.....จากเมืองหนาวกลับไทย แต่งกายขึ้นเครื่องกันยังไง....

ว่างจากงานเหงาๆเพราะช่วงนี้อากาศเย็นลงทุกวัน
เปิดเนตหาดูเรื่องการแต่งกายขึ้นเครื่องบิน ส่วนใหญ่จะได้ข้อมูลเกี่ยวกับการแต่งกายไปต่างประเทศ
อยากทราบว่าเพื่อนๆที่อยู่เมืองหนาวเวลากลับไทยแต่งตัวกันอย่างไร

จขกท จะใส่ชุดที่สบายที่สุดเพราะนั่งนานและเตรียมเสื้อไปเปลี่ยนเมื่อถึงปลายทาง แต่บางครั้งต้องหอบเสื้อโค้ทตัวหนาๆเพราะเอายัดใส่กระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่องไม่ได้
ใจจริงก็ไม่อยากหอบเสื้อโค้ทไปๆมาแต่เวลากลับต้องใช้เพราะ จขกท มีปัญหาเรื่องการปรับอุณหภูมิในร่างกายซึ่งเป็นมานานแล้ว บางครั้งจะหนาวมากกว่าคนอื่นเลยต้องพกเสื้อกันหนาวตลอดเวลา (อยู่ UK ค่ะ)
เลยอยากรู้ว่าเพื่อนๆมีเทคนิคกันยังงัยบ้างคะ

ความคิดเห็นที่ 1
ก็พกไปเถอะค่ะ
ถึงเมืองไทยก็ถอด
ตอนเรากลับจากอังกฤษถาวรจากตอนเรียนจบเราใส่ทุกอย่างที่เอาลงกระเป๋าเดินทางไม่ได้น้ำหนักเกิน เหมือนคนบ้า
ถึงเวลาถ้าร้อนก็ถอด หนาวก็ใส่ไว้
ถึงเมืองไทยก็ไม่แย่มากเพราะว่าสนามบินมีแอร์ เดินออกมาก็ขึ้นรถ ระหว่างนั้นก็ถอดออกเลยพอลงเครื่องค่ะ

แต่ส่วนมากถ้าเราไปเที่ยวขาไปขากลับเราจะใส่ tight บาง กางเกงขาสั้นไม่ก็เดรส แล้วก็ fleece หนึ่งตัวค่ะ บวกกับผ้าห่มบนเครื่องบินเอาอยู่ แล้วพอกลับเมืองไทยก็ไม่ร้อนเกินไปค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
กระเป่ามาแพ็คที่สนามบินครับ
ตอนผมกลับก็แต่งตัวสบายๆ
กางเกงวอร์มเสื้อยืดแจ็คเก็ตบางๆ
ใส่แจ็คเก็ตหนาๆตอนออกจากบ้าน
มาถึงสนามบินก็เอาตัวหนายัดเข้ากระเป๋าเดินทาง
ที่สนามบินอุณหภูมิเข้าก็ปรับไม่ให้หนาวมากอยู่แล้วครับ


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
สามีไปส่งที่สนามบินค่ะ ก็ใส่เครื่องกันหนาวเต็มยศเพราะว่าหิมะตกน่ะค่ะ

พอถึงข้างในสนามบินก็ถอดเสื้อโค้ทออก ให้สามีเอากลับไปบ้าน เหลือแต่แจ๊คเก็ตตัวหนากับเสื้อยืด ส่วนกางเกงก็เป็นกางเกงสำหรับใส่ไปโยคะค่ะ สะดวกสบายเพราะว่าเอวเป็นยางยืด ไม่ต้องถอดเข็มขัดออกตอนที่ผ่านเครื่องตรวจน่ะค่ะ

รองเท้าผ้าใบธรรดาค่ะ ถุงเท้าอุ่นๆใส่ไป 1 คู่ เอาสำรองไว้ในกระเป๋าถืออีก 1 คู่ สำหรับเปลี่ยนระหว่างทางจะได้ไม่เหม็นอับ เพราะว่าระยะเวลาเดินทางรวมแล้วเกือบ 23 ชั่วโมง

พอถึงวันกลับก็ให้สามีมารับ เอาเสื้อโค้ทมาให้ด้วย ไม่ต้องแบกไปแบกกลับค่ะ 555


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
กลับไทยปีที่แล้วช่วงหิมะตกหนักมาก ๆ ใส่ออกจากบ้านเต็มยศเพื่อไปสนามบินที่บอสตันพอถึงสนามบินก่อนเช็คอินขึ้นเครื่องเก็บโค๊ทลงในกระเป๋าโหลดใต้เครื่อง ก็จะคงเหลือ กางเกงยีน เสื้อยืดแขนสั้น สเวตเตอร์ ผ้าพันคอ รองเท้าบู๊ท และมีอีกชุดในกระเป๋าขึ้นเครื่อง และรองเท้าส้นสูงที่จะเปลี่ยนเมื่อถึงไทย (ดิฉันเป็นคนไม่ขี้หนาวเท่าไร แต่หิมะมาก็ใส่เยอะพอสมควรค่ะ)


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
คิดว่าสบายๆบนเครื่องค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
กลับบ้านหน้าหนาว ดิฉันใส่เสื้อหนาหน่อย แจ๊กเก็ตอีกตัวไปสนามบิน
ยังไงภายในสนามบิน รถยนต์หรือรถไฟตอนเดินทางมันอุ่นอยู่แล้ว
เราไม่ได้ออกไปเดินนานๆ นอกอาคารกลางแจ้ง ไม่หอบเสื้อกันหนาว
เพราะมันรุงรังเวลาขึ้นเครื่องค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
ขอบคุณทุก คห และ คห 4 คุณสาวไทยด้วยนะค่ะ

ปีนี้ได้วันหยุดยาวจะหนีหนาวกลับไทย แต่ขากลับก็ยังคงหนาวอยู่ดี...เฮ้อ!!


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
## ความเห็นนี้ถูกลบ ##
ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
เราอยู่เมืองไทย และอยู่ประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็นเมืองร้อน เวลาเดินทางไปในที่ๆ มีอากาศแตกต่าง
ก็ต้องเตรียมตัวทั้งขาไปและขากลับบ้านที่เมืองไทย ไม่ใช่คนไทยที่อยู่เมืองนอกเท่านั้นที่ต้องเตรียมตัวเวลากลับเมืองไทยค่ะ

การเดินทางไป-มาระหว่างสถานที่ๆ มีอากาศแตกต่างกันหลายสิบองศาเซลเซียส หลีกเลี่ยงไม่ได้นะคะ ที่จะต้องพกเครื่อง
กันหนาวต่างๆ และ ต้องถอดออกเมื่อถึงที่ๆ มีอากาศร้อน ต้องแต่งตัวแบบมีเลเย่อร์ค่ะ และ ต้องเข้าไปถอดออกบ้าง
ในห้องน้ำบนเครื่องบินก่อนเครื่องลง เช่นเอาแล็กกิ้งหรือเทอร์มั่ลที่สวมไว้ใต้กางเกงออกไป หรือถอดจั๊มพ์เพ่อร์ออกไป
เหลือแต่เสื้อยืดแขนสั้น หรือเอารองเท้าไปเปลี่ยน จากรองเท้าเมืองหนาว เป็นรองเท้าสาน รองเท้าสำหรับหน้าร้อนค่ะ
กางเกงอาจจะเปลี่ยนก็ได้

หรือ ไปเปลี่ยนในห้องน้ำที่สนามบินเมื่อถึงที่หมายแล้ว

เรื่องเสื้อโคัทหน่ะค่ะ อย่ายัดใส่กระเป๋าแฮนด์ลักเก็จนะคะ เพราะถ้าใส่เมื่อไหร่ จะนับเป็นน้ำหนักกระเป๋าทันที แต่ถ้าถือไว้
ไม่นับรวมเป็นน้ำหนักสัมภาระในการถือขึ้นเครื่องค่ะ ให้เตรียมถุงผ้าใบโตๆ หรือถุงพลาสติกใบโตๆ เช่นถุงของร้าน
Next ร้าน M&S เอาไว้ใส่เสื้อลงไปก่อนเก็บขึ้นที่เก็บของเหนือศีรษะบนเครื่องบินด้วยค่ะ

มีคนมากมายเดินทางข้ามทวีปกันโดยที่ต้องเจอสภาพอากาศแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว เขาก็หอบเสื้อโค้ท หรือ เตรียมเครื่อง
กันหนาวกันทั้งนั้นค่ะ หรือใส่ๆ ถอดๆ เช่นเมื่อพอจะถึงยุโรปเขาก็เข้าไปห้องน้ำไปใส่แล็กกิ้งหรือเทอร์มั่ล
หรือเมื่อจะออกไปข้างนอกก็งัดผ้าพันคอออกมา งัดหมวกออกมา นำถุงมือ เสื้อโค้ทออกมาใส่
เป็นเรื่องปกติของการเดินทางนะคะ

เราเคยเดินทางจากเมืองไทยในต้นหน้าร้อน ไปยุโรปตอนหน้าสปริงฤดูใบไม้ผลิอากาศเริ่มอบอุ่นไม่หนาวเย็นมาก
และจากยุโรปต่อไปอเมริกาใต้ ซึ่งเป็นอีกสภาพอากาศหนึ่งซึ่งตรงกันข้ามกับยุโรปเพราะกำลังจะย่างเข้าสู่หน้าหนาว
ก็ต้องเตรียมเสื้อผ้า เตรียมรองเท้า และเครื่องนุ่งห่มอื่นๆ ที่เหมาะกับทั้งสามสภาพอากาศค่ะ และต้องคิด
ต้องแพลนล่วงหน้าว่าจะต้องเตรียมอะไรขึ้นเครื่องด้วยบ้าง เพื่อเอาไปสับเปลี่ยน หรือดัดแปลง สวมใส่ตอนเครื่องลง
ให้เหมาะสมกับสภาพอากาศท้องถิ่นค่ะ

หรือบางครั้งเดินทางจากเมืองไทยไปยุโรปในต้นหน้าฤดูใบไม้ผลิซึ่งยังหนาวอยู่ แล้วก่อนกลับเมืองไทยต้อวไปประเทศอื่น
ซึ่งมีอากาศร้อนชื้นกว่าเมืองไทย ฝนตกหนักกว่าเมืองไทย ก็ต้องเตรียมเสื้อผ้าให้เหมาะสม


ตอบกลับความเห็นที่ 9
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 10
ส่วนเรื่องการขึ้นเครื่อง ต้องสวมใส่เสื้อผ้าที่สวมใส่สบายอยู่แล้วค่ะ คนที่เขาเดินทางทางเครื่องบินกันบ่อยๆ ส่วนใหญ่
ไม่มีใครจัดเต็มหรอกค่ะ หรือ เขาเอาเสื้อผ้าขึ้นไปเปลี่ยนด้วย เปลี่ยนเป็นชุดแบบชุดออกกำลังกายสบายๆ ค่ะ

ไฟล์ทจากอังกฤษ กลับเมืองไทย ไม่นานเท่าไหร่นะคะ แค่สิบชั่วโมงกว่าๆ ซึ่งถ้าหักเวลาเสิร์ฟอาหาร เวลาก่อนเครื่อง
ไต่ระดับไปแล้ว หักเวลาก่อนเครื่องลงแล้ว เหลือเวลาบินจริงๆ ไม่ถึง 10 ชั่วโมงค่ะ นั่งๆ นอนๆ แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว

ให้เตรียมรองเท้าแบบสลิปเปอร์ที่ใส่ในบ้านไปเปลี่ยนด้วยค่ะ อย่าสวมรองเท้าระหว่างไฟล์ท และถ้าไม่หลับ ให้ลุกจากที่นั่ง
ทุกๆ 2-3 ชั่วโมง เดินไปห้องน้ำ เดินไปหาน้ำดื่ม หรือไปยืนยืดเส้นยืดสายท้ายเครื่อง หรือตรงกลางเครื่องที่มีที่ให้ยืนค่ะ
อย่านั่งนานๆ ขนมเตรียมไปกินเอง กระดาษทิชชูทั้งแบบแห้วแบบเปียกอย่าลืมเตรียม

ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ครีมทามือ ลิปมัน ครีมทาตา จิบน้ำบ่อยๆ สิ่งเหล่านี้จำเป็นมากค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 10
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 11
เราจะใส่แค่เสื้อแขนยาวกับกางเกงวอรม์ถุงเท้าและรองเท้าแตะค่ะ เพราะเรานั่งนานมาก เราเลยขออะไรสบายๆๆและเราขี้หนาวบนเครื่องน่ะค่ะ เพราะตอนออกจากบ้านก็ขี้นเปิดที่ทำความร้อนบนรถให้แรงเอาน่ะค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 11