แบบนี้เขาจะว่าหนูขี้ฟ้องมั้ยเนี่ย -*-

ออกตัวก่อนว่าไม่ได้อยู่เมื่องนอกนะคะ แต่ปัจจุบันทำงานกับบริษัทต่างชาติ ซึ่งเจ้านายโดยตรงคือคนอเมริกัน

ด้วยความว่าที่ผ่านมาทำงานกับบริษัทไทยเล็กๆ ไม่เคยได้ร่วมกับชาติใดทั้งสิ้น

หลังจากสอบสัมภาษณ์และฝึกงานของที่นี่ผ่าน
เราก็ได้อยู่ทีมเดียวกันกับฝรั่งอีกนางหนึ่ง และปัญหาก็เริ่มขึ้นที่ว่า ครอบครัวนางคนนี้เป็นเพื่อนกับผู้บริหาร
ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลนี้หรือเปล่านางเลยไม่ค่อยยอมทำงาน หรือโอนงานมาให้เราทั้งหมด แรกๆก็คิดว่าภาษาเราอาจมีการสื่อสารผิดพลาดทำให้นางเข้าใจผิดจึงส่งงานหนักๆ มาให้ แต่มันไม่น่าจะเกี่ยว ช่วงหลังเรากลับบ้านหลังเที่ยงคืนทุกวัน เพราะต้องทำทั้งรายงานการขายและเขียนงานที่ต้องทำส่งให้เจ้านายทุกวัน เนื่องจากแม่นางไม่ยอมช่วย


เราเลยอยากจะไปบอกบอสตรงๆ (เพื่อนของครอบครัววนางนั่นแหละ)
ว่าเราอยากเปลี่ยนทีม และเราก็ไม่ได้รู้สึกดีกับการมีเพื่อนร่วมงานแบบนี้

เราไม่เคยทำที่ไหนมาก่อนที่เจ้านายและเพื่อนร่วมงานเป็นต่างชาติ ธรรมเนียมเขา เราสามารถบอกแบบนี้ได้มั้ยคะ หรือว่ายังไง เพราะไม่ไหวจริงๆ

เราไม่ได้อยากถูกมองว่าเป็นคนขี้ฟ้องในขณะเดียวกันก็ไม่ได้อยากถูกยัยนี่(น้ำเสียงเปลี่ยนไปตามอารมณ์) มาเอาเปรียบ -*-


ปล.แอบรู้มาตอนหลังเงินเดือนเขามากกว่าเราเกือบเท่ายิ่งเฮิร์ตเลยค่ะ

ความคิดเห็นที่ 1
บอกได้ค่ะ คุยกับเจ้านายไปตรงๆ เลย แต่ควรจะคุยกับ "ยัยนี่" ก่อนว่าทำไมไม่ทำงานของตัวเอง

แล้ว งง อีกเรื่อง คือว่า คุณ จขกท. ไปทำอีท่าไหนคะ ถึงได้ให้ "ยัยนี่" สามารถโอนงานของตัวเองมาให้คุณทำได้เยอะ
ขนาดนั้นหน่ะ

ตำแหน่งของคุณกับ "ยัยนี่" เท่ากันหรือเปล่าคะ และบริษัทให้ "ยัยนี่" เป็นพี่เลี้ยงคอยสอนงานให้คุณ จขกท. หรือเปล่า
ถ้าไปฟ้องนายคุณต้องแน่ใจด้วยนะคะ ว่าคุณเข้าใจถูกต้อง ไม่ได้เข้าใจอะไรผิดไป ภาษาต้องดี ต้องสามารถสื่อสารได้
ตรงจุด ต้อง Express ออกมาได้ตรงจุด แจ่มแจ้ง ข้อมูลของคุณต้องดี ต้องพูดจาโต้ตอบได้อย่างฉาดฉานนะคะ

เพราะ "ยัยนี่" เป็นฝรั่ง ฝรั่งด้วยกันส่วนใหญ่มักจะเชื่อฝรั่งด้วยกันมากกว่า หรือแม้แต่คนไทยเองส่วนใหญ่หลายๆ คน
จะเชื่อฝรั่งมากกว่าคนไทยด้วยกัน เพราะเชื่อ "ฝรั่ง" นะคะ

อ้อ และขอถามด้วยว่า ถ้าตัดปัญหาเรื่องที่ว่า "ยัยนี่" ได้เงินเดือนมากกว่าคุณแล้วเนี่ย การที่ทำงานเยอะๆ ทำให้คุณ จขกท.
เรียนรู้งานเพิ่มขึ้นไหมคะ ทำงานเก่งขึ้นไหม เข้าใจระบบการทำงานกับฝรั่งดีขึ้นไหม ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณมีพัฒนาการในการ
ทำงาน มีทักษะเพิ่มขึ้น เรียนรู้อะไรได้มากขึ้น นี่คือข้อดีนะคะ

ฝรั่งขี้ฟ้อง ฝรั่งขี้ประจบ ฝรั่งขี้เกียจ ฝรั่งจอมวางแผน ฝรั่งเลียเจ้านาย ฝรั่งชอบเสี้ยมเพื่อนร่วมงาน
ฝรั่งขี้อิจฉา ฝรั่งเจ้าเล่ห์ ฝรั่งชอบทำงานเอาหน้า มีอยู่ทุกวงการค่ะ

และความจริงที่เจ็บปวดสำหรับคนไทยที่เก่งๆ ทำงานเก่งกว่าฝรั่ง ทำงานดีกว่าฝรั่ง คือว่าฝรั่งจะได้เงินเดือนมากกว่าค่ะ
และในบรรดาฝรั่งด้วยกัน ฐานของเงินเดือนของฝรั่งแต่ละชาติก็ไม่เท่ากันด้วยค่ะ

ฝรั่งที่รายได้ดีๆ หน่ะ ก็มีคนอังกฤษ คนอเมริกัน คนสแกนดิเนเวี่ยน คนฝรั่งเศส คนเยอรมัน เป็นต้น ส่วนบริษัท
ที่เงินเดือนดี สวัสดิการงามก็ต้องพวกบริษัทอเมริกันค่ะ

คนไทย คนเวียตนาม คนฟิลิปปินส์ คนอินโด หลายๆ คนทำงานเก่งกว่าฝรั่งอีก แต่เรทเงินเดือนได้น้อยกว่าฝรั่งค่ะ
เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นคนไทยที่โปรไฟล์เริ่ดๆ ทำงานเก่งๆ หลายๆ คนเงินเดือนเท่ากับฝรั่ง หรือได้มากกว่าค่ะ

ก่อนจะไปคุยเนี่ย ต้อวแร่ใจว่าหนูพ้นโปรแล้วนะจ๊ะ เซ็นต์สัญญาแล้วด้วยใช่ไหมจ๊ะ ถ้าไม่มั่นใจอย่าเพิ่งคุยนะ
ให้สังเกตการณ์ไปก่อน และคิดบวกเอาไว้ก่อนว่าทำงานมากประสบการณ์ยิ่งมากนะจ๊ะหนู


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
การว่าจ้างคนงานแบบนี้เรียกว่า Bias ขึ้นอยู่กับความชอบพอใจเป็นส่วนตัว ที่มีให้เห็นทั่วไปทั้งในไทยและต่างประเทศ


คงยากที่เจ้านายจะรับพิจารณาเพราะเขาเป็นเพื่อนกัน เขาย่อมช่วยเหลือเกื้อกูลกันและยิ่งอยู่ในประเทศที่เขาคิดว่าตนเหนือกว่า ที่คนไทยเป็นลูกจ้าง


ถ้าคับที่อยู่ไม่ได้ และคับใจด้วยยิ่งไม่มีความสุข... คงต้องหางานใหม่ อดทนทำงานนี้ไปจนกว่าจะได้งานใหม่ที่จ่ายดีกว่า ให้ถือว่าเป็นการฝึกงานให้ตัวเองมีปสก.มากขึ้น


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
ที่ว่า "ฝรั่งขี้ฟ้อง ฝรั่งขี้ประจบ ฝรั่งขี้เกียจ ฝรั่งจอมวางแผน ฝรั่งเลียเจ้านาย ฝรั่งชอบเสี้ยมเพื่อนร่วมงาน
ฝรั่งขี้อิจฉา ฝรั่งเจ้าเล่ห์ ฝรั่งชอบทำงานเอาหน้า มีอยู่ทุกวงการค่ะ"

รู้สึกคุ้นๆที่กรุงเทพและหัวดำเสียด้วย
.
ที่อเมริกา เขารู้กันนานแล้วว่าถ้าหน้าตาตี๋ๆหมวยๆหรือไทย จะให้ได้เงินเท่ากับชายอเมริกันผิวขาวนะต้องทำงานดีกว่าสักสองเท่า เรื่องเงินเดือนยังไม่ต้องสนใจเงินเดือนคนอื่นครับถ้ายอมรับได้ตั้งแต่ต้น แจงรายละเอียดให้หัวหน้าทราบโดยไม่ต้องพาดพิงถึงเพื่อนร่วมงานไปก่อน แล้วค่อยๆขยับ
ที่ดีดีทีเขาบอกก็น่าฟังอยู่นะ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
กลับมาที่คำถาม

หลังจากทำด้วยกันมาเกือบ สามเดือนนนนนนน หนูว่าภาษาหนูไม่ได้เข้าใจผิดหรอก ยัยนี่ มันโมเมเอง

เราตกลงกันแล้วแต่เธอก็กลับบ้าน ตรงเวลา ซะเหลือเกิน งานข้างหลังทิ้งให้หนูคนเดียว - -*

ถามว่าผ่านโปรมั้ยหนูยังไม่ผ่านค่ะ ยัยนี้ ก็ยังไม่ผ่าน (หรือมันคงจะผ่านเพราะเส้นมันเอง) - -*

หนีจากบริษัทไทยเพราะเรื่องเส้นๆน่ มาเจอบริษัทนี้ ไม่พ้นเรืองนี้อีก คิดแล้วปลง เลยชั้น T_T


ปล.ประสบห์การณ์หนูก็อยากเก็บ แต่เก็บเกินวันละ 16 ชั่วโมงหนูก็ไม่ไหว T_T


หนูไม่ได้อยู่ที่ต่างประเทศค่ะ อยู่เมืองไทย แต่บริษัทที่ทำเป็นบริษัทของต่างชาติค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
อยากให้กีบคุณ ดีดีที (ผมว่าตามผู้ใหญ่ คุณอิสึ่น ผมไม่ผิดใช่ไหมครับ แหะๆ) เรื่องเงินเดือนมากกกกก ต่อให้เก่งแสนเก่งเท่าไหร่ เงินเดือนก็น้อยกว่าพวกหัวทองอยู่ดี

เศร้าเนอะ แต่มันคือความจริงของชีวิตที่ต้องรับให้ได้ T_T


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
หนูจ๊ะ รอให้พ้นโปรก่อนค่ะ ยังไม่ต้องคุยกับนาย แต่คุยกับเธอก่อน บอกให้ช่วยกันทำค่ะ

คืองี้ เห็นหนูบอกว่าต้องทำรายงานการขายและต้องเขียนงานส่งทุกวัน เขียนรีพอร์ทประจำวันใช่ไหมคะ
เอ มีขายของ มีปิดรอบตอนเย็น มีบอสฝรั่ง แล้วบอสเนี่ยเป็นเจ้าของกิจการด้วยหรือเปล่าคะ แบบว่าพวกฝรั่ง
อยู่เมืองไทยมีภรรยาไทยแล้วตั้งบริษัทนำของเข้ามาขายหน่ะค่ะ
หนูทำงานแบบขายของที่เคาน์เตอร์ของต่างชาติที่ไปขายสกินแคร์ตามตึกออฟฟิสหรือเปล่าคะ

แล้วที่บอกว่า "ยัยนี่" เป็นเด็กเส้นเนี่ย หล่อนเป็นพวกเด็กฝรั่งลูก Expat ที่พ่อแม่ทำงานในเมืองไทยแล้ว
เด็กคนนี้โตที่เมืองไทย อยู่เมืองไทยมานาน แล้วหล่อนจบจากโรงเรียนอินเตอร์หรือมหาลัยอินเตอร์ในเมืองไทยหรือเปล่าคะ

คืองี้นะคะหนู ถ้าเป็นพวกเด็กฝรั่งแบบที่พี่ถามมาเนี่ย พี่บอกได้เลยค่ะว่าทำงานไม่เก่ง เพราะเด็กพวกนี้จะสปอยล์นะคะ
แล้วเขาไม่ต้องทำงานก็มีเงินใช้ มีบ้านอยู่ มีคนรับใช้ ปีๆ นึงก็บินกลับบ้านที่ต่างประเทศฟรีค่ะ เด็กพวกนี้ส่วนใหญ่จะรู้
ภาษาไทยด้วยทั้งฟัง พูด คล่องมาก หรืออาจจะอ่่านเขียนได้ด้วย แต่อาจจะแอ๊บทำเป็นไม่เข้าใจด้วยนะ คือเขาไม่ต้อง
ทำงานเลี้ยงตัวเอง แต่เขาต้องทำงานเพราะว่าเรียนจบแล้วและต้องได้ชื่อว่ามีงานทำค่ะ _หนูให้ข้อมูลมาไม่พอ
ช่วยวิเคาระห์แบบเจาะลึกไม่ได้ค่ะ ไม่ทราบประเภทของงาน ไม่ทราบแบ็คกราวน์ดของ "ยัยนี่" เลย

ถ้าครอบครัวของนางเป็นเพื่อนกับผู้บริหาร และยิ่งถ้าเป็นคนชาติเดียวกัน แน่นอนเลยแหละค่ะว่าพ่อแม่ของนาง
และนางหน่ะ จะต้องสังสรรค์ไปมาหาสู่ หรือนัดกินข้าว หรือไปปาร์ตี้ปิ้งบาร์บีคิวกินกันในวันหยุดด้วย ต้องมีอยู่แล้ว
หรือสองครอบครัวนี้บางครั้งต้องออกงานสังคมงานเดียวกัน มีเพื่อนกลุ่มเดียวกัน เพราะคนต่างชาติในเมืองไทย
เขาก็เกาะกลุ่มกันเป็นชาติๆ มีกิจกกรมในชุมชนของเขาเองค่ะ

พ้นโปรก่อนแล้วค่อยคุยค่ะ และก่อนคุยต้องแน่ใจว่าการสื่อสารกับบอสของตนเองจะดีพอ และข้อมูลที่จะคุยกับบอส
ต้องดีค่ะ หรือเขียนค่ะ บันทึกคร่าวๆ ว่าวันไหนนางกลับบ้านกี่โมง หนูทำงานถึงกี่โมง

หนูต้องระวังอีกอย่างนะคะ คือคนต่างชาติบางคนที่ทำงานที่เมืองไทยเขาไม่เคารพคนโลค่อลนะคะ และบางครั้ง
การพูดคุยของคนไทยไม่มีน้ำหนักค่ะ และอย่าลืมว่า "ยัยนี่" เป็นคนบ้านเดียวกับ "บอส" คนชาติเดียวกัน
พูดภาษาเดียวกันค่ะ

//ณ ตอนนี้พี่มีคำแนะนำเท่านี้ค่ะ อื่นๆ กรุณาฟังความคิดเห็นหรือข้อแนะนำจาก คห. ถัดๆ ไปค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
คุณ Click_ที่นี่ ขอบคุณค่ะ รับดีดีทีไหมคะ แต่อยู่สิงคโปร์ไม่ค่อยมีมด ไม่ค่อยมีแมลง ไม่ค่อยมียุงนะคะ
คงไม่ต้องรับนะคะ รับดีอื่นดีกว่าค่ะ D for (Singapore) Dollar ค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
ส่วนที่หนูทำเป็นร่้านอาหรนานาชาติค่ะ (บอกช่ื่อเด๊่ยวซวย)

เราทำฝ่ายการตลาดและยังรวมไปถึงดูแลความเรียบร้อยของร้านด้วย ส่วนอีกทีมจะทำการขายคือกันแต่เน้นโปรโมทมากกว่า

กลับมาที่ ยัยนี่ เธออายุ 24 หนูก็ไม่สนิมกับเธอหรอกค่ะ เนื่องจากเทอไม่ค่อยคุยกับคนอื่นๆ เท่าไหร่ยกเว้นกลุ่มสีผมเดียวกัน ตามจริงเทอมีงานถ่ายแบบปละปลาย แต่ไม่รุ้ทำไมต้องทำงานกับหมู่่เรา - -*

ส่วนบันทึก บอสเห็นอยู่แล้วค่ะ เพราะหนูส่งอีเมล์ทุกวันหลังปิดร้าน แน่นอนเขาต้แงห็นตัวเลขที่มันหราอยู่บนหน้าจอและลายเซ็นบนเอกสารตอนเช้ายืนยันว่าใครทำรีพอร์ต แถมมีตอกบัตรด้วย ตอกบัตรทีไรเห็นตัวเลขเวลาแล้วอยากร้องไห้ T_T

เธอพูดไทยเป็นค่ะ แต่ไม่อยากพูด ซึ่งไม่มีปัญหา ไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด




บ่นเรื่องยัยคนนี้มาพอแระ

กลับมาเรื่องบอส

บอสหนูยังไม่ใช้เจ้าของค่ะ เนื่องจากร้านอาหารที่หนูทำเนี่ยเป็นลิขสิทธิ์ของ ตปท แต่มีนายทุนที่อยู่เมืองไทย
(แต่ก้อเป็นผมทองคือกัน)
ลงทุนซื้อมาและจ้างฝรั่งมาดูแล ซึ่งเขาก็คือบอสของหนูนั่นเอง เป็นคนอเมริกันแท้ๆ ส่วนยัยหรั่งจอมอู้เป็นอเมริกันไทยค่ะ รอบล่าสุดมีงานอีเว้นต์ของทางร้านบ้านเทอก้อมาทั้งบ้าน คนอื่นก้อดูน่ารักแต่ทำไมมีแต่ยัยนี่ที่หนูรำคาญจริง

ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
หนูจ๊ะ เธอเป็นอเมริกันไทยในที่นี้ของหนูเนี่ย หมายความว่าเป็นอเมริกันที่มีสัญชาติไทยด้วย และใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทย
(ฝรั่งหรือคนต่างชาติบางครอบครัว หรือบางคนที่อาศัยอยู่ในเมืองไทย ถือสัญชาติไทยก็มีค่ะ)

หรือว่าเธอเป็นลูกครึ่งไทยอเมริกันที่เกิดและโตในเมืองไทยคะ

อ๋อ มีงานถ่ายแบบประปรายด้วย แสดงว่ายังไม่ดัง และยังหาเงินจากการถ่ายแบบได้ไม่พอ เพราะถ้ายังโนเนมอยู่
รายได้ไม่มากหรอกค่ะ ไหนจะโดนหักภาษี ณ ที่จ่าย โดนนายหน้าหักเงินอีก เหลือถึงเธอไม่มากหรอกค่ะ
เพราะถ้าดังแล้วเธอจะไม่มาทำงานร้านอาหารเด็ดขาด และถ้าเป็นที่ต้องการจริงๆ เธอสามารถไปหางานถ่ายแบบเดินแบบ
ในต่างประเทศได้เลยค่ะ ไม่ต้องมาทำงานร้านอาหารเลย

หนู พี่จะบอกอะไรให้เอาไหมคะ ถ้าหนูชอบงานนี้ หนูต้องทนค่ะ ทนให้พ้นโปรฯ ก่อน แล้วไม่ต้องฟ้องนายเลย
ไม่ต้องคุยกับหล่อนเลย ไม่ต้องสนหล่อนเลย ทำงานของหนูไปค่ะ หลักฐานก็มีว่าหนูเขียนรีพอร์ท ว่าหนูตอกบัตรกลับบ้าน
ช้า แล้วหล่อนกลับไว

ทำไมพี่บอกให้หนูเฉยรู้ไหมคะ เพราะยัยนี่ จะไม่ทำงานที่นี่นานหรอกค่ะ เดี๋ยวพ่อแม่คงจับส่งไปเรียนต่อเมืองนอก
หรือหล่อนไปเติบโตในวงการแล้วเลิกทำค่ะ _ฝรั่งที่อายุ 24 ถ้าเป็นฝรั่งเก่งๆ ทั่วๆ ไป หน้าที่ความรับผิดชอบจะมี
มากกว่านี้ ทำงานเป็นเรื่องเป็นราวมากกว่านี้ค่ะ ฝรั่งอายุ 24 ถ้ายังทำงานถ่ายแบบ ทำงานร้านอาหาร ซึ่งเป็นงาน
ง่ายๆ งานเด็กๆ แสดงว่าหล่อนยังไม่โตค่ะ อันนี้พี่ไม่ได้ว้าหนูนะคะว่าทำงานเด็กๆ พี่ไม่ได้ดูถูกงานค่ะ
แต่พี่หมายถึงว่า ฝรั่งที่มีพร้อม มีครอบครัวคอยซัพพอร์ท มีภาษีดีตรงที่ได้ในเรื่องของภาษาอังกฤษ มีพาสปอร์ต
ของประเทศฝรั่งที่สามารถพาให้เธอไปทำงานที่ไหนในโลกนี้หลายแห่งอย่างง่ายๆ แต่ยังไม่เป็นโล้เป็นพายเลย
ในเมื่อต้นทุนทางสังคมและต้นทุนในการประกอบสัมมาอาชีพเอื้ออำนวยขนาดนั้นนะคะ

หนูเลิกคิดถึงหล่อนได้แล้วค่ะ นึกถึงแต่เรื่องงานของตัวเองค่ะ แล้วสนุกกับงาน จะได้ทำงานได้ดีๆ นะคะ

//ลืมบอกไป พี่อยู่เมืองไทยเหมือนกันค่ะ เห็นฝรั่งในเมืองไทยมาเยอะ เห็นลูกครึ่งในเมืองไทยมาเยอะ และทำงาน
กับบริษัทต่างชาติมาหลายแห่ง มีเพื่อนร่วมงานต่างชาติในเมืองไทยค่ะ เพื่อนฝรั่งเพื่อนต่างชาติในเมืองไทยพี่ก็มีเยอะค่ะ
แต่วันนี้พี่ไม่ได้อยู่เมืองไทยนะ เดือนๆ นึงอยู่เมืองไทยไม่กี่วัน แต่ก็อยู่ตลอดค่ะ ติดเมืองไทยค่ะ อิอิ

ฮิๆๆ หนู จขกท. ทำอยู่ร้านไหนเนี่ย พี่เคยไปไหมนะ อิอิ


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
หนู จขกท. ว่างๆ ก็เข้ามาอีกนะคะ พี่มีไอเดียเพิ่มเติมให้ค่ะถ้าอยากเปลี่ยนทีม ไว้ว่างๆ จะเข้า
มาพิมพ์ใหม่นะคะ

แต่ระหว่างนี้ห้ามไปฟ้องนายฝรั่งนะคะ เพราะฟ้องไปก็ไม่มีประโยชน์ค่ะ มีแต่ผลเสียกับงานของหนูค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
Very useful practical advice ka, p btdt
I enjoy reading it, yak hai gift Jung ka


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
ถามตัวเองดูว่ายังอยากจะให้ฝรั่งเฮ็ง suay อย่างนี้เอาเปรียบอยู่อีกหรือเปล่า

ทนได้ก็ทำไป ไม่ชอบใจก็ออก

จบ


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
ที่ว่า "ฝรั่งขี้ฟ้อง ฝรั่งขี้ประจบ ฝรั่งขี้เกียจ ฝรั่งจอมวางแผน ฝรั่งเลียเจ้านาย ฝรั่งชอบเสี้ยมเพื่อนร่วมงาน
ฝรั่งขี้อิจฉา ฝรั่งเจ้าเล่ห์ ฝรั่งชอบทำงานเอาหน้า มีอยู่ทุกวงการค่ะ"

นี่เลยค่ะ อีพวกฝรั่งที่ออฟฟิศหนู เป็นเช่นนี้เลย
แล้วก็ อีนังฝรั่ง(ชาย)ลูกครึ่งไทยด้วย สุดๆ นิสัยเหมือนกันเลยค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
ขอบคุณน้อง PuppyPower และ คุณ Natticus มากค่ะ

เข้ามาขำคอมเม้นท์ของคุณน้องจุ่นด้วยค่ะ น้องจุ่นฝึกภาษาอังกฤษไปถึงไหนแล้วค่ะ คืบหน้าอย่างไร กรุณามาตั้ง
กระทู้อัพเดทให้พี่ๆ ในนี้ฟังกันด้วยนะคะ แล้วแม่พวกนั้นเดี๋ยวนี้ยังร้ายกับน้องจุ่นอยู่หรือเปล่าคะ หรือเปลี่ยนนิสัยแล้ว

หนูคนเกาหลีเจ้าของกระทู้ หนู lim sok lin หายไปเลยนะจ๊ะ ว่างๆ อย่าลืมเข้ามาแสดงตัวหน่อย
หรือเสาร์อาทิตย์ คงออกไปพักผ่อนดูหนัง กินข้าว หรือนอนสลบไปแล้ว เพราะทำงานวันละหลายชั่วโมงทำให้ "ยัยนี่" ด้วย


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
มาแล้ววววค่ะ มาพร้อมข่าวดี เอิ๊กๆๆๆ


ยัยหรั่ง ออกจากงานแล้ววววววววววว ฮูเล่ๆๆๆๆ


ไม่ได้หายไปไหนค่ะ ไม่ได้เกาหลีด้วย 555 แต่ชื่อมาจากภาษาเขมร (ซะงั้น)


กลับมาที่หัวกระทู้


หนูต้องเข้าร้านเสาร์ อาทิตย์ เป็นปกติ อยู่แล้วสำหรับทุกอาทิตย์แต่วันนี้พิเศษสุด ยัยหรั่งเดินมา say sorry พร้อมกับบอกว่ารู้ว่าที่ผ่านมาคงมีหลายอย่างที่ทำไม่ได้ (งงกะเจ๊แกเหมือนกัน) และบอกว่าเธอต้องย้ายไปต่างประเทศ ได้เวลากลับบ้านของพ่อและเธอคงจะไม่ได้กลับเมืองไทยอีกนาน (หนูละอยากจะฉลอง)


ประเด็นที่สองคือ เจ้านายบอกหนูว่าผ่านโปรแล้วและทั้งนี้เพิ่มเงินให้ด้วย โอ๊ย หัวใจจะวาย (เห็นหัวตูซะที แอบคิดในใจ)


อย่างไรซะ ขอบคุณพี่ๆ ในนี้มากนะคะ ที่ให้คำแนะนำ :)


สามเดือนที่ฝึกงานเหมือนนรกเลย แต่สุดท้ายพอนางมารจากไปมันคือสวรรค์ชั้นดีนี่เอง (อ่าว และงานของหล่อนใครจะทำ ) ตอนหล่อนอยู่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร หล่อนจากไปเราจะได้หาเพื่อนร่วมงานคนใหม่ (รอบนี้บอกเพื่อนตัวเองไปสมัครทันที)



พี่ๆเล่นห้องไหนกันบ้างหนูจะได้ตามไปหาถูก เพิ่งเข้ามาห้องนี้ครั้งแรกก็งงๆดีเหมือนกันค่ะ ชอบหลบไปอยู่ห้องสมุด เพราะเขาสอนภาษาอังกิดเยอะดี(ยิ่งโง่ๆ แกรมม่าอยู่ด้วย)


ขอบคุณทุกคนมากๆ นะคะ :)


ฝันดีแล้วช้านนนนนนน เอิ๊กๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
โห พี่อ่านแล้วดีใจกับหนู "ลิม ซก ลิน" จขกท. ด้วยมากๆ นะจ๊ะ

ก๊ากๆๆ พี่บอกแล้วว่า "ยัยนี่" อยู่ไม่นานหรอก จริงๆ ด้วย

แล้วที่พี่บอกว่ามีคำแนะนำเพิ่มเติมเนี่ย คือพี่แค่จะบอกหนูว่า ถ้าอึดอัดมากกับสถานะการณ์
ในกรณีที่หนูเล่ามา ให้คุยกับนายได้ ขอย้ายทีมได้ แต่อย่าบอกว่าเพราะ "ยัยนี่" ให้บอก
เกี่ยวกับตัวหนูเท่านั้น และไม่ต้องไปใส่ไฟ ไม่ต้องไปว่า "ยัยนี่ " ให้เจ้านายฟัง
ให้โฟกัสไปแต่เรื่องของตัวเองค่ะว่าอยากย้ายทีม เพราะคิดว่าตัวเองเหมาะกับแผนกอื่นมากกว่า
อยากลอง อยากทำ แค่นั้นแหละ

ทำงานกับฝรั่งหน่ะ อย่า Emotional ค่ะ อย่าขี้แยด้วย แต่ให้ขยัน ให้ใช้เหตุผล ให้อดทน
ทำงานเก่งๆ ทำงานไว ถูกต้อง แม่นยำ มีระบมีระเบียบแบบแผน เจ้านายดีๆ เขาจะเห็นเอง
การทำงานโลกยุคสมัยนี้เป็นการทำงานในแบบทุนนิยม เขานึกจะให้ออกก็ออก หรือจ้างระยะสั้นๆ หรือจ้างพวกเอ้าท์ซอร์ส
พอหมดประโยชน์แล้วเขาก็ให้ออก ใครที่ยังมีประโยชน์เขาก็ให้อยู่ต่อ

หรือหลายๆ ครั้งก็ต้องระวังคนมีเส้นสายไม่ว่าจะไทยหรือฝรั่งเด็กเส้นหน่ะมีค่ะ

แต่เมื่อหนู จขกท. มาส่งข่าวแบบนี้แล้ว พี่ดีใจกับหนูด้วยจริงๆ ค่ะ ตั้งใจทำงานต่อไปนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
อ้อ หนูคะ พี่ประเมินจากสถานะการณ์ของ "ยัยนี่" ดู พี่ว่าคุณพ่อคุณแม่ของเธอ ฝากให้เธอมาทำงานทำนองฝึกงานเล่นๆ
แต่กินเงินเดือนจริงๆ มากกว่าค่ะ ส่วนเรื่องที่เธอกลับบ้านเร็ว ไม่ตั้งใจทำงาน คงเป็นเพราะว่าเธอรู้อยู่ว่ามาทำไม่นาน
แล้วเดี๋ยวก็จะออกแล้ว บ้านเธออาจจะอยู่ไกล หรือ ต้องไปทำอย่างอื่นอีก เรื่องที่เธอกลับบ้านไว ทิ้งงานให้หนูทำ
พี่ว่าเจ้านายฝรั่งของหนูรับทราบดีค่ะ และที่พี่บอกไม่ให้ฟ้องนาย เพราะว่าพ่อของเธอ กับนายฝรั่งของหนู วันหยุดหน่ะ
อาจจะไปตีกอล์ฟด้วยกันก็ได้ หรือพ่อของเธออาจจะทำงานให้บริษัทที่เป็นซัพพลายเอ้อร์ให้กับร้านอาหารที่หนูทำก็ได้

อย่าลืมที่พี่บอกนะคะ ว่าคนต่างชาติในเมืองไทย หรือคนต่างชาติในกรุงเทพฯหน่ะ เขามีชุมชนของเขาอยู่ค่ะ
ที่ทำกิจกรรมร่วมกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกันทางด้านธุรกิจ หรือในด้านการสังสรรค์ค่ะ

หนูทำงานกับฝรั่งไปแล้วเรียนรู้ไปเรื่อยๆ นะคะ

อ้อ และพี่แนะนำให้หนูอ่านกระทู้นี้ด้วยค่ะ เพราะหนูทำงานกับคนต่างชาติ และทำงานในด้านร้านอาหารด้วย
อาจจะต้องมีการออกงานบ้าง คุยกับแขกบ้าง คบหาคนต่างชาติบ้างนะคะ หรือร้านดีๆ ก็จะมีคนไทยในวงสังคมดีๆ
มาใช้บริการ หนูจะได้วางตัวถูกค่ะ และจะได้เรียนรู้ว่าควรจะเทคแคร์แขกคนไทยในระดับนั้นอย่างไร แล้วเขาทำตัว
กันอย่างไรบ้าง

ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
กลับมาตอบคำถามและพร้อมคำขอบคุณ​ :)


ชื่อ lim sok lin คือเชื้อสายฝั่งยายหนูเป็นชาวกัมพูชาและเวียดนามค่ะ สืบเนื่องมากจากเอา ชื่อ พ่อ แม้ และ อีกตัวนึงมาได้ภาษาบ้านเกิดยายพอดี เลยเป็นชื่อเรียกกันตามที่เห็น (เรียกเฉพาะในครอบครัว) ^_____^

lim >>> my dad

Sok >>> my mom

Lin >>> My name

ชื่อนี้ไม่มีความหมายค่ะ แค่เอาสามพยางค์ชื่อ พ่อ แม่ และของหนูมารวมกัน และชื่อนีก็เป็นชื่อภาษาเขมรของหนูด้วย :)

กลับมาที่เรื่องคำแนะนำของพี่ๆ

ขอบคุณมากๆ จริงๆค่ะ พวกพี่ๆน่ารักมาก สารภาพตามตรงนะคะ หนูอายุเพิ่งจะยี่สิบ และยังเรียนไม่จบ(หนูเรียน ม ที่ไม่ต้องเข้าเรียนทุกวัน อ่านหนังสือและไปสอบอย่างเดียว คงจะนึกกันออกนะคะ )

ภาษาอังกฤษหนูตอนแรกก็ไม่ได้แบบเด็กทั่วไปที่เขาได้ หนูเรียนจาก กศน ทางที่เรียนก็ไม่ได้สอนอย่างที่ตามระบบทั่วไปสอน ทั้งนี้ก็ต้องเข้าใจว่าชั่วโมงเรียนน้อย ภาษาอังกฤษที่หนูได้ก็มาจากการไปเป็นเด็กอยากรู้อยากเห็นแถวข้าวสารและวัดพระแก้ว - -* พร้อมวิชามารคือเจอฝรั่งวิ่งเข้าชน 555

ซึ่งบ้างก็ได้มาแบบผิดๆ ถูกๆ แต่ก็นะ ถือว่าได้ประสบห์การอันแปลกใหม่ หลังจากฝึกวิชามารมาสองปี ก็ไปสมัครงานที่ร้านอาหารแห่งนี้ (ตอนแรกไปเพราะอยากรู้ว่าระดับภาษาเราพอจะผ่านงานหรือไม่ พอไปถึงเราก็บอกไปใน resume ไปตามตรงว่าภาษาเขียนนั้น very poor )

ไม่รู้ว่าเพราะตอบคำถามโดนใจหรือเพราะเขาต้องการคนด่วน หนูเลยเข้ามานั่งทำงานกับเขาอย่างเอ๋อเหรอในเดือนถัดมา - -*


คิดๆดูแล้วก็ความรู้สึกเหมือนเจ้าของกระทู้ที่พี่ๆแปะมาให้อ่าน คือ มีปม

เพราะที่นั่นทุกคนจบ อินเตอร์ ม.ดัง อายุรุ่นๆหนูก็เรียนอยู่ ม.ดัง ทั้งนั้น และภาษาเขียนของเราก็แย่กว่าเพื่อน แถมยังต้องมานั่งเขียนรายงานอีก บอกตามตรงนะคะ ท้อมากตอนที่มีคนเดินมา
บอก'รายงานส่งนายแบบนี้ เธอส่งไปได้ยังไง แบบนี้มัน shitty ชัดๆ'
(แทบจะร้องไห้เลย ก็ตรูบอกแล้วไงว่าภาษาเขียนตรูแย่ นายเอ็งเขาก็รับรู้ไมใช่เรอะ เขายังบอกเขาเข้าใจที่ตรูเขียน นิ่ แอบเถียงในใจ)


แต่เราได้ชื่อหญิงอึดก็หาได้ยอมแพ้ไม่ สู้รบปรบมือกับเด็กไทยอินเตอร์และเด็กนอกหัวสูงกันอย่างเมาส์มันส์


ที่ทำงานเราไม่มีเพื่อน หัวเดียวกระเทียบเรียบ ข้าวเที่ยงก็กินคนเดียว ดึกดื่นแค่ไหนก็ต้องนั่งรถเมล์(กรณีไม่ทัน BTS) ถามว่าค่าแรงคุ้มมั้ย ไม่ค่ะ แต่อยากได้ประสบห์การ ความไฝ่ฝันคือจะได้เข้าทำงานกับระดับอินเตอร์ในภายภาคหน้าเมื่ออาเซียนเปิดกว้าง สู้ฝึกภาษาจากตรงนี้ดีกว่าไปฝึกแบบผิดๆถูกๆอย่างที่ผ่านมา
บ้านเงินน้อยจะเจียดไปเรียนอินเตอร์ จบมาคงหนี้ท่วมหลังคา - -*
ดังนั้นพ่อขุนสามัญคงจะดีที่สุด(บอกชื่อมหาลัยจนได้)


เขียนไปสักพัก หนูพล่ามอะไรมามากมายเนี่ย งงตัวเอง - -*

เอาเป็นว่าเป็นการแนะนำตัวกับพี่ๆนะคะ ถ้าหนูเขียนรีพอร์ทต่อไปคงได้แปะมาให้พี่ๆช่วยแนะนำ (เอาให้เพื่อนที่รู้จักตอนไปวัดพระแก้วสอน มันเอาแต่ด่าอย่างเดียว T^T )


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
ขอบคุณหนูลิม ซก ลิน ที่กรุณามาเล่าถึงที่มาของชื่อล็อกอินค่ะ

อายุแค่ 20 เองนะคะ แต่มีความคิดดีกว่าเด็กอายุเท่ากันในเมืองไทยและในเอเชีย
อีกมากมายค่ะ

หนูลิมฯ เป็นเด็กไฝ่รู้ ช่างขวนขวาย ขออวยพรให้หนูประสบความสำเร็จในชีวิต
ยิ่งๆ ขึ้นไป และได้ในสิ่งที่หวังค่ะ

คนไทยที่ประสบความสำเร็จในชีวิตอีกหลายๆ คน เขาเริ่มแบบหนูลิมฯ นี่แหละค่ะ
หรือเริ่มที่น้อยกว่าหนูอีกค่ะ

หนูลิมฯ ต้องสู้ๆ และต้องทำได้ค่ะ ไม่ต้องเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นค่ะ
แต่ขอให้หนูเอาชนะตัวเองให้ได้ค่ะ แล้วจะได้ดี เอาเวลามาพัฒนาตนเอง ดีกว่าที่จะเอา
เวลาเอาตัวเองไปเอาชนะคนอื่นค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 19