เค้าก็แสตมป์ตรางยางในพาสปอร์ตเรา และก็เขียนด้วยลายมือว่าเราจะอยู่ได้นานเท่าไร พอเสร็จจนท.เขียนให้ 6 เดือนค่ะ และพอยื่นแล้วเค้าก็ถามย้ำเราว่า เราได้นำอาหาร นำเนื้อสัตรว์ ผักผลไม้ มาหรือเปล่า เราก็ตอบว่าไม่ และเค้าก็ให้เราเขียนในใบ I-94 ว่านำเงินดอลล่าร์มาเท่าไร เราก็เขียนไป และเราก็บอกเค้าเพิ่มด้วยว่าเรามีเครดิตการ์ดมาด้วย 2 ใบ เพื่อประมาณว่าเรามีคชจ.ครอบคลุมการมาเที่ยวครั้งนี้นะค่ะ

พอผ่านจุดนี้มาได้ก็โล่งจุดหนึ่งแล้วค่ะ ก็เอารถเข็นมารับกระเป๋าตามสายพานค่ะ ตรงนี้ก็ไม่ยากจะมีบอร์ดคอยบอกอยู่แล้วว่าเรามาสายการบินอะไรก็ให้เดินไปตามเลขนั้นๆ จากนั้นขั้นตอนต่อมาก็จะคือ Custom ตอนแรกเราคิดว่าตรงนี้น่าจะผ่านฉลุย แต่ของเราคือมาครั้งแรกและมีกระเป๋ามาด้วย 2 ใบใหญ่ๆ เค้าก็เลยขอตรวจเลยค่ะ เค้าก็เอากระเป๋าเอ็กซเรย์ และต่อมาก็ค้นเลยนะค่ะ ค้นกระเป๋าทั้งหมดเลย ขนาดเราเอามาม่ารสหมูสับมาด้วย จนท.ก็หยิบเพ่งแล้วเพ่งอีก คงกลัวว่าข้างในจะมีส่วนผสมเป็นหมูชิ้นๆ ละมั๊งคะ เอิ๊กๆๆๆ

พอจนท. เค้าตรวจค้นกระเป๋าจนพอใจ ก็ให้เรานั่งรอสักพักค่ะ เราก็ลุ้นๆ ว่าจะยังไงต่อไป เพราะเค้าก็คงสงสัยไงคะ ว่าทำไมของเราเยอะมาก คือมียาด้วย พอดีก่อนจะบินมาเราป่วยนะค่ะ ก็เลยต้องมียามาด้วยมากหน่อย

สุดท้ายขั้นตอนนี้ จนท.ก็ยื่นคืนพาสปอร์ตให้เราและก็ให้เราไปได้ค่ะ อยากจะบอกว่าตอนผ่าน Custom จนท.ก็ถามคล้ายๆ ตอน ตม.เลยค่ะ ถามหมดว่ามาทำไม มากี่วัน เราทำงานอะไร อะไรประมาณนี้ด้วยนะค่ะ

พอออกจาก LAX มาได้ เจอแดดแรกที่อเมริกา ตกใจนิดหน่อยเพราะแดดแรงมาก น้องๆ เมืองไทยเลยค่ะ แต่ตอนเย็นที่นี้อากาศดีจังบรรยากาศแสงสวยมาก ฟ้าเค้าจะมืดก็ไม่มืด จะสว่างก็ไม่สว่าง ประมาณ Sunset นะค่ะ เราชอบมาก

ขอจบการเขียนเท่านี้ละกันนะคะ

ความคิดเห็นที่ 1
ติดใจอยู่เรื่องเดียว มาแอลเอพกมาม่าหมูสับมาทำไมกันเอ่ย? ที่แอลเอนี่ คนไทยที่อยู่ที่นี่เขาไม่ค่อยกินหรอกมาม่า (ทั้งๆที่มีขายกันทุกรสที่กรุงเทพมี) เพราะเขากินตามร้านอาหารไทยทำกันสดๆกันเลย ร้านไทยที่แอลเอนี่ ไม่ใช่เยอะอย่างเดียว แต่ยังอร่อยไม่แพ้ร้านดังๆในกรุงเทพด้วย ขอบอก


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
ขอบคุณที่มาแชร์ประสบการณ์นะคะ ^^


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ตอบ คห.1 พอดีว่าเราก็ติดๆ ไว้นะค่ะ เพราะรู้แน่ว่าต้องกินมาม่าแน่ๆ
เพราะให้ไปกินร้านอาหารบ่อยๆ คงไม่ได้นะค่ะ อย่างน้อยมีมาม่ากันไว้
เวลาขี้เกียจออกไปไหน หิวปุ๊บก็กินมาม่าได้เลยนะค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
อ้าว คุณ very_berry ถึงอเมริกาแล้วหรอคะ
สรุป เค้ายึดมาม่าไปใช่มั้ยคะ จริงๆอยากเอามาม่าไปกลายรอบแล้วแต่กลัว ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ค่ะ เพราะคิดอยู่ว่ารอบนี้จะเอากระเป๋าไปกี่ใบ ถ้าเอาไปสองกลัวโดนเล็งเหมือนกัน


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
ขอบคุณคุณหนู จขกท. นะคะที่มาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง และ มาเล่าว่ามีถามคำถามง่ายๆ ถามแบบเดียวกับตอนไปขอวีซ่า
ด้วย จากประสบการณ์จริงของคุณ จขกท. จึงเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านมากๆ และทำให้ผู้อ่านได้ทราบอย่างถูกต้องว่า
ต.ม. อเมริกัน และ ต.ม. ของอีกหลายๆ ประเทศนั้น ไม่ได้สแตมป์แต่เพียงอย่างเดียว แต่เขาคำถามพวกนี้ด้วย
ซึ่งเป็นคำถามง่ายๆ ที่ ต.ม. เขาก็มีคำตอบอยู่แล้ว แต่เขาแค่จะเช็คความมั่นใจของผู้ตอบ เช็คความฉาดฉาน
และ มองการสบตา หรือเช็คบอดี้ แลงเกว็จของผู้ตอบด้วยค่ะ การเดินทางดีอย่างนี้นี่เอง ช่วยเปิดโลกทัศน์ และช่วยให้
มีประสบการณ์จริงๆ ได้ไปเห็นมาจริงๆ ได้ไปทำมาจริงๆ นะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ถึงคุณหนู จขกท. เรื่องพกมาม่าเนี่ย พี่ก็พกนะคะ โดยเฉพาะเวลาที่เดินทางไปเที่ยวเมืองหนาวๆ พอไปได้สักวันสองวัน
เวลาดึกๆ หนาวๆ เย็นๆ เนี่ย ได้ซดมาม่ารสต้มยำกุ้งน้ำข้น หรือ ไวไวต้มยำน้ำใสสูตรมะนาวสักชามโตๆ (พี่กินทีละ
2 ห่อเลยค่ะ ) ขอบอกว่าช่วยแก้หนาวได้ และ มาม่ารสต้มยำกุ้งเนี่ย จะอร่อยมากกว่าปกติเป็นพิเศษเวลาที่กิน
ในเมืองหนาว ไม่เชื่อลองดู _ไม่ใช่แต่มาม่าเท่านั้น น้ำดื่มพี่ยังพกเลยค่ะ สักขวดสองขวดใส่กระเป๋าโหลดไป เพราะบางครั้ง
ไปถึงจุดหมายปลายทางดึกๆ ดื่นๆ หรือไปถึงที่ๆ อากาศร้อนมากแห้งมาก อาจจะหาน้ำดื่มลำบาก เพราะอาจจะต้องรีบ
นั่งรถเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางอีกหลายชั่วโมง หรือบางครั้งน้ำดื่มของฟรีในห้องในโรงแรมมีแค่สองขวดเล็กๆ
ไม่พอค่ะ ส่วนของซื้อในห้องพักส่วนใหญ่แพงมาก พกของเราไปเอง แก้ขัดได้เสมอ และช่วยชีวิตมาหลายหนแล้ว อิอิ


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
เออ เรื่องพกมาม่านี่ยังไงๆก็พกค่ะ
กะลังจะไปยุโรป 3 อาทิตย์ แต่ไอ้ต้องกินอาหารฝรั่งชืดๆตลอดนี่ สุดทนจริงๆค่ะ
อย่างน้อยต้องมีต้มยำกุ้งหรือหมูสับไปตัดเลี่ยนสักถ้วยสองถ้วย



ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
ตอบ คห.4 ค่ะ ใช่แล้วจ้ามาเหยียบอเมริกาเมื่อวานนี้เองค่ะ ตอนแรกคิดว่าต้องเลื่อนซะแล้ว เพราะดันปวดหูอย่างแรง สงสัยพักผ่อนน้อยด้วยนะคะ ตอนนั่งเครื่องนานๆ ก็สุดทนจริงๆ ค่ะ ลุกๆ นั่งๆ อยู่อย่างนั้น อ้าว!! นอกเรื่องที่ถามซะงั้น ขอตอบเรื่องมาม่านะคะ Custom ไม่ยึดอะไรของเราไปเลยค่ะ เค้าแค่จับห่อมาม่ามาดู ดูแล้วดูอีก พินิจพิเคราะห์ ขนาดมาม่ารสต้มยำกุ้งก็ดูอยู่อย่างนั้น (สงสัยพี่ Custom อยากกินรสต้มยำกุ้ง 555+)

มีอีกอย่างนะคะ เราเอาลำไยอบแห้งเค้ามาด้วย ตอนแรกเค้าก็ถามว่าอะไร เค้าก็คงพอรู้แหละนะเราว่า เพราะเค้าก็ถามว่าผลไม้ใช่มั๊ย เราก็ตอบว่า It's dried Longan พอดีเราทำสติกเกอร์เขียนติดไว้ด้วยนะคะ เราก็ไม่รู้หรอกนะว่าเราใช้ศัพท์ถูกต้องหรือเปล่า เพราะภาษาอังกฤษก็งูๆ ปลาๆ นะค่ะ แต่เราว่าเค้าก็คงพอเข้าใจนะค่ะ

และอย่างที่คุณ Been there, done that! บอกมาเลยค่ะ คำถามของเค้าจัดว่าพื้นๆ ง่ายๆ แต่สังเกตว่าเค้าจ้องเรา และดูอากับกิริยาเราตลอดค่ะ เราก็พยายามมองสบตา ยิ้มๆ ถามมาก็ตอบไป ประมาณนี้ค่ะ เราเองก็เตรียมตัวเรื่องนี้ค่ะ ก็เลยเอาเอกสารต่างๆ ที่คิดว่าน่าจะเกี่ยวด้วยมายื่นให้ตม.เค้าดูด้วยค่ะ อย่างเอกสารจองโรงแรมอะไรแบบนี้เราก็ยื่นให้เค้าดูเลยค่ะ เค้าก็เปิดดูละเอียดเลยเหมือนกันนะคะ

และตรงด่าน Custom จากที่เราสังเกตนะคะ คนที่โดนตรวจกระเป๋าอย่างละเอียดส่วนใหญ่เป็นคนเอเชียเป็นส่วนใหญ่เลยค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ขอบคุณคุณ very_berry นะคะ ที่กรุณากลับมาพูดคุยแชร์ประสบการณ์กับผู้อ่านทั่วๆ ไปอีกครั้งหนึ่งค่ะ

ส่วนท่านไหนที่จะเตรียมตัวขอวีซ่า โดยเฉพาะวีซ่าท่องเที่ยว หรือ เตรียมตัวเดินทางผ่านเข้า ต.ม. ของประเทศต่างๆ
สามารถเข้าไปอ่านในกระทู้นี้ที่มีท่านอื่นๆ หลายท่าน และ ตัวเราเองเขเาไปแชร์ประสบการณ์ตรงเอาไว้ได้เลยนะคะ

http://www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H12573307/H12573307.html

//ปอลอ พี่มีเรื่องพกมาม่าไปเมืองนอกมาแชร์อีกรอบนะคะ ขอแชร์กับคุณ งงมึนเอ๋อเซ่อเปิ่นหลง ด้วยค่ะ
ว่าเห็นด้วยมากๆ ที่เอาไปตัดเลี่ยนค่ะ ปกติแล้วพี่ทานอาหารได้แทบจะของทุกชาติ และชอบอาหารฝรั่งประเภท นม เนย
ครีม ชีส ต่างๆ แต่ถ้าจะให้ทานทุกมื้อก็ไม่ไหวนะคะ ต้องขออะไรเผ็ดๆ หรือรสจัดจ้านแบบไทยๆ มาตัดบ้าง ชีวิต
ถึงจะมีรสขาดค่ะ และบางครั้งการไปเที่ยว ตปท. หรือการอาศัยอยู่ใน ตปท. ไม่ใช่ว่าทุกคนจะอยู่ใกล้ หรือไม่ใช่ว่าทุกคน
จะสะดวกไปไทยทาวน์ ไปเอเชี่ยนซุปเปอร์มาร์เก็ต ไปร้านจีน ร้านเวียตนาม

บางครั้งอารมณ์นึกอยากจะกินมาม่า ซดน้ำต้มยำเดี๋ยวนั้น ถ้าเรามีสแตนด์บายเอาไว้ ให้หยิบฉวยได้ง่าย แค่รอไม่กี่นาที
ก็สามารถกินบะหมี่สำเร็จรูปรสต้มยำได้แล้ว หรือใส่กุ้ง ใส่ใส้กรอก ใส่หมูบด ใส่ผักต่างๆ ลงไปด้วย อร่อยดีแท้
หรือจะโขลกปลาทูน่ากระป๋องลงไปสักกระป๋องก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด


เวลาพกมาม่าไปเมืองนอกเนี่ย พี่ชอบพกแบบซอง ไม่ชอบแบบถ้วย เวลาแพ็คของลงกระเป๋าเดินทาง พี่จะใส่กล่อง
ทัปเปอร์แวร์ไปเลยค่ะ เส้นมาม่าจะได้ไม่แตกไม่หัก เส้นหักแล้วกินไม่อร่อยนะคะ และถ้าเอาไปต้ม จะได้เส้นที่เหนียวนุ่ม
กว่าการเอาไปใส่ในน้ำร้อนปิดฝาโดยที่ไม่ผ่านการต้มค่ะ

จากเซียนมาม่าค่ะ อิอิอิ


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
เพื่อนผมเอากุนเชียงไป โดนปรับไป300$


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
Welcome to Los Angeles.

Hope you have a good time & enjoy.


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
ฮ่าๆๆๆ
มาเมกา ขนมาม่า มากิน
ที่เมกามีทุกรส แถมดีกว่าที่เมืองไทยอีก

หวังว่าตอนอยู่เมืองไทย
คงไม่ไปหากิน Pizza หรือ Mc Donald นะ

เห็นมาเยอะเลย จากเพื่อนๆ ที่สนิทกันดี
อยู่เมิองไทย อยากแดรกสารพัด American Junk Food
พอมาเที่ยวเมกา จะแดรกแต่อาหารไทย


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
^
^
เหน็บเค้าทำไม เค้าเป็นนักท่องเที่ยว เค้าก็ขนมาเผื่อเหลือเผื่อขาด
นักท่องเที่ยวหรือคนเพิ่งมาครั้งแรก ไปไหนมาไหนมันไม่ได้สะดวกสะบาย
เหมือนคนอยู่อาศัยมานานแล้วซะหน่อย
ของแบบนี้อยู่ไปนานๆ ก็รู้เอง
โรคจิต...


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
อ่านกระทู้นี้แล้วอยากกินมาม่าขึ้นมาในทันใด

ต้นปีกลับบ้าน ได้ขนมาม่ามาจำนวนนึง ยังกินไม่หมดเลย(แต่ที่เหลืออยู่เป็นแบบแห้ง อยากกินแบบที่ซดน้ำด้วยจัง) ค่อยๆละเลียดกินกะกินให้ครบปี ซื้อมาแต่รสแปลกๆที่นี่มันมีแต่ขายรสพื้นๆ

เคยลองบะหมี่อบแห้งประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเกาหลี อินโด ... ของไทยถูกปากที่สุดเลย

อะฮ้า เลื่อนมาเจอ คคห12 ดิฉันเป็นหนึ่งในนั้นนะ ตอนอยู่ไทยชอบกิน pizza hut/Mc donald แต่พอมาอเมริกาแล้วไม่เข้าไปซื้อกินเลย ยกเว้นจำเป็นมากๆ อีกอย่าง pizza เมืองไทยอร่อยกว่าหลายเท่า

ยังมีอีก broccoli แต่ก่อนก็เคยชอบมาก พอมาอยู่นี่จะหากินแต่คะน้า ไปสั่งผัดซีอิ๊ว/ราดหน้า ที่ร้านไทยเค้าใส่แครอท + broccoli ทั้งนั้น ยังหาไม่เจอร้านที่ใส่คะน้าเลย(พอดีไม่ได้อยู่ LA) เพราะว่าต้นทุนมันแพง เลยต้องซื้อมาทำเอง แต่ว่าดิฉันว่าไม่แปลกนะและก็ไม่คิดว่าผิดปรกติด้วย อะไรที่มันเยอะๆดาษดื่นมันก็ไม่น่าพิศวาส ตอนนี้โหยหาแต่ข้าวแกงที่ตลาดแถวบ้าน ส่วนตัวอยู่เมืองไทย ชอบกินมาม่าเป็นทุนเดิม ไม่ได้กินทุกวัน แต่พอมีรสใหม่ๆต้องขอลองชิม

ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
ขอลบนะคะ



ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
ตกลง นี่กระทู้มาม่า ^_^


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
ตอนผมไปเอายาสีฟันสมุนไพรไปด้วย
แล้วยาเป็นกระปุกใสผงข้างในสีขาว
อธิบายตั้งนานกว่าจะผ่าน
เกือบต้องแปรงฟันโชว์แล้วเชียว


ตอบกลับความเห็นที่ 17