แสนเซ็ง..โดนยึดน้ำผึ้งที่ตม.ออสเตรเลีย

บินไปเที่ยวนิวซีแลนด์ โดยสายการบินอิมิเรต ต้องแวะเปลี่ยนเครื่องที่ซิดนีย์ออสเตรเลียทั้งไปและกลับ

ขากลับซื้อน้ำผึ้งมานูก้าจากดิวตี้ฟรีนิวซีแลนด์ตามออเดอร์น้องสาว 4 ขวดๆ ละ 2 พันกว่าบาท เมื่อชำระเงินแล้วเค้าก็ seal ใส่ถุงปิดผนึกเรียบร้อย 4 ขวดมาให้

เหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อเปลี่ยนเครื่องที่ซิดนีย์ออสเตรเลีย

เนื่องจากต้องแวะเปลี่ยนเครื่อง ถึงจะนั่งเครื่องลำเดิมที่นั่งเดิมเพื่อบินกลับกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่เค้าให้ผู้โดยสารทุกคนเอาสัมภาระที่ถือขึ้นเครื่องต้องถือลงจากเครื่องให้หมด ให้แวะเที่ยวดิวตี้ฟรีออสเตรเลีย แล้วค่อยขึ้นเครื่องใหม่อีกครั้ง

โดยหลังจากลงจากเครื่องก็ต้องเดินไปส่วนของ transit โดยต้องเอาสัมภาระเข้าสแกนใหม่

สิ่งที่ไม่เคยคาดคิดก็คือ เจ้าหน้าที่ขอเปิดถุงที่ seal ไว้จากดิวตี้ฟรีนิวซีแลนด์ให้หมด แล้วเอาน้ำผึ้งทีละกระปุกไปเข้าเครื่องสแกน เจ้าหน้าที่บอกว่าเครื่องสแกนให้ผ่านน้ำผึ้งเพียงกระปุกเดียว อีก 3 กระปุกโดน reject

เป็นงงอย่างยิ่ง ..
1.ไม่เคยคาดคิดว่าสิ่งของที่ถูกปิดผนึกมาจากดิวตี้ฟรีที่อื่นต้องถูกแกะออกใหม่เพื่อตรวจสอบ และต้องมาลุ้นกันอีกทีว่าจะผ่านการตรวจสอบหรือไม่ ถ้าไม่ผ่านก็โดนยึด (ใครจะรู้ว่ามีกฎแบบนี้ ถ้าต้องลุ้นว่าเสียเงินฟรีรึเปล่าในสิ่งที่ซื้อ จะซื้อหาพระแสงอะไร)
2.น้ำผึ้งชนิดเดียวกัน ยี่ห้อเดียวกัน แต่เครื่องสแกนผ่านแค่ขวดเดียว

บทเรียนนี้จำไปอีกนาน ถ้าต้องแวะเปลี่ยนเครื่องที่ไหน อย่าซื้ออะไรไปลุ้นเด็ดขาด ยกเว้นใครที่อยากตื่นเต้น ให้หัวใจได้ลุ้นและมีรสชาติ 555

ความคิดเห็นที่ 1
หลังจากที่สแกนผ่านขวดเดียวแล้ว ตม.ออสเตรเลียก็ใส่ถุงใหม่ปิดผนึกให้อีกครั้ง สำหรับน้ำผึ้งขวดที่ผ่าน พร้อมทั้งออกใบกระดาษแผ่นนึงมาให้ ว่าเค้าได้ยึดไป 3 ขวด


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
เจ้าหน้าที่ได้กากบาทในใบเสร็จให้ด้วยว่า ผ่านแค่ขวดเดียวนะจ๊ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
กลับมาบ้าน เหลือเท่านี้จริง ๆ
แสนเศร้า.. น้องสาวสุดที่รัก น้ำผึ้งเธอขวดละเกือบหมื่น กินแล้วเป็นเทวดาเลยอ่ะ..


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ขอบคุณที่มาแชร์นะคับ

สงสัยเหมือน จขกท ว่าเราจะรู้ได้ยังไงว่า น้ำผึ้งใน duty free ขวดไหนจะผ่าน ขวดไหนไม่ผ่าน

ที่สำคัญขวดที่สแกนไม่ผ่าน สาเหตุเพราะ ????


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
จะว่าติดลิมิตก็ไม่น่าใช่ เพราะไม่ได้นำเข้าประเทศซะหน่อย แค่ผ่านทางเฉย ๆ
จะว่าติดปัญหาเชื้อโรค ก็ไม่น่าใช่ เพราะก็ปล่อยให้ผ่านมาได้หนึ่งขวด


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
จนท.ออสเตรเลียก็เป็นที่หนึ่งที่เยอะ จนถึงเยอะมาก
หากใครได้สัมผัส แล้วจะจดจำไปนาน
เพราะบางเรื่องที่เข้าใจง่าย ๆ บางครั้งกลับไม่เข้าใจซะงั้น

อย่างเคสนี้ไม่ได้เข้าประเทศด้วยซ้ำ


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
เขามีสารคดีนิครับเกี่ยวกับตม.ของประเทศนี้เคยดูอยู่ ค่อนข้างเข้มงวดมากๆนะ


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
ขอถาม จขกท หน่อยครับว่า

มันอร่อยหรือมีคุณสมบัติดีอย่างไร จะได้ไปหาซื้อมากินบ้าง ^__^


ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
เคยโดนยึด แยมตระกูลเบอรรี่ ประมาณ 10 กระปุกเช่นกันคะ ซื้อจากนิวซีแลนด์เข้าออสเตรเลีย เข้มงวดมากๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
ไหนๆก็ไหนๆแนะอีกนิดนะคะ

- ใครที่ซื้อน้ำมันตับปลาที่ออสเตรเลียเป็นกระปุก ให้โหลดใต้เครื่องไปเลย

อย่าหิ้วขึ้นเครื่องเด็ดขาด เพราะเจ้าหน้าที่บางคนถือว่าเป็นของเหลวชนิดหนึ่งค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
นั่นสิคะ.. บางเรื่องไม่น่าเข้าใจเล้ย...
เหตุผลเดียวที่บอกว่าไม่ผ่าน คือ machine said it's rejected
nothing we can do , we're so sorry พร้อมกับส่ายหน้า

กฏของประเทศนี้เข้มงวดมาก ขอบอก....

มองได้แง่ดีก็คือว่า ยังได้กลับมากระปุกนึง ดีกว่าไม่ผ่านทั้งหมด 555

คุณสมบัติดียังไงเหรอคะ..
น้องสาวฝากซื้อ เพราะเสริซดูในอากู๋บอกว่าดีเลิศค่ะ ลองถามอากู๋ดูนะคะว่าเลิศขนาดไหน

เห็นในโฆษณายังมีรังนกผสมน้ำผึ้งมานูก้าเลยค่ะ...


ตอบกลับความเห็นที่ 11
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 12
บางเรื่องก็เกินไปจริง ๆนะ
อย่างซื้อเชอร์รี่จากออสเตรเลีย กล่องละ 2 กิโลหิ้วขึ้นเครื่อง
ปรากฏว่าเครื่องขัดข้องเลื่อนเวลาเดินทาง ต้องกลับเข้าประเทศอีกรอบ
จนท.ไม่ยอมให้เอาเข้าประเทศซะงั้น
อธิบายยังไงก็ไม่ยอม เยอะไหมล่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 12
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 13
ตอนเราขายของฝากอยู่ที่นิวซีแลนด์จะถามลูกค้าก่อนเลยค่ะว่าจะเข้าออสเตรเลียหรือเปล่า เพราะประเทศนี้เค้าห้ามเอา
สินค้าประเภทน้ำผึ้งและไม้ (และอื่นๆ อีกมากมาย) เข้า แต่ไม่นึกว่าซื้อที่ DFS แล้วแค่เปลี่ยนเครื่องก็โดนนะเนี่ย


ตอบกลับความเห็นที่ 13
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 14
ไม่เกี่ยวกับออสเตรเลีย
แต่คือข้อบังคับเรื่องปริมาณของเหลว
เคยเห็นในแถบยุโรปก็โดนหมด ซื้อน้ำหอมมา ครีม เหล้า ซีลมาแล้วอย่างดี ต่อเครื่องไปที่อื่น โดนหมด เสียดายมากกกกกก

จึงมีการเตือนเสมอเรื่องต้องไปต่อเครื่อง ให้ซื้อสนามบินสุดท้าย

หรือคนที่ไปต่อเครื่องที่เคแอล แต่ซื้อของที่สุวรรณภูมิ


ตอบกลับความเห็นที่ 14
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 15
เข้าใจว่าติดลิมิต มีหลายแห่งเป็นเช่นนี้

เคยเจอที่เคแอล มีคนซื้อเหล้าสาเกจากดิวตี้ฟรีญีปุ่นต่อเครื่องหางแดงที่เคแอล
ใส่ถุงซิลอย่างดีตามปกติ
ปรากฏว่า เขาอนุญาตให้ผ่านได้ที่ปริมาณ...
สาเกขวดนี้เกิดขนาดที่กำหนดจึงโดนยึด

น้ำผึ้งก็น่าจะกฏเดียวกันนั้นแล แต่เราไม่รุ้ว่าปริมาณที่กำหนดมันเท่าไหร่นี่สิปัญหา


ตอบกลับความเห็นที่ 15
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 16
อยากทราบว่า ของที่โดนยึด เค้าเอาไปไว้ไหนหรือคะ

น่าจะเยอะพอสมควร สำหรับคนที่ยังไม่ทราบรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับของที่นำขึ้นเครื่อง

ยึดไป น่าจะทำเรื่องคืนเงินได้เนอะ เสียดายจัง


ตอบกลับความเห็นที่ 16
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 17
อืมๆ
โดนเรื่องของเหลวสินะครับ
จะได้ระวังครับ
ยิ่งไปต่อเครื่อง KL เนี่ยแหล่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 17
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 18
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เราต้องต่อเครื่อง แต่เป็นสายการบิน Delta จนท.ที่เคาน์เตอร์บอกตั้งแต่ตอนเช็คอินเลยว่า อย่าซื้อของเหลวขึ้นเครื่องนะถึงจะเป็นที่ DFS ก็ตาม เพราะตอนต่อเครื่องอาจมีปัญหา


ตอบกลับความเห็นที่ 18
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 19
ผมโชคดีมากๆๆๆๆ เพิ่งกลับจาก sydney มา ตม. ไม่ถาม ไม่ตรวจอะไรเลย ทั้งๆที่ผมกาช่องว่ามีสิ่งของจะต้อง declare

เค้าให้เข็นกระเป๋าออกช่อง 8 มาได้เลย งงสุดๆ เพราะใครๆก็บอกว่าค่อนข้างโหด


ตอบกลับความเห็นที่ 19
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 20
ถ้าอ อกจากไทย ไปออสเตเรีย ก็ห้ามซื้อของเหลวในดิวตี้ฟรีนะคะ
โดนยึดหน้าเกทนั่นแหละ เค้าห้ามเลย!!
ใครทรานซิท มาแล้วหิ้วขึ้นเครื่องก็โดนเหมือนกัน จ้า


ตอบกลับความเห็นที่ 20
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 21
ดีจังที่ครั้งก่อนไปนิวซีแลนด์ ไม่ได้ต่อเครื่องออสเตรเลีย
ประเทศนี้ดูเยอะจริงๆ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่คิดจะไปเที่ยว
รอไม่มีทีจะไปแล้วค่อยแวะไปดีกว่าเรา


ตอบกลับความเห็นที่ 21
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 22
เขาเยอะก็จริง แต่ใช่ว่าไม่มีเหตุผลซะที่เดียวนะคะ ถ้าเราไม่เอาอะไรที่เขาห้ามเข้าประเทศเขา หรืออะไรที่เขาให้declareเราดำเนินการเสียให้ถูกต้องก็ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน

ไม่ต้องอะไรมากขนาดเราเคยทำงานอยู่ที่airportเองเข้าออกอยู่ทุกวัน บางครั้งยังโดนสุ่มตรวจเลย ทั้งๆ ที่คอก็ห้อยป้ายพนักงานของร้านขายของในairport ยังต้องเอากระเป๋าถือให้ตรวจ ถอดรองเท้า เอาเครื่องมาเคาะๆ ตามตัว ซึ่งถือว่าเขาทำตามหน้าที่ นอกจากวันไหนไปสายมองไปที่หน้าบูทลูกค้ายืนรอแล้วก็จะแซวพวก ตม.ซะบ้างก็เท่านั้นเอง

ส่วนน้ำผึ้งที่ จขกท. ว่า 1 ขวดมันมีน้ำหนัก 500g เพราะถ้า 2 ขวดก็เท่ากับ 1 kg ลองเทียบดูนะคะระหว่าง 1kg 1 lลิตร ไม่แน่ใจว่าจะเท่ากันหรือเปล่า เราก็มีติดบ้านไว้ประจำ เป็น Bio-Active เวลาซื้อพนักงานขายมักจะถามว่าเป็นเบาหวานหรือเปล่า เพราะถ้าเป็นเขาไม่แนะนำให้ใช้

ส่วนสรรพคุณของน้ำผึ้ง manuka คือ สำหรับรับประทานเพื่อเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง สร้างภูมิต้านทาน ป้องกันโรคภูมิแพ้และไข้หวัด บรรเทาอาการไอ เจ็บคอ เพิ่มความสดชื่น ลดอาการเหนื่อยล้าจากการทำงานหรือภาวะความเครียด บรรเทาอาการเมาค้าง ช่วยทำลายฤทธิ์แอลกอฮอล์ ช่วยปรับสมดุลระบบทางเดินอาหารให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รักษาความเจ็บปวด แสบรุนแรงบริเวณหน้าอก (Heartburn) ซึ่งเกิดจากภาวะกรดไหลย้อน รักษาอาการอาหารไม่ย่อย ท้องผูก และโรคอุจจาระร่วง

ใช้ภายนอก: ทารักษาสิว บำรุงผิวพรรณ รักษาอาการผิวแห้งแตก ปากแตก ทารักษาแผลสด แผลเปื่อย แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก


ตอบกลับความเห็นที่ 22
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 23
เคยต่อที่ KL แล้วจะซื้อสเปร์พ่นแก้ปวด ในดิวตี้ฟรีสุวรรณภูิมิ
เขาถามก่อนว่าจะไปไหน หรือ ต่อเครื่องทีไ่หนป่าว พอบอกว่าต่อ
KL เท่านั้นแหละ เขาบอกไม่ได้ - -'

แต่ไอ่ออกจากออส แล้วเครื่องมีปัญหาวนเข้าออสอีกรอบนี่ ..
เยอะเกินไปจริงๆ ใครจะไปตรัสรู้ว่าเครื่องจะเสียทำให้ต้องวนอีกรอบฟะ

ปล. เสียดายน้ำึผึ้งแทน T^T


ตอบกลับความเห็นที่ 23
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 24
พึ่งจะทราบ นะครับ เนี้ย
จ.น.ท. โหดร้ายมากๆๆ


ตอบกลับความเห็นที่ 24
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 25
เสริม คห.19

ขวดนี้แพงมากเพราะ 22+ ค่ะ (น่าจะสูงสุดแล้ว)

ปกติทานทุกวันใช้แค่ 5+ ถ้าสูงกว่านี้ใช้ตอนไม่สบายค่ะ เจ็บคอปุ๊บทานเลยส่วนใหญ่หายนะคะ ไม่เคยต้องลุกลามไปไกลถึงมือหมอ ใช้จัดการเชื้อแบคทีเรียนั่นเองค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 25
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 26
ให้กำลังใจค่ะ
กำลังจะไปเที่ยวซิดนีย์เดือนหน้า คนเดียว
เริ่มกลัวประเทศนี้ซะแล้วค่ะ T^T


ตอบกลับความเห็นที่ 26
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 27
ของ จขกท นั้นแบบธรรมดามากค่ะ

เราก็เดินทางเหมือน จขกท ค่ะ ไปเที่ยวออสเตรเลีย 2 อาทิตย์ แล้วบินจากออสเตรเลียไป
นิวซีแลนด์ แล้วบินกลับมา ออสเตรเลียเพื่อทรานซิสเครื่องกลับเมืองไทย

เรารู้เรื่องของเหลว ก็เลย declare จนท.บอกน้ำผึ้งเป็นสิ่งต้องห้ามของประเทศเค้า

เราบอกเนี่ยะ เรากำลังจะออกจากประเทศคุณภายใน 2 ชั่วโมง โชว์ตั๋วเครื่องบิน

เค้าส่ง จนท มาประกบเราตั้งแต่เรายืนเข้าคิวรอช็คอิน ประกบเราจนเราเข้าห้องเตรียมขึ้นเครื่อง

ต่างชาติก็พากัน งง ยายคนนี้เป็นผู้ก่อการร้ายหรืองัยกัน ..หน้าตาเด่อ ๆๆ อย่างงี้นะน่ะ

แต่เราก็เฉย ๆ เราบอกว่า เค้าจะยึิดไปก้ได้นะ เราไม่ซีเรียส แต่เค้าก็ให้เราเอาน้ำผึ้งมานูก้ากลับมาครบเท่าที่เราซื้อนะ ( เราโหลดใส่มาในเป้ค่ะ ไม่ได้หิ้ว)

เราละ แอบเพลีย ฝรั่่ง ( หมากสีดา) เค้าชอบทำอะไรแปลก

ตลกทุกทีเวลานึกถึงตอนโดนประกบตัว ( ประมาณ 45 นาที ) แต่ตอนนั้น
คิดในใจ สงสัยจะได้ไปฝึกภาษาอังกฤษ ในคุกเมืองจิงโจ้ซะแล้ว ขำขำค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 27
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 28
#26 จริงๆ แล้ว ตม.ไม่น่ากลัวค่ะ ไปเที่ยวได้ตามสบาย ผู้คนเป็นมิตรดีด้วย ไมเหมือนทางยุโรป แค่เราศึกษาให้เข้าใจว่าอะไรที่เขาให้เอาเข้าประเทศได้ อะไรเขาไม่ให้เอาเข้าประเทศ หรืออย่างของที่เขาห้ามแต่เราก็สามารถdeclareได้ อย่างพวกน้ำพริกต่างๆ แต่ต้องแพคให้เรียบร้อย และไม่เยอะจนน่าเกลียดสามารถนำติดตัวเข้าไปได้ค่ะ ย้ำว่าต้องdeclareนะคะ ไม่งั้นถ้าโดนตรวจเจอแล้วเสียดายค่าปรับค่ะ


ปอลิง. เนื่องจากเราเป็นโรคหืดหอบเราทานน้ำผึ้ง 12+ เป็นประจำค่ะวันละครั้งก่อนนอน


ตอบกลับความเห็นที่ 28
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 29
ถ้าเข้าใจไม่ผิดต่อเครื่องห้ามซื้่อของเหลวหนิ ถึงแม้จะซื้อที่ duty free


ตอบกลับความเห็นที่ 29
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 30
กรณีนี้น่าจะเป็นเรื่องปริมาณของเหลวที่อนุญาตให้นำขึ้นเครื่องบินค่ะ ตามข้างบนเลย

ตม.ออสเตรเลียเค้าเข้ม แต่ถ้าไม่แน่ใจให้ดีแคล์ของ เคยไปลงเครื่องที่ซิดนี่ย์
สำแดงสัปปะรดกวนสองกิโลให้เจ้าหน้าที่ตรวจ ก็ให้ผ่านนะคะ

เค้ามีข้อจำกัดสำหรับผลไม้ ไม้และเนื้อสัตว์บางประเภท บางชนิดค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 30
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 31
ขอบคุณที่มาแชร์ค่ะ คราวหน้าถ้าได้ไปออสเตรเลียจะได้ระมัดระวังเรื่องนี้ค่ะ ^^


ตอบกลับความเห็นที่ 31
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 32
ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นค่ะ

คิดว่าไม่น่าใช่เรื่องลิมิตปริมาณของเหลวนะคะ เพราะน้องชายก็ซื้อไวน์ 3 ขวดจากดิวตี้ฟรีนิวซีแลนด์เข้าเครื่องสแกนก็ผ่านปกติ
ในกรณีของน้ำผึ้ง เจ้าหน้่าที่ก็ไม่ได้พูดเรื่องปริมาณอะไรเลย เห็นเค้าเอาเข้าเครื่องสแกนหลายครั้ง แต่ก็ผ่านแค่ขวดเดียว

สำหรับการเปลี่ยนเครื่อง ไม่มีใบอะไรให้กรอกเพื่อสำแดงของเลยนะคะ คิดว่าให้สำแดงเฉพาะตอนเข้าประเทศตามปกติเท่านั้น

สำหรับเรา ยอมให้เจ้าหน้าที่ตามประกบซะยังดีกว่าโดนยึด อย่างมากก็แค่โดนมองแต่ไม่เสียเงินฟรี ดีกว่าเสียทั้งความรู้สึกและเสียเงิน

เพิ่งรู้ว่าที่ประเทศอื่นก็สามารถยึดของที่ซื้อจากดิวตี้ฟรีที่อื่นได้ คราวหน้าไม่กล้าซื้ออะไรอีกแล้ว

ขอบคุณคุณ July 19 ด้วยนะคะ ที่ช่วยหาสรรพคุณน้ำผึ้งมานูก้ามาให้ มันดีอย่างนี้เอง น่าซื้อมาจริงๆด้วย แต่ดีนะที่เราไม่ได้ซื้อในส่วนของเราเพราะรู้สึกแพงจัง เลยซื้อเฉพาะที่น้องสาวจะเอาเท่านั้น

น้ำผึ้งที่เราซื้อ ขวดนึงหนัก 250 กรัมค่ะ

ปล. อย่ากลัวประเทศนั้นๆเพราะเจ้าหน้าที่ตม. เลยค่ะ เข้าใจว่าเค้าก็ทำตามหน้่าที่ของเค้า คนนิวซีแลนด์น่ารักและเฟรนลี่มาก มาถามเราด้วยว่าต้องการให้ช่วยอะไรมั๊ยเพราะดูเหมือนเราจะหลงทางด้วย วิวทิวทัศน์ก็สวยมากๆค่ะ ยังอยากไปอีกเลย

ตอบกลับความเห็นที่ 32
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 33
ผมซื้อว๊อดก้าที่สุวรรรภูมิ เขาถามว่าจะไปไหน? ผมบอกว่าจะไป มัลดีฟส์ เขาบอกว่าเอาอัลกอฮอล์เข้าประเทสไม่ได้ ผมบอกว่า เอามาเหอะน่ะ เขาก็ขายให้ ผมรู้กฎหมายดี แต่พอไปถึงลาวจ์ผมกับเพื่อนก็ถ่ายเทว็อดก้าลงในขวดน้ำ พอไปถึงสนามบินมาเล่ ก้ผ่านฉลุย อิอิอิ


ตอบกลับความเห็นที่ 33
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 34
Transit เปลี่ยนเครื่องที่ออสเตรเลีย กติกาเยอะ ของดิวตี้ฟรีที่ซื้อมาจากที่อื่นหรือแม้แต่ น้ำดื่มที่แจกบนเครื่องก็ไม่ยอมครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 34