เวียงจันทน์กับหนองคายซิตี้ทีไหนเจริญกวากันคะ

กับลังจะธุระในไปเวียงจันทน์อาทิตย์หน้าอยากรู้จ้า

ความคิดเห็นที่ 1
ด้านที่มองเห็นไกลๆก็หนองคายครับ ^^


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
คิดว่าเวียงจันทร์นะครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
เวียงจันทร์คะ อย่างน้อยเค้าก็มี 4G
แต่เรื่องถนนหนทาง ต้องหนองคายคะ

แล้วแต่การมองว่าเจริญทางด้านใหนนะคะ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ถ้าความเจริญทางกายภาพ
ตึกรามบ้านช่อง
ความสะดวกทันสมัยแบบสมัยใหม่

เวียงจันทร์เจริญกว่าหนองคายครับ

แต่อุดร ขอนแก่น โคราช
เจริญกว่าเวียงจันทร์ครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
หนองคาย เศรษฐกิจดีกว่านะ ผมว่า อ่ะ


ระบบขนส่งมวลชน ถนนหนทาง ตึกรามบ้านช่อง


ศูนย์การค้า


ความเป็นอยู่ของประชากรก็น่าจะดีกว่า


อย่างนี้ถือว่า เจริญกว่าไหมอ่ะ?


ปล ลองดู รถเมล์ลาว อ่ะ ตามหลังเรา 20 ปี ได้มั้ง ไม่ว่าจะพิจารณาทั้งทางด้านผู้ให้บริการและผู้รับบริการ


จขกท ต้องบอกข้อพิจารณามาอ่ะครับ(แต่โดยทั่วๆ ไป ก็ตามที่ผม พูดมา นี่แหละ)


ลองดูระบบสาธารณสุขมูลฐาน(Basic sanitary) ยังห่างหนองคายหลายปีครับ


ลองดูระบบการศึกษา / ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน อ่ะครับ เวียงจันทน์ อยู่ไหน หนองคายอยู่ตรงไหน?


ที่พูดมา นี่ ผม ก็ไม่ทราบข้อมูลหรอกนะ แต่คิดว่า ผมมีคำตอบในใจแล้ว ว่าที่ไหน เจริญกว่า อ่ะครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ถ้าดูเฉพาะขนาดเมือง เวียงจันทน์เมืองใหญ่กว่าครับ ประชากรในนครหลวงเวียงจันทน์เยอะกว่าเทศบาลเมืองหนองคายหลายเท่า

แต่ที่ไหนเจริญกว่าไม่รู้ เพราะไม่รู้จะเอาอะไรมาวัด
เหมือนกรุงเทพฯใหญ่กว่าเชียงใหม่หลายเท่านัก แต่ใช่กว่าเชียงใหม่จะเจริญน้อยกว่ากรุงเทพฯ


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
ถ้านับจำนวน ไฟเขียว ไฟแดง เสร็จ หนองคาย


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
เราว่าเจริญกันคนละแบบค่ะ

มันเปรียบเทียบกันลำบากเพราะรูปแบบในการดำเนินชีวิตต่างกัน


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ที่ไหนเจริญกว่าไม่แน่ใจ แต่ถ้าให้ไปอยู่นานๆผมเลือกเวียงจันทร์ครับ ไปที่ไรไม่ค่อยอยากกลับ


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
ขอบคุณทุกๆ ความเห็นเลยค่ะ
แอบขำคุณ amadildo


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
โดยรวม ผมว่า เวียงจันทน์ เจริญกว่าครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
"หินฟูน้ำ พญางูใหญ่ และช้างเผือก เข้ามา" ซึ่งเมื่อนั้น อาณาจักรนี้ก็จะเจริญรุ่งเรือง
คำทำนายของลาว ทำท่ากำลังจะเป็นจริง


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
เอาอะไรวัดละครับ เคยไปมาทั้งสองที่ เวียงจันทร์ก็3ครั้ง ถ้าเปรียบเทียบต้องบอกด้วยว่า เอาด้านไหน ถ้าด้านอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมคงสู้เขาไม่ได้ ถ้าตึกรามบ้านช่อง มันคนละโมเดลครับ ถ้าเอาเรื่องเศรษฐกิจผมว่าสู้เวียงจันทร์ไม่ได้ โดยเฉพาะความรวย อยู่เวียงจันทร์เห็นคนจนขับบรรทุกฮุนได ตู้สตาร์เล็ต และ H1 ผมถามเขา เขาบอกว่า ขับรถพวกนี้ผู้สาวบ่มัก มันต้อง แลนด์ครุยเซอรฺ พลาโด เบนซ์สปอร์ต บีเอ็มสปอร์ต แลนด์โรเวอร์ ปอร์เช สปอร์ต ประมาณนี้ครับ เห็นวิ่งอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง
ว่าแต่ว่าเปรียบเทียบเพื่ออะไร????


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
ไม่รู้ว่าจะวัด ความเจริญ กันตรงไหน
แต่ถ้าให้ไปอยู่ยาว ผมเลือกหนองคายครับ

ฝั่งลาว อะไรๆ ก็ดี แต่อาหารการกิน แพงเว่อร์ครับ ไม่รู้ว่าเขา ชาร์ต นักท่องเที่ยว?


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
เวียงจันทน์เจริญกว่าหนองคายครับ

แต่ไม่เท่าอุดรนะ


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
ข้ามมาฝั่งไทยเมื่อไร
รู้สึกเลยว่าเศษฐกิจฝั่งไทยน่าจะคึกคักกว่า
สินค้าในร้านเยอะกว่า ตึกใหญ่ สีสัน สดกว่า
ยิ่งถ้าเอามาเทียบอุดร นี้ยังห่างกันเยอะ


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
"เวียงจันทน์เจริญขึ้นเรื่อยๆจนถึง พ.ศ. 2237 สมัยพระเจ้าสุริยวงศาก็เสื่อมลง พระองค์มีสนมเอกชื่อนางเขียวค้อม ซึ่งทรงหวงมาก จนสั่งฆ่าเจ้าราชบุตร(พระยาสีโคด) พระราชโอรสเสียเพราะเข้าใจว่าเป็นชู้กับนางเขียวค้อม เจ้าราชบุตรถูกนำตัวไปประหารชีวิตที่ท่าพลาญชัย (ปัจจุบันคือท่าหลักสี่) ก่อนตาย เจ้าราชบุตรได้อธิษฐานว่า ถ้าเป็นชู้จริงขอให้เวียงจันทน์เจริญรุ่งเรือง ถ้าไม่จริงขอให้จงเจริญแค่ชั่วช้างพับหู งูแลบลิ้น >>>จนกว่าจะมีช้างเผือก หินฟู งูใหญ่เชื่อมสองฝั่งโขงให้ติดกัน"





ช้างเผือก หินฟูน้ำ งูใหญ่ คืออะไร?



3 สิ่งนั้นคือ "หินฟูน้ำ-พญางูใหญ่เข้ามา-ช้างเผือกเข้ามา"

ภายหลังจากเปิดใช้สะพานมิตรภาพ ไทย-ลาวแห่งแรก เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ได้มีความพยายามตีความว่าคำสาปที่ลาวได้ประสบมาตลอดนั้นกำลังจะหมดสิ้นลงแล้ว เพราะการบังเกิดขึ้นของปรากฏการณ์ 3 อย่าง

"หินฟูน้ำ" ถูกตีความว่าหมายถึงสะพาน เป็นการเปรียบถึงการที่หินซึ่งอยู่ใต้น้ำ ได้ฟูลอยขึ้นมาอยู่เหนือน้ำ

"ช้างเผือก" ถูกบางคนตีความว่าหมายถึง "ฝรั่ง" หรือชาวตะวันตกที่เดินทางเข้าไปยัง สปป.ลาว เป็นจำนวนมาก ภายหลังจากที่ สปป.ลาว มีนโยบายเปิดกว้างเพื่อรับการลงทุนจากต่างประเทศและมีโครงการลงทุนของประเทศต่างๆหลายโครงการเกิดขึ้น

แต่หลายคนก็ตีความในความหมาย ที่ลึกซึ้งไปกว่านั้น!!!

ส่วน "พญางูใหญ่" คือปรากฏการณ์ สุดท้ายที่เพิ่งบังเกิดขึ้น ทุกคนตีความตรงกันว่าหมายถึงขบวนรถไฟสายหนองคาย-ท่านาแล้ง ที่เพิ่งเปิดใช้อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2552 ที่ผ่านมา

เมื่อสิ่งที่สามารถล้างคำสาปเมื่อกว่า 1 พันปีก่อนได้ปรากฏขึ้นโดยครบถ้วน พร้อมเพรียงกันแล้ว ทำให้คนลาวเกิดความเชื่ออย่างปิติยินดีว่า จากนี้ไปผืนแผ่นดินลาวได้หลุดพ้นจากคำสาป และจะพบแต่ความเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 17